ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทางโลกทางธรรม  (อ่าน 5966 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ทางโลกทางธรรม
« เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2014, 10:15:23 pm »
0


ทางโลกทางธรรม

    น่าเสียดายชีวิต ที่อุตส่าห์เกิดมาอาศัยอยู่ในร่างกายคน แต่ไม่ประพฤติปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมนั้นก็ไม่เห็นจะต้องไปปฏิบัติที่วัดวาอารามก็ปฏิบัติธรรมได้ ทาน ศีล ภาวนา ต้องไปทำที่วัดตรงไหน อยู่ที่บ้านเราก็ทำได้
    ทาน คือ การให้ อยู่ที่ไหนก็ให้ได้ ศีล คือ การประพฤติตน ยากตรงไหนอยู่ที่ตัวของเรา ภาวนา ก็คือ สมาธิวิปัสสนา ก็อยู่ที่ตัวของเราจะทำกันเมื่อไหร่
    ทาน ศีล ภาวนา ล้วนแต่เป็นบุญ เกิดขึ้นมากับตนเองทั้งสิ้น ไม่ชอบบุญแล้วไปชอบอะไรกันที่ไหน?

     :25: :25: :25: :25: :25:

    การประพฤติธรรม คือ การสร้างบุญให้กับตนเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ คนมีบุญน้อยกับคนมีบุญมากก็แตกต่างกัน
    การเกิดขึ้นมาบุญน้อย บุญมาก เห็นชัดระหว่างบุคคล บางคนบ้านใหญ่โต เป็นตึกใหญ่มโหฬาร บางคนเกิดในกระต๊อบข้างถนน บางคนอาการครบ 32 แต่บางคนพิการออกมาจากท้องพ่อท้องแม่ นี่มิใช่บุญที่แตกต่างกันหรือ
    บุญเหล่านั้น เราได้สร้างไว้แต่ชาติปางก่อน ทำให้เราได้มองเห็นในชาตินี้ว่าแต่ละชาติสร้างบุญกันมาได้ทั้งนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมชาตินี้จึงไม่สร้างบุญขึ้นมาใหม่ให้มากขึ้นอีก เพราะบุญเรามีวิธีสร้างกันได้และสะสมให้มากขึ้นมาก็ได้
    คนมีบุญและไม่มีบุญจะเห็นความแตกต่างกันที่การสำรวมกาย สำรวมวาจา และสำรวมใจ


     :96: :96: :96: :96: :96:

    เรื่องปัญญานั้นสำคัญ จะเห็นบุญและไม่เห็นบุญ เรามักเข้าใจกันผิดๆ ว่าคนมีปัญญาคือคนมีเงินมากเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี หรือคนที่เรียนได้ปริญญาสูงๆ คือตั วปัญญา
    ถ้าเราหันไปดูพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อย่างท่านหลวงปู่แหวน ท่านอาจารย์มั่น ภูริภัทโท ท่านเป็นพระเศรษฐีตรงไหน? ท่านเรียนจบปริญญาอะไร ทำไมเศรษฐีคนมีปริญญาโท ปริญญาเอก จึงไปกราบไหว้ท่านแม้แต่หลวงพ่อคูณ!
    ชีวิตพระปฏิบัติชอบ ท่านมีปัญญาล้วนๆ ฉลาด เข้าใจชีวิตในการประพฤติธรรม ทำให้สุขต่อชีวิต มักน้อยและอารมณ์ดี ไม่ทุกข์กับใคร คือ มีความสงบสุขอยู่กับทางธรรมอันบริสุทธิ์เท่านั้น
    หลวงพ่อคูณ มีธรรมะอะไรให้เราเคารพนับถือ เคาะศีรษะอย่างเดียว คนก็ยังอุตส่าห์ไปให้เคาะ ทำไม? มองเห็นสัจธรรมของท่านหลวงพ่อคูณกันไหม?



    หลวงพ่อคูณไม่โลภ หลวงพ่อคูณมีแต่ให้ ให้มาแล้วกับประโยชน์ส่วนรวม 4 พันกว่าล้าน! แสดงว่าหลวงพ่อท่านไม่มีตัวโลภ มีแต่ตัวให้เท่านั้น นี่แหละธรรมของท่าน ถามว่าท่านหลวงพ่อคูณ ท่านมีความสุขไหม มี! ท่านจึงปฏิบัติตลอดมา
    ธรรมะ คือ การปล่อยวาง ไม่ยึดติด ไม่มีโลภ เมื่อเป็นเช่นนี้ ความโลภ โกรธ หลงก็ไม่มี เหลือแต่ความสงบล้วนๆ ในจิตท่าน
    ผู้ไม่ประพฤติธรรมก็คือ ผู้ที่ห่างบุญ เมื่อห่างบุญจะมีบุญได้อย่างไร และจะอยู่อย่างสุขอย่างไรกัน ความสุขอยู่ที่จิตที่บริสุทธิ์ จิตสะอาดไม่มีกิเลสเจือปน

    st12 st12 st12 st12 st12

    ทำไม เราจึงต้องเคารพกราบไหว้พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือ คนแขกประเทศอินเดีย พระองค์ท่านละปล่อยวางทุกอย่าง ทิ้งวังไป และปฏิบัติตนอยู่แต่ในป่า อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง จึงตรัสรู้ธรรมอันสูงสุด
    เมื่อตรัสรู้แล้วก็นำเอามาสอนคนให้พ้นทุกข์ ไม่ใช่ทุกข์ธรรมดาที่เราทุกข์กันทุกวันนี้ แต่ทุกข์คือให้พ้นนรก และนรกก็มีตั้ง 457 ขุม ต้องการไม่ให้เป็นเปรต ยักษ์ สัตว์เดียรัจฉาน ฯลฯ
    คนจำนวนไม่น้อยยังคิดว่านรก สวรรค์ เทวา ยักษ์ มีจริงหรือ เขาจึงไม่ค่อยกลัวกัน ไปคิดว่าไปเห็นมากันหรือ สวรรค์ นรก?     บางคนไม่เชื่อ แม้แต่พระพุทธเจ้ามีตัวตนหรือ? บาปกรรมแท้ๆ ผู้ที่คิด
    ปัญญารู้ธรรมและเห็นธรรมนั้นสำคัญมาก เพราะเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นจากจิตบริสุทธิ์ ย่อมรู้อะไรลึกซึ้งและเป็นสัจธรรม คนเห็นเปรต เห็นวิญญาณ เห็นนรก สวรรค์ ต้องเป็นปัญญาขั้นธรรมเท่านั้น
    หลวงปู่ หลวงพ่อที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านเห็นท่านรู้ด้วยปัญญาธรรมทั้งสิ้น โดยการปฏิบัติภาวนามาโดยตลอด คือ สมาธิ และวิปัสสนา ผู้ที่ไม่เคยได้สมาธิย่อมจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรในรูปของมุมธรรม


     st11 st11 st11 st11 st11

    เนื่องจากธรรมนั้นละเอียดอ่อนมาก สมาธิคือ จิตว่าง สงบ บริสุทธิ์ จริงๆ จึงเกิดสมาธิได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ปัญญาย่อมเห็นและรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นมาก่อนได้
    อย่างไรก็ตาม สมาธิจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะบุญ ประพฤติดีและความเพียรเท่านั้น จึงจะสำเร็จขึ้นมาได้
    ขอให้สำเร็จ! ก็จะเห็นธรรม เพราะจิตสงบ จิตละเอียดขึ้นมา คนที่เห็นธรรมจึงไม่หยุดปฏิบัติธรรมเพราะเห็น! ในสิ่งที่คนธรรมดาทั่วๆ ไปไม่เคยมีสมาธิจะได้เห็น
    ตาทิพย์ หูทิพย์ วิญญาณ เปรต ผี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ปรากฏได้กับผู้มีสมาธิ! เมื่อได้เห็นแล้ว ตนผู้ปฏิบัติจะหยุดอยู่อย่างไรก็อยากจะรู้ลึกเข้าไปอีก คือ บุญ!



    บุญ คือ ความสุข ไม่ต้องมีเงินก็สุขได้ เช่น พระภิกษุผู้ปฏิบัติ เป็นต้น
    การปฏิบัติสมาธิ เป็นการปฏิบัติตนเพียงขั้นต้น หรือขั้นพื้นฐาน ต้องวิปัสสนาจึงจะถึงขั้นปัญญาสูงขึ้น ท่านผู้ใดถ้าได้ภาวนาจริงๆ แล้ว จะไม่หยุดปฏิบัติเพราะรู้เห็นในสิ่งที่ตนไม่เคยรู้เห็นมาก่อน
    ปัญญาทางโลก ไม่เหมือนปัญญาทางธรรม ทางธรรมนั้นบริสุทธิ์สะอาดไร้กิเลส ส่วนปัญญาทางโลกยังปะปนด้วยกิเลส ผลประโยชน์ ไม่สะอาดเหมือนปัญญาทางธรรม และบวกด้วยกิเลสตัวสนุกเพลิดเพลินยั่วยุเข้าไปด้วย คนที่มีปัญญาสามัญธรรมดาหลงเข้าไปได้ง่าย เพราะปัญญาไม่ถึงขั้นธรรม ไม่ละเอียดพอ
    งานทางธรรมเป็นงานสุขุมลุ่มลึก ผู้มีปัญญาทางธรรมเท่านั้นจึงเห็นธรรม เห็นความสงบ เห็นกายละเอียดได้
    ธรรม คือ ความสงบ ถ้าเราสงบได้ปัญญาก็เกิดขึ้นมาได้ ปัญญาทางธรรมเกิดจากจิตสงบ จิตว่าง จิตไม่พลุกพล่าน


    ans1 ans1 ans1 ans1

    ทางโลก เข้าใจว่า "สุตมยปัญญา" จิตคิดดีจะฉลาดเป็นปัญญา แต่ทางธรรม "ภาวนามยปัญญา" จิตหยุดคิดต่างหากถึงเกิดตัวปัญญาขึ้นมา และเป็นปัญญาขั้นสูงด้วย เพราะความว่าง ความสะอาดของจิตเท่านั้น ปัญญาจึงเกิด แสดงว่าปัญญานั้นต้องเกิดจากความบริสุทธิ์ เพราะตัวปัญญาเป็นของสูง ไม่ใช่ใครจะมีปัญญาขั้นบริสุทธิ์กันได้ง่ายๆ

    ชีวิตทางโลก เรามีบุคคลคิดงานได้รับรางวัลระดับโลก เรายอมรับกันแต่ไม่นึกหรอกว่างานนั้นสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร เช่น ปรมาณู ถามว่าประโยชน์เยอะแล้วโทษมีไหม งานที่ประกอบขึ้นมาจากกิเลสย่อมเกิดทุกข์ได้
    งานธรรม เป็นงานเกิดขึ้นมาจากความว่าง ไม่มีกิเลส ฉะนั้นจึงมีแต่สุข ไม่มีทุกข์เจอปน! จิตจากธรรมจึงสะอาด และสูงกว่าทุกปัญญา


     :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

    ผลงานทางโลก เกิดจากการฟังและคิด เป็นปัญญาขั้นต้น ปัญญาขั้นสามัญธรรมดาเท่านั้น มีผลประโยชน์ มีกิเลส แต่เรากลับไปยกย่องกัน
    ผลงานทางธรรม เกิดจากการภาวนา คือ จิตว่าง จิตสะอาด ผลที่ได้จึงแตกต่างกัน
    คนอยู่ทางโลก ทุกข์ สุข แตกต่างกันกับทางธรรม เพราะทางธรรมอยู่แบบสงบไม่มีกิเลส
    คนปฏิบัติธรรม จึงถือว่าเป็นคนมีปัญญา เพราะปัญญาสามารถแยกแยะดีชั่วได้ ไหนทุกข์ ไหนพ้นทุกข์ ถ้าปฏิบัติแล้ว

    ชีวิตของคนที่อยู่แบบทางโลก กับชีวิตของคนที่อยู่แบบทางธรรม ความสำรวมทางกาย วาจา ใจ ก็เห็นแตกต่างกัน ทางธรรมจิตสงบใครเห็นคนยกย่อง การเคารพยกย่องตัวเองก็สุขสงบ คือ อยู่อย่างธรรมดา อยู่อย่างธรรม ได้บุญเพิ่มขึ้นตลอด อยู่แบบทางโลก หาความสงบให้กับตนเองไม่ได้ บุญก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วย
    มีธรรม มีบุญตลอด แค่นั่งสมาธิก็ได้บุญมหาศาล ยิ่งกว่าการให้ทานและการปฏิบัติศีลอีก.


                ประวิทย์ จำปาทอง



ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/261014/98075
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

paisalee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 382
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทางโลกทางธรรม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2014, 10:24:01 pm »
0
 st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า
บุญที่้ข้าพเจ้าได้ทำวันนี้ ขออุทิศให้แก่ บิดาและน้องชายที่ล่วงลับ มารดาที่ยังมีชีวิตอยู่