บุคคล ได้ชื่อว่า “อมตะ ผู้ไม่ตาย” ใน ๒ ลักษณะ บุคคลเกิดแล้วในภูมิใด จักไม่ตายในภูมินั้น ผู้นั้นเป็น “อมตะ” บุคคล ได้ชื่อว่า “อมตะ ผู้ไม่ตาย” ใน ๒ ลักษณะ คือ
๑) ขณะเกิด เป็นติเหตุกปุถุชน คือเกิดเป็นมนุษย์ หรือเทวดา หรือเป็นรูปพรหม แล้วต่อมาเจริญวิปัสสนาได้เป็นพระอริยบุคคล ตั้งแต่พระโสดาบัน, สกทาคามี, อนาคามี หรือ พระอรหันต์ หลังจากนั้น สิ้นชีวิตลง หรือปรินิพพาน (สำหรับผู้เป็นพระอรหันต์) “ติเหตุกปุถุชน” เหล่านี้ ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ตาย (อมตะ) เพราะตอนตาย ได้กลายเป็นอริยบุคคลไปแล้ว ไม่ใช่เป็นปุถุชนเหมือนตอนที่เกิดมา
๒) พระเสกขบุคคล ๓ มาเกิดในภพภูมิต่าง ๆ คือ ปัญจโวการภูมิ, จตุโวการภูมิ ตามสมควร แล้ว ได้เป็นพระอริยบุคคลที่สูงกว่าตอนที่ตนเกิด “พระเสกขบุคคล ๓” เหล่านี้ ก็ชื่อว่า เป็นอมตะ คือไม่ตายในภพที่ตนเกิด เพราะตอนตาย หรือปรินิพพาน ไม่ใช่เป็นบุคคลเดียวกับตอนที่ตนเกิดแล้ว
@@@@@@@
ส่วนบุคคลนอกนี้ คือ ปุถุชน ๔ ผู้เกิดมาก็เป็นปุถุชน และตอนตายก็ตายยังเป็นปุถุชนอยู่ ปุถุชน ๔ เหล่านี้ ชื่อว่า “ต้องตาย” ในภพภูมิที่ตนเกิดอยู่ (ปุถุชน ๔ ได้แก่ ทุคคติอเหตุกบุคคล สุคติอเหตุกบุคคล ทวิเหตุกบุคคล และ ติเหตุกบุคคล)
อีกพวกหนึ่ง คือ ผลเสกขบุคคล ๓ ที่ขณะเกิดมาเป็นเสกขบุคคลขั้นใด ตอนตาย ก็ยังเป็นอริยบุคคลขั้นนั้นอยู่ เช่น ตอนเกิดเป็นพระโสดาบัน ตอนตายท่านก็ยังเป็นโสดาบันอยู่ ยังไม่ได้ขึ้นเป็นพระสกทาคามีหรืออนาคามี หรืออรหันต์ อย่างนี้ ก็เรียกว่า “ต้องตาย” ในภพที่ตนเกิดอยู่เช่นเดียวกัน
เสกขบุคคลทั้ง ๓ นี้ ต้องยกเว้นพระอนาคามีที่เกิดในชั้นอกนิฏฐาภูมิ ในชั้นสุทธาวาส เพราะในชั้นนี้ ตอนไปเกิดท่านเป็นพระอนาคามีไปเกิด แต่ตอนตายท่านต้องเป็นพระอรหันต์แน่นอน เพราะฉะนั้น ในชั้นนี้ พระอนาคามีที่ไปเกิด จึงชื่อว่าไม่ตาย (อมตะ) ในภพที่ตนเกิด เพราะตอนตายกลายเป็นพระอรหันต์ไปแล้วนั่นเอง
@@@@@@@
อีกประการหนึ่ง ว่าโดยปรมัตถ์ “บุคคลทั้งปวง” ชื่อว่า ไม่เกิด-ไม่ตาย เพราะคำว่า “บุคคล” เป็นบัญญัติ สิ่งที่เป็นบัญญัติ ไม่มีการเกิด-ดับ พ้นจากกาลทั้ง ๓ เพราะฉะนั้น “เกิด – ตาย” เป็นบัญญัติโวหารทางภาษาพูด เพื่อสื่อให้เข้าใจถึงความเป็นไปของบุคคล
โดยที่แท้ มีแต่รูป-นาม ขันธ์ ๕ เท่านั้นที่เกิด-ดับ เพียงแต่บัญญัติโวหารชาวโลกเท่านั้นที่ไปร้องเรียกสมมติบัญญัติสิ่งนั้นๆ ขึ้นมาว่า สัตว์เกิด-บุคคลเกิด แล้วบัญญัติซ้ำไปถึงอาการที่บุคคลไม่สามารถสืบต่อ คือมีชีวิตต่อไปในภพนั้นๆ ว่า “ตาย”
ดังนั้นจึงมีคำที่ท่านกล่าวไว้ว่า
“สังขารร่างกาย คือ รูปนาม ขันธ์ ๕ เท่านั้นที่แตกดับ แต่นามและโคตรหาดับสลายไปไม่ เพราะอะไร.? เพราะนามและโคตรเป็นบัญญัตินั่นเอง”ขอบคุณ :
dhamma.serichon.us/2020/07/14/บุคคล-ได้ชื่อว่า-อมตะ-ผู/ บทความของ VeeZa , ๑๔ กรกฏาคม ๒๕๖๓
14 กรกฎาคม 2020 ,posted by admin.