ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “จิตว่าง” แบบพุทธทาส ดีเลิศ ประเสริฐศรี แค่ไหน.?  (อ่าน 803 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


“จิตว่าง” แบบพุทธทาส ดีเลิศ ประเสริฐศรี แค่ไหน.?

บุคคลทั่วไป พอได้ยินคำว่า “จิตว่าง” คือ ว่างจากกิเลส ก็คิดเข้าใจกันว่า เออ..ท่านพูดดี พูดลึกซึ้ง พูดแปลก ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน

แต่ถ้าคิดตามหลักพุทธศาสนาแล้ว ต้องพิจารณาให้ดี เพราะ
     - ว่าโดยหลักการแล้ว จิตไม่เคยว่างจากอารมณ์ คือต้องรับ-รู้อารมณ์ อยู่เสมอ แม้ในขณะนอนหลับสนิท (ไม่ฝัน) จิตก็ยังรับอารมณ์อยู่
     - เมื่อโดนโต้แย้งอย่างนี้ ท่านก็เลี่ยงไปพูดว่า ที่ว่าว่างนั้น หมายถึง “จิตว่างจากกิเลส”
     - ถามว่า “จิตที่ว่างจากกิเลส เป็นจิตที่ดีเลิศ ประเสริฐศรี ดั่งที่ท่านกล่าวไว้หรือไม่.?

@@@@@@@

มาพิจารณากันดู จิตอะไรบ้างที่ได้ชื่อว่า “ว่างจากกิเลส”

๑. ในขณะนอนหลับสนิท จิตก็ว่างจากกิเลส (คือ คนนอนหลับ ไม่โลภ,ไม่โกรธ, ไม่หลง ไม่มีอิสสา ริษยามานะ ทิฏฐิ อะไรเลย ไม่รับรู้อะไรเลยในขณะนั้น) แต่มีใครนิยม ยกย่องบ้างครับว่า คนนอนหลับเป็นคนประเสริฐ คนดี ดีจริงๆไม่เลวเลย ถ้าใครบอกว่าเป็นคนดี ถ้าอย่างนั้นไอ้พวกโจรที่มันไปปล้นแล้ว ตอนกลางคืหรือกลางวันมันก็ไปนอนหลับ ในขณะที่มันนอนหลับ จิตมันว่างจากกิเลสหมดเลย ไม่มีกิเลสอะไรๆ ประกอบในขณะนอนหลับนั้นด้วยจะให้เข้าใจว่าไอ้โจรพวกนั้นเป็นคนดี อย่างนั้นเหรอ.?

๒. จิตอื่นๆ ที่ไม่มีกิเลสประกอบ คือ ว่างจากกิเลส มีอีกเยอะแยะ เช่น
    ๒.๑ อเหตุกวิบากทั้งหมด ๑๘ ดวง (จิตที่เกิดทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย บางเหล่าเกิดทางมโนทวาร) ทั้งหมด ไม่มีกิเลสประกอบ คือว่างจากกิเลสในขณะที่มันเกิดขึ้น
    ๒.๒ โสภณะจิตทั้งหมด มี ๕๙ หรือ ๙๑ ดวง ได้แก่
          - กามาวจรโสภณจิต ๒๔
          - รูปาวจรจิต ๑๕ จิตของพวกรูปพรหม หรือพวกที่ได้รูปฌาน
          - อรูปาวจรจิต ๑๒ จิตของพวกอรูปพรหม หรือพวกที่ได้อรูปฌาน
          - โลกุตตรจิต ๘, หรือ ๔๐ (จิตของพระอริยบุคคล)

จิตที่จัดว่า “ว่างจากกิเลส” คือ ไม่มีกิเลสประกอบเหล่านั้น(ยกโลกุตตรจิตออกไป) จิตที่เป็นโลกียจิตเหล่านั้นทั้งหมด ว่าโดยความประสงค์ของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังถือว่าเป็นจิตที่ไม่ได้ดีวิเศษอะไร (ยกเว้นกิริยาจิตที่เป็นของพระอรหันต์แล้ว) เพราะยังเจือด้วยอนุสัยกิเลส ทำให้เกิด ภพ-ชาติ ต่อไป

อย่างอเหตุกวิปากจิต, หรือมหาวิปากจิต, มหัคคตวิปากจิต ล้วนเป็นจิตที่ว่างจากกิเลส ไม่มีกิเลสประกอบ แต่บางเหล่า เป็นตัวภพชาติ เช่น ปฏิสนธิจิต ๑๙ คือ สันตีรณจิต ๒, มหาวิบาก ๘, มหัคคตวิบาก ๙ จิตเหล่านี้เป็นผลของอกุศล และกามาวจรกุศล, รูปาวจรกุศล, อรูปาวจรกุศล นำให้เกิด (ชาติ) ในภพภูมิใหม่ เมื่อมีการเกิด ก็มีการแก่ เจ็บ ตาย โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส. ฯ


@@@@@@@

ข้อสำคัญต้องอย่าลืมว่า “จิตทีว่างจากกิเลส” ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีกิเลส ยังมีอนุสัยกิเลสอยู่ ตราบใดที่ยังไม่ทำอรหัตตมรรคให้เกิดขึ้น จิตเหล่านั้นทั้งหมด เป็นขันธ์อย่างหนึ่ง คือ วิญญาณขันธ์ เมื่อเป็นขันธ์ ก็ไม่พ้นไปจากทุกข์ (อนิจจัง,ทุกขัง,อนัตตา)

อีกประการหนึ่ง อรูปาวจรจิต, คือจิตของพวกที่ได้อรูปฌานแล้ว ไปเกิดเป็นอรูปพรหม, ในอรูปพรหมชั้นสูงสุดนั้น จิตที่เกิดขึ้นตลอดอายุ ๘๔,๐๐๐ อสงไขยกัป ยาวนานมากๆ เป็นจิตที่ไม่ประกอบกับกิเลสเลย ว่างจากกิเลสตลอดเวลา

ถามว่า พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญหรือ.?
ไม่เลย พระพุทธเจ้าไม่เคยสรรเสริญ มีแต่ตรัสว่า “ฉิบหายใหญ่แล้ว” อย่างที่ทรงรำพึงถึงอาฬารดาบส และอุทกดาบส ที่ตายจากมนุษย์แล้วไปเกิดในอรูปพรหม เพราะท่านทั้งสองนั้น เมื่อสิ้นอายุแล้ว ยังต้องกลับมาเกิดในภพต่ำๆ หรือจับพลัดจับผลู ลงไปเกิดในอบายอีกก็อาจเป็นได้ (นี่จึงบอกว่า “จิตว่าง” ไม่ได้ดีเด่ อะไรเลย)

อีกประการหนึ่ง “ท่านที่ได้รูปปัญจมฌาน แล้วเจริญ"สัญญาวิราคภาวนา" คือ ภาวนาที่ไม่ยินดีพอใจในนามขันธ์ ท่านเหล่านั้นเมื่อฌานยังไม่เสื่อม ตายไปแล้วก็ไปเกิดเป็นอสัญญสัตตพรหม มีแต่รูปขันธ์ไม่มีนามขันธ์เลย จิตก็ไม่มี จัดว่าท่านว่างจากกิเลส เนิ่นนานตราบเท่าอายุของท่าน

ถามว่า การไปเกิดในอสัญญสัตตพรหม พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญหรือ.?
ก็ไม่ ทั้งๆที่ในขณะนั้น ไม่มีกิเลสเกิดกับท่านเหล่านั้นเลย ว่างจากกิเลส แต่ทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงตรัสสรรเสริญ ก็เพราะว่า “ท่านเหล่านั้น ยังไม่ทำอรหัตตมรรคให้เกิดขึ้น ยังมีอนุสัยกิเลสอยู่”

@@@@@@@

ท่านพุทธทาส กล่าวแต่เพียงว่า “จิตว่าง, ทำงานทุกชนิดให้จิตว่าง” ความมุ่งหมายคือ “ว่างจากกิเลส” แต่ท่านไม่ได้กล่าวถึงการทำอรหัตตมรรค-ผล ให้เกิดขึ้นเลย บอกเพียงแค่ทำให้จิตว่างเฉยๆ ไม่มีในหลักการของพระพุทธเจ้า จิตว่างแบบนั้น แต่อนุสัยกิเลสยังมีอยู่ โดยหลักการของพุทธฯ ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลย




ขอบคุณ : dhamma.serichon.us/2019/01/13/จิตว่าง-แบบพุทธทาส-ดีเล/
เขียนโดย VeeZa , ๑๓ มกราคม ๒๕๖๒
13 มกราคม 2019 ,posted by admin.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2021, 07:28:05 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ