ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'วัดมเหยงคณ์' เพชรงามเมืองอโยธยา ที่กลับมามีชีวิตอีก  (อ่าน 492 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



'วัดมเหยงคณ์' เพชรงามเมืองอโยธยา ที่กลับมามีชีวิตอีก

สัปดาห์นี้ไปเที่ยวชมความงามของ “วัดมเหยงคณ์” ซึ่งเป็นเพชรงามแห่งวิปัสสนาของเมืองอโยธยา หลังจากที่ถูกทิ้งร้างไปนาน และวันนี้กลับมามีชีวิตทำหน้าที่ของพระอารามหลวง ฝ่ายวิปัสสนาธุระอีกครั้ง

เราได้ไปเยี่ยมเยือนกราบไหว้ อิ่มเอม กับบรรยากาศแห่งความงาม ของ “วัดกุฎีดาว” ขุมสมบัติล้ำค่าแห่งเมืองอยุธยา กันมาแล้ว

วันนี้เราจะเยือน “วัดมเหยงคณ์” วัดที่กล่าวกันว่า เป็นเพชรงามแห่งวิปัสสนาของเมืองอโยธยา ทั้งยังถูกพูดถึงว่า เป็นวัดคู่แฝดของวัดกุฎีดาว ทว่าจะถือว่าเป็นแฝดคู่เหมือนเห็นทีไม่น่าจะใช่

วัดมเหยงคณ์ หรือ วัดมหิยงคณ์ มีความหมายถึง ภูเขา หรือ เนินดิน



คำว่า มเหยงคน์ นี้ เป็นชื่อของพระธาตุที่มีความสำคัญ อย่างมากแห่งหนึ่งของ ศรีลังกา เรียกว่า มหิยังคณ์เจดีย์ ในสมัยเมื่ออยุธยายังคงรุ่งเรืองอร่ามไปด้วยความงามแห่งพระพุทธศาสนา

วัดมเหยงคณ์ เป็นพระอารามหลวงที่มีความสำคัญยิ่ง ในด้านวิปัสสนาธุระ

ประวัติของผู้สร้างกล่าวถึง พระนางกัลยาณี พระมเหสีของเจ้าสามพระยา เป็นผู้สร้าง หลังจากที่ เจ้าสามพระยา หรือ พระบรมราชาธิราช เจ้าทรงสร้างวัด กุฎีดาว

แต่กระนั้นตามพงศาวดาร ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ กล่าวว่า ปีศักราชที่ 800 มะเมียศก หรือ ปี พ.ศ. 1981 พระบรมราชาธิราชเจ้าทรงสร้าง วัดมเหยงคณ์

วัดแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองสืบมานานหลายร้อยปี กระทั่งมารกร้างและต้องทำการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ และ รุ่งเรืองสืบมาจนถึงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310

วันที่เลือดนองแผ่นดินกรุงศรีอโธยา ทั้งท้องฟ้าสว่างราวกลางวัน จากเปลวเพลิงที่เผาทำลายเมือง วัดมเหยงคณ์ถูกทำลายและทิ้งร้างอีกครั้ง

ที่วัดมเหยงคณ์ มีพระอุโบสถที่ได้ชื่อว่า ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอยุธยา



ตัวพระอุโบสถตั้งอยู่บนฐานสูง 2 ชั้น ความกว้าง 18 เมตร ความยาว 36 เมตร มีประตูทางเข้าด้านตะวันออก3 ช่อง ด้านตะวันตก 2 ช่อง มีพระเจดีย์ฐานช้างล้อม อยู่ด้านหลังพระอุโบสถทางทิศตะวันตก พ้นเขตกำแพงแก้ว

ลักษณะขององค์เจดีย์เป็นรูปแบบของ ลังกาเหนือ เหมือนเจดีย์ช้างล้อมที่สุโขทัย

หลวงพ่อหินทรายศักดิ์สิทธิ พระประธานในอุโบสถ ที่ยังคงปราฎให้เห็นคือ หักล้มลงเป็นท่อน

ลานดินรูปเกือบจะสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่เรียกว่า โคกโพธิ์ ด้านทิศตะวันออก ของเขตพุทธาวาส กว้าง 50 เมตร ยาว 58 เมตร สันนิษฐานว่า เคยเป็นพลับพลาที่ประทับของพระเจ้าหงสาวดี พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้


วันนี้วัดมเหยงคณ์ กลับมามีชีวิตทำหน้าที่ของพระอารามหลวง ฝ่ายวิปัสสนาธุระอีกครั้ง หลังจากทิ้งร้างและไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ปี พ.ศ. 2527 พระครูเกษมธรรมทัต (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี)

เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ ได้จัดตั้งสำนักกรรมฐานขึ้นที่วัดมเหยงคณ์ เพื่ออบรมวิปัสสนาให้กับบุคคลทั่วไป

ผู้ที่จะมาเข้าเรียนวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมเหยงคณ์ ไม่มีค่าใช้จ่ายอย่างใด เพียงแต่ต้องมาลงทะเบียนมีหลักฐานแสดงตัวตน

วัดมหเยงค์มาจากกรุงเทพฯไปง่ายนิดเดียว สอบถามเส้นทาง หรือจะติดต่อเพื่อเข้าเรียนวิปัสสนา ที่เบอร์โทรวัด 080-907-1543 และ เบอร์โทร 082-233-3848



คอลัมน์ : ชำเลืองเมือง โดย “แรมทาง"
ขอบคุณภาพจาก : @ubosotprasat.huntra , วัดมเหยงคณ์ ธัมโมวาท
ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/758034
อังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 11.00 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ