ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หนึ่งเดียวในสยาม.! วัดที่มีพระพุทธเจ้าครบทั้ง ๒๘ พระองค์เป็นพระประธานในโบสถ์.!!  (อ่าน 392 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




หนึ่งเดียวในสยาม.! วัดที่มีพระพุทธเจ้าครบทั้ง ๒๘ พระองค์เป็นพระประธานในโบสถ์.!!

ในเรื่องราวเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้านั้น ได้กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าได้เกิดมาในชาติภพต่างๆรวมแล้วถึง ๒๘ พระองค์ ทั้งยังกล่าวว่า ในภพนี้มีพระพุทธเจ้าเกิดมาแล้ว ๔ พระองค์ รวมทั้งพระพุทธเจ้าของเราในปัจจุบัน และในอนาคตก็จะมีเกิดขึ้นอีก ๑ พระองค์ ก็คือ พระศรีอารย์

แต่อย่างไรก็ตาม วัดในพุทธศาสนาทั้งหลาย จะมีแต่ พระโคตม (โค-ตะ-มะ) พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นพระประธานในโบสถ์ แต่วัดที่เป็นหนึ่งเดียวในสยามนี้ กลับมีพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์เป็นพระประธาน โดยเป็นพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ วัดนี้ก็คือ วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร แขวงปากคลอง เขตภาษีเจริญ กทม.

ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ บริเวณสร้างวัดอัปสรสวรรค์เป็นย่านที่อยู่ของชาวจีนที่มีอาชีพเลี้ยงหมู มีชาวจีนคนหนึ่งชื่อ จีนอู๋ ได้อุทิศที่ดินซึ่งเป็นเล้าหมูสร้างวัดขึ้น จึงเรียกกันว่า วัดหมู เมื่อ สุนทรภู่ เดินทางไปเพชรบุรีทางเรือผ่านหน้าวัดหมู ยังได้เขียนใน “นิราศเมืองเพชร” ไว้ว่า

    “ถึงบางหลวงล่วงเข้าคลองเล็ก
     ล้วนบ้านเจ็กขายหมูดูอักโข
     มีเมียขาวสาวสวยมันรวยโป
     หัวอกโอ้อายใจมิใช่เล็ก”



ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ วัดหมูทรุดโทรมมาก ทั้งโบสถ์และวิหารพังไปหมด เจ้าจอมน้อย ในรัชกาลที่ ๑ จึงกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่เจ้าพระยาพลเทพ (ฉิม) บิดาผู้ล่วงลับ และเมื่อสร้างเสร็จได้ถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้จัดฉลองเป็นงานใหญ่ และพระราชทานนามว่า “วัดอัปสรสวรรค์” เป็นเกียรแก่เจ้าจอมน้อย ผู้มีฉายาว่า “สุหรานากง”

ทั้งนี้ เจ้าจอมน้อยสมัยที่ถวายตัวในรัชกาลที่ ๑ นั้น ได้รับบทเป็น สุหรานากง ในละครจากพระราชนิพนธ์เรื่อง “อิเหนา” เป็นประจำ เพราะมีทั้งรูปร่างหน้าตาและลีลาเป็นที่ประทับใจของผู้ชม ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เจ้าจอมน้อยก็คงเข้าวัยชราแล้ว แต่บทบาทสุหรานากงก็ยังไม่มีใครลืม ตามหมายรับสั่ง ร.๓ จ.ศ.๑๑๙๓ (พ.ศ.๒๓๗๔) เรื่องการฉลอวัดอัปสรสวรรค์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรัสถึง “เจ้าจอมน้อยสุหรานากง” ไว้ว่า

“ปากคนดูก็ไม่สู้กระไรนัก แต่ภายหลังผู้ที่รักต่างชมว่าเป็น (ดุจ) อัปสรมาแต่สวรรค์ การนั้นจะเป็นอย่างไรก็สุดแต่เห็น”

นอกจากพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบสร้างวัดอัปสรสวรรค์แล้ว ยังพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างอดีตพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์เป็นพระประธานในโบสถฺด้วย




พระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์ซึ่งเป็นพระประธานในโบสถ์วัดอัปสรสวรรค์นี้ มีขนาดเท่ากันทุกองค์ คือหน้าตักกว้าง ๑ ศอก สูงถึงยอดพระรัศมี ๑ ศอก ๔ นิ้ว เป็นปางมารวิชัยเหมือนกันหมด ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเดียวกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราคือองค์ล่างหน้าสุด และมีพระนามจารึกที่หน้าฐานทุกองค์ คือ

๑. พระพุทธตัณหังกร
๒. พระพุทธเมธังกร
๓. พระพุทธสรณังกร
๔. พระพุทธทีปังกร
๕. พระพุทธโกณฑัญญะ
๖. พระพุทธมังคละ
๗. พระพุทธสุมนะ
๘. พระพุทธเรวตะ
๙. พระพุทธโสภิตะ
๑๐. พระพุทธอโนมทัสสี
๑๑. พระพุทธปทุมะ
๑๒. พระพุทธนารทะ
๑๓. พระพุทธปทุมุตตระ
๑๔. พระพุทธสุเมธะ
๑๕. พระพุทธสุชาตะ
๑๖. พระพุทธปิยทัสสี
๑๗. พระพุทธอัตถทัสสี
๑๘. พระพุทธธรรมทัสสี
๑๙. พระพุทธสิทธัตถะ
๒๐. พระพุทธติสสะ
๒๑. พระพุทธปุสสะ
๒๒. พระพุทธวิปัสสี
๒๓. พระพุทธสิขี
๒๔. พระพุทธเวสสภู
๒๕. พระพุทธกกุสันธะ
๒๖. พระพุทธโกนาคมนะ
๒๗. พระพุทธกัสสปะ
๒๘. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของเราทั้งหลาย

ด้วยเหตุนี้ วัดอัปสรสวรรค์ จึงได้รับการบันทึกว่ามีพระประธานในโบสถ์มากที่สุด ไม่เหมือนวัดทั่วไปที่มีเพียง ๑ องค์ ทั้งยังได้ทราบว่ามีเรื่องราวเบ็ดเตล็ดที่เล่ากันมาว่า มีพระพุทธเจ้ามาแล้วถึง ๒๘ องค์



ขอบคุณ : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000016679
เผยแพร่ : 19 ก.พ. 2563 , 09:44 ,โดย : โรม บุนนาค
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ