ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิต ยังสามารถเลือกได้ ว่าจะไปอย่างมืด หรือ ไปอย่างสว่าง  (อ่าน 4080 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


ไม่มีใครกำหนด ใครได้ จริง พ่อแม่ ก็ไม่สามารถกำหนด ตัวตน ของบุตรได้จริง กล่าวได้ว่า ผู้ที่จะกำหนดเส้นทาง มีเพียงผู้เดียว ก็คือ ตนเองเท่านั้น ดังนั้น หนทางสว่าง หรือ หนทางมืด นั้นก็เป็นตนเองเป็นผู้เลือก จะด้วยเหตุผล อย่างไรก็ตาม จะจำเป็น หรือไม่จำเป็น เส้นทางที่กำหนดไว้ ก็คือ ตนเอง เป็นผู้เลือก

 พระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสไว้ว่า ชนเปรียบ  ความมืด และ  ความสว่าง

มีชน สว่าง มา และ ก็ สว่าง ไป
มีชน สว่าง มา และ ก็ มืด ไป
มีชน มืด มา และ ก็ มืีด ไป
มีชน มืด มา และ ก็ สว่าง ไป

การมาอย่างมืด ก็คือ มากำเนิดในตระกูล ที่ต่ำขาด ศีลธรรม ไม่มีโภคะทรัพย์ อัตคัต ขัดสน ลำบาก ลำบน ขาดการศึกษา หรือ อยู่ในหมู่ ทุรชน
การมาอย่าง สว่าง ก็คือ มากำเนิดในตระกูล ที่พรั่งพร้อม ด้วยโภคะทรัพย์ มีการศึกษา มีกัลยาณมิตร ในหมู่ของคนที่ มีศีลธรรม
ฉันใด ก็ ฉัน นั้น เมื่อกำเนิด ได้ภพ เป็นมนุษย์ วิบากผลแห่งกรรมที่เคยทำไว้ในอดีต ก็ส่งผล ให้ ชีวิต รุ่งเรืองตกต่ำ เริ่มแต่กำเนิด แต่ หนทางไป นั้น สามารถที่จะกำหนด ตนเองได้ ว่า จะเลือกไป มืด หรือ สว่าง
การไปอย่าง มืด ก็คือ การไม่มีความพยายาม ที่จะละจาก ภพ และ ชาติ ที่เรียกว่า สังสารวัฏฏ์ ทั้ง ๆ ที่ สังสารวัฏฏ์ นี้ให้ผล คือ ความทุกข์ ใจ ทุกข์ กาย แต่ เหล่าสัตว์ ทั้งหลาย ก็ยังผูกพัน กับ ความมืด อันเรียกว่า ความอนาทร รัก โลภ โกรธ และ หลง ในความเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา
การไปอย่าง สว่าง ก็คือ มรรค 4 ผล 4 และ นิพพาน 1 นั่นเอง
ดังนั้น กำเนิด ไม่สามารถเลือกได้ แต่หากเกิดจากผลกรรม ที่ได้สร้างไว้ก่อนนั่นเอง แต่ เมื่อกำเนิดแล้ว จะมาอย่างมืด หรือ มาอย่าง ส่ว่าง ก็สามารถเลือก ไปอย่าง มืด หรือ สว่าง ได้นั่นเอง
ข้อความบางส่วน จาก หนังสือเพียงหยดหนึ่งแห่งพระธรรม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 16, 2015, 05:45:47 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 246

                                               ๕.  ตมสูตร 

                                   ว่าด้วยบุคคลในโลก  ๔  จำพวก

            [๘๕]    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    บุคคล  ๔   จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
บุคคล ๔ จำพวกคือใคร  คือ

            ตโม  ตมปรายโน    บุคคลมืดมาแล้ว   มีมืดไปภายหน้า
            ตโม  โชติปรายโน   บุคคลมืดมาแล้ว   มีสว่างไปภายหน้า
            โชติ  ตมปรายโน    บุคคลสว่างมาแล้ว  มีมืดไปภายหน้า   
            โชติ  โชติปรายโน   บุคคลสว่างมาแล้ว   มีสว่างไปภายหน้า

      ก็บุคคลมืดมาแล้ว     มีมืดไปภายหน้าเป็นไฉน ? 
      บุคคลบางคนในโลกนี้  เกิดในตระกูลต่ำ  คือ  ตระกูลจัณฑาลก็ดี   ตระกูลช่างสานก็ดี    ตระกูลพรานก็ดี   ตระกูลช่างหนังก็ดี   ตระกูลคนรับจ้างเทขยะก็ดี    ทั้งยากจนขัดสนข้าวน้ำของกิน      เป็นอยู่อย่างแร้นแค้น       หาอาหารและเครื่องนุ่งห่มได้โดยฝืดเคือง    ซ้ำเป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่   เตี้ยแคระ    มากไปด้วยโรค     ตาบอดบ้างเป็นง่อยบ้าง   กระจอกบ้าง   เปลี้ยบ้าง  ไม่ใคร่ได้  ข้าว   น้ำ   ผ้า   ยวดยานดอกไม้   ของหอม  เครื่องลูบไล้  ที่นอน ที่อยู่  และเครื่องประทีป บุคคลนั้นยังประพฤติทุจริตด้วยกาย  วาจา  ใจ  ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย  วาจา  ใจแล้ว   กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงอบาย  ทุคติ  วินิบาต นรก  อย่างนี้แล บุคคลมืดมาแล้ว  มีมืดไปภายหน้า

   บุคคลมืดแล้ว   มีสว่างไปภายหน้าเป็นไฉน ? 
   บุคคลบางคนในโลกนี้เกิดในตระกูลต่ำ   คือตระกูลจัณฑาลก็ดี  ฯลฯ  ที่นอน  ที่อยู่  และเครื่องประทีป
บุคคลนั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา  ใจ   ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย   วาจาใจแล้ว   กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์   อย่างนี้แล   บุคคลมืดมา แล้ว   มีสว่างไปภายหน้า

   บุคคลสว่างมาแล้ว     มีมืดไปภายหน้าเป็นไฉน ? 
   บุคคลบางคนในโลกนี้เกิดในตระกูลสูง คือตระกูลกษัตริยมหาศาลก็ดี  ตระกูลพราหมณมหาศาลก็ดี  ตระกูลคฤหบดีมหาศาลก็ดี   มั่งคั่ง  มีทรัพย์มาก  มีโภคะมาก  มีเงินทองมีข้าวของเครื่องใช้    มีทรัพย์ธัญชาติเป็นอันมาก     ทั้งมีรูปร่างสะสวยเจริญตาเจริญใจ ประกอบด้วยผิวพรรณงดงามยิ่งนัก  เป็นผู้มีปกติได้ข้าวน้ำ  ผ้า ยวดยานดอกไม้  ของหอม  เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่  และเครื่องประทีป  บุคคลนั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย  วาจา  ใจ   ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย  วาจา ใจแล้วกายแตกตายไปย่อมเข้าถึงอบาย   ทุคติ   วินิบาต   นรก   อย่างนี้แล   บุคคลสว่างมาแล้ว  มีมืดไปภายหน้า

    บุคคลสว่างมาแล้ว   มีสว่างไปภายหน้าเป็นไฉน ?   
    บุคคลบางคนในโลกนี้เกิดในตระกูลสูง   คือตระกูลกษัตริยมหาศาล ฯลฯ    บุคคลนั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย  วาจา   ใจ   ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย   วาจา  ใจแล้ว    กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ อย่างนี้แล   บุคคลสว่างมาแล้วมีสว่างไปภายหน้า

     ภิกษุทั้งหลาย  บุคคล ๔  จำพวกนี้แล  มีปรากฏอยู่ในโลก.

                                             จบตมสูตรที่  ๕
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

nongmai-new

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 73
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า