ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำบุญ แล้วพระไม่ฉัน อาหารที่เรานำไปถวาย เราได้บุญหรือไม่ ?  (อ่าน 4305 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Goodbye

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กุลี กจอ ตื่นแต่ ตี5 ออกไปจับจ่ายอาหาร เพื่อนำมาประกอบอาหารถวาย 30 รูป ตามที่ตั้งใจไว้ หมดทุนทรัพย์ไปร่วม 3000 กว่าบาท ทั้งดอกไม้ธูปเทียนอาหารคาวหวาน ถวายได้ ครบตามจำนวน

   แต่พอได้เข้าไปที่วัดแอบถาม ลูกศิษย์ ว่าหลวงพ่อ และ อาจารย์ ได้ฉันอาหารที่ถวายหรือไม่ เด็กวัดตอบว่า ไม่ได้ฉัน แต่ได้แจกมาถึงเด็กวัด

   ตอนนั้นรู้สึกผิดหวังว่า พระไม่ฉันอาหารเราเลย แล้วเราจะได้บุญหรือไม่นี่

  :'( :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
น่าจะไม่ได้ บุญนะคะ เพราะจิตตกแล้วคะ
 บุญหมายถึงความอิ่มใจ พอใจ นะคะ

  พอจิตตกปั๊บ ก็เหมือน ฮิตาชิ บุญหมดปุ๊บ ประมาณนั้น เลยนะคะ

  เอาใหม่สิคะ ทำใหม่ แต่คราวนี้ไม่ต้องเข้าไปถาม หรือไปตาม ว่าฉันหรือไม่ฉัน ...

 อนุโมทนาสาธุ กับบุญที่ทำด้วยคะ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

เท่ากับผลรวม

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 169
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
บุญสำเร็จแล้ว ด้วยเจตนา ครับ

 :25:
บันทึกการเข้า
ชีวิต นี้เพื่อพุึทธศาสน์

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
อาหารที่เรานำไปถวาย เราได้บุญหรือไม่ ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2012, 08:47:16 pm »
0
แล้วถ้าพระหนึ่งรูปออกบิณฑบาตตอนเช้า  และก็มีญาติโยมมาใส่บาตรกันเยอะ  แล้วคนที่ใส่หลังๆ
จะไม่คิดบ้างหร๋อกว่า  พระได้กับข้าวมาตั้งมากแล้ว  แล้วเราก็ใส่ถวายไปอีก  พระท่านคงจะฉันไม่ถึงของเราแน่ๆเลย  แต่ก็ยังถวายพระไป  เพราะอะไร!

หรืออีกนัยหนึ่ง  สมุติว่าเช้าวันหนึ่งมีญาติโยมกว่ายี่สิบคน  ถวายกับข้าวกันมามาก ต่างคนก็ต่างถวาย ต่างคนก็ต่างอยากจะให้พระท่านได้ฉันกับข้าว  ที่ได้ถวายใส่บาตรให้   เกิดสงสัยว่าพระท่านจะฉันของของเราหรือไม๊น้า  ก็เลยแห่กันไปค่อยนั่งดูพระท่านฉัน  แล้วคิดว่าพระท่านจะฉันให้เราได้ครบคนหรือเปล่าละ

แค่คิดก็สนุกแล้ว

แล้วพระท่านจะจำได้หมดหรือเปล่าว่า  ทุกถุงที่อยู่ที่ตรงหน้าเนี้ย  เป็นของใครกันมั่ง  แล้วจะฉันยังไงให้ได้กันหมดทุกคน สงสัยคงต้องให้เราทุกคนไปคอยบอกท่าน  ว่าอันนี้ของโยมนะจ้าวค่ะ  ก็คงพอได้อยู่  แต่ดูเหมือนการพิจารณาอาหารของพระท่าน จะใช้คนจำนวนมากไปหรือเปล่าในการพิจารณา ซึ่งก็จริงๆแล้วก็ควรจะเป็นการพิจารณาเฉพาะท่านรูปเดียว  (แล้วเราๆ จะมีเวลาไปนั่งอยู่กันท่านหรือเปล่าหน้อ)

หรืออีกนัยหนึ่ง  ถ้าเกิดพระรูปนั้นเกิดแพ้อาหารที่เราถวาย เช่น แพ้กุ้ง  แล้วเราก็พอดีถวายผัดผักใส่กุ้ง  แล้วท่านก็ได้ทำการพิจรณาดูแล้วว่า  อ๋อนี้กุ้งนิ  เราฉันไม่ได้นิ เดียวจะแพ้เอา   

หรือรูปที่มีโรคประจำตัวอยู่  เช่น เบาหวาน  ความดัน  เมื่อท่านเห็นอาหารแล้วก็สุดที่จะอาจฉันได้ อย่างเช่นจำพวกหมูสามชั้น หรือขาหมู ข้าวมันไก่ เพราะไขมันมาก เพราะหมอสั่งห้าม

หรือที่ท่านรู้ว่า  อาหารนี้เป็นยาด้วยนิ  ฉันแล้วสบายท้องเพราะช่วยย่อยอาหาร เช่น แก่งป่าที่มีทั้งกระชายพริกไทยอ่อน และเครื่องเทศที่มีประโยชน์  หรืออย่างท่านกำลังเป็นหวัดอยู่พอดี ได้เจอต้มยำ ร้อนๆ เผ็ดๆ เปรี้ยวๆ แถมมี ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง น้ำมะนาว  ซึ้งเมื่อฉันแล้วทำให้หายใจได้สดวกขึ้น คอก็โล่ง ถึงขนาดเหงื่อแตกเลย ก็เลยฉันอยู่อย่างเดียวลืมฉันอย่างอื้นเลย

หรือท่านที่บริโภคแต่น้อยเพราะปฏิบัติธรรมก็มี ก็อาจจะฉันกับข้าวแค่อย่างสองอย่างแล้วก็เป็นการพอ  ก็อาจจะเป็นได้

ถ้าเป็นอย่างที่ว่ามานี้ แล้วพระท่านจะต้องทำยังไงให้เราทุกคนสมดังที่หวัง

สิ่งที่สำคัญคือเราได้ทำบุญ อย่างยิ่งใหญ่   
ยิ่งใหญ่อย่างไร                   ก็เราได้ทำการสืบต่อพระพุทธศาสนา 
สืบต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร    ก็เราได้ถวายได้ช่วยค้ำชู ให้พระท่านสามารถอยู่ได้
ให้พระท่านสามารถอยู่ได้อย่างไร ก็บางครั้งพระท่านเองก็ต้องวายวานพวกลูกศิษย์ลูกหาให้ไปทำธุระแทนเช่น ไปซื้อของ ที่จำเป็นจะต้องใช้ ในสถานที่  ที่พระไม่สะดวกที่ไป หรือช่วยดูแล พระที่มีอายุมาก

ก็ถ้าหากพระเองก็ไม่ได้ดูแลลูกศิษย์ลูกหาเลย   ก็แล้วใครจะมาคอยดูแลพระละ อย่างเช่นการขับรถ  พระเองก็ขับไม่ได้ ก็ต้องมีโยมมาขับให้

แล้วถ้ากับข้าวมีเหลือ จะให้พระท่านทิ้งเสียเลย ไม่ให้ลูกศิษย์  ก็ไม่ใช่
เห็นบางครั้ง เช้าๆ ตอนพระบิณฑบาต บางคนใส่บาตรพระแล้วก็ยังแถมให้ลูกศิษย์พระเฉพาะ ต่างหากอีก
เห็นแล้วก็อนุโมทนาด้วย

ทำให้นึกถึงคนไทยเราในสมัยแต่ก่อน   เวลาไปไหนมาไหนเขาจะถามกันว่า "กินข้าวมายัง  มา มา มากินข้าวกันก่อน" สมัยนี้คงอาจจะยังพอเห็นได้ตามต่างจังหวัด ตามบ้านที่สนิทกัน

เท่านี้ก่อนนะจ๊ะ

สรุปว่า การทำบุญ บุญที่ได้ทำลงไปแล้ว ได้บุญแน่นอน  ฟันธง :72:

แต่มีองค์ประกอบอยู่ สาม คือ ก่อนให้ ขณะให้ และหลังจากให้ไปแล้ว

สาธุ สาธุ

เราทุกคนก็เคยไม่รู้  เหมือนที่เขาก็ไม่รู้

 :25:    :25:    :25:
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

nithi

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 68
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมว่า ถ้าจะให้บุญจริง แล้ว
   ทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์ ทั้งฝ่ายผู้ให้
   ทานที่รับไปผู้รับก็รับไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์

   รู้สึกว่า ทางพระจะใช้คำว่า ปฏิคาหก อะไรประมาณนี้ครับ

    คือถ้าต้องการให้ได้บุญอานิสงค์ มากจริง ๆ แล้ว ก็ต้องพร้อมทั้งผู้ให้ และ ผู้รับครับ

   แต่ประมาณว่า ฝ่ายผู้รับเราคงจัดการได้ยาก หรือรู้ได้ยาก ก็เอาแค่ผู้ให้ก่อน ก็ได้ครับ
 
   ผมเคยฟังพระอาจารย์พูดในรายการ เรื่อง ธรรมทาน นะครับท่านกล่าวว่า บุญแม้ทำไม่เต็มใจก็มีผล แม้ทำเพราะกลัว ก็มีผล แม้ทำเพราะรักก็มีผล แม้ทำเพราะเหตุต่าง ๆ ก็มีผล แต่ผลนั้นจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเจตนา และความบริสุทธิ์ของทานนั้นด้วยครับ

   :s_hi: :welcome: :49:
บันทึกการเข้า
ขุมทรัพย์แห่ง ความหลุดพ้น ปรากฏอยู่ที่พระไตรปิฏก อ่านพระไตรปิฏก มาก ๆ
 ก็จะเข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้ ของจริงต้องตาม พุทธวัจนะ