สูตรสำเร็จในชีวิต (18) : การให้ทาน (2) และ พระพุทธพจน์ครั้งที่แล้วได้พูดไว้ว่า การให้ทานจะเป็นบุญกุศลจริงๆ จะต้องครบองค์ประกอบ 3 อย่างคือ ของที่ให้ต้องบริสุทธิ์ เจตนาต้องบริสุทธิ์ ผู้รับก็ต้องบริสุทธิ์ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็มีผลเหมือนกัน แต่ผลไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น
พูดถึงทาน ทำให้นึกถึงอีกคำหนึ่งคือ จาคะ หรือปริจจาคะ (ไทยเขียนบริจาค) สองคำนี้ใช้แทนกันได้ ในที่ใดท่านใช้คำเดียวว่า “ทาน” ในที่นั่น ย่อมคลุมถึงความหมายของ “จาคะ” (หรือปริจจาคะ) ด้วย
แต่ถ้าสองคำมาด้วยกัน (อย่างในทศพิธราชธรรม) ทาน หมายถึง การให้วัตถุสิ่งของ การสละวัตถุสิ่งของให้คนอื่นจะด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็แล้วแต่ เรียกทานทั้งนั้น
ส่วน จาคะ (หรือปริจจาคะ) ก็จะหมายเฉพาะ การเสียสละกิเลส (เช่น สละความตระหนี่เหนียวแน่น, สละความเห็นแก่ตัว)
- ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้ก็ว่า จาคะ หมายถึง สละความหวงแหน สิ่งของที่ตนมี ออกจากใจ หรือ “ตัดใจ”
- ทาน หมายถึง กิริยาอาการที่ยื่นสิ่งของนั้นให้คนที่ควรให้
- แต่ถ้าใช้คำว่า ทานหรือจาคะโดดๆ ก็รวมทั้งสองความหมายนั้นอยู่ในคำเดียวกัน
@@@@@@
มีพระพุทธพจน์แสดงสาเหตุที่คนให้ทานต่างๆ กัน น่าสนใจดี ขอคัดมาให้ดูดังนี้
- บางคนให้ทานเพราะหวังผล มีจิตผูกพันกันจึงให้ หวังสะสมจึงให้ คิดว่าจากโลกนี้ไปแล้วจะได้กินได้ใช้
- บางคนให้ด้วยคิดว่า การให้เป็นการกระทำที่ดี
- บางคนให้ด้วยคิดว่า พ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา-ยาย เคยทำกันมา ไม่ควรให้เสียจารีตประเพณี
- บางคนให้ด้วยคิดว่า เรามีอยู่มีกินควรแบ่งปันให้คนที่เขาไม่มีอยู่มีกิน บางคนให้ด้วยคิดว่า การให้ทานของตนเป็นเกียรติยศ
- บางคนให้ด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานจิตใจจะโสมนัสแช่มชื่น บางคนให้โดยฐานเป็นอลังการเป็นบริขารของจิต (หมายถึงเป็นเครื่องปรุงแต่งจิตให้ดีขึ้น ฝึกจิตให้มีคุณภาพขึ้น)
ความมุ่งหมายของการให้ทานของคนสมัยพระพุทธเจ้ากับสมัยปัจจุบัน คงไม่แตกต่างกันมากนัก ท่านชอบการให้แบบไหน ก็เลือกเอาก็แล้วกัน
@@@@@@
การให้ทานมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1. ให้เจาะจงคนให้ เรียก ปาฏิปุคคลิกทาน กับ
2. ให้แก่สงฆ์ หรืออุทิศแก่ส่วนรวม เรียก สังฆทาน
อย่างแรก ทำได้ง่าย และถูกจริตนิสัยคนส่วนมาก เพราะเวลาอยากให้อะไรแก่ใคร ก็อยากจะให้แก่คนที่เรารัก ชอบพอหรือนับถือเป็นส่วนตัว แม้ไม่รู้จักส่วนตัว เช่น เวลาใส่บาตร บางคนยัง “เลือก” พระเลยว่าใส่รูปนี้ดีกว่าอะไรทำนองนี้
อย่างหลัง (สังฆทาน) ทำยาก เพราะการทำใจให้เป็นกลางไม่เอียงไปข้างรักข้างชังนั้น ทำไม่ได้ง่ายนัก เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสรรเสริญว่า การให้ทานไม่เจาะจง หรือให้อุทิศแก่สงฆ์ทั้งปวงมีอานิสงส์ (ผล) มากกว่าถวายทานแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียอีก
@@@@@@
คนส่วนมากยังเข้าใจผิดว่า ถวายทานแก่พระภิกษุตั้งแต่สี่รูปขึ้นไปจึงจะเรียกสังฆทาน ไม่จริงดอกครับ ถวายพระรูปเดียวก็เป็นสังฆทานได้ ขอเพียงอย่า “เจาะจง” หรือ “เลือก” ก็แล้วกัน
วิธีถวายสังฆทานก็ไม่ต้องฟัง “นักพิธีรีตอง”ที่ไหนให้มากเรื่อง ตระเตรียมข้าวปลาอาหารที่ต้องการถวาย ตั้งจิตอุทิศแก่พระสงฆ์ทั้งหมดไม่เจาะจงผู้ใด พบตัวแทนพระสงฆ์รูปใด (จะเป็นพระหรือสามเณรก็ตาม) ก็นิมนต์มารับสังฆทานที่บ้าน เท่านี้ก็เป็นสังฆทานแล้วครับ
ลองหัดให้โดยไม่เจาะจง ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ให้เพื่อการให้อย่างแท้จริงสักพักสิครับ จะรู้สึกว่าใจเราบริสุทธิ์สะอาด และสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22-28 พฤษภาคม 2563
คอลัมน์ : เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ผู้เขียน : เสฐียรพงษ์ วรรณปก
เผยแพร่ : วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2563
ขอบคุณ :
https://www.matichonweekly.com/column/article_309231