ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เจตนาดี กับ ลมปาก  (อ่าน 1555 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

มานพ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 86
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เจตนาดี กับ ลมปาก
« เมื่อ: ตุลาคม 06, 2010, 11:37:32 pm »
0



ในยุคที่การลดความอ้วนเป็นแฟชั่น หลายคนดีใจเมื่อเพื่อนทักว่า "คุณผอมลงนะ"

คนขับแท็กซี่หลายคนชอบเปิดเพลงในรถ ด้วยเจตนาดีที่หวังบริการลูกค้ามากกว่าแค่การไปถึงจุดหมาย
เพื่อนร่วมงานไม่น้อยชอบเปิดเพลงดัง ด้วยเจตนาดีหวังให้คนอื่นได้อิ่มเอิบกับดนตรีด้วย

ฝรั่งมีวลีหนึ่งว่า Take it for granted หมายถึง การทึกทักเอาเองว่าอีกฝ่ายหนึ่งยินยอม เช่น หยิบกระดาษบานโต๊ะของเขาไปใช้โดยไม่ขออนุญาตก่อน ตักอาหารให้เขา ตบไหล่ของเขา ฯลฯ

เจตนาดีเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สัมมาวาจาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

"คุณผอมลงนะ" : คุณรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายหนึ่งอยากผอม ?


"เมื่อไรคุณจะมีลูก : คุณรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ป็นหมัน หรือกำลังกลุ้มใจที่ไม่มีลูก ?


"เมื่อไรจะเลิกเช่าบ้านอยู่เสียที ?" : คุณรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีเงินเหลือ


"ชุดสีเขียวไม่เข้ากับคุณเลย" : คุณรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้รักสีเขียวอย่างที่สุด ?


เจตนาดีจะสมบูรณ์เมื่อมาพร้อมสัมมาวาจา

"คุณผอมลงนะ" ในความหมายว่าเขาอ้วนเกินไป อาจพูดว่า "คุณดูดีขึ้นนะ"

"คุณผอมลงนะ" ในความหมายว่าเขาผอมเกินไป อาจพูดว่า "ดูแลสุขภาพด้วยนะ อย่ามัวแต่ทำงานล่ะ"

สุนทรภู่เขียนไว้ว่า "อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย" มิได้หมายความว่าเราต้องโกหกตอแหล แต่การเอาใจเขามาใส่ใจเราทำให้เราไม่ไปทำร้ายจิตใจใครโดยไม่รู้ตัว

คำพูดง่ายๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่กลั่นกรองจากใจและปาก อาจช่วยทำให้คนฟังมีความสุขทั้งวันหรืออาจดจำได้ไปตลอดชีวิต และนั่นคือสัมมาวาจาที่แท้จริง


จากหนังสือ รอยเท้าเล็กของเราเอง
วินทร์ เลียววาริณ
ตอนหนึ่งในหนังสือ เรื่อง เจตนาดีกับลมปาก

--------------------ที่นี่ดอทคอม
บันทึกการเข้า