ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - tewada
หน้า: 1 [2]
41  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: www.madchima.net ลงไฟล์ภาพไม่ได้ เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 06:49:46 pm
เห็นด้วยคะ ใช้ Facebook เก็บภาพก็ดีนะคะ ระบบอัพโหลด ก็ง่ายคะสามารถจัดการขนาดไฟล์ภาพได้ด้วยคะ

 :coffee2: :coffee2: :coffee2:
42  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ร่วมอวยพร ส่งความสุข ด้วยการ์ด ดิจิตอล ต้อนรับปี 2555 / 2012 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2011, 11:37:39 am
43  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: แผนที่ วัดแก่งขนุน เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2011, 08:29:11 pm
ตอนนี้พระอาจารย์ไม่ได้ อยู่วัด ปลีกวิเวก
 :25: :25: :25:
44  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ปรับเลื่อนระดับ สมาชิก ที่ออนไลน์ ครบ 1 ปีทุกท่าน เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2011, 08:13:35 pm
อนุโมทนา ด้วยคะ มีอายุเพียง 2 ปี แต่มีผู้เข้าใช้ติดตามข่าวสาร จำนวนมาก

นับถือคะ สำหรับ ความเห็นก็ยังไม่อยากจะเชื่อเป็นเว็บเปิดใหม่ เลยคะ

 อนุโมทนาด้วยคะ

  :welcome: :25: :25: :25:
45  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: สถานี RDN วันนี้ไม่ทำงาน นะครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2011, 08:09:37 pm
ตั้งแต่ 19.00 น. ไม่มีเสียงอีกแล้วคะ
46  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ชอบหน้าแรก www.madchima.org คะ เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 03:19:27 pm
รู้สึกว่า เว็บจะคึกคัก เป็นพิเศษนะคะ วันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงการประชาสัมพันธ์ ด้วย
มีการปรับปรุงระบบ เว็บเพิ่มเติม แต่ที่เราชอบ ก็หน้า ทวีต แต่ผู้ที่คอย ทวีต งานหนักนะคะ
กับ facebook ต้องคอย อัพเดท ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดูแล

 แต่ก็อนุโมทนา คะได้รับข่าวสารเพิ่มเติม ที่หน้าแรกหลายเรื่อง คะ

  :25: :25: :25:
47  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การนึกถึง เทวดา จะัตัดราคะ ได้อย่างไร คะ เมื่อ: ตุลาคม 18, 2011, 05:59:58 pm
กรรมฐาน นี้โดนใจได้มาก เลยคะ

  เทวตานุสสติ นั้นเป็นกรรมฐานที่ชื่นชอบมากคะ

  :25: :25: :25:
48  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ทราบว่า พระอาจารย์ นั่งกรรมฐาน ช่วงเข้าพรรษา... เมื่อ: ตุลาคม 02, 2011, 07:17:13 pm
ทราบมาจาก สมาชิก บอกกันไว้่ว่า ในช่วงพรรษา พระอาจารย์จะนั่งกรรมฐาน หลาย วัน

อยากทราบว่า พระอาจารย์นั่งกรรมฐาน ช่วไหนคะ อยากทำบุญวันที่ออกจากกรรมฐาน คะ

ส่งข่าว กันได้หรือไม่คะ......

  :25:
49  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ขอฝึกกรรมฐาน แค่ ขั้นแรก ห้องแรก เป็นไรหรือไม่คะ เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 08:40:47 pm
ถ้าเป้าหมาย ที่คุณเลือก เพียงเพื่อมีความสุข ร่วมกับคนอื่น ไม่ต้องการพ้นโลก ก็ได้คะ

อย่างไร ก็อนุโมทนา ด้วยคะ

 แต่ถ้ามีเป้าหมาย เพื่อการสิ้นสุดกิเลสในชาตินี้ แล้วนะคะ คิดว่า อย่าหยุด เพียงเท่านี้คะ

เพราะว่า ถ้าหยุด ก็ติด นิกันติ พอใจ เป็น วิปัสสนูกิเลส

 :coffee2: :014:

 
50  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ในสมัยครั้ง พุทธกาล เคยมีการถกเถียงเรื่อง นิพพาน กันบ้างหรือไม่ เมื่อ: สิงหาคม 18, 2011, 10:42:45 am
จึงได้กล่าวว่า ยังไม่เป็นข้อยุติ เลยคะ ถึงแม้จะเป็นการกล่าวตามพระสูตร หรือ อรรถกถา
ก็ยังไม่เป็นที่สิ้นความเคลือบแคลง ของ ปุถุชน ที่กำลังภาวนากันอยู่ ดูเหมือนว่า พระนิพพาน นั้น

ยังหาคำตอบเป็นแบบวิทยาศาสตร์ ไม่ได้คะ เพราะเป็นที่จำเพาะเจาะจง คือ พระอริยะบุคคลขั้นสูงเท่านั้นคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแสดงความเห็น คะ

 :25: :25:
51  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ในสมัยครั้ง พุทธกาล เคยมีการถกเถียงเรื่อง นิพพาน กันบ้างหรือไม่ เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 10:07:17 am
ในสมัยครั้ง พุทธกาล เคยมีการถกเถียงเรื่อง นิพพาน กันบ้างหรือไม่ คะ เพราะว่าในสมัยนี้ รู้สึก พอมีการพูดถึงเรื่องพระนิพพาน แล้ว รู้สึกจะจบกันยากมากคะ สรุปแล้ว ก็จบกันต่างฝ่าย ก็ยุติการถกเถียงกันตรงนั้น แต่ก็ดูเหมือนปัญหา ว่า นิพพาน เป็นเมืองแก้ว หรือ นิพพาน เป็น สภาวะ หรือ เป็นทั้งสองอย่าง หรือเป็น อนัตตา อะไรปานนี้ก็ใช่ว่า จะจบลงได้

   ที่ถาม คือ อยากทราบว่าสมัยครั้ง พระพุทธกาล เคยมีการถกเถึยงกันเช่นนี้หรือไม่ ?

   แล้ว แก้ปัญหานี้กันอย่างไร ?


ขอบคุณทุกท่าน ที่แสดงความเห็นคะ

  :25: :25: :25:
52  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: วิธีทำจิตให้ร่าเริง มีปีติ ในการภาวนา ควรทำอย่างไร คะ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2011, 05:40:22 pm
อนุโมทนาสาธุ กับเนื้อหา ด้วยคะ

 :93:
53  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ๖. โคจรสูตร ว่าด้วยการเดินจิตในสมาธิ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2011, 05:38:26 pm
สำหรับ เราชาวกรรมฐาน ก็เอาพื้น ๆ ก่อนก็ได้ นะคะ

 การเดินจิตในกรรมฐาน ก็จัดเป็นการ โคจร ในกรรรมฐานระดับนั้นเหมือนกัน คะเพียงแต่ว่าอาจจะไม่ถึงกับตรงพระสูตรทีมุ่งระดับ ฌาน และมีวสี ชำนาญการเดินจิต

  การควบคุมจิตให้ไป ตามฐานจิต ก็จัดเป็นการเดินจิต นะคะ

  ที่สำคัญการเดินจิต จนเข้าถึงธาตุ ฟอกธาตุ ฟอกขันธ์ ด้วยแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่พึ่งประมาทนะคะ

  อ่านแล้วก็พยายามอยู่คะ

  :c017: :25:
54  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เปิดรับสมัครครูสมาธิ รุ่นที่ 29 (สันติสุข) หลักสูตร 200 ชั่วโมง เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 12:57:23 pm
   
ความคิดเห็นที่ 1    [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

หลักฐานการสมัคร
รับจำนวนจำกัดและโปรดเตรียมหลักฐานการสมัครดังนี้
๑.สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด
๒. สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด
๓.รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว(ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน) จำนวน 2 รูป(พร้อมเขียนชื่อ-นามสกุลด้านหลังรูป)

-ผู้สมัครต้องเซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ
-ผู้สมัครต้องชำระเงินค่าทำบัตรนักศึกษา 40 บาทในวันสมัคร
-ไม่มีค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร (แต่ขอความกรุณาช่วยค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ตามกำลังศรัทธา)



จุด ประสงค์ของการทำสมาธิคือ "การสะสมพลังจิต"อันเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของการทำสมาธิ ทุกคนต้องมีพลังจิตจึงจะทำงานได้สำเร็จ ถ้าขาดพลังจิตก็จะไม่พบความสำเร็จ และถ้าขาดพลังจิตมากก็จะเป็นโรคประสาทได้ แต่ถ้ามีพลังจิตที่สูงมาก นั้นหมายความว่าจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลของพลังจิตที่เกิดจากการทำสมาธิ

•ช่วยระงับความฟุ้งซ่านของสมองได้ดี
•ทำให้จิตใจเข้มแข็งและสงบ
•ช่วยแก้ไขปัญหาของชีวิต
•ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

ซึ่ง การเรียนหลักสูตรครูสมาธิ ขณะเรียนจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ตามแนวหลักสูตรของพระธรรมมงคลญาณ(หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินธโร)

ขอร่วมอนุโมทนาและเชิญชวนด้วยนะครับ
ขอเชิญปฏิบัติธรรม

ขอเชิญชวนปฎิบัติธรรมเรียนรู้ธรรมะขั้นพื้นฐานจนถึง อรหัตผล โดยสถาบันพลังจิตตานุภาพ
หลักสูตรโดย พระธรรมมงคลญาน (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินทโร)
จุดประสงค์ เผยแพร่สมาธิเพื่อเพิ่มพลังจิตกับคนทุกเพศทุกวัย เพื่อความสันติสุขของโลกตามเจตนารมย์หลวงพ่อ
ระยะเวลา 6 เดือน
จุดประสงค์ เพื่เป็นครูสมาธิหรือเผยแพร่การทำสมาธิให้เป็นที่สนใจกับหมาชน
การเรียน ทฤษฏี ปฏิบัติ นั่งสมาธิเดินจงกรม เสาร์-อาทิตตย์9.00-17.00
เงื่อนไขหลักสูตร เรียน200 ชมผ่านเกิน50% และเดินธุดงก์ดอยอินทนนท์ 4วัน3คืน จบหลักสูตร (สถาบันพระปกเกล้า)
สถาบันพลังจิตตานุภาพและสาขาต่าง ๆ ดังนี้
สำนักงานใหญ่ วัดธรรมมงคล
๑. บ้านอาจารย์อำนวย สุวรรณคีรี
๒. วัดพุทธบูชา
๔. วัดสิริกมลาวาส
๕. หาดใหญ่
๖. วัดบางโฉลงใน ผมประจำที่นี่ครับ
๗. มหาวิทยาลัยโยนก
๘. อาคารไอทาวเวอร์
๙. บ้านบรรณรุจิ
๑๐. วัดผ่องพลอยวิริยาราม
๑๔. บ้านปิยะธรรม
๑๕. บ้านนำชัย
๑๗. วัดป่าหลวง
๑๘. วัดเขาเต่า
๑๙. วัดแหลมทอง
๒๐. ศูนย์สมาธิพระยาวิสูตรโกษา
๒๑. อุทยานธรรมกิตติลักษณ์
๒๒.วัดเชตวัน
๒๓. วัดเม็งรายมหาราช (ฮ่องลี่)
๒๔. บ้านศรีสุกรี
๒๖. พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
๒๗. วัดรัตนวนาราม
๒๘. มูลนิธิส่งเสริมการบริหารจิต ในพระสังฆราชูปถัมภ์
๒๙. วัดสุทธจินดา
๓๐. โรงเรียนวชิรมกุฏ
๓๑. วัดศรีจันทร์
32.วัดโพทิสมภรณ์ วัดอารามหลวง
33มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
34สถาบันพระปกเกล้า
35มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าวิทยาเขตพระนครเหนือ

เปิดรับสมัครนักศีกษาครูสมาธิรุ่นที่29
วัดบางโฉลงใน กม19 ถ.บางนา-ตราดที่ผมประจำอยู่
รับสมัครตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เรียนเสาอาทิตย์9โมงถึง5โมงเย็น(ขาดลามาสายได้สบายๆ
)ไม่มีค่าใช้จ่ายหนังสือ3เล่ม ไม่ซื้อก็ได้
ข้าวกลางวันฟรี1มื้อ
สถาบันพลังจิตตานุภาพ วัดธรรมมงคล โทร 02-311-1387 /02-311-390003
สนใจติดต่อผมก่อน 085-4837321 ไพศาล สาขาวัดบางโฉลงใน

จากคุณ    : โชติช่วงชัชวาล / มันตรัย2009
55  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เปิดรับสมัครครูสมาธิ รุ่นที่ 29 (สันติสุข) หลักสูตร 200 ชั่วโมง เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 12:55:30 pm
เปิดรับสมัครครูสมาธิ รุ่นที่ 29 (สันติสุข)
โดย พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์  สิรินธฺโร) วัดธรรมมงคล
    เรียนภาค จันทร์ – ศุกร์ เวลา 18.00 – 20.30น.
หรือ
    ภาค เสาร์-อาทิตย์ 9.00-17.00 น.
มี 33 สาขา ทั่วประเทศ
หลักสูตร 200 ชั่วโมง (6 เดือน) ไม่เสียค่าเล่าเรียน
 
กำหนดการ  สาขาที่ 30 โรงเรียนวชิรมกุฏ (ตั้งอยู่ภายในวัดมกุฏกษัตริยาราม)
    ประชุม วันพฤหัสบดีที่ 11 เดือนสิงหาคม 2554 เวลา 18.00น.
ณ โรงเรียนวชิรมกุฏ ถ.กรุงเกษม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
    พิธีปฐมนิเทศรวมทุกสาขา ในวันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2554 เวลา 13.00 น. ณ
วัดธรรมมงคล ถ.สุขุมวิท101  ซ.ปุณณวิถี20 พระโขนง กรุงเทพฯ
    เปิดเรียน วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2554 เวลา 18.00 น.
ติดต่อ 085-1452590 , 02-3111387 , 02-3113903

   
 
จากคุณ    : โชติช่วงชัชวาล
56  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 12:52:56 pm
หลวงพ่อกบมรณภาพและสังขารในวันที่ ๑๗ ธ.ค. ๒๔๙๗ ท่ามกลางความเศร้าโศกของศิษยานุศิษย์ทั่วหน้า และน่าแปลกใจที่ว่าเช้าวัดถัดไปคือวันที่ ๑๘ ธ.ค. หลวงพ่อโอภาสีเดินทางมาถึงวัดเขาสาริกาเพื่อมาเป็นธุระในการทำพิธีฌาปนกิจศพ ของหลวงพ่อกบ ผู้เป็นอาจารย์ เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความงุนงงให้ผู้คนและลูกศิษย์ เนื่องจากสมัยก่อนการสื่อสารไม่รวดเร็วเหมือนปัจจุบัน การส่งข่าวไปหากันแต่ละครั้งใช้เวลาหลายวัน บ่งบอกได้ว่า หลวงพ่อโอภาสี ก็เป็นพระอภิญญาเหมือนอาจารย์ทุกประการ เพราะสามารถหยั่งรู้ความเป็นไปในโลกและรับรู้ว่าอาจารย์ละสังขารแล้วอย่าง น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ปริศนาธรรม "ทองหนึ่ง"
    บนกุฎิหลังใหม่ลูกศิษย์นำระฆังทองเหลืองมาถวายหลวงพ่อกบหลายใบ วันดีคืนดีท่านก็จะลุกขึ้นมาตีระฆังเสียงดังกังวาน “หง่าง หง่าง" และตะโกนว่า “ทองหนึ่ง ทองหนึ่ง ทองหนึ่ง ทองหนึ่ง" และท่านชอบเขียนเลข ๑ หรือเครื่องหมาย + ตามข้าวของเครื่องใช้จนเปื้อนไปหมด

    เคยมีลูกศิษย์ถามว่า “หลวงพ่อเจ้าค่ะ ทองหนึ่ง คืออะไรเจ้าค่ะ" ท่านหันมาตอบว่า "หนึ่งคือหนึ่งไม่มีสอง เปรียบเสมือนทองยังไงก็เป็นทองวันยังค่ำ" หมายถึง "ธรรมะ" หรือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่หนึ่งในโลก ไม่ว่ากาลเวลาผ่านพ้นไปเท่าใดก็ยังคงเป็นที่หนึ่งเสมอนั่นเอง

(คำว่า "ทองหนึ่ง" มีหลายคนแปลความหมายผิดเพี้ยนคิดว่าเป็นคาถาประจำตัวของท่าน จริง ๆ แล้วเป็นปริศนาธรรมของหลวงพ่อกบ ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจาก หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (เขาพลอง) จ.ชัยนาท ศิษย์สายตรงของหลวงพ่อกบและศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อโอภาสี ผู้บูชาไฟเผากิเลสอาศรมบางมด ฝั่งธนบุรี ซึ่งมีการเล่าขานสืบต่อกันมาในหมู่ลูกศิษย์สายเดียวกัน)

    สอนธรรมะ "ชั่งเขา ชั่งวมัน" หลวงพ่อกบท่านชอบสอนปริศนาธรรมให้ลูกศิษย์และคนใกล้ชิดไปขบคิดกันเอาเอง อย่างเช่นวันหนึ่งท่านหยิบเขาควายและหัวมันมานั่งชั่งกิโลแล้วนั่งมองซ้าย มองขวา หยิบแล้วหยิบอีกอยู่อย่างนั้น จนลูกศิษย์เห็นเข้าถามว่า "หลวงพ่อทำอะไร" ท่านก็ตอบว่า "กูกำลังชั่งเขา ชั่งมันอยู่โว้ย อย่ามากวนใจ" ลูกศิษย์ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า นี่ท่านกำลังสอนธรรมะพวกเราอยู่แน่ ๆ โดยการกระทำของท่านน่าจะหมายถึง การให้รู้จักปล่อยวางเดินตามทางสายกลาง ไม่ยึดติดด้านใดด้านหนึ่ง เพราะเป็นตัวถ่วงในการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานและการพิจารณาลดละกิเลสนั่นเอง


อัศจรรย์ละสังขารไปแล้วยังปรากฎกายได้
    เรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดจากแม่ชีคนหนึ่ง (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) บนวัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (เขาพลอง) อ.เมือง จ.ชัยนาท ราวก่อนเข้าพรรษาปี พ.ศ. ๒๕๒๑ สมัยนั้น หลวงพ่อชื้น เจ้าอาวาสยังไม่มรณภาพ ทางวัดได้จัดงานขึ้น โดยมีคณะศิษย์เก่าและใหม่หลายพันคนมาร่วมงานแน่นขนัดศาลาหลังใหญ่บนเขาพลอง ระหว่างมีพิธีสวดเพื่อถวายจตุปัจจุยไทยทานแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แม่ชีเกิดปวดท้องไปเข้าห้องน้ำที่ศาลาเล็กด้านหลังศาลาใหญ่ พอเสร็จธุระออกมาเห็นพระภิกษุชรา นุ่งห่มจีวรสีกรักเก่าคร่ำคร่านั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนข้างศาลา ๑ รูป แม่ชีถามว่า "หลวงพ่อเจ้าค่ะ นิมนต์ไปศาลาใหญ่ดีกว่าเจ้าค่ะ" แต่พระภิกษุชราไม่ไป บอกเพียงว่า "ข้ามาดูเฉย ๆ ว่างานเรียบร้อยดีไหม เดี๋ยวก็ไปแล้ว" แม่ชีก็ไม่คิดอะไร ทิ้งท่านนั่งอยู่รูปเดียว รีบเข้าไปร่วมพิธีในศาลาใหญ่จนเสร็จพิธีออกมามองหาพระภิกษุชราก็ไม่เห็นแล้ว ถามใครก็ไม่มีใครรู้ จนแม่ชีด้วยกันถามว่าหาใครอยู่หรือ จึงเล่าเรื่องราวให้ฟังสร้างความสงสัยให้ทุกคนว่าพระภิกษุชรามาจากไหน กระทั่งเม่ชีหลือบไปเห็นรูปถ่ายหลวงพ่อกบประดิษฐานที่โต๊ะหมู่บูชาถึงกับ เข่าอ่อน ยืนยันว่าพระภิกษุชราที่ตามหากันอยู่คือพระในรูปนั่นเอง พอหลวงพ่อชื้นทราบเรื่องเข้าก็หัวร่อบอกว่า "หลวงพ่อเขาสาริกาท่านเป็นห่วงลูกศิษย์เลยแวะมาดู ไม่มีอะไรหรอก วันหลังเดี๋ยวท่านก็มาใหม่"

    เรื่องปาฏิหาริย์นี้ถูกเล่าขานในหมู่ลูกศิษย์สมัยนั้นมาก จนหลวงพ่อชื้นต้องเฉลยว่า "ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหลวงพ่อกบท่านเป็นพระอภิญญา มีกายและจิตเป็นทิพย์ สามารถไปไหนมาไหนได้ทั้ง ๓ โลก (มนุษย์ สวรรค์ นรก) แม้สังขารหรือกายเนื้อท่านจะไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่จิตยังสำแดงอิทธิฤทธิ์ได้ จึงปรากฎกายให้เห็นได้ เหมือนหลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด ฝั่งธนบุรี"

วัตถุมงคลของหลวงพ่อกบ
หลวงพ่อกบเป็นพระ ที่แปลก ชั่วชีวิตของท่านไม่เคยสร้างวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังให้เช่าบูชา เหมือนเกจิอาจารย์รูปอื่นๆ ยกเว้นท่านจะทำแจกลูกศิษย์ใกล้ชิดและผู้ศรัทธาไม่กี่คน ซึ่งมีจำนวนน้อยและเป็นวัสดุที่หาไม่ยากในท้องถิ่น หลายคนอาจไม่เคยมีโอกาสได้เห็นและนึกไม่ถึงตามคำกล่าวที่ว่า "มีเงินมีทองไช่ว่าจะครอบครองของดีกันได้ง่าย ๆ"

จากคุณ    : phutakun


57  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 12:51:28 pm
หลวงพ่อมีวัดมารวิชัย พบปาฏิหาริย์หลวงพ่อกบ
    ใน เวลาเช้า ณ เขาสาริกา พระธุดงค์ที่นำโดยหลวงพ่อมิได้เตรียมตัวที่จะออกบิณฑบาตกันตามปกติ ขณะนั้นมีชายชราผู้หนึ่งแต่งกายด้วยชุดขาวล้วน ๆ มาบอกว่า หลวงพ่อกบให้มานิมนต์พระคุณเจ้าทุกองค์ขึ้นไปฉันเช้าบนถ้ำเขาสาริกา หลวงพ่อมีจึงนำพระภิกษุทั้งหลายติดตามตาผ้าขาวขึ้นเขาในทันที เพราะเคยได้ยินชื่อเสียงของหลวงพ่อกบ ทั้งยังมีความตั้งใจ
จะขึ้นไปกราบนมัสการท่านอยู่ก่อนแล้ว

    เมื่อพระธุดงค์ทั้งหมดขึ้นไปถึงก็ต้องแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะภาพที่เห็นหลวงพ่อกบ ท่านได้จัดสำรับข้าวและแกงเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ทราบว่าท่านไปหามาจากไหนในเวลาอันเช้าตรู่เช่นนี้ พอฉันเสร็จก็พากันไปนมัสการหลวงพ่อกบ ซึ่งแต่งกายด้วยผ้าอังสะ กำลังนั่งยอง ๆ เอาสิ่งของโยนใส่กองไฟ เมื่อเข้าไปกราบหลวงพ่อกบ ท่านก็นั่งเฉยไม่เป็นธุระเอาแต่เผาไฟอยู่อย่างเดียว...

    ฉันจึงกราบท่านหลวงพ่อครับผมขอให้หลวงพ่อช่วยแนะนำทางธรรมบ้าง ท่านจึงหันมายิ้มแล้วพูดว่า.."เรียนมากับหลวงพ่อปานนั่นดีแล้ว.. ถูกแล้วปฏิบัติตามพระพุทธองค์ท่านไว้" ... ดูซิฉันยังไม่ทันได้บอกท่านเลยว่าเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปาน ท่านก็สามารถรู้ล่วงหน้าก่อนแล้ว... ต่อจากนั้น ท่านก็แนะนำหลักปฏิบัติธรรมบางอย่างให้และพูดถึงเรื่องการ เผาไฟของท่านว่า...มันเป็นการเผากิเลสนะ..อ้ายพวกนั้นมันไม่เคยเห็นก็เลย ตื่นกันใหญ่...เราจะทำยังไง ที่ไหน มันก็เหมือนๆ กันทั้งนั้น มันอยู่ที่ใจ"

    พอท่านพูดจบก็นั่งเฉยนิ่งไม่พูดไม่จากับใครอีก ฉันไม่อยากรบกวนการปฏิบัติธรรมของท่านก็เลยกราบลาท่านลงจากเขาไป หลวงพ่อมีเล่าเหตุการณ์ในระหว่างการเดินธุดงค์ไปพบหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา และโชคดีได้ศึกษาหลักปฏิบัติธรรมบางประการจากท่านมาโดยบังเอิญละท่านได้มา จัดการฌาปนกิจศพให้กับหลวงพ่อกบด้วย เชื่อกันว่าทั้งสองท่านได้ติดต่อกันทางจิต กลุ่มศิษย์หลวงพ่อกบจึงได้ตั้งเป็น สมาคมศิษย์หลวงพ่อเขาสาริกา มีกิจกรรมทางศาสนาสืบต่อกันมาจวบเท่าทุกวันนี้

    หลวงพ่อกบ เป็นใคร ? มาจากไหน ? เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ? ไม่มีใครรู้แน่ชัด เพราะท่านไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังแม้แต่คนเดียว ใครถามมักตอบเพียงว่า “กูไม่มีอดีต กูมีแต่ปัจจุบันและอนาคต" และหากใครถามถึงอายุ ท่านจะว่า “กูจำไม่ได้" แล้วไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย

    คนใกล้ชิดและคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเขาสาริกาเล่าว่า หลวงพ่อกบ น่าจะเป็นพระธุดงค์ รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว คาดว่าน่าจะมีเชื้อสายจีน ท่านเดินด้วยเท้าเปล่ามาจากไหนไม่มีใครเห็น คาดว่ามาจากทางแม่น้ำน้อยหรือทางทิศตะวันตกของ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี มีท่าทีประหลาดไม่เหมือนพระทั่วไป ชาวบ้านพบครั้งแรกในสภาพนุ่งห่มจีวรเก่าคร่ำคร่า แบกไม้คานหาบกระบุงเปล่าไว้บนบ่า ๒ ใบ เดินผ่านมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ชาวบ้านร้องทักว่า “หลวงพ่อหาบกระบุงเปล่าไปทำไม” ท่านก็พูดว่า “กูหาบมาใส่เงินใส่ทองโว้ย” ว่าแล้วก็เดินดุ่ม ๆ เข้าไปพำนักในวัดเขาสาริกา หมู่ ๖ ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งสมัยนั้นเป็นวัดเก่า ๆ เกือบจะเป็นวัดร้าง ราวปี พ.ศ. ๒๔๓๐

    หลวงพ่อกบมาถึงวัดเขาสาริกาไม่พูดจากับใคร นั่งบำเพ็ญเพียรภาวนา เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานอย่างเดียว ไม่ทำความรู้จักกับใครทั้งนั้น แม้พระภิกษุด้วยกันในวัดก็ไม่เคยพูดด้วย ท่านฉันภัตตาหารแต่น้อยไม่กี่คำก็เลิก ข้าวปลาอาหารที่ญาติโยมนำมาถวายก็โกยมากองรวมกันโยนให้สุนัขและแมวกินเป็น ประจำ ใครนำเงินทองมาถวายก็โยนเข้ากองไฟหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว

    แรก ๆ หลวงพ่อกบนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในวัดเขาสาริกา ตากแดดตากฝนอยู่เพียงลำพัง ชาวบ้านสงสารปลูกเพิงพักหลังคามุงแฝกหลังเล็ก ๆ ให้พอหลบแดดฝน ท่านก็ไม่ว่าหรือทักท้วงอะไร ยอมขึ้นไปพำนักในเพิงพักโดยดี

    นานหลายปีที่หลวงพ่อกบนั่งบำเพ็ญเพียรเพียงรูปเดียวอยู่เช่นนั้น ก็เริ่มมีคนต่างถิ่นและคนแปลกหน้าเดินทางมากราบไหว้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์เล่า เรียนวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดเขาสาริกามากขึ้นทุกที สร้างความแปลกใจให้ชาวบ้านและพระในวัด เพราะท่านไม่เคยออกจากวัดไปไหน สอบถามทุกคนจะตอบว่า “เคยใส่บาตรกับท่าน รู้สึกศรัทธาก็เลยมาหา" บางคนมาจากเชียงใหม่บ้าง กรุงเทพฯ บ้าง สุราษฎร์ธานีหรือภูเก็ตก็มี ไม่เว้นแม้สงขลา ยะลา ปัตตานี ยิ่งทำให้ชาวบ้านกังขามากขึ้น ซึ่งนับวันผู้คนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ท่านก็ไม่ค่อยพูดกับใครเหมือนเดิม ยกเว้นลูกศิษย์ใกล้ชิดไม่กี่คน

    ต่อมาเพิงหลังคามุงแฝกของหลวงพ่อผุพังลง ลูกศิษย์และชาวบ้านที่ศรัทธารวบรวมเงินบริจาคสร้างกุฎิไม้ถวาย ๑ หลัง มีขนาดกว้างขวางกว่าเดิม ใช้เป็นที่พำนักของหลวงพ่อและลูกศิษย์ที่บ้านอยู่ไกล เผื่อเดินทางมาหาหลวงพ่อจะได้ไม่ลำบากเรื่องที่นอน

    นับวันวัดเขาสาริกาจะกลายเป็นศูนย์รวมผู้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อ ทำให้ถูกทางการสมัยนั้นจับตามองกล่าวหาว่าเป็นแหล่งมั่วสุมผู้คน พ.ศ. ๒๔๕๐ ทางการส่งเจ้าหน้าที่มาสอบถามและตรวจสอบ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย พบเพียงผู้คนมาปฏิบัติธรรมและไม่ได้เป็นที่ซ่องสุมผู้คนจึงกลับไป

ต่อ มามีคณะพระผู้ใหญ่เดินทางมาหา หลวงพ่อกบ อีกครั้ง เพื่อสอบสวนประวัติความเป็นมา เนื่องจากกลัวเป็นพวกลัทธิใหม่หรือพวกนอกรีต เนื่องจากพฤติกรรมของท่านค่อนข้างประหลาดไม่เหมือนพระทั่วไป แต่ท่านไม่ยอมบอกว่าเป็นใครและใครเป็นพระอุปัชฌาย์ จึงมีการทดสอบความรู้เรื่องธรรมะกันขึ้น ไม่ว่าจะถามเรื่องอะไร ในพระไตรปิฎกเล่มไหน หน้าอะไร หัวข้อเท่าไหร่ หลวงพ่อกบตอบถูกทั้งหมด และท่านถามกลับไปว่า “หัวใจของพระพุทธศาสนาคืออะไร” ปรากฎว่าไม่มีใครหรือพระเถรผู้ใหญ่ตอบได้แม้แต่รูปเดียว เงียบกันหมด ท่านจึงเฉลยให้ฟังว่าหัวใจพุทธศาสนาก็คือ “ศีล สมาธิ ปัญญา”เพราะเป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ เท่านั้นเองกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่พระผู้ใหญ่ไม่พอใจ สั่งให้ หลวงพ่อกบ ลาสิกขาบท กล่าวหาว่าเป็นพระเถื่อนไม่มีใบสุทธิบัตร พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่น่าเชื่อถือ ท่านก็ไม่สนใจหรือเถียงอะไรยอมถอดจีวรออกลาสิกขาบทโดยดี หันมานุ่งขาวห่มขาวแทน ตอนนั้นลูกศิษย์ร้องไห้ระงมทั่ววัดเขาสาริกา เพราะสงสารท่าน จนหลวงพ่อบอกว่า “พวกมืงจะร้องทำไมกันวะ พระก็คือพระวันยังค่ำ จะใส่อะไรก็เป็นพระ เหมือนทองจมขี้โคลน ยังไงก็เป็นทองนั่นแหละ” ทำให้ลูกศิษย์คิดได้ว่า พระไม่ได้หมายถึงการนุ่งห่มผ้าเหลือง แต่หากสามารถลดละกิเลสได้ ไม่ว่าแต่งกายชุดอะไรก็ถือว่าเป็นพระอยู่วันยังค่ำ พระแท้พระดีจึงมิไช่อยู่ที่ผ้าเหลืองด้วยประการฉะนี้
58  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 12:51:02 pm
"หลวงพ่อกบนั้นเป็น พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณทรงสมาบัติแปดตลอด ท่านจึงไม่รู้ร้อนรู้หนาว"     (หลวงพ่อพระราชพรหมยานเล่าไว้ เมื่อ ปลายปี ๒๕๑๗ จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑ หน้า ๓๒๙)



ที่มาของนาม หลวงพ่อกบ
    หลวงพ่อกบ จำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสาริกา ผ่านไปหลายปี ชื่อเสียงของท่านโด่งดังมาก ครั้งหนึ่งช่วงออกพรรษาปี พ.ศ.ใด ไม่ชัดเจน มีกฐินจากกรุงเทพฯ มาทอดที่วัดภายหลังเสร็จสิ้น จากพิธีถวายกฐิน ญาติโยมจากกรุงเทพฯ จำนวนหนึ่งจำเป็นต้องค้างแรมที่วัด หลวงพ่อท่านเมตตาให้ค้างแรมในกุฏิ คืนนั้นหลายคนนอนไม่หลับ เพราะไม่ได้ทานข้าวเย็น เนื่องจากที่วัดจัดให้มีไม่พอ เวลาผ่านไปประมาณ ๓ ทุ่ม ก็บังเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส พลันก็เกิดเมฆดำทะมึนก่อตัวขึ้น สักครู่เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า พร้อมฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา สายน้ำไหลเจิ่งนอง ประสานเสียงร้องของกบดังไปทั่ว มองลงไปที่ลานหน้ากุฏิ เต็มไปด้วยกบตัวใหญ่ๆ กระโดดโลดเต้นไปมา “ พวกเอ็งหิวไหมว๊ะ ” เสียงเอ่ยถามของหลวงพ่อ ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน "หิวขอรับ"  "ถ้างั้นเอ็งรอเดี๋ยว กูจะลงไปแทงกบมาให้พวกเอ็งทำต้มยำกิน" ว่าแล้วท่านก็คว้าฉมวกลงกุฏิไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามองตามลงไปเห็นหลวงพ่อกำลังใช้ฉมวกทิ่มแทงกบตัวแล้วตัวเล่า อนิจจา!!! ศรัทธาของพวกเขาเริ่มเหือดหายไป แต่ด้วยความหิว คืนนั้นต้มยำกบหม้อใหญ่ก็ถูกกินจนเกือบหมด

    เช้าวันรุ่งขึ้น มีคนหนึ่งสงสัยว่า ต้มยำกบที่เขากินเมื่อคืนเป็นกบจริงๆ หรือเปล่าเขาจึงย่องเข้าไปดูในโรงครัว เมื่อเปิดฝาหม้อดู เขาก็ต้องผงะ ตกตลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ ด้วยว่า สิ่งที่เห็นอยู่ในหม้อหาใช่กบไม่ แต่เป็นยอดกระถิน และใบมะขามอยู่เกือบครึ่งค่อนหม้อ เหตุการณ์นี้ถูกนำมาเล่าต่อๆ กันมาว่า หลวงพ่อท่านสร้างปาฏิหาริย์เสกใบไม้ให้กลายเป็นกบ จนกลายมาเป็นที่มาของนามท่าน "หลวงพ่อกบ"

มูลเหตุแห่งความศรัทธา
    ด้วยปฏิปทาอันแปลกประหลาดของหลวงพ่อกบ รวมทั้งปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ หลวงพ่อกบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าฉงน และไม่สามารถหาคำอธิบายได้ เป็นมูลเหตุแห่งความศรัทธา ที่คนทั่วไปเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า หลวงพ่อกบ ท่าน เป็นผู้ทรงศีลที่มีฌานสมาบัติขั้นสูง และมีพลังเร้นลับ สามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปยากที่จะเข้าใจได้ จึงขอนำเรื่องราวดังกล่าว มาเล่าสู่กันฟังพอสังเขป

ปฏิปทา
    ปกติหลวงพ่อกบ จะบำเพ็ญเพียรภาวนาในท่านั่ง ยองๆ เป็นเวลายาวนานติดต่อกัน คราวละ ๗-๑๕ วัน โดยที่ท่านไม่ลุกไปไหนเลย ไม่ฉันอาหาร น้ำ หรือแม้แต่การถ่ายหนักเบา เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเข้าใจกันว่า ปฏิปทาอันเหลือเชื่อของท่านเกิดขึ้นได้ เพราะท่านสามารถถอดจิตออกจากกายได้ ทำให้กายไม่รับรู้ต่อสภาพความหิว และความเจ็บปวดใดๆ

- นั่งท่ายองๆ ไม่ว่าจะสวดมนต์ หรือทำกิจวัตรใดๆ และนอนตะแคงขวาเป็นประจำ

- นุ่งสบงเก่าๆ ผืนเดียว ไม่ห่อจีวร ที่คอแขวนลูกกระพรวน

- อยู่แต่ในวัดไม่เคยเดินออกไปไหนเลย

- ใช้น้ำชา และต้มเครื่องเทศเป็นยารักษาโรค ชื่อเสียงของท่านถูกกล่าวขานปากต่อปาก ผู้คนจำนวนมากมารับการรักษาจากท่าน เป็นเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงปฏิปทาที่เต็มไปด้วยความเมตตาอย่างสูงของท่าน

ปรากฏการณ์แปลกประหลาด
-มี ผู้คนจากจังหวัดต่างๆ มานมัสการ และทำบุญกับหลวงพ่อกบอย่างล้นหลามมิได้ขาด พวกเขาเหล่านั้นรู้จักหลวงพ่อได้อย่างไร ? ทั้งๆ ที่หลวงพ่ออยู่แต่ในวัด และชาวบ้านเขาสาลิกาก็ไม่เคยออกไปแจกซองกฐิน หรือซองผ้าป่าที่ไหนเลย ถนนหนทางเข้าวัดในขณะนั้นก็ยังไม่มี มันเป็นไป ได้อย่างไร ! เมื่อสอบถามดูพวกเขาเหล่านั้นพูดทำนองเดียวกันว่า ได้พบเห็นหลวงพ่อกบไปบิณฑบาตที่บ้านตน ด้วยความศรัทธาจึงพากันติดตามถามหา จนมาพบท่าน และทุกอย่างเป็นจริงตามที่หลวงพ่อกบบอกไว้ทุกประการ

- บ่อยครั้งมีผู้พบเห็นท่านในเวลาเดียวกันถึง ๒ แห่ง เชื่อกันว่า ท่านสามารถถอดกายทิพย์ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ได้

- น้ำชา และต้มเครื่องเทศ สามารถทำให้โรคภัยไข้เจ็บของชาวบ้านหายได้อย่างไร ? เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เป็นไปได้ หรือไม่ ว่า หลวงพ่อกบ ให้พลังจิตช่วยในการรักษา

- พลังเมตตาบารมี ? หลวงพ่อกบ เป็นคนเฉยๆ หากมีคนมานมัสการท่าน ท่านเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมาดู ไม่ค่อยโอภาปราศรัยด้วย แต่ก็เป็นเรื่องแปลกทุกคนที่มาหาท่านต่างยอมรับว่า รู้สึกศรัทธา และปลื้มปีติสุข เมื่อได้พบกับหลวงพ่อกบ

มรณภาพ
    หลวงพ่อกบ ท่านละสังขารเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๔๙๖ ในวันนั้นหลวงพ่อโอภาสีได้ขึ้นมาที่วัด และรับเป็นประธานในงานเผาสรีระของท่าน หลวงพ่อโอภาสีทราบได้อย่างไร ? ชาวบ้านต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่มีใครส่งข่าวไปบอกท่าน" เพราะหนทางไกล การคมนาคมสมัยนั้นลำบากมาก ในเรื่องนี้เข้าใจกันว่า หลวงพ่อโอภาสี ท่านคงทราบได้ด้วยฌานเช่นเดียวกัน การละสังขารของหลวงพ่อกบ ยังความโศกเศร้าเสียใจให้กับผู้คนจำนวนมาก ทุกสิ่ง ทุกอย่างแห่งความดี และความเมตตาอารีของท่านยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของเหล่าพุทธศาสนิกชนอย่าง ไม่มีวันลืม ตราบจนทุกวันนี้
59  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 12:50:28 pm
ประวัติ หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา
วัดเขาสาริกา ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
หลวงพ่อกบ  พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ

    หลวงพ่อกบเป็นใครมาจากไหน ไม่มีใครทราบแน่ชัด รู้จากคนใกล้ชิด คนแก่ในหมู่บ้าน ท่านบอกได้เพียงว่าเป็นพระธุดงค์ รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว เชื้อสายจีน มาจากทางแม่น้ำน้อย ประมาณ ปี พุทธศักราช ๒๔๓๐ ได้มาจำวัดอยู่ที่วัดเขาสาริกา หมู่ ๖ ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นวัดเก่าๆ อยู่ในหมู่บ้านเขาสาริกา หมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากอำเภอบ้านหมี่ประมาณ ๘ กิโลเมตร

    ในสมัยนั้นไม่มีรถ ต้องเดินทางด้วยเท้า เมื่อมาพักที่วัดนี้แล้วก็ไม่พูดกับใคร ได้แต่บำเพ็ญเพียรภาวนา เจริญสมถวิปัสสนา ไม่สนใจจะทำความรู้จักกับใคร แม้แต่กับพระภิกษุภายในวัด ท่านปฏิบัติเช่นนี้ประมาณ ๑๐ ปี เริ่มมีคนพูดถึงกิตติศัพท์ของท่านมากขึ้น

    โดยมีชาวบ้านต่างถิ่นเริ่มเดินทางมาหาท่าน มานมัสการ เอาภัตตาหารมาถวายท่านถึงวัด บางคนมาถามหาบอกว่าเคยใส่บาตร เคยสนทนาพูดคุยด้วย ทำให้ชาวบ้านเขาสาริการู้สึกแปลกใจ เพราะว่าท่านไม่เคยออกไปไหนเลย ทำไมคนต่างถิ่นรู้จักท่านได้อย่างไรยิ่งนานวัน ยิ่งมีผู้คนมามากขึ้น ท่านเองก็ยังไม่ยอมพูดคุยกับใครยังคงปฏิบัติเช่นเดิม ฉันภัตตาหารเพียงเล้กน้อย ใครนำเงินมาถวายท่านก็เผาเสีย ไม่สนใจใยดีกับแก้วแหวนเงินทองแต่อย่างใด ซึงหมายถึงเป็นการเผากิเลส


    ประมาณปี พุทธศักราช ๒๔๕๐ วัดเขาสาริกาเริ่มทรุดโทรม พระย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่น เหลือเพียงหลวงพ่อกบองค์เดียว ทางการจึงได้ยุบวัดเขาสาริกา และให้หลวงพ่อกบลาสิกขาบท ท่านจึง นุ่งขาวห่มขาวเป็นชีปะขาว แต่ยังคงปฏิบัติตามแบบอย่างทุกประการ เริ่มมีการพูดคุยกับผู้มานมัสการบ้างเล็กน้อย แต่การพูดคุยกลับเป็นว่า ท่านรู้ความคิดผู้ที่คุยด้วยว่าต้องการอะไร มีชายคนหนึ่งที่ท่านบอกให้เดินทางไปทำมาหากินทางเหนือ ปรากฎว่าภายหลังชายคนนั้นได้เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต มาทุกวันนี้ และทุกวันชายคนนี้ยังคงกราบไหว้ นับถือหลวงพ่อกบมาเท่าทุกวันนี้

    มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ท่านบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ได้เกิดฝนตก ฟ้าร้องอย่างหนัก บรรดาลูกศิษย์เตรียมตัวหนีออกจากกุฏิ เพราะเกรงว่าจะพัง ท่านบอกว่าไม่ต้องไปเดียวก็หยุด พักเดียวฝนก็หยุด และมีเสียงกบร้องลั่นทุ่ง หลวงพ่อรู้เท่าทันความคิดของศิษย์จึงบอกให้ไปจับกบมาแกงกิน ลูกศิษย์ดีใจจึงไปไล่จับกบ แต่กลับไม่ได้เลยสักตัวเดียว หลวงพ่อจึงไปจับให้เอง เดี๋ยวเดียวได้กบมาเต็มตะค่อง ส่งให้ลูกศิษย์ แล้วสั่งว่าถ้ากินไม่หมดให้ปล่อยไป ลูกศิษย์ไม่เชื่อแอบเอาใส่ไหซ่อนไว้ พอรุ่งเช้ากลับกลายเป็นใบไม้ สร้างความงุนงงให้กับบรรดาลูกศิษย์เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่มาของชื่อ หลวงพ่อกบ

    หลวงพ่อกบท่านได้สอนเป็นปริศนาธรรมไว้หลายอย่าง เช่น ชั่งเขา ชั่งมัน การเขียนเลข ๑ หรือกากบาทตามภาชนะเครื่องใช้ ท่านยังบูชาไฟลูกศิษย์จึงได้นำน้ำมัน และตะเกียงมาถวายมากมาย สิ่งของที่ท่านได้มาก็จะทำการเผาทิ้งหมด เพราะว่าสิงของทั้งหมดเป็นกิเลส กุฏิที่ท่านพักอาศัยก็ทำด้วยไม้ไผ่สับฟาก โดยบอกว่า มีหูมีตา ท่านจะมองเห็นข้างนอกได้ดี และนำหินมากองใต้กุฏิและบอกว่าท่านได้อยู่บนเขาแล้ว เวลาฉันภัตตาหารก็จะเทเศษอาหารที่เหลือให้กับนกหนูที่อยู่ในกองหินนั้นเป็น ประจำ ซึ่งแสดงว่าท่านได้ละซึ่งกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ไม่สนใจใยดี กับสิ่งนอกกาย สร้างบารมีโดยการให้ทาน และมีครั้งหนึ่งที่ท่านได้นอนตากแดดเจ็ดวันเจ็ดคืน โดยไม่เป็นอะไรเลย ผู้คนเชื่อว่าท่านสามารถแยกร่างได้

    เมื่อถึงพุทธศักราช ๒๔๙๗ ท่านได้ละสังขารที่กุฏิวัดเขาสาริกานั่นเอง เป็นที่น่าแปลกใจที่หลวงพ่อโอภาสี จากสำนักพุทธญาณโอภาสี บางมด มีญาณหยั่งรู้ถึงกันว่าหลวงพ่อกบละสังขารแล้ว
60  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พศ.เตือน "ทัวร์ธรรมะ" ระวังคำสอนบิดเบือนหลักศาสนา พบเห็นให้แจ้งทันที เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2011, 05:42:10 pm
ปัจจุบัน วัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็ส่งเสริมแต่การสะเดาะห์เคราะห์ อะไรประเภทนี้ เน้นคนทำบุญบริจาคมากกว่า
ให้ปัญญา ก็เห็นด้วย กับคำเตือน แต่ใครเป็นผู้ดำเนินการ ก็พระคุณเจ้า กับกรรมการวัด ไงละ ที่เป็นหลักที่จะำทำให้วัดเป็นไปตามแนวทางพุทธแท้ ไม่ใช่พุทธเทียม

 :25: :19:
61  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญร่วมปฏิบัติธรรม สิงหา ราชินี วันที่ 12 - 13- 14 ส.ค. 54 วัดราชสิทธาราม คณะ 5 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2011, 05:40:38 pm
อนุโมทนา คะ ได้ไปมาแล้วคะ ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม หลวงพ่อใจดีคะ และพิพิธภัณฑ์ พระกกรรมฐาน คะ
ควรไปชมด้วยสายตาเราเองนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ กับข่าวสารที่มานำเสนอไว้คะ

 :25: :25: :25:
62  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: เวียนเทียนในดินแดนที่ห่างไกล(คนไทยพลัดถิ่น) เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2011, 05:31:44 pm
เห็นภาพแล้วชื่น ใจมาก ๆ เลยคะ

สาธุ สาธุ สาธุ กับภาพที่นำมาเสนอให้ชาวกรรมฐาน ได้ชมนะะคะ

 :25: :25: :25:
63  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ชีวิต หลังจากตาย แล้ว มีจริงหรือไม่ เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2011, 05:05:33 pm
อยากให้อ่านกระทู้นี้เพิ่มด้วยนะคะ

ว่ากันว่าคนใกล้ตาย...ลืมตาเห็นโลกนี้ หลับตาเห็นโลกหน้า

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1745.0


ขอบคุณภาพประกอบจาก http://mundoyo.com
64  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ความหมายของการปล่อยปลา .... เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2011, 05:02:17 pm
สาธุ เ้รื่องนี้อ่านแล้วดีมากคะ อยากให้ช่วยกันเผยแพร่ คะ
เพราะการปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยสัตว์ ไม่ทำร้ายสัตว์ เป็นบุญคะ

 :25: :25: :25:
65  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ชีวิต หลังจากตาย แล้ว มีจริงหรือไม่ เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2011, 07:06:45 pm
เชื่อเถอะครับ เพราะการเชื่อก็ไม่ได้เสียหาย อะไรนะครับ
ส่วนเรื่องสภาวะ เชื่อ หรือ ไม่เชือ ก็เป็นอยู่อย่างนั้น เพราะเรารู้ได้ เห็นได้ สัมผัสได้อยู่แล้วครับ

66  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / Re: สัจจธรรมบทสุดท้ายเมื่อพุทธทาสกลับสู่ธรรมชาติ เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 02:03:01 pm
สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 06



สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 07



สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 08



สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 09

http://www.youtube.com/watch?v=hW1HOGXTSDw# (Embedding disabled, limit reached)

สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 10

http://www.youtube.com/watch?v=57SRf3TC2n8# (Embedding disabled, limit reached)
67  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / Re: สัจจธรรมบทสุดท้ายเมื่อพุทธทาสกลับสู่ธรรมชาติ เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 02:01:13 pm
สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 03



สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 04



สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 05



68  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / Re: สัจจธรรมบทสุดท้ายเมื่อพุทธทาสกลับสู่ธรรมชาติ เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 01:58:28 pm
สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 01



สัจธรรมบทสุดท้าย พุทธทาส 02

69  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / สัจจธรรมบทสุดท้ายเมื่อพุทธทาสกลับสู่ธรรมชาติ เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 01:56:51 pm



สัจจธรรมบทสุดท้ายเมื่อพุทธทาสกลับสู่ธรรมชาติ
70  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตาในฐานะเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาHD เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 01:53:58 pm
สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตาในฐานะเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาHD

71  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ประวัติพระสีวลี เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 01:51:50 pm


ประวัติพระสีวลี
72  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ทำอยู่กับปัจจุบัน เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 01:49:19 pm


ทำอยู่กับปัจจุบัน
หน้า: 1 [2]