ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - สมภพ
หน้า: 1 [2]
41  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.kammatanclub.com ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน เมื่อ: สิงหาคม 19, 2011, 09:45:39 am


http://www.kammatanclub.com
ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน
42  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ละสังขารแล้ว เมื่อ: สิงหาคม 19, 2011, 09:41:39 am
16 ส.ค.2554

วันนี้เวลา 05.00 น. หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
ละสังขารแล้วด้วยอาการสงบ ณ วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง)
อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด สิริรวมอายุได้ 94 ปี 3 เดือน 14 วัน พรรษา 66...

จากคุณ : นัยนะ





หลวงปู่ศรี มหาวีโร.wmv

43  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คติธรรม จาก หลวงปู่ชา เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 09:11:34 am

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.vcharkarn.com

ความเห็น นะครับ
พูดถึงการปฏิบัติ มีมากมายเชียวนะครับ ในการเจริญธรรม ตามแบบ ตามสำนัก ตามสาขา

แต่ถ้ายึดถือ ข้อปฏิบัติ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสแสดง ไว้ในครั้งแรก ก็มีอันเดียวกครับคือ

  มรรค หรือ อริยะมรรค อันประกอบด้วยองค์ 8


 :s_hi:
44  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การเผยแผ่พระพุทธศาสนา เริ่มต้นหลังจาก พระพุทธเจ้าตรัสรู้ 9 เดือน เมื่อ: สิงหาคม 09, 2011, 08:06:54 am


....ทั้งสมัยพุทธกาลและสมัยหลังๆต่อๆมา  การเผยแผ่ศาสนาพุทธ  ทำแบบเดียวกัน  คือ  พระภิกษุจะจาริกไปตามสถานที่ต่างๆ  ประเทศต่างๆ  เริ่มครั้งแรกหลังจากมีการประชุมสงฆ์แรกหลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ๙ เดือน  คือ เมื่อมีการประชุมสงฆ์  ๑๒๕๐  รูป เพื่อฟังพระโอวาทปาฏิโมกข์แล้ว  ต่อจากนั้น  พระอรหันต์เหล่านั้น  ก็กระจายแยกย้ายไปตามที่ต่างๆ  ตามพระพุทโธวาทของพระพุทธเจ้าที่ตรัสว่า ... " ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความ สุขแก่มหาชน เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย "


.....หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จ ดับขันธ์ปรินิพพาน ๒๓๖  ปี  มาถึงสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช  ได้มีการสังคายนาครั้งที่ ๓  เกิดขึ้น   แล้วมีการส่งสมณฑูต  ออกเผยแพร่ศาสนาครั้งใหญ่ที่สุด  คือ ส่งคณะพระภิกษุกระจายออกไปในประเทศต่างๆทั่วโลก แยกเป็นสายๆ  มีถึง ๙  สาย    สายหนึ่งนำโดยพระโสณะ และพระอุตตระ  มาถึงเมืองไทย หรือสมัยนั้นเรีนกว่า ดินแดนสุวรรณภูมิ  เมืองไทยในยุคนั้น  จึงได้รับศาสนาพุทธครั้งแรกแบบเป็นทางการ  (แต่ว่ากันจริงๆ ในยุคนั้น  ยังไม่ประเทศไทย)   ศาสนาพุทธจึงกระจายไปทั่วโลก  อย่างเต็มที่ เริ่มจากครัังนี้แหละ

๑. พระมหาเทวเถรไปยังมหิสมณฑล (คือแว่นแคว้นข้างใต้ลาน้าโคทาวารี อันเป็นประเทศไมสอร์บัดนี้) แห่ง ๑
๒. ให้พระรักขิตเถรไปยังวันวาสีประเทศ (คือแว่นแคว้นกะนะระเหนือ อันเป็นเขตเมืองบอมเบย์บัดนี้) แห่ง ๑
๓. ให้พระธรรมรักขิตเถรไปยังปรันตปะประเทศ (คือแว่นแคว้นตอนชายทะเลข้างเหนือเมืองบอมเบย์บัดนี้) แห่ง ๑
๔. ให้พระมหาธรรมรักขิตเถรไปยังมหารัฐประเทศ (คือแว่นแคว้นข้างยอดลาน้าโคทาวารี) แห่ง ๑
๕. ให้พระมัชฌันติกะเถรไปยังกัษมิระและคันธาระประเทศ (คือที่เรียกว่าประเทศแคชเมียและอาฟฆานิสถานบัดนี้) แห่ง ๑
๖. ให้พระมัชฌันเถรไปยังหิมวันตประเทศ (คือมณฑลที่ตั้งอยู่เชิงเขาหิมาลัย มีเนปาลราฐเป็นต้น) แห่ง ๑
๗.ให้พระมหารักขิตเถรไปยังโยนโลกประเทศ (คือเหล่าเมืองที่พวกโยนกได้มาเป็นใหญ่ อยู่ในแดนประเทศเปอร์เซียบัดนี้) แห่ง ๑
๘.ให้พระมหินทรเถร อันเป็นราชบุตรของพระเจ้าอโศกไปยังลังกาทวีป แห่ง ๑
๙. ให้พระโสณะเถร กับพระอุตรเถร ไปยังสุวรรณภูมิประเทศ

45  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / เสียงปลุก อมตะ ทุกงานที่ผมไปปฏิบัติธรรม เปิดทุกงาน เมื่อ: สิงหาคม 07, 2011, 08:02:17 am
The Sounds Of Awakened ๏ ธรรมะคีตะ เสียงปลุก




46  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watpaknam.org วัดปากน้ำ เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 08:51:24 am


http://www.watpaknam.org

วัดปากน้ำ


แนวกรรมฐาน วิชชาธรรมกาย

47  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ธรรมสวนานิสงส์ ๕ (อานิสงส์ในการฟังธรรม — benefits of listening to the Dharma) เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 08:45:12 am

ขอบคุณภาพจากวัดปากน้ำ http://www.watpaknam.org

ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
 
ธรรมสวนานิสงส์ ๕ (อานิสงส์ในการฟังธรรม — benefits of listening to the Dharma)

๑. อสฺสุตํ สุณาติ (ย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง, ได้เรียนรู้สิ่งที่ยังไม่เคยเรียนรู้ — He hears things not heard.)

๒. สุตํ ปริโยทเปติ (สิ่งที่เคยได้ฟัง ก็ทำให้แจ่มแจ้ง เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น — He clears things heard.)

๓. กงฺขํ วิหนติ (แก้ข้อสงสัยได้, บรรเทาความสงสัยเสียได้ — He dispels his doubts.)

๔. ทิฏฺฐึ อุชุ ํ กโรติ (ทำความเห็นให้ถูกต้องได้ — He makes straight his views.)

๕. จิตฺตมสฺส ปสีทติ (จิตของเขาย่อมผ่องใส — His heart becomes calm and happy.)

A.III.248.   องฺ.ปญฺจก.๒๒/๒๐๒/๒๗๖.

อ้างอิงจาก

http://www.dhammathai.org/bd/05.php

พจนานุกรมฉบับประมวลธรรม  โดย พระธรรมปิฎ
48  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เวลาในการภาวนา ไม่มีช่องว่าง ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2011, 10:58:13 am
“มาเถิดภิกษุ ! ท่านจงประกอบความเพียรในธรรมเป็นเครื่องตื่น (ไม่หลับ ไม่ง่วง ไม่มึนชา).
จงชำระจิตใจให้หมดจดสิ้นเชิงจากอาวรณิยธรรมทั้งหลาย ด้วยการเดิน การนั่ง ตลอดวันยันค่ำ ไปจนสิ้นยามแรก แห่งราตรี.
ครั้นยามกลางแห่งราตรี สำเร็จการนอนอย่างราชสีห์ (คือตะแคงขวา เท้าเหลื่อมเท้า) มีสติสัมปชัญญะในการลุกขึ้น.
ครั้นถึงยามท้ายแห่งราตรี ลุกขึ้นแล้ว ชำระจิตใจให้หมดจดจากอาวรณิยธรรม ด้วยการเดิน การนั่ง อีกต่อไป” ดังนี้.
อุปริ. ม. ๑๔/๘๒/๙๔.
http://www.etipitaka.com/read?language=thai&number=62&volume=14

*
ถ้าเราแบ่งกลางคืนเป็นช่วง 18.00 ถึง 6.00 จะได้ 12/4 = 3 ยาม
ยามหนึ่ง = 18.00 ถึง 22.00
ยามสอง = 22.00 ถึง 02.00
ยามสาม = 02.00 ถึง 18.00
ดังนั้น พระพุทธเจ้าให้พระภิกษุเดินสลับนั่งตลอดวันหลังฉันจนสิ้นยามแรกแห่งราตรี(22.00)
จากนั้นสำเร็จการนอนด้วยอย่างราชสีห์กระทั่งสิ้นยามสอง(02.00)
จากนั้นเดินสลับนั่งจนสิ้นยามสาม(6.00) แล้วบิณฑบาตร ขบฉัน เดินสลับนั่งต่อ


49  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์ เมื่อ: มิถุนายน 04, 2011, 09:14:07 am
หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์



"หลวงปู่ทองดำ ฐิตวัณโณ" หรือ "พระนิมมานโกวิท" วัดท่าทอง ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ หรือ หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทองเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง แก่กล้าในพลังจิตพุทธาคม ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า ทองดำ เม่นพริ้ง เกิดเมื่อปี 2441 ที่บ้านไซโรงโขน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายบุญนาค-นางจ่าย เม่นพริ้ง มีอาชีพล่องเรือค้ายาสูบ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 4

ในวัยเด็กอายุประมาณ 3 ขวบ บิดามารดาได้นำไปถวายเป็นบุตรบุญธรรมของ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ พระคณาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบางคลาน จ.พิจิตร

หลวงพ่อเงิน เคยเอ่ยปากชมว่า "ไอ้หนูคนนี้เป็นเทวดามาเกิด ใครก็เลี้ยงไม่ได้นอกจากเรา ขอให้โยมยกเด็กคนนี้ให้มาเป็นลูกของเราเถิด" ตั้งแต่นั้นมาหลวงพ่อเงินได้เลี้ยงดูอบรมสั่งสอน จนสามารถท่องบทสวดมนต์ได้อย่างรวดเร็วในวัยเพียงน้อยนิดเท่านั้น

เมื่อ อายุ 22 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ อุโบสถวัดวังหมู ต.หาดกรวด อ.เมืองอุตรดิตถ์ โดยมี พระครูวิเชียรปัญญามหามุนี (เรือง) เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าอาวาสวัดท่าถนน ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แส เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระกรรมวาจารย์ พระครูดวง เจ้าอาวาสวัดวังหมู เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ฐิตวัณโณ

หลังจากบวชแล้ว ได้จำพรรษาที่วัดท่าทอง 1 พรรษา และย้ายไปจำพรรษาที่วัดท่าถนน 3 พรรษา ต่อมาตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าทองว่างลง ญาติโยมกราบอาราธนาให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าทอง ระหว่างเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าทอง หลวงปู่ทองดำได้ศึกษาความรู้ด้านปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมตรี ซึ่งระหว่างเรียนท่านได้มุ่งมั่นพัฒนาวัดท่าทองไปพร้อมๆ กัน จนเป็นที่เชิดหน้าชูตาทางพุทธศาสนาวัดหนึ่งในอุตรดิตถ์

เมื่อปี พ.ศ.2504 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระนิมมานโกวิท และปี พ.ศ.2510 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองอุตรดิตถ์

นอกจากเล่าเรียนทาง ปริยัติธรรมแล้ว หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทองยังสนใจวิชาโหราศาสตร์ และเรื่องวิทยาคม โดยช่วงวัยเด็กระหว่างเรียนหนังสือกับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ได้ศึกษาวิชาอยู่ยงคง กระพันกับโยมปู่เพื่อป้อง กันตัว

กล่าวกันว่า ในช่วงวัยรุ่น หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทองท่านชอบการชกมวยจนได้รับฉายาว่า "ดำ ท่าทาง" เพราะท่านเรียนวิชากับโยมปู่ของท่าน โดยเฉพาะวิชาอยู่ยงคงกระพัน วิชาธนูมือ คือก่อนขึ้นชกมวย ท่านจะท่องคาถา เขียนที่ฝ่ามือเมื่อขึ้นชกจะทำให้มีพละกำลังและคม ทำให้คู่ชกแตกได้ง่าย

ระหว่าง จำพรรษาที่วัดท่าทองยังไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อทิม วัดกลาง อ.เมืองพิจิตร พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเกี่ยวกับตะกรุดโทน และหลวงพ่อทิมได้เมตตาถ่ายทอดวิชาและมอบตำราไสยเวทต่างๆ ให้จนหมดสิ้น ซึ่งหลวงปู่ทองดำ วัดท่าทองได้ใช้วิชาความรู้พัฒนาพุทธศาสนาเรื่อยมา

กิตติศัพท์ ความเลื่องลือในปฏิปทาอันแรงกล้าและจริยวัตรอันงดงามของหลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง ขจรขจาย ไปไกลทุกสารทิศ พระเกจิอาจารย์รุ่นหลังหลายรูปให้ความเคารพนับถือในตัวท่าน ต่างเดินทางไปกราบไหว้และสนทนาธรรมอยู่เสมอ

พระเทพวิทยาคมเถร หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อริยสงฆ์แห่งแดนที่ราบสูงที่ปัจจุบันจำพรรษาที่วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ก็เคยมากราบไหว้สนทนาธรรมกับหลวงปู่ทองดำถึงวัดท่าทอง สร้างความฮือฮาให้กับพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าวเป็นยิ่งนัก

หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง ได้ละสังขารเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 สิริอายุ 107 ปี

ใน ช่วงที่หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทองท่านยังมีชีวิตอยู่ ได้อธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคลไว้จำนวนมาก อาทิ พระเนื้อดิน สร้างไว้ก่อนปี 2500 พิมพ์ซุ้มนครโกษา พิมพ์ยอดขุนพลบ้านปืน พระนางพญาพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก แผ่นยันต์ตะกรุด ชานหมาก รูปเหมือน สติ๊กเกอร์ติดหน้ารถ พระพิมพ์สมเด็จ พระนางพญา ปี 2523 ล็อกเกต พระปิดตา เหรียญ พระกริ่ง นางกวัก สีวลี เป็นต้น

ถือเป็นพระเครื่องของหลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง ที่ได้รับความนิยมจากบรรดาเซียนพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง

ขอบคุณเนื้อหาจากเว็บ
http://www.xn--22cej4gzaby6cyaq5dzf9dj.com/2010/03/blog-post_3285.html
50  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watkrokkrak.com วัดโกรกกราก ครับ เมื่อ: มิถุนายน 04, 2011, 09:09:19 am


http://www.watkrokkrak.com

วัดโกรกกราก ครับ
51  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงปู่กรับ วัดโกรกกราก เมื่อ: มิถุนายน 04, 2011, 09:05:22 am
http://www.watkrokkrak.com/images/DSC600.jpg

หลวงพ่อปู่กรับ
ประวัติพระครูธรรมสาคร (กรับ ญาณวฑฺฒโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดโกรกกราก และเจ้าคณะตำบลมหาชัย เขต ๒ นามเดิม กรับ นามสกุล เจริญสุข เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๓๖ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะเส็ง จุลศักราช ๑๒๕๕ ในรัชกาลที่ ๕ ที่บ้านบางปิ้ง ตำบลนาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นบุตรนายไข่ นางxml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:office:smarttags" />ลอย ไข่ม่วง มีพี่น้องต่างมารดา ๒ คน ร่วมมารดาเดียวกัน ๑๑ คนโดยได้บรรพชาอุปสมบทที่ ณ พัทธสีมาวัดราษฎร์รังสรรค์ ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อ ๑๒ มี.ค.๒๔๕๖ ได้รับฉายาว่า ญาณฒวฑฺฒโน โดยมี พระครูสมุทรคุณากร วัดตึกมหาชยาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการโต วัดโกรกกราก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการชิด วัดราษฎร์รังสรรค์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ครั้นอุปสมบทแล้วได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดราษฎร์ รังสรรค์จนมีความสามารถพอที่จะรักษาตัวได้จึงย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัด โกรกกราก ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๖๓ ได้รับการแต่งตั้งจากทางคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโกรกกราก เมื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้วได้ทำการพัฒนาวัดให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองและ ในปี พ.ศ.๒๔๘๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลมหาชัย เขต ๒ และในปี พ.ศ.๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมศักดิ์ เป็นพระครูชั้นเอกในราชทินนาม พระครูธรรมสาคร หลวงปู่กรับ เป็นพระที่ทรงวิทยาคมสูง จนมีผู้กล่าวขวัญกันว่า “ถ้ามีเหรียญหลวงปู่กรับแขวนคอแล้ว จะแคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวง ถึงจะตกระกำลำบากอยู่ที่ใด ก็จะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย”  ท่านประกอบ คุณงามความดีและประพฤติพรตพรหมจรรย์มั่งคงตลอดมา ตั้งแต่ได้รับบรรพชาอุปสมบท จนถึงกาลอวสานแห่งชีวิต เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๗
ประวัติพระครูสาครกิตติคุณ (กมล คุณธมฺโม)อดีต เจ้าคณะอำเภอเมืองสมุทรสาคร ชื่อเดิม กมล นามสกุลม่วงไข่ เกิดที่บ้านบางปิ้ง ต.นาดี อ.เมืองสมุทรสาคร เมื่อ ๔ ธ.ค.๒๔๖๕ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑ ปีจอ บิดาชื่อ นายตุ้ม มารดาชื่อ นางปุ้ย มีพี่น้องร่วมมารดา ๓ คน และพี่น้องต่างมารดาอีก ๕ คน อุปสมบทเมื่อ วันที่ ๑ ก.ค.๒๔๘๕ ที่พัทธสีมาวัดโกรกกราก โดยมี พระครูมหาชัยบริรักษ์ วัดเจษฎาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูชด จนฺทสโร วัดราษฎร์รังสรรค์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการกรับ ญาณวฑฺฒโน วัดโกรกกราก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า คุณธมฺโม และเมื่อ ๒๓ มี.ค.๒๕๑๘ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโกรกกรากและเจ้าคณะตำบลโกรกกราก พ.ศ.๒๕๓๑ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมศักดิ์ เป็นพระครูชั้นเอกในราชทินนาม พระครูสาครกิตติคุณ และ พ.ศ.๒๕๓๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองสมุทรสาคร เมื่อวันอังคารที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๙ เวลา ๐๙.๓๐ น.พระครูสาครกิตติคุณได้มรณภาพด้วยโรคมะเร็งที่กุฎิของท่าน ณ วัดโกรกกราก

ขอบคุณเนื้อหาจากเว็บ
http://www.watkrokkrak.com/page3.html
52  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาท วันวิสาขบูชา 2554 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2011, 09:44:36 am
เมื่อวันที่ 3 พ.ค.




สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาท
วันวิสาขบูชา 2554

ใจความว่า


"วันวิสาขบูชา เป็นวันที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน พระองค์ทรงเป็นพระบรมศาสดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณอันประเสริฐ 3 ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ ต่อทวยเทพ มวลมนุษย์และสรรพสัตว์


เนื่องด้วยพระพุทธศาสนามีคุณูปการอันใหญ่หลวง ซึ่งอำนวยประโยชน์เกื้อกูลความเจริญรุ่งเรืองและความสงบร่มเย็นแก่นานา อารยชนมาตลอดระยะเวลากว่า 2,500 ปี ฉะนั้น เมื่อวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2554 มาถึง ควรที่เราทั้งหลายจะได้ทำการบูชาและน้อมรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระธรรมและพระอริยสงฆ์ เพื่อน้อมนำมาเป็นที่พึ่งของตน เป็นแนวทางในการปฏิบัติดำเนินชีวิต เพื่อความสวัสดีและความสงบร่มเย็นแก่เพื่อนรวมโลกสืบไป ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศล อำนวยให้ทุกท่านเจริญด้วยสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคลตลอดไปโดยทั่วกัน"


http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=418337&ch=gn
53  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / แจ้งข่าว เรือ่ง RDN ตั้งแต่ บ่าย 12.30 น. มา วันนี้งดครับ เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2011, 03:01:30 pm
ผมติดตามอยู่ แล้ว สัญญาณเสียงหายไป จึงสอบถามทางเมล ก็ไม่ได้ เลยโทรศัพท์ถึงพระอาจารย์จึงทราบว่า

วันนี้สัญญาณเน็ตไม่มีตั้งแต่ 12.30 น. วันนี้จึงงดออกอากกาศ ครับ  วันที่ 5 พ.ค.54

พระอาจารย์ ฝากโพสต์ เพื่อจะได้ไม่ต้องส่งเมล ไปถามท่านกันอีกครับ

 :49: :welcome:
54  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สำหรับ เพื่อนสมาชิก อะไรเรียกว่า "ประสพความสำเร็จในชีวิต" ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2011, 08:30:41 am
ตามหัวข้อเลยนะครับ

สำหรับ เพื่อนสมาชิก อะไรเรียกว่า "ประสพความสำเร็จในชีวิต" ครับ

ร่วมกันแสดงความคิดเห็น อย่างเปิดอก ( เปิดใจ ) กันจริง ๆ นะครับ

  สำหรับผม นั้นก็คือ

      การได้ทำหน้าที่ ของความเป็นครู และเป็นแม่พิมพ์ของชาติ สร้างคนดีให้กับประเทศครับ

    :49:
55  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / กรรมฐาน แก้ทุกข์ ได้หรือไม่ เมื่อ: เมษายน 22, 2011, 07:52:56 am
คือจุดมุ่งหมาย ของกรรมฐาน นั้นสามารถ ดับทุกข์ แก้ทุกข์ได้หรือไม่ครับ

เพราะเห็นว่า กรรมฐาน เรียนแล้ว ยังมีทุกข์ ทุกข์จะหมดไปได้อย่างไร

หรือผมยังไม่เข้าใจ วอนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายให้เข้าใจ ด้วยครับ

 :25:
56  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / รายการ RDN ช่วงนี้ไม่ได้ยินเสียงครับ เมื่อ: มีนาคม 14, 2011, 07:38:56 pm
ปกติผมก็จะคอยฟัง อยู่ คิดว่ามีความขัดข้องทาง เว็บ

แต่เห็น หายไปหลายวันแล้วครับ จึงไม่ทราบว่าตอนนี้ รายการ RDN หายไปครับ

 :25:
57  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ความผัน กับ ความจริง ทำไมจึงสอดคล้องกัน... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 09:24:50 pm


ผมได้นอนหลับ และ ฝัน เห็นเหตุการณ์ เพื่อนคนหนึ่งเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ

รู้สึกในฝัน ก็ใจหายมาก และเดินไปสนทนากับพระรูปหนึ่งในฝัน ระหว่างที่สนทนา

ก็ได้หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม แต่ทำแก้วน้ำร่วงหล่นสู่พื้นในใจนึกว่าแก้วน้ำนี่แตกแน่

แต่แก้วน้ำกระเด้งขึ้นมาไม่แตก และผมก็รับไว้ในมือ แต่น้ำหกเลอะพื้น

ผมก็เลยตื่น ปรากฏว่า มือผมกำลังจับแก้วน้ำที่หัวเตียง ซึ่งวางไว้สูงอยู่ แต่ น้ำหกเลอะพื้นนองเลย

ผมก็เลยสงสัยว่า อันนี้เป็นเหตุบอกอะไรหรือไม่ แล้วทำไมความฝัน กับ ความจริง จึงมาสอดคล้องกันอย่างนี้

เพื่อน ๆ มีความเห็นว่าอย่างไรครับ
 :17: :17: :17:
58  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมงานบุญ ตักบาตร ฟังธรรม กับพระป่ากรรมฐาน 12 - 13 ก.พ.54 ( กทม. ) เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 05:06:23 pm


ใส่บาตรพระสงฆ์,สร้างตึกผู้ป่วยเรื้อรังและเครื่องมือแพทย์

วันอาทิตย์ 13 กุมภาพันธ์ 2554

ขอ เชิญทุกท่านร่วมทำบุญใส่บาตรพระกรรมฐาน 15 รูป ทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างตึกผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ให้ร.พ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และเครื่องมือแพทย์: ติดตั้งระบบท่ออ็อกซิเจน และ เครื่องดูดเสมหะให้ ร.พ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร

ณ บ้านเลขที่ 1805/11 ซ.จรัญฯ 57 แยก 3 -7
(ซ.วัดรวกบางบำหรุ)ถ.จรัญฯ บางพลัด กทม
วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 7.30 น


รายนามพระอริยสงฆ์ที่มาในงานมีดังนี้.................

หลวงปู่คูณ สุเมโธจ.อุดรธานี (ศิษย์หลวงปู่สิงห์ทอง วัดป่าแก้วชุมพล)
พระครูประโชติปัญญาวุธ (ชำนาญ) จ.เลย (ศิษย์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ)

หลวงพ่อปฐม ธมฺมชีโร จ.สกลนคร (ศิษย์หลวงปู่วัน อุตฺตโม)
พระอาจารย์โอภาส ธมฺมทีโป จ.ขอนแก่น(ศิษย์หลวงปู่คำดี ปภาโส)

พระอาจารย์สาย ธมฺมปาโล จ.ร้อยเอ็ด(ศิษย์หลวงปู่ศรี มหาวีโร)
พระอาจารย์การุณ ยโสธโร จ.กาญจนบุรี (ศิษย์หลวงปู่ศรี มหาวีโร)

พระครูบวรธรรมสมาจารย์ (พลชัย) จ.ยโสธร(ศิษย์หลวงปู่หล้า, ภูจ้อก้อ)
พระอาจารย์ทองปาน จารุวณฺโณ จ.ศรีสะเกษ(ศิษย์หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล)

พระอาจารย์วิลัย เขมิโย จ.อุบลราชธานี(ศิษย์หลวงพ่อสีทน กมโล)
พระอาจารย์พงษ์ภิญโญ สญฺญโม จ.หนองบัวลำภู (ศิษย์หลวงปู่แนน จ.ขอนแก่น)
พร้อมคณะพระอุปัฏฐากหลวงปู่ ครูบาอาจารย์ ที่เมตตามาร่วมในงาน

กำหนดการ

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554
เวลา 19.00 น แสดงธรรมโดย พระอาจารย์ทองปาน จารุวัณโณและปฏิบัติภาวนา

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554
เวลา 7.30 น พระสงฆ์ออกบิณฑบาต เสร็จแล้วเจริญพระพุทธมนต์
ถวายภัตตาหาร และถวายสังฆทาน
เวลา 9.30 น แสดงพระธรรมเทศนาโดย หลวงปู่คูณ สุเมโธ และองค์อื่นๆ
เวลา 10.30 น ทอดผ้าป่าสามัคคี ปัจจัยสร้างตึกผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ร.พ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร (7 ล้านบาท)
ติดตั้งระบบท่ออ็อกซิเจน และ เครื่องดูดเสมหะให้ ร.พ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร (1.5 ล้านบาท)

ร่วมทำบุญได้โดย
โอนเงินเข้าบัญชี ออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาศิริราช เลขที่ 016-4-07801-8 ชื่อบัญชี กองทุนทำบุญถวายพระกรรมฐาน

หมายเหตุ:
ติดต่อสอบถามได้ที่ ผศ.ยุวดี ชาติไทย (ร.พ.ศิริราช) โทร 089-816-4343, แฟกซ์02-424-8120
Email :yuwadee_Chadthai@yahoo.co.th


โปรดนำรถไปจอดในบริเวณ วัดรวกบางบำหรุ และร.ร.วัดรวก อยู่ห่างบ้านงาน 50 เมตร
( เจ้าภาพได้เตรียม ชุดสังฆทาน และผ้าไตรไว้แล้ว ขอเชิญร่วมอนุโมทนา ปัจจัยที่ทุกท่าน ร่วมทำบุญทั้งหมด ถวายพระสงฆ์ทุกรูปที่มาในงาน )

ขอ เชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างตึกผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ร.พ.สว่างแดนดินและติดตั้งระบบท่ออ็อกซิเจน และ เครื่องดูดเสมหะให้ร.พ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554
ณ บ้านเลขที่ 1805/11 ซ.จรัญ 57 บางพลัด กทม


พระ เดชพระคุณท่านพระอาจารย์ทองปาน จารุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดป่าสันตินิมิต จ.ศรีสะเกษ (ศิษย์ในหลวงปู่บุญจันทร์ กมโล )ได้เป็นต้นศรัทธานำประชาชน สร้างอาคารผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร เนื่องจากทางโรงพยาบาลจำเป็นต้องใช้อาคารหลังนี้ แต่ยังของบประมาณจากรัฐบาลไม่ได้ ดังนั้นเท่ากับว่าทุกท่านได้ร่วมทำบุญถวายเป็นของสงฆ์ แล้วพระสงฆ์บริจาคให้กับโรงพยาบาลต่อไป ทำให้ได้บุญสองต่อ

ปัจจุบัน ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลสว่างแดนดิน มีจำนวนมากขึ้น (ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลประจำจังหวัดสกลนคร) เช่นผู้ป่วยโรคเบาหวาน มารับการตรวจรักษาประมาณวันละ 200-300 คน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคไต (มีบริการฟอกไตแล้ว) โรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ โรคทางจิตเวช โรคติดเชื้อต่างๆ เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นต้น

เดิมใช้พื้นที่บนตึกผู้ป่วยนอกตรวจรักษาร่วมกับผู้ป่วยทั่วๆ ไป ซึ่งไม่เพียงที่จะรองรับผู้ป่วยเหล่านี้ เพราะนอกจากการตรวจรักษาแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่ต้องให้การดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ เช่น การตรวจเลือด ทำแผล ฉีดยา สอนสุขศึกษาเป็นรายกลุ่มเป็นต้น ต่อมาได้ย้ายลงมาใช้บริการที่ตึกตรวจโรคเก่า ซึ่งสามารถรับผู้ป่วยได้ประมาณ 50-60 คน ที่เหลือจึงไปนั่งรอเรียกตรวจอยู่บริเวณโคนไม้นอกอาคาร

พระ เดชพระคุณท่านพระอาจารย์ทองปาน จารุวัณโณ ท่านจึงเมตตารับเป็นผู้นำศรัทธาประชาชน โดยการทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างอาคารหลังใหม่นี้ ลักษณะเป็นอาคาร 1 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,200 ตารางเมตร ประกอบด้วยห้องต่างๆได้แก่ ห้องตรวจโรค 8 ห้อง ห้องให้คำปรึกษา 2 ห้อง ห้องทำแผลและฉีดยา 1ห้อง ห้องผ่าตัด 1ห้อง ห้องจ่ายยา 1ห้อง ห้องทำบัตร 1 ห้อง ห้องให้สุขศึกษา 1ห้อง ห้องน้ำ10 ห้อง เป็นต้น

งบประมาณที่ใช้ ในการก่อสร้างประมาน 7,000,000 บาท ( เจ็ดล้านบาท ) โดยได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารนี้ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2553แต่ยังไม่มีงบประมาณเพื่อดำเนินการสร้าง

พระเดชพระคุณท่านพระ อาจารย์ทองปาน ท่านมีจิตเมตตาต่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย ท่านได้สงเคราะห์โลกโดยการจัดหาสิ่งของบริจาคให้ส่วนรวมหลายด้าน เช่นจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลต่างๆหลายแห่ง สร้างตึกอุบัติเหตุให้ ร.พ.สว่างแดนดินเมื่อต้นปี พ.ศ. 2553 จัดทำโครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ วันพ่อแห่งชาติ นำทีมจักษุแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชไปผ่าตัดผู้ป่วยโรคต้อกระจก ที่ร.พ.สว่างแดนดินเพื่อน้อมถวายเป็น พระราชกุศล พร้อมมอบเครื่องผ่าตัดต้อกระจกให้ร.พ.สว่างแดนดิน รวมมูลค่าขณะนี้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท

และได้ ติดตั้งระบบท่ออ็อกซิเจน และ เครื่องดูดเสมหะทั้งโรงพยาบาลให้ ร.พ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ราคา 1.5 ล้านบาท แต่ยังค้างชำระค่าจ้างกับทางบริษัทอยู่ แต่อุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ ทางโรงพยาบาลสามารถใช้งานได้แล้ว ฯลฯ

อานิสงส์ในการทำบุญครั้งนี้มี มากมาย เพราะได้ช่วยชีวิตผู้ป่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ขอผลบุญในครั้งนี้ จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากทุกข์ภัย มีความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม มีความสะดวกในการบำเพ็ญบารมี ขอให้ท่านบารมีเต็มอิ่มในชาตินี้ และสำเร็จมรรคผลนิพพานในเร็ววันเทอญ

จึง ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศล เพื่อสร้างอาคารดังกล่าว และเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลเจริญศิลป์ ทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ฟังธรรม ปฎิบัติภาวนา กับพระกรรมฐานซึ่งมาจากหลายจังหวัด
ไม่น้อยกว่า 15 รูป ในวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554 ณ บ้านเลขที่ 1805/11 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 บางพลัด กทม 10700 และ ร่วมทำบุญได้โดย โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารดังกล่าวข้างต้น

ติดต่อสอบถามได้ที่:
ผศ.ยุวดี ชาติไทย โทร 089-816-4343,
คุณเกรียงไกร โสมนิล โทร 089-897-8008

:แฟกซ์ ชื่อ ที่อยู่ ของท่านพร้อมใบโอนเงินเพื่อขอรับอนุโมทนาบัตรได้ที่ 02-528-5840

แผนที่บ้านอาจารย์ยุวดี ที่ที่จัดงานครับ
(ไม่ต้อง งง กับ วันงานในแผนที่น่ะครับ ผมใช้เอกสารเก่าเจตนาเพื่อแสดงตำแหน่งและวิธีไปของบ้านอาจารย์ยุวดี
วันงานจะเป็น วันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2554 )

__________________
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ทานศีลเนกขัมมะปัญญาวิริยะขันติสัจจะอธิษฐานเมตตาอุเบกขา
59  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / 1-3 กุมภาพันธ์ บวชเนกขัมมะ ประจำปี 2556 ณ วัดถ้ำแฝด กาญจนบุรี เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 05:00:05 pm


ขอเชิญร่วมงานไหว้ครู
บำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน


หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คมฺภีโร อดีตเจ้าอาวาส

ณ วัดถ้ำแฝด ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

บวชเนกขัมมะ ประจำปี 2554
4-6 กุมภาพันธ์ 2554



4 กุมภาพันธ์ 2554

08.00 น. ลงทะเบียน
13.00 น. ปฐมนิเทศน์ โดย พระครูบวรพัฒนกิจ จอ.ท่าม่วง
13.30 น. สนทนาธรรมกับ หลวงพ่อวัชระ เอกวัณโณ
14.00 น. บรรยายธรรม โดย พระราชวิสุทธิโสภณ รจจ.กาญ
16.00 น. พักการบรรยาย น้ำปานะ พักผ่อนตามอัธยาศัย
18.00 น. ทำวัตรเย็น สมาธิ เดินจงกรม
21.00 น. น้ำปานะ พักผ่อนตามอัธยาศัย
     5 กุมภาพันธ์ 2554

04.00 น. ทำวัตรเช้า
06.00 น. น้ำปานะ กาแฟ โอวัลติน พักผ่อนตามอัธยาศัย
07.00 น. อาหารเช้า
08.30 น. บรรยายธรรมโดย หลวงพ่อสุรเสียง วัดป่าเลิงจาน
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน พักผ่อนตามอัธยาศัย
13.00 น. บรรยายธรรมโดย. อ.ธวัช-อ.วาสนา
16.00 น. น้ำปานะ พักผ่อนตามอัธยาศัย
17.00 น. พระสงฆ์ 9 รูป เจริญพุทธมนต์  ฉลองบายศรี
18.09 น. พิธีตั้งศาลเพียงตา เชิญขวัญ เปิดบายศรี
21.00 น. น้ำปานะ พักผ่อน
6 กุมภาพันธ์ 2554

04.00 น.    ทำวัตรเช้า
06.00 น.    น้ำปานะ กาแฟ โอวัลตินพักผ่อนตามอัธยาศัย
08.09 น.    บูชาครู-ไหว้ครูบุรพาจารย์ ถวายเครื่องบวงสรวง
10.09 น.    เริ่มพิธีครอบครูบุรพาจารย์ เสริมบารมีครูเทพเทวา
11.00 น.    รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น.    พิธีสวดยันต์ ๙ โดย หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ
15.30 น.    พิธีปิดการอบรม รับแจกของที่ระลึก
16.00 น.    เดินทางกลับบ้านพัก ตามอัธยาศัย       ลงทะเบียนรับขันธ์        17-31 ม.ค. 54
   ลงทะเบียนครอบครู          1-6 ก.พ. 54
   พิธีฝังเหล็กไหล                4-6 ก.พ. 54
*ทุกรายการ แจกวัตถุมงคลที่ระลึก ไหว้ครู 54
หมายเหตุ:  -งดแต่งกายด้วยชุดสีดำ
                  -สตรีมีรอบเดือนห้ามเข้าร่วมพิธี
สำหรับผู้บวชเนกขัมมะ ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย
อาหารมังสวิรัติ




รายละเอียดงาน
http://www.watthamfad.com/news04.htm
60  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชีวิตต้องสู้ ของ มะหมา สองขา เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 08:45:52 am
61  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทึ่ง วัดสร้างที่จากขวด ต่าง ๆ เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 10:33:12 am
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานที่ จ.สงขลา มีวัดแห่งหนึ่งโด่งดังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งชาวมาเลเซียและสิงคโปร์บางกลุ่ม ซึ่งวัดดังกล่าวคือ “วัดขวด” ตั้งอยู่ที่บ้านคลองหาร หมู่ 5 ต.แค อ.จะนะ จ.สงขลา โดยวัดแห่งนี้วิจิตรพิสดารแตกต่างจากวัดทั่วไป เพราะสิ่งปลูกสร้างทุกอย่าง ตั้งแต่ประตูทางเข้าวัด กำแพง ศาลาการเปรียญ วิหาร เจดีย์ ห้องน้ำและกุฏิ ทำมาจากขวดแก้วทั้งสิ้น พระธวัชชัย ประเสริฐสานต์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดขวด เปิดเผยว่า เดิมทีวัดแห่งนี้ชื่อสำนักสงฆ์โคก สัก ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2536 พระครูสุนทรธรรมสิริ หรือ “หลวงพ่อคำใส” อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งมรณภาพไปแล้วด้วยโรคหัวใจ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ริเริ่มก่อสร้างวัดที่ทำด้วยขวดแก้ว โดยใช้ขวดเหล้า ขวดเบียร์ ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ที่ขอรับบริจาคจากญาติโยมและนักท่องเที่ยว มาใช้ก่อสร้างจนกลายมาเป็น “วัดขวด” ขึ้น
       
“หลวงพ่อคำใส มีแนวความคิดต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความฟุ่มเฟือยในแต่วัน แต่ละเดือน แต่ละปี ของมนุษย์เรา ที่หมดไปกับสิ่งมึนเมาไร้ประโยชน์ จึงริเริ่มสร้างวัดแห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่คอยย้ำเตือนจิตใจปุถุชนคนรุ่นหลัง ไม่ให้ลุ่มหลงในสุรายาเสพติด การใช้ขวดแก้วมาสร้างเป็นวัด ช่วยประหยัดงบประมาณ แถมโครงสร้างและสีสันของขวดก็สวยงามไม่มีซีดจาง” พระธวัชชัยกล่าว และว่าชาวบ้านและผู้มีจิตศรัทธายังลงแรงลงขันบริจาคเงินในการก่อสร้าง ซึ่งวิธีการจะคล้าย ๆ กับการสร้างตึกหรืออาคารทั่วไป เพียงแต่ใช้ขวดแทนอิฐเท่านั้น แต่ที่ยากลำบาก คือขวดจะแตกง่ายกว่า และการก่อสร้างวิหารเจดีย์ ซึ่งปลายยอดสูงกว่า 50 เมตร ต้องระมัดระวังและใช้ช่างที่กล้าหาญชำนาญจริง ๆ เพราะต้องเสี่ยงพอสมควร ทั้งนี้วัดขวดโด่งดังจนได้รับการยกย่องจากหนังสือพิมพ์และสื่อประเทศไต้หวัน ว่า เป็นแหล่งสร้างงานรีไซเคิลที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันทรุดโทรมลง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยบูรณะให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และคงอยู่เพื่อลูกหลานต่อไป.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=562&contentID=114409
62  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หัวบัวหิมะ เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 12:53:22 pm


เป็นผลไม้ที่เกิดอยู่ในดินตามป่าซึ่งอยู่ในพื้นที่ระดับน้ำทะเล 1,000 กว่าเมตร เป็นพืชพื้นเมืองที่มีอยู่ทั่วไปตามแถบเขาในอเมริกาใต้ มีรูปร่างลักษณะเหมือนหัวมันเทศ เปลือกบาง รสชาติออกหวาน กรอบ ฉ่ำน้ำ เป็นอาหารที่มีแคลอรีต่ำ อุดมด้วยกรดอมิโนที่ร่างกายมนุษย์ต้องการกว่า 20 ชนิด เมื่อปอกเปลือกแล้วกินสดได้ มีสรรพคุณทางสมุนไพร แก้ร้อนใน ท้องผูก แก้อาการอักเสบ ช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย และทางเดินปัสสาวะได้ดี ช่วยตับขับถ่ายพิษและมีสรรพคุณช่วยให้หลอดเลือดอ่อน ตัว ลดความดันโลหิตสูง ลดเบาหวาน เหมาะสำหรับผู้ที่จะลดความอ้วน ผู้สูงอายุช่วยบำรุงรักษาอาการทางด้านเส้นเลือดและหัวใจ สามารถนำไปปรุงให้สุกต้มกับกระดูกหมูหรือตุ๋นช่วยย่อยอาหารและช่วยระบาย ท้อง.
63  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ผลของคนอกตัญญู เมื่อ: มกราคม 02, 2011, 01:35:06 pm
มีเศรษฐีชาวบ้านนอกคนหนึ่ง เป็นสหายผู้ไม่เคยเห็นกันของอนาถบิณฑิกเศรษฐี วันหนึ่ง ได้บรรทุกสิ่งของมาขายเมืองสาวัตถี ด้วยขบวนเกวียนสินค้า ๕๐๐ เล่ม มอบให้คนงานนำมาขาย พร้อมฝากคำมาหาอนาถบิณฑิกเศรษฐีด้วย

   ฝ่ายท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ทำการต้อนรับด้วยความยินดี สั่งให้หาที่พักและเสบียงแก่คนเหล่านั้น ไต่ถามถึงความสุขของเศรษฐีผู้สหาย รับซื้อแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งหมดแล้วส่งกลับบ้าน พวกคนงานแจ้งเนื้อความนั้นแก่เศรษฐีเจ้านายของตน

   ต่อมาอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ส่งเกวียนบรรทุกสินค้าจำนวน ๕๐๐ เล่ม พร้อมนำเครื่องบรรณาการไปเยี่ยมเยือนเศรษฐีผู้สหายนั้น ฝ่ายเศรษฐีนั้นรับเครื่องบรรณาการแล้ว บอกว่าไม่รู้จักอนาถบิณฑิกเศรษฐีไม่จัดที่พักและเสบียงให้คนงานเหล่านั้นเลย ไม่รับซื้อสินค้าอีกด้วย คนเหล่านั้นต้องขายสินค้ากันเองแล้วกลับคืนเมืองสาวัตถี เล่าเรื่องนั้นแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐีฟัง

   อยู่ต่อมา เศรษฐีนั้น ได้บรรทุกสินค้ามาขายที่เมืองสาวัตถีซ้ำอีก นำบรรณาการมอบให้อนาถบิณฑิกเศรษฐีแล้ว พวกคนงานของอนาถบิณฑิกเศรษฐีเห็นพวกนั้นแล้ว ขออาสาต้อนรับเอง ให้ปลดเกวียนไว้นอกเมือง พอถึงเวลากลางคืนได้นำพวกเข้าปล้นสินค้าแย่งเอาแม้กระทั่งผ้านุ่ง พวกบ้านนอกไม่เหลือแม้กระทั่งผ้านุ่งต่างกลัวตาย พากันหนีไปสู่บ้านของตน

   ฝ่ายคนของอนาถบิณฑิกเศรษฐีพากันบอกเรื่องนั้นแก่เศรษฐี ท่านเศรษฐีจึงนำความนี้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์จึงตรัสพระคาถาว่า
     ” ผู้ใด ไม่รู้จักคุณความดีและประโยชน์ให้ที่ผู้อื่นกระทำไว้ก่อน
       ผู้นั้น เมื่อมีกิจการเกิดขึ้นภายหลัง ย่อมไม่ได้ผู้ช่วยเหลือ ”
  นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
  บุญคุณคนต้องทดแทน
64  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การทำใจให้ว่าง มีขั้นตอนอย่างไร ถึงจะทำใจให้ว่างอย่างถูกต้องครับ เมื่อ: ธันวาคม 30, 2010, 12:15:07 pm
การทำใจให้ว่าง มีขั้นตอนอย่างไร ถึงจะทำใจให้ว่างอย่างถูกต้องครับ

คือผมสนใจในการทำวิปัสสนา ส่วนนี้อยู่ แต่อยากกำหนดให้เป็นของว่าง

ความว่างแบบที่เข้าใจ ง่าย ๆ และถูกทางจริง ๆ ควรทำอย่างไร ครับ
 :25:
65  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 31 โคตรภาพยนตร์สยองขวัญต้องห้ามตลอดกาล เมื่อ: ธันวาคม 24, 2010, 12:17:15 pm
31 โคตรภาพยนตร์สยองขวัญต้องห้ามตลอดกาล

อันดับที่ 31. saw 1-6 (เกมส์ ตัด ต่อ ตาย)
หนังสยองขวัญที่จัดเป็น “ ตำนานต้องห้ามแห่งหนังสยองขวัญยุคใหม่ ”  ด้วยการดำเนินเนื้อเรื่องที่ฉับไว+กับดักสุดไฮเทค และชวนสยดสยองจึงทำให้ saw  ได้รับความนิยมจากนักดูหนังสยองขวัญอย่างต่อเนื่อง  เรื่องราวของจอมวายร้ายระดับตำนานนาม “ จิ๊กซอร์ ”  พร้อมคำพูดอันเป็นอมตะวาจา  “ ฉันอยากเล่นเกมส์ ”  ภายในประกอบเพียบพร้อมไปด้วยฉากการสังหาร  เลือด  เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด และทรมาน  โดยเฉพาะฉากเลื่อยขาในภาค 1 ถือว่ากดดันคนดูเป็นที่สุด  ปัจจุบัน saw  เตรียมออกภาคใหม่ล่าสุดคือภาคที่ 6 ส่วน saw ภาคที่ได้รับการกล่าวขานกันว่าดีที่สุดตลอดกาลคือ saw ภาค 1  ทีเด็ดของภาคนี้นอกจากจะเป็นฉากตัดขาด้วยเลื่อยแล้ว  ฉากจบยังถือเป็นจุดสุดยอดของตัวหนังอีกด้วย.........จบหักมุมชนิดคนดูหงาย หลังกันเป็นแถว
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 54.6/100

 

 

อันดับที่ 30. hotel 1-2 (นรกรอชำแหละ 1-2)
เล่าลือกันอย่างหนาหูว่าผู้กำกับหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากโฆษณาใน เว็บไซต์แห่งหนึ่ง  ที่กล่าวอ้างว่ามีบริการสุดวิปริต “ ล่ามนุษย์ ” สำหรับลูกค้าแนวซาดิสม์และกระเป๋าหนัก  เปิดฉากด้วย 2 นักท่องเที่ยวหนุ่มชาวอเมริกัน และ 1 ไอซ์แลนด์  ออกเดินทางจากอัมสเตอร์ดัม-ฮอลแลนด์  มุ่งสู่เมือง Bratislava ในประเทศสาธารณรัฐสโลวัก  เพื่อหวังไปเที่ยวแบบ**ทัวร์  แต่ปรากฏว่าสิ่งที่พวกเขาทั้ง 3 ได้ปรากฏพบกลับเป็น.........?    เตรียมพบกับฉากความรุนแรงของเด็กน้อยที่แลดูใสซื่อบริสุทธิ์ข้างถนน  ฉากการทรมานเหยื่อที่หลายคนต้องแอบมองผ่านง่ามนิ้วมือ  และฉากจบ(ในห้องน้ำ)อันแสนรุนแรง
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 56.3/100

อันดับที่ 29. Shogun's Sadism (โชกุนซาดิสม์)
หนังเล่าเรื่องราวความวิปริตผิดมนุษย์  และความโหดร้ายของโชกุนในสมัยโบราณของประเทศญี่ปุ่น(ยุค Tokugawa หรือ edo)ให้คนดูได้อึ้ง-ทึ่ง-เสียว  กับลีลาความโหดในการทรมานพวกนับถือคริสเตียนอย่างบ้าคลั่ง 
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 56.5/100

อันดับที่ 28. Fudoh : The New Generation (ฟูโด/พ่อฆ่าลูก  ลูกฆ่าพ่อ)
ผลงานของทาเคชิ มิอิเกะ เจ้าพ่อหนังอาบเลือดแห่งญี่ปุ่น Fudoh : The New Generation เล่าเรื่องราวการฆ่า  ล้างแค้นของพ่อ-ลูก ในตระกูลที่เรืองอำนาจตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่น  พร้อมด้วยฉากการฆ่า  หั่น ที่น่าขนหัวลุก  นอกจากนั้นยังเรื่องราวของเด็ก-พิษจากการประมาทเด็กตัวเล็กๆผลจะออกมาเช่น ไร  สุดท้ายระหว่างพ่อ(พ่อแท้ๆ)กับลูกชาย.........ใครจะอยู่ใครจะตาย!!!
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 59.2/100

 

 

อันดับที่ 27. frontier(s)  (อำมหิตสุดขอบ/คลั่ง)
หนังโหดของทางประเทศฝรั่งเศส  กับผู้กำกับ เซเวียร์ เจ็นส์ เล่าเรื่องกลุ่มโจรที่หนีเหตุการณ์เคลื่อนไหวทางการเมือง และตำรวจมายังนอกเมืองเพื่อกบดาน  พวกเขาได้เข้าพักในโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง  ที่ซึ่งพวกเขาจะได้เจอกับฝันร้ายที่ไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!!!  เรื่องของครอบครัววิปริต ที่บ้า-คลั่งลัทธินาซียุคใหม่  และพร้อมนำพาผู้ต่อต้านไปสู่หายนะ
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 61.2/100

อันดับที่ 26. bellucci cassel dupontel  (กุหลาบขาวเปื้อนคาวเลือด)
เรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวนางหนึ่งที่ใสซื่อบริสุทธิ์ดุจดอกกุหลาบขาว  ถูกกระทำย่ำยีทั้งกายและใจ  เมื่อสบโอกาส……….การล้างแค้นจึงเกิดขึ้นอย่างสาสม  ตัวหนังดำเนินเรื่องราวจากจุดจบไปสู่จุดเริ่มต้นได้อย่างน่าสะพรึง  เป็นหนังประเภททำร้ายจิตใจคนดูอย่างน่าสยองพองขน(ถ้าคุณเป็นนางเอก)  ฉากบางฉากก็เล่นกันได้สมจริงมากๆโดยเฉพาะฉากฟาดหน้า(จนเละ)ด้วยถังดับ เพลิง…………..หลายคนคงไม่กล้าดูฉากนี้
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 69.7/100

 

 

อันดับที่ 25. imprint  (มนต์สยองของปล่อย)
ผลงานสุดวิปริตของ ทาเคชิ มิอิเกะ หนึ่งใน Masters Of Horror Season 1 ที่ได้รับการกล่าวขานกันว่าสร้างได้วิปริตและเจ็บป่วยทางจิตแบบสุดสุด  หลายประเทศถึงกับแบนห้ามฉายหนังเรื่องนี้มาแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับชายชาวตะวันตกวัยกลางคนที่กำลังตามหาหญิงคนรักที่จากกัน มานานด้วยความถวิลหา  กับหญิงสาวสวย(สวยซีกเดียว)คนหนึ่งซึ่งเธอเป็นนางโลม  ยิ่งตามหาก็ยิ่งหลอน  ยิ่งตามหาก็ยิ่งค้นพบสิ่งที่น่ากลัวในตัวเธอ  พร้อมความทรมานแห่งตัณหาต้องห้ามที่เขาจะต้องจำไปจนวันตาย!!!
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 69.9/100

อันดับที่ 24. in my skin  (แล่เนื้อเถือหนัง)
สร้างโดยผู้กำกับหญิง มารินา เดอ วอง ซึ่งเป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดงหญิงตัวเอกไปในตัว  ตัวหนังเล่าเรื่องของ “ เอสแตร์ ”  หญิงสาวสังคมชั้นสูงในฝรั่งเศสที่เกิดหกล้มโดยบังเอิญจนทำให้ขาของเธอเป็น แผล  แต่.........เธอกลับรู้สึกเป็นสุขเป็นอย่างยิ่งที่เธอเกิดบาดแผลตามร่างกาย จากเหตุหกล้มในครั้งนั้น  เธอจึงกระทำการชำเราตนเองด้วยการกรีด  ข่วน  แทง  กระชาก  จนร่างกายเป็นแผนไปทั้งตัวอย่างคนเสียสติ.........เธอกำลังมีความสุขที่เจ็บ ปวดอย่างสุดสุด!!!
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 71.1/100

 

 

อันดับที่ 23. Nek Romantik และ Nek Romantik 2 (รัก-ร่วม-ศพ/ศพ-ร่วม-รัก)
ตัวหนังดำเนินเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชาย และหญิงที่ชื่นชอบการมีเพศสัมพันธ์กับซากศพ  ซากศพคนที่ตายแล้วนะครับท่าน  ครั้งหาศพมาทำมิดีมิร้ายไม่ได้เขา และเธอจึง………?  (คิดเอาเองนะครับว่าทำไมหลายประเทศจึงห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเด็ดขาด)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 73.8/100

อันดับที่ 22. inside (ครรภ์  คลั่ง  ฆ่า)
หนังโหดของประเทศฝรั่งเศส  ที่ได้รับการกล่าวขานว่าโหดที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา  เรื่องราวของหญิงสาวท้องแก่ที่ถูกไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งโดยหญิงลึกลับในคืนวัน คริสต์มาสอีฟ  หนังโหด  แหวะ  บ้าคลั่ง  ลุ้นระทึก  ใครจิตอ่อนงดรับชมเด็ดขาด!!!
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 76.9/100

 

อันดับที่ 21. antichrist  (วิถีวิปริต)
หนังจิตแตกของผู้กำกับ ลาร์ส ฟอน ทริเยร์ ที่กล่าวถึงสามี-ภรรยาคูหนึ่งซึ่งสูญเสียลูกน้อยไป  ทั้งคู่เลยหนีไปพักใจ ณ บ้านกลางป่าชื่อ “ อีเดน ” ในบ้านกลางป่าแห่งนี้เองที่ทั้งคู่จะได้พบ-เจอกับเหตุการณ์สุดวิปริต-เจ็บ ป่วยทางจิตอย่างรุนแรง  เป็นหนังที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ปี 2009 และได้รับเสียงโห่ไล่อย่างอย่างรุนแรงจากผู้ชม  สุดท้าย ลาร์ส ฟอน ทริเยร์ จึงได้ออกมากล่าวว่า “ ผมไม่ได้ทำหนังเพื่อคุณหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น  ผมทำหนังเพื่อตัวผม  ผมไม่เชื่อกับการทำหนังในแบบที่พวกคุณชอบ  ทำแบบนั้นมันหายนะชัดชัด ”
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 79.8/100

 

 

อันดับที่ 20. pig/1998  (เหยื่อสังหาร)
นักฆ่า กับเหยื่อของเขา  หนังสยองขวัญขาว-ดำ ที่ดิบ เถื่อนได้ใจ  ภายในเรื่องประกอบไปด้วยฉากแห่งการนองเลือดที่แสนวิปริต
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 79.9 /100

 

 

อันดับที่ 19. The Texas Chain Saw Massacre /1974 (สิงหาสับ)
หนังเก่าสมัยยุคเริ่มต้นของภาพยนต์สยองขวัญชื่อดังในตระกูล The Texas โดยในภาค The Texas Chain Saw Massacre ปี 1974(กำกับโดย Tobe Hooper)  ในชื่อภาษาไทยว่า “สิงหาสับ”  ได้รับการกล่าวขานกันว่าสร้างได้เข้าขั้นวิปริตที่สุดในบรรดาทุกภาค  สโลแกน.........ชายผู้มีใบหน้าพิการ  สวมหน้ากากหนังมนุษย์-เลื่อยไฟฟ้า  ไล่ล่าเหยื่อ(กล้าดูรึเปล่าล่ะ?)  หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงนะ.........ทั้งๆที่เรื่องจริงฆาตรกรไม่ได้ โหดเหมือนอย่างในหนังก็เหอะ(หนังจำกัดอายุผู้ชม)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 80.1 /100

อันดับที่ 18. red room 1-2  (ห้องแดงมรณะ 1-2)
หนังสยองขวัญของประเทศญี่ปุ่นดินแดนปลาดิบเขา  เนื้อเรื่องก็ประมาณเป็นเวทีการแข่งขันในโลกใต้ดินที่ญี่ปุ่น  ใครชนะเลิศจะได้เงินรางวัลมากมายเป็นสินล่อใจ  ส่วนผู้แพ้……..ตายสถานเดียว!!!  การต่อสู้ในห้องสีแดง(แคบๆพร้อมลูกกรง)  ให้เลือกไพ่สีเขียวมา 1 ใบ  ใครเป็น king ถือเป็นผู้กำหนดเกมส์  ฝ่ายที่เป็นเบี้ยต้องทำตามคำสั่ง  โหด  มันส์  ฮา……….มีหลายฉาก  บางฉากก็เลือดสาดจนแทบไม่กล้ามอง  ส่วนบางฉากก็แทบปิด tv ทิ้งเพื่อไม่ต้องทนดู  โดยเฉพาะฉากซดอ้วกสดๆ 1 กาละมังใหญ่(ที่เพื่อนคนข้างๆเพิ่งอ้วกออกมา)………..ฉากนี้ผมยอมแพ้เลย(ทนดู ไม่ไหวเพราะเสียดายผัดไทย  ไทอาคาร-ทุ่งเสา  หาดใหญ่  จานละ 60 บาท) red room มี 2 ภาคนะเออ(ฉากซดอ้วกอยู่ภาค 2)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 80.7/100

 

 

อันดับ 17. Grotesque  (บททดสอบรักจากขุมนรก)
หนังพี่ยุ่น  ว่าด้วยเรื่องชายหนุ่มวัยกลางคน(สติแตก)ที่ชื่นชอบการลักพาตัวหญิงสาว-ชาย หนุ่ม(น้อย)มาทรมานด้วยกรรมวิธีการต่างๆ  ไล่ตั้งแต่ทุบด้วยค้อนปอนด์  ตอกมือด้วยตะปู  เลื่อยไฟฟ้าฯลฯ  หนังเรื่องนี้หลายประเทศห้ามนำเข้าโดยเด็ดขาด
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 81.2/100

อันดับที่ 16. The Untold Story /1993 (ซาลาเปาเนื้อคน)
หนังโหดของทางประเทศฮ่องกงที่เดี๋ยวนี้เข้าขั้นเป็นระดับหนังในตำนานไปแล้ว  สร้างจากเรื่องจริงที่มีการฆาตกรรมแล้วชำแหล่ะเนื้อมนุษย์ผสมเข้าไปใน ซาลาเปา.........แล้วเอามาขายให้ลูกค้ารับประทาน!!!  กระแสของหนังเรื่องนี้แรงมากๆจนผู้คนในประเทศฮ่องกงหลายคนเลิกรับประทาน ซาลาเปาไปนานหลายเดือน(หนังจำกัดอายุผู้ชม)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 83.2/100

อันดับที่ 15. Men Behind The Sun (จับคนมาทำเชื้อโรค)
หนังสยองของประเทศญี่ปุ่นที่มีฉากการกระทำทารุณกรรมกับพี่น้องชาวจีนอย่าง เหนือคำบรรยาย  นำสิ่งที่เหลือไปสร้างเป็นอาวุธเชื้อโรคที่แสนร้ายกาจ(หนังจำกัดอายุผู้ชม)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 85.1/100

 

 

อันดับที่ 14. Faces Of Death/1970 (แอบดูเป็นแอบดูตาย)
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนัง  แต่เป็นเรื่องจริงกึ่งสารคดี(+เรื่องแหกตา) โดยการเอาภาพเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การชำแหล่ะสัตว์(ชนิดต่างๆ)  ภาพอุบัติเหตุที่น่าสยดสยอง  ภาพการประหารชีวิตนักโทษในประเทศต่างๆ  นำมาตัดต่อเข้าเป็นเรื่องเป็นราว+เพลงประกอบแบบเฮปวี่เมลทัล(ที่ชวนกวน ประสาทหูแบบสุดๆ).........ไม่อยากบอกว่าผมดูหนังเรื่องนี้ไม่จบ......ไม่ใช่ ว่ากลัว.......แต่เพราะเพลงประกอบที่หนวกหูและน่ารำคาญมากๆตะหากล่ะ  แต่ก็ยังดีที่หนังเรื่องนี้มีการพักครึ่งเวลาขณะดูจบครึ่งแรกด้วย(นัยจะ บอกว่าเป็นเรื่องจริงนะ……จริงหรือหลอกลองดูเอาเองละกัน)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 86.7/100

อันดับที่ 13. Cannibal Holocaust (เปรตเดินดินกินเนื้อคน)
กลุ่มชาย-หญิงของมหาวิทยาลัยในอเมริกาได้เข้าไปถ่ายทำสารคดีมนุษย์กินคนใน แถบลุ่มน้ำอเมซอน  พวกเขาหารู้ไม่ว่านี่เป็นการเข้าไปถ่ายทำสารคดีครั้งสุดท้าย  เรื่องนี้มีฉากโหด และฉากชวนอาเจียนหลายฉากมากๆ  โดยเฉพาะฉากกินสมองลิงหลายคนแทบทนไม่ได้(รับประกันการอาเจียน)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 90.2/100

 

 

อันดับที่ 12. Ichi the Killer (นักฆ่าอิจิ)
หนังสยองขวัญของทางประเทศญี่ปุ่นผลงานการสร้างของ ทาเคชิ มิอิเกะ เรื่องนี้กล่าวถึงนักฆ่าที่มีจิตใจวิปริตผิดมนุษย์นาม.....อิจิ  และเรื่องราวที่ชวนเจ็บป่วยทางจิต(แบบเหลือกินเหลือใช้) จำไม่ผิดหนังเรื่อง “อิจิ” เคยไปฉายในเทศกาลหนัง ณ ประเทศหนึ่ง(โตรอนโต้)  และเบียดหนังสยองขวัญของไทยเรื่อง “ลองของ” ซะไม่เห็นฝุ่น(ผู้ชมหนังเรื่อง อิจิ  ทุกท่านในงานเทศกาลหนังจะได้รับแจกถุงสำหรับอาเจียนทุกท่านฟรี.....*-*)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 92.3/100

อันดับที่ 11. HAUTE TENSION/SWITCHBLADE ROMANCE (สับ สับ สับ)
หนังเรื่อง สับ สับ สับ เคยเข้าฉายในประเทศไทยเมื่อราว 6-7 ปีก่อนและสร้างปรากฏการคนเดินออกจากโรงภาพยนต์มากที่สุดในรอบปฐมทัศน์  หลายคนยอมรับว่าไม่สามารถทนดูหนังเรื่องนี้จนจบได้  เนื้อเรื่องเกี่ยวกับฆาตรกรโรคจิตที่ชื่นชอบการฆ่า หั่น ในประเทศฝรั่งเศสที่มักออกล่าเหยื่อในยามค่ำคืน  หนังเรื่องนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนังที่ดำเนินเรื่องในแนวทางจิต วิเคราะห์ได้ดีเรื่องหนึ่งของโลก  และถือเป็นหนังสยองขวัญที่ได้รับการกล่าวขานกันว่าโหดที่สุดตั้งแต่มีการ สร้างหนังแนวเขย่าขวัญของประเทศฝรั่งเศสเลยทีเดียว
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 95.7/100

 

 

อันดับที่ 10. Visitor Q (ครอบครัวโรคจิต)
ผลงานของ ทาเคชิ มิอิเกะ เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวสุดประหลาดในญี่ปุ่นที่มีพฤติกรรมแปลก(มากๆ)ประกอบ ไปด้วยพ่อที่ชอบซื้อบริการทางเพศจากลูกสาว(ลูกสาวแท้ๆของตนเอง)  แม่ที่ติดยายอมแงมและชอบขายตัวมาซื้อยา  ลูกสาวที่ชอบขายตัวให้พ่อแท้ๆของตนเพื่อมาใช้เที่ยวกลางคืน  ลูกชายที่โดนเพื่อนๆแกล้งเป็นประจำเลยระบายด้วยการซ้อมแม่บังเกิดเกล้าของตน ทุกวัน  ปรากฏว่าเหตุการณ์เปลี่ยนไปเมื่อมีผู้มาเยือนชื่อ.....Q  พร้อมฉากจบสุดหลอน  และแสนเจ็บป่วย!!!
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 95.9/100

อันดับที่ 9. Aftermath Genesis (โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์)
หนังฝรั่ง(หนังสั้นราว 40 นาที)เรื่องนี้ไม่มีบทพูด  ไม่มีบทบรรยาย  มีชื่อภาคภาษาไทยว่า “โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์ ”  หากท่านเคยดูเรื่อง “ซอว์” มาแล้ว  ขอบอกว่าจงลืมมันไปเสีย  ซอว์จะกลายเป็นเด็กเล่นขายของไปเลยเมื่อเจอกับ………… Aftermath Genesis(โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์) เรื่องราวเกี่ยวกับหมอโรคจิตในห้องผ่าศพ(ที่เหมือนจริงสุดๆ)……….กรุณางดทาน อาหารก่อนชมภาพยนตร์อย่างน้อย 2 ชั่วโมง(เพราะพอชมจบของเก่าอาจขอออกมาเที่ยวข้างนอกได้)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 96.0/100

อันดับที่ 8. Niku daruma/Snuff Files/1998  (ตุ๊กตาไม้ลอย)
หนังแนว Snuff Files ของทางประเทศญี่ปุ่น  ที่ฉากแรกๆเหมือนเรานั่งดูหนังอย่างว่าโดยทั่วไป  พอ 20 นาทีผ่านไปออกแนว Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood  ใครใจไม่แข็งพอ……งดดูเด็ดขาด!!!
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 96.2/100

 

 

 

อันดับที่ 7. naked blood/1995  (สุขวิตถารสังหาร)
เรื่องราวของเหยื่อสาวทั้ง 3 นางที่โดนพิษจากเซรุ่มชื่อ “ my sun ”  จนทำให้เกิดอาการแปรปรวนทางจิตบางอย่างที่น่าขนหัวลุก  “ ฉันจะแทง  เฉือน อย่างเป็นสุข  ฉันจะกินนิ้วมือ  ลูกตาของฉันอย่างเอร็ดอร่อย  ฉันจะ.........? ”  หนังเรื่อง naked blood สร้างออกมาได้อย่างวิปริตและเจ็บป่วยทางจิตขัดรุนแรงจนหลายประเทศห้ามฉายและ นำเข้าโดยเด็ดขาด!!!
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 97.8/100

อันดับที่ 6. Snuff 102 /2007  (อเวจี 102)
ไม่อยากบอกเลยว่ากว่าผมจะหาหนังเรื่องนี้มาดูได้(ฉบับเต็ม)เลือดตาแทบกระ เด็น  ในเมืองไทยหาไม่ได้เลย  ในเอเชียก็ยังหาโหลดไม่ได้(ในขณะ ณ ห้วงเวลานั้น)ผมต้องลงทุนเปิดโปรแกรมเจาะ(บางตัว)ไปยังประเทศแถบอเมริกาใต้  เพื่อโหลดตัวหนังฉบับสมบูรณ์(เสียงอาเจนติน่า  ซับอังกฤษ)หนังเรื่อง Snuff 102 เป็นหนังของประเทศอาเจนติน่า  เกี่ยวกับการทรมานหญิงสาวนางหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง  และ………..?  มีข่าวลือกันอย่างหนาหูว่า  ในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้มีผู้ชมเป็นจำนวนมากกรูกันเข้ามาเพื่อที่จะทำ ร้ายผู้กำกับ  เพราะเขา(เธอ)เหล่านั้นคิดว่าภาพที่ได้เห็นจากตัวหนัง……….เป็นเรื่องจริง!!!
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 98.6/100

 

 

อันดับที่ 5. All Night Long 3 (ค่ำคืนที่แสนยาวนาน และทรมาน 3)
ค่ำคืนที่ยาวนาน และทรมาน 3  หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องได้แสนวิปริตและเจ็บป่วยทางจิต(เข้าขั้นรุนแรง) ผลงานของ Katsuya Matsumura เล่าถึงชายหนุ่มนักศึกษาคนหนึ่งที่แอบไปชอบสาวสวยนางหนึ่ง  เขาชอบเธอด้วยการเก็บขยะของเธอมาสูดดมอย่างมีความสุข!!!  เขารักเธอด้วยการหั่นเธอออกเป็นชิ้นๆ!!!.........ไม่ขอเล่าต่อนะครับ!!!
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 100/100

อันดับที่ 4. AUGUST UNDERGROUND'S MORDUM (สิงหาคลั่ง)
หนังใต้ดินของพวกฝรั่งเขา  เถื่อน  โหด  และไร้ความปราณี  เรื่องราวของ 2 หนุ่มกับ 1 สาวที่มีอาการเจ็บป่วยทางจิตแบบสุดๆ  กับพฤติกรรม การแสดงออกที่ถูกแบนไปแล้วในหลายประเทศทั่วโลก  ภายในแผ่นฟิล์มจะพบกับการระบายแค้นอย่างบ้าคลั่ง
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 100/100

 

 

อันดับที่ 3. Salo the 120 Days of Sodom (สุขนาฏกรรมอเวจี/120 วันในโซดอม)
Salo the 120 Days of Sodom  เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องเกมส์ของผู้มีอำนาจเขาเล่นกันในสังคมคนชั้น สูง(ระดับนายพล  นายทหาร)  ตัวหนังดัดแปลงจากนิยายของ “มาร์กี เดอร์ซาด”  (Sadism) หนังของประเทศอิตาเลี่ยนชนที่หลายๆคนถึงกับอุทานออกมาว่า.........“ไม่น่า เชื่อว่าจะมีคนกล้าสร้างหนังแนวนี้ออกมา”  หลังจากหนังเรื่องนี้ออกมาวางขาย(ในตลาดใต้ดิน)ก็ปรากฏว่าผู้กำกับหนัง เรื่องนี้(ปีแอร์ เปาโล ปาโซลินี)ถูกกลุ่มคนที่ไม่พอใจ(ที่มีการสร้างหนังเรื่องนี้)ฆ่าตายด้วยการ ขับรถพุ่งชน  และเหยียบซ้ำจนหัวเละ  ตัวหนังแสดงถึงแนวดนตรีที่งดงามของโชแปง(เปียโน) งามราวกับดอกไม้สวรรค์ที่อยู่ในขุมนรกโดยแท้  ฝันร้ายชัดๆที่จะเข้ามาอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 100/100

อันดับที่ 2. Guinea Pig : Devils Experiment (ปีศาจ)
เห็นหลายคนเรียกหนังเรื่องนี้ว่า “ปีศาจ”  เป็นหนังใต้ดินที่เน้นถ่ายทำกรรมวิธีการทรมานหญิงสาวในรูปแบบต่างๆ(ไม่ขอ บรรยาย)  เป็นการถ่ายทำในแบบ snuff film (แบบเทียม)แต่ดุกว่า Niku daruma มาก  ใครขวัญอ่อนงดรับชมโดยเด็ดขาด
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 100/100

 

 

อันดับที่ 1. Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood  (ดอกไม้โลหิต/ดอกไม้เลือด)
หลายๆคนเรียกหนังเรื่องนี้ว่า “ดอกไม้โลหิต”  กล่าวกันว่าหนังเรื่องนี้เป็นสุดยอดหนังสยองขวัญในตำนานที่หาชมยากเป็น อันดับ 1 ของโลก(ไม่รวม snuff film ของแท้) หนังดำเนินเรื่องด้วยการตามล่าหญิงสาวแล้วเอามาหั่นเธอเป็นชิ้นๆ(ทั้งๆที่ เธอยังมีลมหายใจอยู่) หนังเรื่อง Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood สร้างออกมาได้อย่างสมจริงสุดๆ  สมจริงซะจนดารา Hollywood Charlie Sheen ซึ่งได้มาดูเข้าและเข้าใจว่าสิ่งที่ได้เห็นในหนังเป็นเรื่องจริง!!!  เลยทำการวิ่งโร่ไปแจ้งความกับ FBI  ตั้งทนายฟ้องร้อง  เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแจ้งตำรวจจับกุมดำเนินคดีกับทีมงานผู้สร้าง  จน......ในที่สุดพิสูจน์เสร็จว่าเป็นเพียงหนังเรื่องหนึ่งที่สร้างได้สมจริง มาก(หน้าแหกกระจาย)กลายเป็นข่าวดังในหน้าหนังสือพิมพ์ไปหลายสัปดาห์ 
***ปล.  หนังเรื่องนี้ได้เป็นแรงจูงใจให้ฆาตกรต่อเนื่องสุโตมุ มิยาซากิ กระทำการฆาตรกรรมเหยื่อไปหลายราย  ในญี่ปุ่นจึงจัดหนังเรื่องนี้เป็นหนังอันตราย  และให้งดสร้างภาคต่อหนังเรื่องนี้โดย
เด็ดขาด(Guinea Pig มีทั้งหมด 7 ภาค)
*****ระดับคะแนนความน่ากลัว  คะแนน 100/100

http://www.horrorclub.net/ForumDetails.aspx?ForumID=340

^

^

^

^

^

ลิ้งนี้จะมีรูปหนังอันดับที่ 1-20 (มั้งนะ  -*-  เพราะข้าพเจ้าก็ดูแค่แว๊บเดียวว ว   [ปอดจ้า =[]=] )

 
66  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ภาษิตไทยวันนี้ครับ "ตัดหางปล่อยวัด" เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2010, 03:50:29 pm
ตัดหางปล่อยวัด
ตัดหางปล่อยวัด เป็นสำนวนหมายถึง ตัดขาดไม่เกี่ยวข้อง ไม่เอาเป็นธุระอีกต่อไป
เช่น เด็กคนนี้ถูกพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัดเพราะประพฤติตัวเกกมะเหรกเกเร
ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่

สำนวนนี้มีที่มาจากการตัดหางไก่แล้วนำไปปล่อย
เพื่อสะเดาะเคราะห์หรือแก้เคราะห์ในสมัยโบราณ
มีหลักฐานในกฎมนเทียรบาลว่า เมื่อเกิดสิ่งที่เป็นอัปมงคล เช่น
มีวิวาทตบตีกันถึงเลือดตกใน พระราชวังต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์
โดยเอาไก่ไปปล่อยนอกเมือง เพื่อให้พาเสนียดจัญไรไปให้พ้น

ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีประกาศกล่าวถึงการนำไก่ไปปล่อยที่วัดเพื่อสะเดาะเคราะห์
สันนิษฐานว่า ไก่ที่จะนำไปปล่อยที่วัดจะตัดหางเพื่อเป็นเครื่องหมายว่าเป็นไก่ที่ปล่อย
เพื่อการสะเดาะเคราะห์ด้วย

ที่มา :  บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย" ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียง
แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น.

ที่มา: http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=3153
67  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ห้ามทำวิปัสสนา หรือป่าวครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2010, 01:54:16 pm
ผมหมายถึง ตอนที่เราไม่ได้เดินจิตในกรรมฐาน นั้นเราสามารถศึกษา และเจริญสติวิปัสสนา ได้หรือป่าวครับ

มีข้อห้ามหรือป่าวครับ ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ที่กล่าวไม่ให้ฝึก วิปัสสนา เพราะตอนนี้ เพื่อน ๆ ผม

ส่วนใหญ่ให้ความเห็นกันว่า อย่าพึ่งศึกษา วิปัสสนา กันก่อนครับ
 :25:
68  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ว่ากันว่าคนใกล้ตาย...ลืมตาเห็นโลกนี้ หลับตาเห็นโลกหน้า เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 04:57:39 pm
โดยส่วนตัวผมเองคิดว่า หลายท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ก็คงมีความสนใจในด้านนี้พอสมควร หรือคิดว่าท่านก็โตพอที่จะรับรู้อะไรมากมายบนโลกเน่าๆใบนี้ ด้วยวิจารณญาณหรือพุทธิปัญญา และเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่านะครับว่าความรู้ในโลกนี้มีสองอย่าง ก็คือ รู้ว่าตัวเองรู้ และรู้ว่าตัวเองไม่รู้ นี่อาจจะเป็นปรัชญาของนักวิทยาศาสตร์เลยก็ว่าได้ ที่ต้องแสวงหาความรู้กันไม่จบไม่สิ้น อย่าเพิ่งปฏิเสธในสิ่งที่เรา คิดว่าไม่มี ไม่เคยเจอ ศาสตร์เหล่านี้แม้แต่พระพุทธเจ้า ก็ไม่เคยปฏิเสธว่าไม่มี แม้แต่พระองค์เองก็ยอมรับว่ามี แต่พระองค์ไม่อยากให้ศาสนิกชนของพระองค์หมกมุ่นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ เพราะมันไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราจะต้องศึกษา สาเหตุง่ายๆของพระองค์ก็คือ ไม่ใช่หนทางแห่งการทำให้คนมีความทุกข์น้อยลงนั่นเอง

วันก่อนผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ ศาสตราจารย์ ดร.โยริช มหาวิทยาลัยคริสเตียน ประเทศเบลเยี่ยม ท่านทำการวิจัยเรื่องการกลับชาติมาเกิดของคน ท่านบอกว่า เรื่องการกลับชาติมาเกิดเป็นเรื่องจริง และไม่มีศาสนาไหนที่จะให้คำตอบเรื่องเหล่านี้ได้ดีเท่ากับพระพุทธศาสนา มันน่าทึ่ง! ท่านบอกว่า คนใกล้ตาย...ลืมตาเห็นโลกนี้ หลับตาเห็นโลกหน้า ท่านได้กรุณาเล่าประสบการณ์ของตนเองให้ฟัง เมื่อตอนไปทำวิจัยที่จังหวัดอุบลราชธานีและเชียงใหม่ให้ฟังว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านได้เดินทางไปเชียงใหม่พร้อมล่าม เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวหนึ่ง ชื่อนายสอน ป่วยหนักมาก นายสอนเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนมีคนมาหาแก แต่ละคนแต่งตัวแปลกๆ เหมือนใส่ชุดลิเก แต่ละคนหน้ากลัว และคนเต็มบ้านไปหมดเลย แต่ละคนแกไม่รู้จัก และเมียแกก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนนายสอนไม่ได้นอนทั้งคืน ได้แต่เพ้อว่ายังไม่อยากไป ลูกยังเรียนไม่จบ ผมยังไม่อยากไป

ในวันรุ่งขึ้นเวลาประมาณ 5.00 กว่า นายสอนก็เสียชีวิต อีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นที่อุบลราชธานี แต่กรณีนี้แปลกก็คือ นางคำใส เป็นมารดาของนายบุญรอด ก่อนที่นายบุญรอดจะเสีย คืนนั้นนางคำใสฝันว่า มีผู้ชายแต่งชุดแปลกๆ มาถามหานายบุญรอด บอกว่าจะมารับกลับไปบ้าน จากการพูดคุยนางคำใสก็เล่าให้ฟังว่า ด้วยความที่ตัวเองไม่รู้ ก็เลยชี้ไปในบ้านบอกว่า บุญรอดก็อยู่ในบ้าน พอตอนเช้า บุญรอดก็เสียชีวิต ผมก็เล่าให้ท่านฟังว่าผมก็มีประสบการณ์เรื่องพวกนี้เหมือนกัน เป็นประสบการณ์ตรงเลยหล่ะ เมื่อประมาณ ปี 2533 ตอนนั้นผมอาศัยอยู่กับปู่เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว แต่ยกเสาสูง มีอยู่คืนหนึ่ง เวลาประมาณ ตี 2 กว่า ๆ ก่อนที่ปู่ผมจะเสีย ท่านเป็นอะไรไม่รู้ เอาสนเท้ากระทุ้งกับพื้น จนเป็นเหตุทำให้ผมตกใจตื่น และรีบลุกขึ้นมาเปิดไฟ

ภาพ ที่ผมเห็นก็คือเห็นปู่กำลังเอามือตัวเองบีบคอ น้ำลายเต็มปาก เหมือนฟองสบู่ประมาณนั้น ตาเหลือก แกก็บอกให้ผมเอาพระบนหิ้งพระมาคล้องคอให้แก ทันใดนั้น แกก็บอกให้ผมไปเรียกป้ามา ผมก็ไป บ้านผมกับป้าห่างกันประมาณเกือบ 500 เมตร แต่ต้องเดินผ่านป่ากล้วย ก่อนที่จะถึงบันไดบ้านป้าประมาณสัก 20 เมตรได้ ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาว ใส่เสื้อผ้าเหมือนคนโบราณ ยืนอยู่ตรงบันได ตอนนั้นผมรู้สึกได้ว่าเส้นผมมันตั้งขึ้น ขาขยับไม่ได้ ประมาณสัก 1 -2 นาที หลังจากนั้นผมก็ได้สติ ตะโกนเรียกป้า คนที่อยู่เบื้องหน้าก็หายไปกับตา มันเป็นสิ่งเหลือเชื่อ แต่ผมเจอมาด้วยตนเอง ทุกวันนี้ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น มันไม่ได้หนีไปไหน มันอยู่ในความทรงจำ เพียงแค่ผมหลับตาและนึกถึงมัน มันจะมาเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ก่อนที่ปู่ผมจะเสีย ท่านเล่าให้ลูกหลานทุกคนที่มาที่บ้านฟัง ว่าเกิดอะไรขึ้น มีผู้หญิงมารับท่านไปอยู่ด้วย ท่านไม่ยอมไป เพราะห่วงผม ผมเป็นหลานคนเดียว ซึ่งแกรักมาก ผู้หญิงคนนั้นโกรธแกมาก มานั่งทับหน้าอกแกและเอามือมากดที่ตรงคอ และผู้หญิงที่ท่านพูดถึง มีลักษณะคล้ายๆ กับคนที่ผมเห็นที่บันไดบ้านป้า ประมาณ8.00 น. ปู่ผมก็เสียในขณะที่ผมกับหลานอีกคนหนึ่งไปวิ่งไล่จับแมลง

เพราะความ ที่ผมยังเด็กเกินไป เลยไม่ได้ดูใจปู่ก่อนเสีย เรื่องที่สอง ประมาณปี 2534 ขณะนั้นผมได้มีโอกาสบวชสามเณรภาคฤดูร้อน มีโยมมานิมนต์พระเณร 5 รูปไปรับสังฆทานที่โรงพยาบาล เป็นคำขอร้องของผู้ป่วย ผู้ป่วยบอกว่าเป็นคำแนะนำของคนที่มาหาแกอีกทีหนึ่ง แกเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อวานมีคนแต่งชุดแปลกๆมาหา บอกว่า สุทัศน์ ไปได้หรือยัง (แกบอกว่าเสียงก้องมากและน่ากลัวด้วย) ห่วงอะไรอยู่หรือเปล่า มีเวลาอีกไม่มากแล้วนะ ทำบุญเสียก่อนนะ ญาติที่มาเฝ้าก็นึกว่าแกเพ้อ แกบอกผมในตอนนั้นว่า ผมไม่ได้เพ้อนะ ตอนนี้เขาก็ยืนอยู่ในห้องนี้ ผมอยากทำบุญถวายสังฆทานให้ตัวเอง อยากได้ยินเสียงพระสวดมนต์ หลังจากที่ทำบุญเสร็จแล้วในช่วงเช้า ประมาณสัก 5 โมงเย็นวันเดียวกัน ทางบ้านของโยมสุทัศน์ก็มายืมของที่วัด เพื่อจะตั้งศพสวดอภิธรรมคุณโยมสุทัศน์ เรื่องสุดท้าย(แต่ผมยังมีอีกหลายเรื่องเกรงกระทู้จะยาวไป) เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่นานกับผม ประมาณเดือนกันยายนปี 2550 น้องของแม่ ซึ่งปกติผมจะเรียกว่าน้า เสียชีวิต

คืนก่อนที่แกจะเสีย ตอนนั้นผมอยู่ กทม. แต่น้าอยู่ต่างจังหวัด น้าอยากคุยกับผมมาก ให้แม่ผมต่อโทรศัพท์คุยด้วย แกคุยไป บางช่วงแกก็เงียบไป ผมก็มักจะถามเสมอว่า ฟังอยู่หรือเปล่า แกก็บอกว่าฟังอยู่ แต่แกเหนื่อย แกก็เล่าให้ฟังว่า พรุ่งนี้แกจะไปตายที่บ้านนะ แกไม่อยากตายที่นี้ เพราะที่นี้มีแต่คนไม่รู้จัก เมื่อวานคนเต็มห้องไปหมดเลย และมีผู้ชายใส่ชุดคล้ายลิเก มารอน้าอยู่นานแล้ว น้าฝากหลานด้วยนะ แม่ผมบอกว่าเมื่อคืนทุกคนในห้องนี้ ไม่มีใครได้หลับเลย น้าพูดคนเดียวทั้งคืน แต่น้าบอกว่า น้าไม่ได้เพ้อและไม่ได้พูดคุยเดียว แกกำลังพูดคุยกับคนที่มาเยี่ยมแก หลังจากรถโรงพยาบาลนำน้าออกจากโรงบาลได้ประมาณ 10 นาที น้าผมก็เสีย! ผมไม่รู้ว่าเมื่อคุณอ่านจบ คุณคิดอะไร อีกใจหนึ่งไม่เชื่อ เพราะเราไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ หรืออีกใจหนึ่งเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว แต่ก็เฉยๆ เราเคยคงได้ยิน เด็กและคนใกล้ตาย เขามักจะไม่โกหก ดั่งคำโบราณที่ว่าไว้ คนใกล้ตาย...ลืมตาเห็นโลกนี้ หลับตาเห็นโลกหน้า

http://talk.mthai.com/topic/118184
fwd mail
69  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กฏแห่งกรรม เรื่องของพี่ก้อย เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 04:46:00 pm
เรื่องของพี่ก้อย

ดิฉันได้มีโอกาสรู้จักพี่ก้อยเมื่อต้นปี 2549
ตอนนั้นพี่ก้อยหน้าตาท่าทางเครียด แกมาหาดิฉันเพื่อมาดูดวงตอนนั้นดิฉันดูดวงที่ตลาดนัดแถวบ้าน แกมาดูดวงกับดิฉันบ่อยมากเลยนะคะ ตอนแรกก็เห็นใจนะคะแต่หลังจากที่ได้พูดคุยในหลายครั้งดิฉันรู้สึกว่าว่าพี่ ก้อยเป็นคนนิสัยดี น่าคบหาเป็นเพื่อนด้วยเพราะพี่ก้อยเป็นคนพูดจาถ่อมตัว ไม่โอ้อวดอะไร แล้วก็จิตใจดีมีความจริงใจให้ดิฉันมากกว่าเพื่อนของดิฉันเสียอีก

เวลาพี่ก้อยมีปัญหาอะไรพี่ก้อยเขาจะมาหาดิฉันมาปรึกษาทุกเรื่อง
มีอยู่ครั้งดิฉันเบื่อๆ เซ็งๆ เพราะหางานไม่ได้ก็เลยไปหาพี่ก้อยที่
ห้องเช่า ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของดิฉัน ดิฉันเห็นสภาพห้องที่เขาอยู่แล้วลำบากมาก ดิฉันก็ซื้อของกิน ซื้อขนมไปฝากเขานะคะเพราะเห็นว่า เขาอยู่กับลูกชื่อน้องเชอรี่ น้องเชอรี่เรียนอยู่ ป.1 แล้วคะ
ดิฉันจะเป็นห่วงแม่ลูก คู่นี้มากนะคะ จะซื้อของไปให้เรื่อยๆวันไหนเหงาๆ ว่างๆก็จะไปคุยปรับทุกข์กับพี่เขา ช่วงนั้นดิฉันยังหางานทำไม่ได้ เพราะว่างเยอะเลยมานั่งดูดวงตามตลาดนัด จนมาเจอพี่ก้อย นี่แหล่ะ ตอนนั้นพี่ก้อยก็ไม่ต่างจากลูกค้าคนอื่นของดิฉันหรอกนะคะ เพราะคนที่มาดูดวงก็คือคนที่มีปัญหาชีวิต
ซึ่งแต่หล่ะคนก็จะมีปัญหาแตกต่างกันไป แม้แต่ตัวหมอดูเองก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน มันอยู่ที่ว่าเราจะสามารถรักษาการใจให้สงบได้มากแค่ไหน

พี่ก้อยเล่าเรื่องของเขาให้ดิฉันฟังเยอะมาก มันทำให้ดิฉันคิดอะไรได้เยอะเลย เพราะเรื่องที่เขาเล่าเป็นเรื่องจริง แล้วก็มีส่วนเกื่ยวข้องกับกฎแห่งกรรมด้วย พี่เขาเล่าให้ฟังว่าพี่เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด บ้านอยู่แถวหัวลำโพงเอง แต่ไปโตที่สุพรรณบุรีเท่าที่ดิฉันจำที่พี่ก้อยเล่าได้ คือพ่อแม่ของพี่ก้อยเลิกกันตั้งเขายังเด็ก พ่อของพี่ก้อยเป็นข้าราชการทำงานเป็นคนขับรถไฟ สายกรุงเทพ – หาดใหญ่ ตอนแรกที่พ่อแม่หย่ากันตอนนั้นพี่ก้อยอายุแค่ 2 ขวบ พ่อเอาเมียใหม่เข้ามาในบ้าน ตอนนั้นพี่ก้อยก็เรียกว่า แม่หน่า ตอนแรกก็เหมือนจะดี ต่อหน้าผัวก็ทำเป็นดีกับลูกเลี้ยง เรียกน้องก้อยอย่างงั้น น้องก้อยอย่างงี้ ซื้อขนมมาป้อนให้ทาน เหมือนจะเป็นคนใจดีรักเด็กแต่ลับหลังตีซะเนื้อเขียว
แม่เลี้ยงใช้ให้พี่ก้อยล้างจานในครัว
แล้วพี่ก้อยไม่ระวังทำจานตกแตก แม่เลี้ยงโมโหมาก
“นังก้อยนี่แกทำจานแตกอีกแล้วเหรอ...”
แม่เลี้ยงจับพี่ก้อย มาตีด้วยไม้แขวนเสื้อ ตีแล้วตีอีก ขนาดพี่ก้อยยกมือไหว้ “แม่อย่าทำหนูเลยหนูกลัวแล้ว” พี่ก้อยเล่าให้ฟังว่า เนื่ยมันตีพี่ซะเลือดออกเลยนะพี่ยกมือไหว้มัน บอกว่า แม่พอเถอะอย่าทำหนูเลย มันเอาไม้มาตีมือซะเลือดไหลออกง่ามมือเลย
เอ๋ก็พูดว่า “อ้าวแล้วทำไม พี่ไม่ฟ้องพ่อหล่ะ”
พี่ก้อยบอกว่า “ถึงฟ้องมันก็ตี พี่อีก ยิ่งพ่อพี่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านด้วยมันก็ไม่สนใจหรอก เวลาไม่พอใจมันก็ตีเพราะมันรู้ว่าพ่อรักพี่มากอีแม่เลี้ยงมันก็เลยเกรียดพี่ มาก”
เอ๋พูด... “ถ้างั้นพี่ทำไงหล่ะ”
พี่ก้อยพูด “ก็ไม่ทำไง...ตอนอีแม่เลี้ยงไม่อยู่พี่แอบไปเล่าให้พ่อฟัง ว่าตอนพ่อไม่อยู่บ้านมันตีพี่บ่อยมากทำเอาแถบแย่ โชคดีที่ข้างบ้านมันแอบมาเล่าให้ฟังแต่พ่อพี่ก็ปล่อย ให้มันเลี้ยงพี่ ไม่ได้ทำอะไรเพราะคิดว่า ต่อไปน่าจะอยู่ด้วยกันได้”
แม่เลี้ยงพี่มันเป็นอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ พี่อยู่กับมันมา4ปีพี่รู้ดี วันไหนมันถูกหวยก็อารมณ์ดี ซื้อขนมมาให้ทาน
วันไหนมันทะเลาะกับพ่อพี่ มันก็มาระบายลงเอากับพี่มันตีพี่หนักมาก จนพี่มีอาการประสาทหลอนชอบนั่งเหม่อลอย

พ่อพี่สังเกตว่าพี่เปลื่ยนไป เป็นเด็กเก็บตัวชอบพูดคนเดียว เวลาแม่เลี้ยงเรียกก็มี อาการหวาดผวา พ่อพี่ก้อยกลัวว่าพี่ก้อย
จะกลายเป็น บ้า หลังจากนั้นอีก2 วันพ่อเลยพาพี่ ไปอยู่กับยายพ่อให้พี่เก็บเสื้อผ้าและหลักฐานการศึกษาทั้งหมดแล้วพาพี่ไปฝาก ยายเลี้ยง ที่สุพรรณบุรี
พี่ก้อยเล่าว่า- ตอนย้ายไปอยู่กับยายพี่โตพอสมควรแล้ว อยู่ป.1ได้
พ่อเอาเงินทิ้งให้ยาย 5000 บาทแล้วบอกว่าจะพยายามส่งเงินให้ทุกเดือน ถ้าแม่อีหนูมันมาก็บอกกันว่าไม่ต้องห่วง ยังไงผมก็ไม่ทิ้งลูกคนนี้หรอก เพราะผลมีลูกสาวคนเดียว เอาไว้ให้โตหน่อยผมจะเอาไปอยู่ด้วย พี่ก้อยวิ่งเข้าไปกอดพ่อ ร้องไห้ใหญ่เลย
พี่ก้อยพูด “พ่อจ๋า อย่าไปเลยนะหนูจะไม่ดื้อ ไม่ซนแล้ว หนูจะเชื่อฟังแม่หน่าทุกอย่าง” เป็นใครเห็นเขาก็ต้องสงสาร
พ่อพี่ก้อยก็น้ำตาซึมๆ “ก้อยเอ๊ยเอ็งอยู่ที่นี่ เชื่อฟังยายเอ็งนะเขาใช้ให้ทำอะไรก็ทำ อย่าดื้อ อย่าซนให้ตั้งใจเรียนมากๆนะพ่อจะส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน”
พี่ก้อยก็ร้องไห้สะอึก สะอื้นตามประสาเด็กไม่เคยจากอกพ่อ
พี่ก้อย จัดว่าโชคดีมากที่ญาติพี่น้องของทางแม่รักพี่ก้อยมาก
ยายเล่าให้ฟังว่า “นี่ก้อย เอ๊ย แม่เอ็งตอนนี้เขาได้ดีแล้วนะเขามีลูกใหม่ ผัวใหม่แล้วผัวใหม่แม่เอ็งเป็นเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง อยุ่นครสวรรค์ เดี๋ยวสงกรานต์เขาจะพาน้องเอ็งมาเยื่ยม”

ด้วยความที่พี่ก้อยไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยกันทำให้
พี่ก้อยเป็นเด็กเก็บกดพอสมควร ก็เลยทำให้เป็นเด็กที่เรียนเก่ง เพราะหวังอยากจะให้ใครๆก็รัก อยากให้พ่อแม่ ภูมิใจ
แกเป็นคนตั้งใจเรียนมาก สอบได้ที่ 1 ตลอด
แม่พี่ก้อยชื่อ คุณประภัสสร ส่วนคุณพ่อชื่อ คุณดนัย
พี่ก้อยบอกว่าแม่พี่เป็นคนสวย พอเจอพ่อพี่นอกใจก็ไม่ทนก็เลยขอเลิกหย่าร้างกันไป ตอนนั้นแม่พี่อายุแค่ 28 เองพี่พึ่งจะ 3 ขวบตอนแรกแม่อยากจะเอาพี่มาเลี้ยงเอง แต่พ่อไม่ยอมเพราะพ่อรักพี่มาก
แม่ก็เลยทิ้งพี่เอาไว้ให้พ่อเลี้ยง พอพ่อเอาอีแม่เลี้ยงเข้ามาอยู่บ้านมันก็ตบ ตี พี่ทุกวัน แม่พี่ทราบข่าวจากยายพี่ แม่พี่เลยส่งเงินและเสื้อผ้ามาให้ แม่พี่เขียนในจดหมายว่า ยังรักและเป็นห่วงลูกเสมอ แต่ไปไมได้ ต้องรอสงกรานต์ ตอนนี้พึ่งคลอดน้อง

ตอนนั้นพี่ดีใจมากที่มีน้องชาย แม่ของพี่เขาตั้งชื่อน้องชายพี่ว่า ก้อง ชื่อจริง ชุติพงศ์ ให้คล้องกับชื่อพี่ ก้อย (ชุติมา)
น้องชายพี่ น่ารักมากผิวขาวจั๊ว อาจจะเพราะ เหมือนแม่เพราะแม่พี่ขาว แต่พี่ไม่ขาวเพราะพี่เหมือนพ่อ ตอนที่อยู่สุพรรณพี่มีความสุขมากเลยนะ แต่มันก็ขาดๆอะไรไปเยอะเพราะพ่อแม่ ไม่ได้อยู่ด้วยกันทิ้งให้พี่อยู่กับยาย แต่พี่ก็ไม่เสียใจนะ
เพราะพี่รู้ดีว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่คนไม่มีใครไม่รักลูกของตัวเอง
ยิ่งตอนนี้พี่มาเป็นแม่คนเอง พี่ยิ่งเข้าใจว่า
คนเป็นพ่อ เป็นแม่คนเขาก็มีความจำเป็นของเขาที่เลิกกันมันเพราะไปกันไมได้ แต่ความรักที่มีให้ลูกยังไงก็ตัดกันไม่ขาด

แต่อ่านข่าวหนังสือพิมพ์สมัยนี้ทำใจลำบาก พ่อข่มขืนลูกในไส้จนตั้งท้อง ลุงข่มขืนหลาน พ่อเลี้ยงข่มขืนลูกเลี้ยง สังคมมันเล๊ะเท๊ะมากเกินไปแล้วตอนนั้นพี่ก้อยคิดว่า พี่ก้อยจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมให้ได้

หลังจากเรียนจบ ม.6 พี่ก้อยก็เดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพ หวังว่าจะเก็บเงินสักก้อนแล้วค่อยกลับไปลงทุนค้าขายที่สุพรรณเพราะแม่พี่เขา มีที่ดินให้แล้ว พี่กะว่าจะปลูกบ้านของตัวเอง ซื้อรถสักคัน ตอนนั้นพี่หยิ่งไม่ง้อพ่อเลย พี่บอกให้พ่อเลิกส่งเงินให้ใช้เพราะพี่อยากทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง พี่ได้มาทำงานเป็นสาวโรงงานที่ โรงงานทอผ้า ย่านพระประแดง ตอนนั้นอายุ 18เอง ผู้ชายมันเข้าหาพี่เอง ผู้ชายแก่กว่าพี่ 7 ปีเลยทำงานแล้ว
เป็นลูกคนมีฐานะพอสมควรเขามาตามจีบตามตื้อพี่ทุกวัน พี่รักเขามากก็เลยพลาดพลั๊งได้เสียเป็นผัวเมียกัน จนตั้งท้องน้องชะเอม (ลูกสาวคนแรก)
แฟนพี่เห็นว่าพี่ท้องแล้วก็เลย พาพี่เข้าไปอยู่ที่บ้าน พ่อแม่ทางฝ่ายชายเป็นคนดี ไม่รังเกรียจเลยสักนิดที่พี่จนกว่า เขาจัดพิธีแต่งงานง่ายๆ แฟนพี่เขาไปเหมาร้านอาหารทะเลชื่อดัง ย่านบางขุนเทียน
แล้วทำเป็นงานแต่ง ตอนเช้าก็ทำบุญไหว้ รดน้ำสังข์ที่บ้านผู้ชาย
ช่วงท้องน้องชะเอม พี่ดวงขึ้นมาก ถูกหวยติดกันตั้ง 2 งวดรู้สึกจะเลข 35 48 พ่อ กับ แม่ พี่ดีใจมากที่พี่ได้สามี แฟนพี่คนแรกเขารักและเอาใจพี่มาก แฟนพี่มาพี่ขับรถไปหาพ่อ วันนั้นพี่แต่งตัวซะเริ่ดเลย ยัยแม่เลี้ยงจ้องตาแถบ ถลนตอนที่พี่กับสามี คุยกันเรื่องงานแต่งงานมันทนฟังไม่ได้ ก็เลยหลบหายไปไหนไม่รู้

พี่คิดว่าช่วงนั้นพี่ดวงขึ้นนะ เพราะเหมือนพี่ได้แก้แค้นนังแม่เลี้ยงไปด้วย นังแม่เลี้ยงมันชอบพูดกระแหน่ะกระแหนพี่
“ท้องก่อนแต่งหล่ะสิ ถึงได้ต้องรีบแต่ง”
พี่ก้อยเลยโต้กลับว่า “ก็คนมันดวงดี เลยมีเด็กอยากจะเกิดด้วย พอท้องลูกคนนี้เด็กให้คุณ ดีกว่าคนบางคนอยากจะมีลูกแถบตายแต่ไม่มีเด็กคนไหนอยากจะมาเกิดด้วยเพราะ จิตใจชั่วร้าย”

แม่เลี้ยง โมโหจนหน้าตัวสั่น ชี้นิ้วมาทางพี่ก้อย “นี่อีก้อย เมิงว่าใคร เมิงจะหาว่ากูเป็นคนจิตใจไม่ดี ก็เลยไม่มีลูกสืบสกุลกับเขาใช่ไหม ห๋า”

พี่ก้อยก็โต้กลับ “ก็ไม่ได้ว่าใคร แต่ถ้าใครอยากจะรับก็รับไป”


แม่เลี้ยงโมโหจนหน้าแดง “ถ้าไม่ใช่เพราะเมิงท้องอยู่นะ กูจะตบล้างน้ำเลย เสียแรงเคยเลี้ยงดูป้อนข้าว ป้อนน้ำพาไปส่งโรงเรียนไป รอรับกลับมาบ้านเมิง จะ เมิง อีเนรคุณ”

พอดีพ่อพี่ก้อยได้ยินที่ทะเลาะกันเลยมาห้ามไว้ ไม่ให้มีมวยในบ้าน
ทางสามีพี่ก้อย เห็นท่าจะไม่ดีเลยพาเมียกลับไปบ้าน

แต่หลังจากนั้นในวันงานแต่งทุกคนก็มากันหมด ทั้งพ่อแม่ ทั้งแม่เลี้ยง พ่อเลี้ยง และ น้องก้อง น้องชายต่างพ่อของพี่ก้อย
พี่ก้อยคิดว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว น่าจะจบแบบแฮปปี้ แอนดิ้ง แต่ในชีวิตจริงมันไม่ใช่เช่นนั้น

ในช่วง5ปีแรก เป็นช่วงที่พี่ก้อยมีความสุขมาก เพราะ สามีพี่ก้อยทำธรุกิจจนร่ำรวย สามีพี่ก้อย ทำธุรกิจ จิวเวอรี่ส่งออกต่างประเทศ พวกเครื่องเงิน พวกทองเค มีทั้งขายในประเทศ และ ต่างประเทศ พี่ก้อยตอนนั้นใครๆก็เรียกเจ๊ เพราะพี่ก้อยเป็นคนทำบัญชีเป็นคนเก็บเงิน แล้วก็นั่งทำจิวเวอรี่ช่วยลูกน้องด้วย

โรงงานของพี่ก้อยมีลูกน้อง 15 คน มีเป็นพม่าอยู่ 2 คน พอดีโดนตำรวจจับ พี่ก้อยบอกว่าถ้าไม่เอาพม่ามาทำงานก็คงดี จะได้ไม่เจอไอ้ตัวเหี้ยนั่น ตอนนั้นพี่ก้อยอยากจะช่วยลูกน้องมาก ก็เลยวิ่งเต้นกับทางตำรวจ หมดเงินประกันไปเยอะ คุณตำรวจท่านนี้แหล่ะเป็นคนทำให้ ชีวิตของ พี่ก้อย เจอแต่ความเลวร้าย เหมือนตกนรก
สมมุติชื่อ คุณตำรวจธำรง ชื่อเล่น ไก่
คุณไก่เป็นผู้ชายที่เลวที่สุดเท่าที่ดิฉันเคยได้ยินมา พี่ก้อยบอกว่าคุณไก่ โทรมาบอก พี่ก้อย ชอบพี่ก้อยมากๆแต่เสียดายที่พี่ก้อยมีสามีแล้ว ถ้าไม่รังเกรียจเขาเป็นเพื่อนกันได้ไหม
พี่ก้อยก็คิดว่าเขาดีก็เลยยอมพบปะพูดคุยด้วยแต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันเพราะ พี่ก้อย เขาถือว่าเขาแต่งงานมีสามีแล้ว คุณสมพร สามีพี่ก้อยเป็นคนดีนะคะ เสียดายเป็นคนใจอ่อนลูกน้องชวนไปเทื่ยวคาเฟ่ คุณสมพรก็เลยไปติดนักร้อง อาจจะเพราะช่วงนั้น พี่ก้อยท้องลูกสาวคนที่ 2อยู่ พอเริ่มท้องโตสามีก็ไปเทื่ยวกลางคืนแล้วไปได้ นักร้องคาเฟ่มาเป็นเมียอีกคน ชื่อ ส้มเช้ง คุณสมพรหลงเมียน้อยมาก ก็เลยพา ส้มเช้งเข้ามาอยู่ในบ้าน
พี่ก้อยรับไมได้ ทะเลาะกับใหญ่โตเลย หลังจากที่คลอดน้องชบา
พี่ก้อยก็ขอหย่ากับ คุณสมพร ทางคุณสมพรก็ไม่ยอมหย่าให้

พี่ก้อย เก็บข้าวของไปอยู่ที่อื่นแทน ตอนนั้นพี่ก้อย มีเงินเก็บเยอะเลยไม่ง้อสามี พี่ก้อยบอกว่ามีคนใส่ร้ายพี่ให้ผัวฟังด้วย

ลูกน้องพี่เองแหล่ะ พี่ดีกับมันจะตาย มันหาว่าพี่มีชู้
มันบอกว่าพี่เป็น ชู้กับ นายตำรวจ สามีพี่เข้าเลยไม่ยอมมาง้อ
ตอนนั้นพี่หยิ่งคิดว่าตัวเอง แน่ก็เลยไม่ง้อ เพราะโรงงานจิวเวอรรี่ที่พี่ทำมา พี่กับ สามีก็ช่วยกันสร้างจนรวย ตอนนั้นพี่คิดว่าพี่สามารถเอาตัวรอดได้

ความจริงแล้วพี่ก้อยก็น่าจะเอาตัวรอดได้หรอกคะ ถ้าไม่ไปแต่งงานกับ คุณไก่ ผู้ชายที่นิสัยเลวพี่ก้อยอยู่กินกับคุณไก่ มา 12 ปี คุณไก่ผลาญเงิน ผลาญสมบัติพี่ก้อยจนหมดตัวเลย

พี่ก้อยบอกว่า ลูกสาวคนเล็กรักแม่เลี้ยงมากกว่าพี่ก้อยอีกเพราะ แม่เลี้ยงเป็นคนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เป็นทารก ตอนนั้นที่ออกมาจากบ้าน แกต้องมาเช่าห้องเช่าอยู่ไม่สะดวกที่จะเอาทารกมาเลี้ยง แกเลยต้องทิ้งให้ อีนังนั่นมันเลี้ยงแกกะว่าถ้าจัดการอะไรเรียบร้อยก็จะไปรับลูกมาอยู่ด้วย หลังจากออกจากบ้านสามีมา แกก็ไปเปิดร้านขายเสื้อผ้า ตอนนั้นขายดีด้วย แต่งานหนักมากไม่สะดวกที่จะเอาลูกมาอยู่ด้วย อีกอย่างสามีเก่าบอกว่าให้เอาลูกทิ้งไว้ที่บ้านเถอะ เพราะยังไงที่บ้านก็มี ปู่ กับ ย่า ไม่ต้องกลัวเด็กจะลำบากหรือ มีใครมารังแกหรอก

ช่วงที่ น้องชบายังเป็น ทารก ทางพี่ก้อยเคยแวะซื้อนมผงดูเม็กส์สำหรับเด็กอ่อน กับของเล่นไปให้น้องชะเอม พอเห็นนังส้มเช้งกำลัง อุ้มลูกสาวตัวเองอยู่ก็ หมั่นไส้ แค้นใจมากเพราะความจริงคนที่ควรอยู่บ้านเลี้ยงลูกน่าจะเป็น ตัวเองมากกว่า ไม่ใช่ให้ ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาเลี้ยงลูกตัวเอง พี่ก้อยถึงขนาดสาปแช่งเลยว่าให้มีอันเป็นไป ตายโหง หน้าตาก็ดีไม่มีปัญญาหาผัวเหรอไง

คุณส้มเช้ง เธอเป็นคนด่าใครไม่เป็นนะคะ เอาแต่ร้องไห้อ้อนผัว
พี่ก้อยบอกว่า ยัยส้มเช้ง มันห่วงแต่ความสวยความงาม
วันๆเอาแต่ แต่งตัวสวยยั๊ว ผู้ชาย งานการไม่ทำ ให้สามีพี่หาเลี้ยงอย่างเดียว ขนาดมันแก่กว่าสามีพี่มันยังจับผู้ชายอยู่เลย

เอ๋ถามว่า “มันไม่มีลูกกับ สามีพี่เหรอ”
พี่ก้อยตอบว่า “ มันแก่แล้ว อายุเยอะมากแล้ว 40 กว่าแล้วคงไม่มีแล้วหล่ะ แต่มันแต่งตัว ไปทำมาทั้งหน้าเลยนะ ทั้งตา จมูก กว่าจะสวยได้ขนาดนั้น”

คุณส้มเช้ง เพราะอยากมีลูกมาก เลยรักน้องชบามาก น้องชบาก็ดันรักคุณส้มเช้ง มากกว่าแม่ตัวเองด้วยซ้ำเพราะ คุณส้มเช้งตามใจน้องชบาตลอด กับ ชะเอม คุณชบาไม่เคยตีเลยสักครั้งเพราะพี่ก้อยจะถามลูกสาวตลอดว่า อีแม่เลี้ยงมันตีเปล่า ชะเอมก็ตอบว่าไม่เคยตีเลยสักครั้งเดียว แต่ชะเอมจะไม่ชอบแม่เลี้ยง เพราะจำได้ว่า เพราะแม่เลี้ยงนี่แหล่ะเป็นต้นเหตุให้แม่ร้องไห้เสียใจ ทำให้พ่อแม่ต้องเลิกกัน

พี่ก้อยบอกว่า พี่คิดว่าพี่คงจะโชคดีหลังแต่งงานใหม่เพราะ คุณไก่เขาเป็นตำรวจ ก็คงจะเป็นคนดี เพราะเป็นผู้รักษาความยุติธรรม
แต่พอมาอยู่ด้วยกันถึงรู้ว่าเลวมาก


คุณไก่ เคยมีเมียมาก่อนและมีลูก 2 คนแล้วเป็นลูกสาวหมดเลย พอมาแต่งงานกับพี่ก้อย ก็มีลูกสาวด้วยกัน 1 คนก็คือน้องเชอรี่ที่ดิฉันได้เจอนี่แหล่ะ น้องเชอรี่หน้าไม่เหมือนแม่เลยนะคะ หน้าตาไปทางพ่อหมดเลย ดิฉันคิดว่า พี่ก้อยน่าจะหลงสามีคนที่2 มากกว่าคนแรกนะ

เพราะว่า พี่ไก่ หุ่นดีมาก สูง ไม่อ้วน แบบสามีคนแรก
สามีคนแรกของพี่ก้อยดิฉันไม่เคยเจอนะคะ แต่พี่ก้อยบอกว่าแก่กว่าพี่ก้อย 7 ปี ตอนนี้ อ้วนมาก ผิวขาวๆ แต่พี่ไก่จะ ผิวสองสี ไม่จัดว่าดำ แต่ก็ไม่ขาว จมูกจะโด่ง สูง 180 ได้หน้าตาดูเข้ม ไม่หล่อ แต่ดูคมเข้ม มาดแมน ผู้หญิงบางคนก็จะชอบคนหน้าตาสไตล์นี้

โดยเฉพาะพี่ก้อย ที่อายุมากกว่าแฟน 3 ปีแล้วก็พอมาได้แฟนเด็กแถมหน้าตาดี ก็เลยหลงมาก ผู้ชายขอเงินเท่าไหร่ก็ให้หมดตัว หมดหัวใจ พี่ก้อยรักแฟนมาก ช่วงแรกที่อยู่ด้วยกันใครก็อิจฉา พี่ไก่ แม้แต่เพื่อนพี่ไก่ก็อิจฉาพี่ไก่ ทีได้เมียรวย แถมไม่ปากจัดด้วย ตั้งแต่อยู่กันมา พี่ก้อยไม่เคยด่าแฟนตัวเองเลยสักครั้งเดียว เรียก
“คุณไก่” ตลอดพี่ก้อยรักสามีคนที่สองมากกว่าคนแรกอีก
ทั้งที่มันเลวพี่ก้อยก็รัก พี่ก้อยเล่าว่า สามีพี่ก้อยมีลูกมาแล้ว 2 คน

จากเมียเก่า ผู้ชายไม่เคยรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 คนเลย ทำท้องแล้วทิ้งมา แถมพอรู้ว่าผู้หญิงไปขายตัวเลี้ยงลูกก็พูดจา ดูถูกถากถางด้วย ผู้หญิงไปให้เขาเอง พอท้องผู้ชายก็ทอดทิ้งพี่ก้อยเลยคิดว่า พี่ไก่รักพี่ก้อยมากกว่า เมียเก่า เพราะ


ตอนนั้นผู้ชายให้เกรียติพา ไปผูกข้อไม้ ข้อมือกันที่ สุพรรณแล้วก็จัดงานเลี้ยงในร้านอาหารที่กรุงเทพเชิญเพื่อนฝูงมาเป็นสักขี พยาน เพื่อนตำรวจของคุณไก่เขาก็มากันทั้งโรงพัก

5 ปีแรกดี พี่ก้อยก็เลยยอมมีลูกสาวด้วย 1 คนซึ่งก็คือ น้องเชอรี่
แต่ระยะหลังไม่ดีเลย คุณไก่ ไปเสียพนันบอกเป็น แสน
ทำให้พี่ก้อยต้องเบิกเงินที่ธนาคารมาใช้หนี้

สามีพี่ก้อย อยากได้บ้านสักหลัง เพราะไม่อยากพักอยู่บ้านพักตำรวจแล้ว เพราะมันคับแคบ พี่ก้อยเลยตัดสินใจ ขายที่ดินที่สุพรรณทั้งหมด ได้เงินมาเป็นล้านเอามาซื้อที่บ้าน ย่านพระประแดงซึ่งก็ใกล้ๆกับบ้านผัวเก่าแหล่ะ

แต่เงินมันยังไม่พอ ทางคุณไก่เลยทำเรื่อง กู้มาโป๊ะจนครบ
พี่ก้อยโง่มากนะ ที่ ยกให้ผู้ชายเป็นเจ้าของบ้านแต่เพียงผู้เดียว
หรือเพราะเรียนมาน้อยไม่รู้ กฎหมายหรือไงก็ไม่ทราบ
ความจริงแล้ว ควรจะเป็นเจ้าของร่วมกันนะคะ น่าจะมีชื่อร่วมกันถึงจะถูกสิ จะว่าไปผู้ชายออกเงินน้อยกว่าด้วยซ้ำแต่ตอนนั้นพี่ก้อยเขารักสามีเขามากๆ

บ้านทั้งหลังก็เลยตกเป็นของ “คุณตำรวจไก่ เพียงคนเดียว”
พี่ก้อยบอกว่า อยู่กินกับสามีคนนี้มา มีแต่หมดตัว

สามีใหม่เคยมาขอเงินไปลงทุนทำร้านอาหารกลางคืนกับเพื่อน
พี่ก้อยก็ เบิกเงินให้ แบบว่าโดนไถไปหลายรอบมาก จนหมดตัวไม่มีจะให้ จนเพื่อนตำรวจของคุณไก่ แอบสงสารพี่ก้อยมาก

ก็เลยแอบมากระซิบบอกว่า “ไอ้ไก่มันติดนักร้องคาเฟ่ แล้วมันก็ชอบเล่นการพนันด้วย” หลังจากรู้ความจริง พี่ก้อยเลยทะเลาะกับพี่ไก่บ้าน แถบแตกแต่ก็ไม่ได้ ด่ากัน หยาบคายนะคะ

พี่ก้อยกับพี่ไก่มาเลิกกันจริงๆก็เพราะ
คุณไก่ พาเมียใหม่ กับลูกติดของเมียใหม่ 2 คน เข้ามาอยู่ในบ้าน
ที่ดิฉันคิดว่าเลวเพราะ ความจริงพี่ก้อยเขาไมได้อยากเลิกด้วยนะคะ แต่คุณไก่ ไล่พี่ก้อยออกจากบ้านไป ให้ทิ้งลูกเอาไว้

แต่พี่ก้อย ไม่ยอม แล้วก็เอาลูกออกมาด้วย จนมาเจอดิฉันนี่แหล่ะคะ ดิฉันก็สงสัยนะ ทำไมผัวพี่ก้อยทำไมมันเลวจัง อยู่ดีๆ มาไล่คนออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมาได้ไง
ดิฉันเลยถามไปว่า “ พี่ก้อยไป ด่าอะไร สามีพี่แบบ แสบๆเปล่า”
พี่ก้อย “ เปล่าเลยนะ พี่ไม่เคยด่าสามี เลยสักครั้งเดียว”
พี่ก้อยพูดว่า -
มันหน่ะเป็นคนเลวพี่รู้ดี แต่พี่ก็รักเขามาก มันไปจีบอีนั่นก่อนด้วยซ้ำ เพราะว่าผู้หญิงคนนี้สามีโดนคดี ยาเสพติด ผัวเลยโดนจับเข้าคุกไป แต่มีเงินในบัญชีถึง 10 ล้านบาท คุณตำรวจไก่ เป็นคนทำคดีนี้ร่วมกับผู้กำกับก็เลยตาโต

ก็เลย ตามจีบอีนังนั่น เพราะรู้ว่าอยากจะได้เงิน 10 ล้าน
เงินก้อนนี้จะโดนอายัด 10 ปี ต้องรอให้ครบ 10 ปีถึงจะใช้เงินด้วย
ช่วงที่ นาย ก มีคดียาเสพติด นางสาว ข เมียสุดที่รัก ก็มีพี่ไก่มาตามจีบติดพันด้วย คุณไก่ถูกตัดสินให้เข้าคุกไป 20 ปี ส่วนนางสาว ข ก็ไม่มีเงินเลยสักบาท เพราะเงินในบัญชี 10 ล้านถอนเอามาใช้ไมได้ มีเงินเหลือติดตัวไม่เยอะ แถมบ้านก็ไม่มีอยู่
ลูกสาว 2 คน กำลังกินกำลังใช้

พอคุณไก่ เข้ามาจีบ ยินดียื่นมือช่วยเหลือ นางสาว ข ก็กระโดดเข้าใส่ทันทีเพราะไม่มีอะไรเสีย อาจจะคิดว่าโชคดีด้วยซ้ำ ที่ได้ผัวใหม่เป็นตำรวจ แถมมีบ้านให้อยู่ไม่ต้องไปเช่าเขา ลูกสาวก็จะได้มีที่ซุกหัวนอนด้วย หารู้ไม่ว่ากำลังจะเจอกับ พญามารตัวโต
นาง ข รู้ว่า คุณไก่ มีลูกมีเมียแล้วแต่ก็ไม่สนใจ
อาจจะเพราะคิดว่า ตัวเอง สาวกว่า สวยกว่า หุ่นดีกว่า
ดิฉันดูแล้ว คิดว่าระวังให้ดีเถอะ ลูกสาว 2 คนต่อไปจะใช้สามีร่วมกับแม่ตัวเอง ส่วนผัวที่อยู่ในคุก พอออกจากคุกมาได้
ไอ้เงิน 10 ล้านอย่าหวังเลยว่า คุณไก่พญามารตัวโต จะได้เงินใช้ด้วย เพราะ นาย ก พญามารอีกตัว ก็คงร้ายเหมือนกันเผลอๆ นาง ข นางมารร้ายตัวโต ก็อาจจะไม่ได้รักอะไรคุณไก่เลยก็ได้แต่ที่อยู่ด้วยกันเพราะ มีความเดือดร้อนทางการเงิน

ดิฉันคิดว่าพี่ก้อย คงจะเป็นคนดีเกินไปนะคะเลยอยู่กับพวกเลวๆนี้ไมได้ ดิฉันก็แนะนำว่า “พี่ควรหาที่ปรึกษาทางกฎหมายได้แล้วนะแล้วอย่าไป โง่เซ็นสัญญาอะไรด้วย ถ้าผัวพี่เอาอะไรมาให้เซ็นสัญญา พี่อย่าเด็ดขาดนะ ระวังเถอะจะต้องใช้หนี้แทน”

พี่ก้อยบอกว่า ยังไมได้เซ็นหย่ากับสามีเลย เพราะยังรักเขาอยู่แล้วทาง คุณไก่ก็ยังไมได้ขอหย่า ดิฉันไม่รู้กฎหมายมากนักก็บอกว่า

ความจริง ทะเบียนสมรส มีแล้วดีนะ เพราะมันจะสามารถ
ทำให้เราฟ้องแบ่ง มรดกได้ ดิฉันแนะนำให้พี่เขาหาทนาย ฟ้องแบ่งมรดก แล้ว เรียกค่าเลี้ยงดู แต่พี่ก้อย แกโง่ ปนซื่อ แกบอกว่า
“ ไม่ได้หลอกเอ๋ เดี๋ยวมันจะซ้อมเอา พี่โดนมันซ้อมหลายทีแล้ว”
“ตอนอยู่ผัวเก่าไม่เคยเจอซ้อมเลย มาอยู่กับมันนะพอมีปัญหากันทีไร มันซ้อมทุกที พี่เลยไม่กล้าด่าอะไรมัน”

ดิฉันบอกว่า “พี่ลองไปนิตยสารชีวิตจริง พวกศาลาคนเศร้า และเรื่องต่างๆมาอ่านดูนะ เผื่อจะ คิดได้”
“หนูมีเพื่อน นิสัยคล้ายพี่เลยนะเขารักแฟนเขามาก”
“แฟนเขาติดหนี้บัตรเครดิตเป็นแสน”
“มายืมเงินมัน มันก็เลยถอนเงินที่ฝากเอาให้หมดตัวเลยนะ แถมไปกดเอาเงินในบัตรเครดิตของตัวเองทุกใบ ไปให้มันใช้หนี้อีก”
“สุดท้ายมันหนีไปเลย........เปลื่ยนเบอร์มือถือ ย้ายจากคอนโดที่เช่าอยู่ไปเลย”

มันเอาเงินไป 3 แสนแล้วหนีไปทุเรศสุดๆทำไมต้องมีผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนี้บนโลกด้วยนะ
ตอนนี้เพื่อนหนูน่าสงสารมากเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยพี่ มันผอมไปเลยนะ จากตอนแรกที่อวบๆ มันต้องทำงานหนักหาเงินใช้หนี้ ต้องไปไหว้ขอยืมเงินจากเพื่อนคนนั้นคนนี้เอามาใช้หนี้เลยนะพี่
ถามจริง พี่ก้อยอยากจะเป็นแบบเพื่อนหนูเหรอคะ

พี่ก้อยเขาก็เงียบไป “ ตอนนี้พี่คิดแต่เรื่องทำมาหากิน พี่ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูก กับตัวเอง”

ล่าสุดพี่ก้อยไป สมัครเป็นผู้จ้างโรงงาน เจ้าของใจดีมาก อนุญาติให้เอางานกลับไปทำบ้านได้ พอบ่าย 2 พี่เขาก็ไปรับลูกแล้วก็กลับมานั่ง ร้อยสร้อย ความจริงเจ้าของโรงงานจิวเวอรี่แห่งนี้

เขาเคยรู้จักกับพี่ก้อยมาก่อนคะ เพราะตอนนั้นพี่ก้อย เคยเป็นเจ๊ โรงงานจิวเวอรี่เหมือนกัน พี่ก้อยเคยเอาบิลมาวาง แล้วรับเอา ลูกปัด จากที่นี่ไปทำที่โรงงานเล็กของตัวเอง

โรงงานที่พี่ก้อยทำตอนที่ดิฉันเจอ จะโรงงานใหญ่กว่า เจ้าของรวยมาก แล้วทำห้องเช่าให้คนทั่วไป และลูกจ้างเช่ากันอยู่ด้วย คิด 1500 -2500 แล้วแต่หล่ะขนาดของห้อง มีห้องเล็ก ห้องใหญ่ พี่ก้อยจะเช่าห้องหล่ะ 1500 อยู่ชั้น 5 คะดิฉันไปหาที แถบคลานขึ้นบันได มันเหนื่อยมาก ลิฟท์ก็ไม่มี

ดิฉันคิดในใจนะคะว่า ความจริงขายเสื้อผ้าก็ดีอยู่แล้ว ดันเชื่อ
คนไม่ดีเอาเงินไปลงทุนกับเขาหมด จนไม่มีเงินจะซื้อเสื้อใหม่ๆมาลงขายหลังๆก็ต้องเลิกไปเพราะ ขายของไม่ได้ขาดทุน ถ้าไม่ใจอ่อน หลงเขามากมาย แบ่งเงินไปทำทุนของตัวเองบ้างคงไม่ลำบากแบบนี้หรอก พอหมดตัวไม่มีเงินเหลือสักบาท ผู้หญิงก็เห็นว่าไม่มีค่าเป็นหมาหัวเน่านึกจะไล่ก็ไล่ออกจากบ้าน โดยไม่นึกถึงความดีที่เคยทำให้

ความจริง คนเราจะรักใครก็รักได้นะ มันไม่ผิดหรอก
แต่เราไม่ควรโง่ จนถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ เราสามารถรักใครก็ได้
แต่เราควรรักตัวเองให้มากที่สุด ถ้าพี่เข้าคุกไปใครจะเลี้ยงลูก พี่จะให้ลูกพี่ไปอยู่กับแม่เลี้ยงแบบพี่เหรอ แล้วแม่เลี้ยงคนนี้จะดีเปล่าไม่รู้

ความจริงพี่ก้อยเคยบ่นหลายครั้งนะคะ ว่าญาติที่ สุพรรณ โทรมาบอกว่า มีจดหมายส่งมาจาก กรุงเทพ บอกให้เอามอเตอร์ไซด์ไปคืนเพราะว่า
บัตรประชาชนของพี่ก้อย ชื่อมันไปขึ้นอยู่ที่ สุพรรณ พี่ก้อยรำคาญมากเลยไม่ค่อยอยากรับมือถือเพราะรู้ดีว่าทางญาติที่สุพรรณต้อง โทรมาบ่นแน่ๆ

ความจริงดิฉันเคยเจอ พี่ก้องน้องชายพี่ก้อยนะคะ
กับ น้องชะเอมลูกสาวพี่ก้อยนะคะ วันนั้นน้องชะเอม เอาไข่มาให้ 30 ฟอง แล้วก็แอบเอาเงินมาให้ 500 บาท ส่วนน้องชายสงสารไงก็เลยเอาเงินมาให้ 3000 บาทเพราะสมัยที่พี่ก้อยร่ำรวย เป็นเมียเจ้าของโรงงานทำจิวเวอร์รี่ เคยให้เงินน้องชายใช้บ่อยๆ ให้ทีหลายพันด้วย ตอนนั้นก็แบ่งเงิน
ให้พ่อ แม่ ญาติพี่น้องใช้ทั่วหน้าเลยพอพี่สาวลำบาก น้องก้องก็เลยมาทดแทนบุญคุณ ก็เอาเงินให้เรื่อยๆ ตอนน้องเชอรี่ไม่สบายเคยโทรตาม คุณไก่ให้มาพาลูกไป โรงพยาบาลแต่ พ่อแท้ๆของน้องเชอรี่กับบอกว่าติดงานสำคัญมาไมได้ พี่ก้อยเลยต้องโทรหาน้องชายให้ช่วยพาไป โรงพยาบาลที หมดเงินไปเยอะมากโชคดีที่น้องชายยัดเงินใส่มือให้ 2000 บาทตอนแรกจะไม่เอาแล้ว แต่น้องชายบอกว่าเอาไปเถอะ
พอกลับมาบ้าน คุณไก่ก็โทรมาหา พี่ก้อยบอกว่า เนื่ยลูกนอนอยู่โรงพยาบาล คุณไก่ก็เลยมาค้างกับพี่ก้อย ผู้ชายเขามาขอมีอะไรด้วยพี่ก้อยก็ยอม อีกอย่างลูกก็ไมได้อยู่บ้านไปนอนที่โรงพยาบาลผู้ชายคงเห็นโอกาสเหมาะที่จะมี อะไรกับเมียเก่า

ทางนางสาว ข นางมารร้าย โทรมาด่าพี่ก้อยสารพัด
พี่ก้อยดันไปกลัวเขาอีกนะ พี่ก้อยบอกว่าผู้ชายไม่เคยให้เงินใช้เลยสักบาท บางทีมาหาเอาเงินให้ลูก 50 บาทให้ลูกดีใจเล่น พอจะกลับก็ขอ 50 บาทคืน โอ้วโหวดิฉันคนแค่คนนอก ยังให้ที 100 -200 เลยนะคะ
ไม่เคยทวงคืนด้วยเพราะสงสาร เจอแบบนี้ไม่ไหวจิตใจทำด้วยอะไร ทำไมเป็นคนเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้


พี่ก้อยบอกว่าอยากจะกลับไปคืนดีกับสามีเก่าเหมือนกัน เพราะลูกสาวก็มาคอยตามให้กลับไปง้อพ่อ ตลอด แต่พี่ก้อยเป็นคนมีนิสัยหยิ่ง ไม่ยอมง้อใครเด็ดขาด ก็เลยไม่ได้คืนดีกัน
พี่ก้อยบอกว่าถ้า ตอนนั้นใจเย็นไม่ยอมออกจากบ้าน สามีคนแรก
ป่านนี้ก็ สบายไปแล้ว คงจะมีเงินทองกินใช้แบบสุขสบายเพราะ
สามีคนแรกเป็นคนขยันทำมาหากิน ให้เงินเมียใช้แบบสุขสบายไม่เคยปล่อยให้เมียลำบาก เวลาจะทานอะไรต้องทานร้านอาหาร ทานแต่ของดี ของแพง แต่พอมาอยู่กับผัวคนที่สอง ลำบากมากๆ
เอาแต่ผลาญเงิน แถมชอบซ้อมเมียด้วย ทั้งที่พี่ก้อยรักสามีคนที่สองมากที่สุด


ช่วงก่อนวันลอยกระทง ดิฉันเคยชวนพี่ก้อยกับลูก ไปทำบุญและลอยกระทงที่วัด เพราะเขามีพีธีสวดสะเดาะห์เคราะห์ด้วย

พี่ก้อยบอกว่า สามี จะมารับลูกไปเทื่ยว พี่ไก่โทรมาบอกว่าจะรับลูกไปเทื่ยวให้น้องเชอรี่แต่งตัวสวยๆจะพาไปเทื่ยว
ดิฉันก็เตือนไปว่า “พี่ระวังนะ อย่าไปไว้ใจอะไรเขาอีกเลยหนูฟังแล้วผู้ชายคนนี้น่ากลัว”
มีอย่างที่ไหน อยากได้มอไซด์คันใหม่ ไล่เมียออกจากบ้านมาแล้ว ยังให้เมียทำเรื่อง เป็นคนเซ็นสัญญาซื้อแทนตัวเอง ทุเรศสุดๆตัวเองอยากได้ มอเตอร์ไซด์คันใหม่ แต่ให้เมียมาเป็นคนเซ็นสัญญาซื้อถ้าหนูรู้จักพี่ก่อนนะนูจะเตือนให้พี่ตา สว่างแต่แรกแล้ว

พี่ก้อยเขาก็รักของเขาดิฉันก็เข้าใจนะคะพูดไปเขาก็ไม่ฟัง

แต่หลังจากวันนั้น ดิฉันก็เงียบหายไป ทางพี่เขาก็ไมได้โทรมาอาจจะเพราะไม่มีเงินเติมมือถือก็ได้ ดิฉันก็รู้สึกเป็นห่วงเขาแบบบอกไม่ถูกนะคะ พอเลิกงานเลยแวะไปหาเอาตอนบ่าย 5 โมงเย็น

พี่ก้อยเล่าว่า ผัวพี่มันเลวมากมันหลอกพี่ มันมารับพี่ที่หอพักแต่เช้าเลยนะ มันขับรถพาพี่ไปที่ ศูนย์จำหน่ายรถกระบะ รถเก๋ง มือหนึ่ง และมือสอง มันบอกว่ามันอยากจะได้ “รถกระบะ สีน้ำเงินเข้ม มือหนึ่ง ป้ายแดง”

มันบอกว่า จะให้พี่เซ็นสัญญาเป็น คู่ร่วมซื้อ กับ มัน พี่ก้อยตกใจมาก พี่ก้อยก็พยายามอธิบายให้ฟังว่าไมได้นะ ยังไงก็ไม่ยอม ผู้ชายโกรธมาก ด่าใหญ่เลย ผู้ชายมันเลยพาไปหย่าที่อำเภอเลยวันนั้น ฉลองลอยกระทง พี่ก็ร้องไห้ตลอดทางเลยนะ มันก็ด่าหยาบคายมาก มันบอกว่ามันจะไม่สนใจทั้งแม่ ทั้งลูกแล้วเพราะ พี่ดื้อรั้น ไม่ฟังมัน ตอนไปหย่าที่อำเภอ เจ้าหน้าที่ก็พยายามไกล่เกลื่ยให้คืนดีกันนะ เพราะเห็นว่าเอาลูกสาวมาด้วย ก็เลยพยายามพูดว่าไม่สงสารลูกเหรอ ลูกสาวยังเล็กอยู่เลยนะ
ตอนนั้นพี่ก้อยเอาแต่ร้องไห้ ไม่ยอมพูดอะไร ส่วนผู้ชายบอกว่า เราเข้ากันไมได้ครับ ส่วนทางลูกสาวก็นั่งรออยู่ข้างหลัง ความจริงน้องเชอรี่รักพ่อมากนะคะ แต่เหตุการณ์วันนั้นทำให้น้องเชอรี่ไม่ร้องหาพ่ออีกเลย พี่ก้อยเขายังเอา ใบหย่ามาให้ดิฉันดูเลย
ดิฉันก็บอกว่า “หย่ากันก็ดีนะ ถ้าผู้ชายไปสร้างหนี้สินอะไรไว้ พี่จะได้ไม่ต้องมาใช้หนี้แทน หย่าไปก็ดีแล้ว”
พี่ก้อยบอกดิฉันว่าจะกลับไปอยู่ ต่างจังหวัดเพราะเบื่อกรุงเทพ มีแต่คนหลอกลวง จะเอาลูกไปอยู่ด้วย แต่ในอนาคตไม่แน่อาจจะขึ้นมาหางานทำให้ กรุงเทพก็ได้ กับผู้ชายคนนี้ตอนนี้เขาตัดใจได้แล้ว หลังจากที่โง่มา 10 กว่าปี เพราะผู้ชายเลวมากเกินไปที่พี่รักเขาได้แล้ว เพราะเขาหลอกลวงพี่ไม่พูดความจริง

เขาก็เห็นว่าพี่กับลูก อยู่กันสองแม่ลูกลำบากแค่ไหนเขาเคยมาสนใจ มาเหลียวแลไหม เงินทองก็ไม่เคยให้ มีแต่มาสร้างความเดือดร้อน ไม่รู้เป็นผู้ชายประเภทไหนกัน ขนาดเพื่อนมันเองยังสงสารพี่เลย แต่ตัวมันไม่เคยสงสารพี่กับลูกเลย

เงินเดือนออกแทนที่จะเอามาผ่อน มอเตอร์ไซด์เพราะตัวเองก็ขับ
70  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เรื่องหนี้ชีวิต โดย ท.เลี้ยงพิบูยล์ เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 04:41:24 pm


                 หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรม(โดย  ท.เลี่ยงพิบูลย์)

 

เรื่องหนี้ชีวิต โดย ท.เลี้ยงพิบูยล์

       ข้าพเจ้าได้ไปในงานชาปานากิจศพท่านผู้หนึ่ง ณ.วัดที่พระนครศรีอยุธยา

กำหนดเวลา15.00น.เป็นเวลาประชุมเพลิง วันนั้นไม่ใช้วันหยุดหรือวันเสาร์

อาทิตย์คิดว่าคนคงจะไม่มากนัก ทั้งผู้ตายก็มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดทั้งลูกหลานเจ้าภาพก็ไม่ใช้คนใหญ่โตมีชื่อเสียงในสังคมหรือเป็นข้าราชการ

ผู้ ยิ่งใหญ่อันเป็นที่รู้จักนับถือกันทั่วเมืองไทย ความจริงข้าพเจ้าไม่รู้จักกับผู้ตายมาก่อนญาติผู้ตายเป็นเพื่อนคุ้นเคยกับ ข้าพเจ้าได้ส่งบัตรเชิญให้มาในงานนี้ไห้ได้เพราะมีผู้ต้องการพบและสนทนาเป็น การส่วนตัว ท่านผู้นั้นเดินทางมาจากต่างจังหวัด วันนั้นข้าพเจ้าไปก่อนเวลากำหนดประชุมเพลิงมีเวลามากพอที่จะสนทนากับผู้ต้อง การพบไห้ได้เรื่องราวหากมี ก่อนที่ข้าพเจ้าจะถึงวัดคงจะไปก่อนคนอื่นๆแต่คิดผิดเพราะมีแขกผู้คนมากมาย ทั้งที่ก่อนเวลาตั้งชั่วโมงกว่าการที่มีคนมาในงานศพมากมายเช่นนี้เป็นเรื่อง ที่น่าคิดว่าคงจะมีเบื้องหลังในประวัติที่ดีงามของผู้วายชน ข้าพเจ้าเห็นผู้คุ้นเคยเดินออกมาจากพวกเจ้าภาพด้วยอาการยิ้มแย้มสบายใจ นึกว่าคุณติดธุระมาไม่ได้ผมเองก็หนักใจผู้รอพบ

ก็ร้อนใจข้าพเจ้ายิ้มตอบแล้วบอกว่าเมื่อผมรับปากแล้วไม่เคยผิดนัดยิ่งเป็น

งานศพไม่ติดธุระจำเป็นจริงๆแล้วไม่เคยขาดเพราะเป็นการเคารพผู้ตายครั้ง

สุดท้ายก่อนที่ร่างจะกายเป็นเถ้าถ่านทั้งที่ได้มีการพิจารณา

ซากที่แตกดับเป็นของที่ไม่หยั่งยื่นด้วยกันทุกคน ไม่มีใครหนีพ้นความตายไป

ได้จะผิดกันก็แต่จะช้าจะเร็วเท่านั้นการเตือนสติผู้ที่มีชีวิตอยู่ไม่ให้ประมาทจน

ลืม ตัวมั่วเมาลุ่มหลงเมื่อยังมีชีวิตอยู่กับความหลงในราบยศสรรเสริญงมเงยประกอบ กรรมทำชั่วทั้งที่ได้มีโอกาสพบเพื่อนฝูงที่สูงอายุซึ่งจะไม่ค่อยจะได้พบกัน บ่อยมากนักผู้คุ้นเคยหัวเลาะแล้วพูดว่าหากสังคมคิดเช่นเดี่ยวกันโลกคง สงบกว่านี้ ข้าพเจ้าพูดว่าผมไม่นึกว่าจะมีผู้คนมากมายเท่านี้

ผู้คุ้นเคยยิ้มแล้วพูดว่าผู้คนที่เห็นมากมายนี้

ส่วน ใหญ่มาจากต่างจังหวัดและทางบ้านนอกเขาไม่นิยมออกบัตรเชิญเขาชอบบอกกันด้วย ปากต่อๆกันไปหากส่งบัตรเชิญเกิดหลงลืมเชิญไม่ทั่วเกิดการน้อยใจไม่พอใจบัตร เชิญเราใช้แต่ในพระนครเท่านั้นข้าพเจ้าได้ยินก็ได้ความรู้ว่าคนบ้านนอกไม่ สนใจนิยมส่งบัตรเชิญหากใครไปส่งบัตรเชิญเขาคงคิดว่า

เลือก ที่รักมักที่ชังคนที่ไม่ได้รับบัตรเชิญก็คิดน้อยใจคิดว่ารังเกียจข้าพเจ้าก็ ถามว่าทำไมไม่กลับไปทำงานศพที่ภูมิลำเนาผู้ตายท่านผู้นั้นบอกว่าคนป่วยได้ ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลในกรุงเทพก่อนตายคนป่วยได้สั่งไว้ว่าหากตายในโรง พยาบาลก็ขอไห้จัดงานศพในกรุงเทพอย่าต้องลำบากเอาศพไปบ้านนอกเลยฉนั้นลูกหลาน ก็ต้องทำตามความประสงค์ของผู้ตายเมื่อได้พูดคุยกันแล้ว

ผู้ คุ้นเคยก็ได้นำข้าพเจ้าไปนั่งข้างๆเจ้าภาพซึ่งรู้สึกว่าได้จัดไว้ก่อนแล้ว ท่านบอกว่าไห้รออยู่ก่อนเดี๋ยวจะไปตามผู้ที่อยากพบแล้วผู้คุ้นเคยก็ได้ไปนำ ผู้ชายสูงอายุดูเรียบร้อยการศึกษาดีและนำไห้ข้าพเจ้ารู้จักและบอกว่าท่านผู้ นี้เจาะจงอยากสนทนากับข้าพเจ้าเราได้สนทนากันก็สะนิดสนมกันอย่างรวดเร็ว

ตาม นิสัยของชาวชนบทส่วนมากและหากท่านมีโอกาสเดินทางไปที่จังหวัดของท่านผู้นี้ แล้วขอให้ข้าพเจ้าแหวะไปที่บ้านของท่านให้ได้อย่าลืมไปให้ได้

ย้ำ แล้วย้ำอีกข้าพเจ้าได้กล่าวขอบคุณที่ได้ให้ความเป็นกันเองโดยสะนิดใจจึงรับ ปากหากมีโอกาสและเวลาพอจะแหวะไปยังสถานทีที่ได้บอกมาอย่างระเอียดแม้เรา รู้จักกันเพียรเวลาสั้นๆยิ่งได้สนทนากันแล้วเหมือนเรารู้จักกันนานแรมปี น้ำใจของชาวชนบทน่าเคารพส่วนมากเป็นคนซื่อรู้จักง่ายคบง่ายเป็นคนเป็นกันเอง และไม่มีเล่ห์เหลียมดูคนในแง่ดีเสมอเมื่อรักใคร่ผู้ไดก็ฝังใจรักใคร่ผู้นั้น เสมอมาผิดกับคนกรุงที่ยังมีถือเขาถือเราไม่ย้อมจะพูดจากับใครง่ายๆ

ไม่เคยมองคนในแง่ดีนักคอยระวังตัวแต่ก็ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่บ้างคนมองโลกในแง่ดีและทำตัวน่านับถือ แต่ก็น่าสงสารพวกที่ไม่คบเพื่อนเพราะโลกทุกวันนี้

ต้องมีเพื่อนฝูงถ้าได้เพื่อนดีก็จะพากันไปดีแต่ถ้าคบเพื่อนชั่วก็จะพากันตกต่ำ

วัน นั้นข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องคนที่เคยทำความชั่วแล้วกลับมาทำความดีได้โดยที่ ข้าพเจ้าจะได้นำเรื่องมาเล่าในหนังสือกดแห่งกรรมได้เมื่อผู้ไดอ่านแล้วควร ใช้

สติปัญญาความรู้สึกมองเห็นกรรมดีและกรรมชั่วพอจะเตือนสติให้สำนึกถึง

ทุก คนที่เกิดมาในโลกเวลามีชีวิตไม่ยืนยาวมากนักถ้าเราไม่หลงงมงายตัวเองมากเกิน ไป มองเห็นความทุกข์ความเดือดร้อนของผู้อื่นที่เราได้ก่อไห้เกิดความเดือดร้อน แก่ผู้อื่น ดังที่ข้าพเจ้าได้ฟังประสบการณ์ครั้งนี้จากท่านผู้นี้จากตัวท่านเองมีทั้ง เรื่องประหลาด..มีทั้งเรื่องที่สร้างความชั่วและสร้างความดีผู้เล่าได้ระบาย ออกมาในความรู้สึกของบุกคลผู้หนึ่งที่เวลาชั่วก็แสนจะชั่ว

ชาว บ้านทั้งเกียจทั้งกลัวเวลาดีก็แสนจะดีชาวบ้านทั้งเคารพบูชาเป็นชีวิตที่แปลก และผมจะเล่าเรื่องของเขาคนนี้ที่ผมได้รู้จักมันจะน่าเป็นเรื่องที่ควรจะเก็บ และมีเวลาเล่าในวันนี้คนคงได้ประโยชน์จากเรื่องนี้บ้างไม่มากก็น้อย

เรื่องที่จะเล่านี้ถ้าจะย้อนหลังไปตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ในหมู่บ้าน

ตลอดทั้งบางที่ผมอยู่นั้น ถ้าใครเอยชื่อกำนันแต้มแล้วชาวบ้านไม่มีใครชอบ

แสดงกิริยารังเกียจถ่มน้ำลายรดชื่อ ชาวบ้านจงเกียจจงชังกำนันแต้มคนนี้

เพราะแก่เป็นคนฉลาดแกมโก่งชาวบ้านพากันกลัวมาก ชาวบ้านผู้ไดถ้าเดือดร้อนเงินทองใครนำโฉนดที่ดินไร่สวนที่นามาจำนองหรือขายฟากกับแกแล้ว ไม่ช้าก็จะเปลี่ยนมือเป็นของแกหมดแล้วแกก็ขับไล่ออกไปจากที่ไม่เคย

มีความเมตตาปราณีใคร ถ้าใครไม่ย่อมออกจากที่ไปก็มีหวังถูกอิธิพลมืด

จากลูกน้องของกำนันแต้ม ฉะนั้นชาวบ้านจึงทั้งเกียจทั้งกลัวแต่ทั้งนั้นชาวบ้าน

ที่ขัดสนเงินทองก็ต้องแบกหน้าไปหาแก ก้มหัวให้แกขูดรีดและคนอื่นก็ไม่มีเงินทองพอจะพึ่งพาได้ ที่จริงชาวนาบางคนก็ดีบางคนก็หลงงมงายเมื่อหมด

หน้านาแล้วก็เก็บเกี่ยวข้าวเปลือกไปขายเสร็จแล้วก็ว่างงานแทนที่จะไปทำงานกลับพากันไปกินเหล้าเมายาเล่นการพนันถัว โป เป็นต้นพวกที่เสียการพนันที่เสียดายก็ขาดสติเอาที่เอาทางมาจำนองหรือขายฟากเล่นหวังจะแกตัวคืนในวงการพนัน ผีการพนันเขาสิง ไม่หมดเงินก็ไม่เลิก เพราะในที่สุดก็สิ้นเนื้อ

ประดาตัวทรัพย์สมบัติที่ดินไร่นาก็ถูกลิบถูกโอนเป็นของเจ้าหนี้ในที่สุดก็ถูกไล่

ออก จากที่ ขาดที่ทำกินเมื่อคิดได้ก็สายไปแล้ว ผลที่สุดก็หมดตัวเช่าที่นาเขาทำก็มีไม่น้อย ผมไม่อยากจะพูดเรื่องเป็นหนี้ของผู้อื่นผมอยากจะเล่าเรื่องของผมเอง เมื่อผมได้ตกเป็นลูกหนี้โดยที่แม่ผมป่วยต้องใช้เงินรักษาจึงตกเป็นหนี้กำนัน แต้ม ผมรักแม่มากและพยายามรักษาแม่ทุกวิถี่ทางหมอที่ไหนดีก็นำมา

ยาที่ไหนดีก็เอามา หมดเงินทองก็ไม่ว่าแต่ก็ไม่สามารถเอาชีวิตแม่ไว้ได้งานก็ติดๆขัดๆไม่เต็มที่ ก็โศกเศร้าเสียใจเป็นธรรมดาไม่เป็นอันทำมาหากินทังๆที่รู้ว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็อดไม่ได้ แม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กยันโตใหญ่ยังไม่ได้ทดแทนคุณให้สมกับความรักที่แม่มีต่อลูกเลย

เมื่อสิ้นบุญแม่แล้วคราวนี้ก็เป็นการงานใหญ่สำหรับแถวที่ผมอยู่ การทำศพเป็นเรื่องสำคัญต้องไม่ให้น้อยหน้าคนในตำบลนั้นต้องทำให้ใหญ่กว่าคนอื่น

ผมก็ไม่มีเงินเหลือติดบ้านอยู่แล้ว ทั้งแม่มาตายต้องทำบุญ7วัน100วันก็ไม่

อยากให้น้อยหน้าใครในตำบลนั้น ไม่มีทางอื่นต้องไปหากำนันแต้ม ทั้งๆที่รู้ว่าแกเค็ม เพื่อได้นำเงินมาทำศพแม่ให้เกียจแม่ครั้งสุดท้ายนี่แหละครับที่ทำให้ผมพัวพันกับกำนันแต้มจนได้ งานศพแม่ผมเป็นงานใหญ่โตเป็นที่เรื่องลือไปหลายคุ่มน้ำการกินอยู่ไม่จำกัดเหล้าเบียร์เลี้ยงเต็มที่กลางคืนมีโขน หนัง ลิเก

ละคร หุ่นกระบอก...7วัน7คืน. ทำงานให้สมกับความรักแม่เคารพแม่ซึ่งจากไปไม่มีโอกาสกลับมาอีก แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังของการงานครั้งนี้จะนำไปสู่หายนะในตอนหลังแต่ผม มั่นใจว่า2ปีหนี้สิ้นของผมก็จะใช้หมดเพราะที่สวนผลไม้ก็เริ่มออกเต็มทีแล้ว ข้าวผมก็ทำได้มากกว่าคนอื่นผมจึงไม่เดือดร้อน

มากนัก ที่ทางผมมากแต่ผมรับเงินมาน้อยกว่าราคาหลายเท่าก็เพื่อการ

ถ่ายถอนคืนมาและเพื่อเสียดอกน้อยลงโบราณว่าอย่าหมายน้ำบ่อหน้า

อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน ปีต่อมานั้นเกิดภัยธรรมชาติน้ำท่วมผลไม้ทั้งที่นาข้าวกำลังงอกงามเมื่อน้ำสูงขึ้นรวดเร็วข้าวก็ลอยเสียหายในที่สุดก็ตายไม้ยืนต้น

ก็ใบแห้งตาย ผมแทบเป็นบ้า แต่ผมก็หาเงินได้ไม่พอดอกเบี้ยต่อมาอีกปีก็ฝนแล้ง ข้าวในนาก็ไม่ได้ผลรู้สึกว่าดินฟ้าได้ลงโทษให้ผมหมดตัวทั้งที่ผมไม่เคยทำบาปทำกรรมอะไรเลย ที่สุดผมก็โดนกำนันแต้มยืนคำขาดให้ผมออกจากบ้านและที่ดิน ในเวลาจำกัด เพราะผมไม่มีเงินไถ่ถอนคืนแม้แต่ดอกเบี้ยเวลานั้นผม

มี บุตรกับภรรยา3คน บุตรคนโตเป็นชายอายุย่าง12ขวบคนที่สองเป็นชายอายุ8ขวบและคนเล็กเป็นหญิงอายุ 5ขวบรวมเป็น5ชีวิตเราต้องออกจากบ้านผมทั้งที่โตมาในที่ของผมคิดดูสิครับ เมื่อเราต้องออกจากบ้านเราที่เคยอาศัยอยู่ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายจะมีความ รู้สึกอย่างไร เมียผมร้องไห้เสียใจผมภายนอกทำเป็นเข็มแข็งอดทนไม่แสดงความเสียใจให้ลูกเมีย เห็นแต่ในที่ลับก็แอบร้องไห้เหมือนกัน ก่อนย้ายผมกับบุตรชายก็ได้อ้อนวอนให้เห็นอกเห็นใจลูกชายผมมันโกธรมากมัน กล่าวอาคาดหมาดร้ายไว้ผมเองต้องห้าม ผมถูกลิบไล่นาเป็นของกำนันแต้มหมดแต่ผมยังโชคดีที่ยังมีญาติเป็นคนดีมีศีลมี ธรรมจึงรับผม

กับครอบครัวไปอยู่แล้วให้ที่พักพิงให้อาศัยที่ดินช่วยกันทำมาหากิน ผมจึงมีที่อยู่ที่กินทำให้ชีวิตสดชื่นขึ้นบ้าง ที่บ้านลุงหมอของผมอยู่เหนือที่ของกำนันแต้มสามคุ่มน้ำ ลุงหมอเป็นที่รักใคร่ของทุกคนทั่วไปทั้งบางทั้งตำบลถ้าเอย

ถึงหมอถมยาชาวบ้านก็เอยชื่นชมยินดีขนานนามให้ว่าหมอใจพระใคร่จะเจ็บ

ป่วยเวลาไหนก็จะต้องไปรักษาไข้ให้เสมอส่วนเงินทองไม่ต้องพูดถึงให้ก็เอาไม่ให้ก็ไม่เอาไม่เคยเรียกร้องค่ารักษากับใคร ถ้าจนจริงๆรักษาให้แล้วยังแถมเงินให้อีก เพราะลุงหมอสงสารเห็นคนป่วยหากินไม่ได้จึงช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตามมีตามเกิด  วัน หนึ่งลุงหมอได้จัดการทำบุญประจำปีแก่ให้ผมกับลูกชายคนโตไปเอาของที่วัดโดย ที่เอาเรือเล็กออกไปก็ได้นัดยืมของกับทางวัดเรียบร้อยก็ลากลับ ออกเรือจากวัดไม่เท่าไรท้องฟ้าก็มีพายุใหญ่แรงไปแรงมา

อากาศ มืดมั่วผมเห็นกับลูกชายเห็นท่าจะไม่ดีจึงพาเรือเขาฟังหาที่กำบังเพื่อ แอบพายุฝนบังเอิญเห็นช่องทางในวัดร้างแห่งหนึ่งเราช่วยกันลากเรือขึ้นไปแอบ เพื่อไม่ไห้พายุพัดกระแทกเรือแตก เรือก็ไม่ช่ำเพราะมีหญ้ารองรับท้องเรืออยู่ ส่วนผมกับลูกก็เข้าไปหลบอยู่ในวัด ถึงจะเก่าแก่มากก็ยังแน่นหนาพอที่จะต้านลมต้านฝนได้ดีเราไม่ได้พบสิ่งมี ชีวิตในบริเวณวัดร้างนี้เลยผมเป็นห่วงเรือในท้องน้ำที่ลมและคลื่นแรงมา ต้นไม้โดนลมพัดแรงผมมองดูวัดเก่าตามสภาพร้างก็มีความรู้สึกถึงสิ่งสักสิทธิ์ และวิญญาณที่อาศัยอยู่แถวนี้ ผมยกมือไหว้

ขอให้สิ่งสักสิทธิ์คุ่มครองเราด้วยทำให้เห็นถึงความไม่เที่ยงเมื่อก่อนตอนสมัย

อยุธยาตอนต้นวัดนี้คงเจริญรุ่งเรื่องแต่มาตอนนี้กลายเป็นสิ่งสลักปรักพังไม่

มีความสวยงามทำให้ปลงได้ว่าไม่เที่ยง ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ผมไหว้ขอให้พระพุทธพระธรรมพระสงค์และบิดา มารดา ครู

อาจารย์ และสิ่งสักสิทธ์จงช่วยให้ตัวข้าพเจ้าหมดทุกข์และมีเงินทองมีความเจริญกลับมาเหมือนเดิม ผมสบายใจขึ้นมาได้อธิฐานเวลานั้นมืดมัวฟ้าร้องดังสนั่นตลอดเวลา ทางลำน้ำก็เกิดคลื่นลูกใหญ่แปลป่วนเรือเล็กใหญ่ถ้าไม่หลบเข้าฟังก็คงไม่สามารถลอยอยู่ในน้ำได้  ผมรอจนเย็นพายุจึงสงบลงเราจึงออกมาจากที่หลบฝนเรารีบกลับบ้านแจ้วได้พักใหญ่ลูกชายผมก็เห็นดำๆตะคุมๆลอยอยู่ ลูกชายตาไว้เห็นว่าเป็นคนตกน้ำว่ายน้ำอยู่รีบเข้าไปช่วยเร็วพ่อ

เดี๋ยวจะช่วยไม่ทัน เรารีบเข้าไปใกล้ก็เห็นคนกำลังจมน้ำจะหมดแรงอยู่แล้ว

ท่อนไม้กำลังลอยออกไปไกลตัวกำลังจะหมดแรงดำพุดำโพอยู่2ครั้งผมเข้าไป

ก็ จับผมเขาดึงขึ้นมาได้พยายามจับให้หัวสูงพ้นน้ำและลากกลับเข้าฟังแล้วผมก็โดด ลงน้ำเข้าไปดันแกขึ้นเรือเพราะแกหมดสติไปแล้วเรารีบกลับบ้านผมสบายใจที่ได้ ช่วยคนตกน้ำเรารีบพาไปหาลุงหมอโดยด่วนเพื่อรีบรักษาพยาบาลแต่แล้วลูกชายผมก็ ร้อนเสียงตื่นตกใจว่า พ่อนี้มันกำนันแต้ม

เศรษฐีหน้าเลือดเราอย่าช่วยมันเลยปล่อยให้มันตายไปเลยดีกว่า ผมพูดว่า

เวลานี้ไม่ใช้เวลามิตรหรือสัตรูหน้าที่ของเราต้องมีมนุษย์ธรรมมีจิตใจเมตตา

กรุณา ต้นช่วยเพื่อนมนุษย์ซึ่งรอการช่วยเหลือไว้ก่อนเพราะเราเป็นผู้พบเห็นคนกำลัง จะตายเราต้องช่วยเขาก่อนอย่าไปคิดอะไรอีกไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เมื่อผมพูดจนลูกชายเข้าใจแล้วก็เรือถึงบ้านเราก็เรียกคนในบ้านมาช่วยกันลุง หมอ

รักษา ด้วยอาการห่วงใยแต่แล้วลุงหมอก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้วแกหมดสติเพราะตื่นเต้น ตกใจเท่านั้นเองพรุ่งนี้คงได้สติเหมือนโชคเขายังดีที่เราไปพอดีเขาจึงไม่ตาย บัดนี้ทั้งบ้านรู้กันแล้วว่าคนที่เราช่วยชีวิตมาคือกำนันแต้มที่คนจงเกียจจง ชังกันทั่วไป ลุงหมอก้เรียกพวกเราออกจากห้องแล้วสอนบอกพวกเราว่าลุงคิดว่าพวกเราคงไม่คิด พยาบาทเขาใช้มัยเราก็ช่วยเขามาแล้วเรื่องเขาเป็นอย่างไรก็ตัวเขาเลิกพยาบาท กันเสีย ใครจะเห็นคุณความดีของเราหรือไม่อย่าไปสนใจ

ผม บอกลุงหมอไปว่าผมลืมไปนานแล้วถือว่าเป็นกรรมของผมเองลุงหมอก็บอกว่าลุงเองก็ คิดว่าหลานคงมีคุณธรรมสูงพอแกสบายใจขึ้นที่หลานจะไม่ทำลายความดีที่สร้าง ขึ้นมาอย่างงดงาม ลุงก็ภูมิใจในหลานมากและผมก็ขอร้องภรรยาให้ลืมเรื่องเก่าๆให้หมด ในระหว่างที่กำนันแต้มอยู่บ้านเราก็ถือเสียว่าลืมเรื่องเก่าในอดีตเสียทำตัว ตามปกติรับแขกตามปกติทุกคนเข้าใจแต่เจ้าลูกชายคนโตก็ยังไม่เข้าใจพ่อต่อว่า พ่อว่าเขาทำกับเราแบบหนักหนาสาหัส

นัก พ่อยังคิดดีกับเขาไปทำไมและยังบังคับให้เราทำดีกับคนแบบนี้อีกหรือผมทำไม่ ได้หลอกครับผมรับว่าผมยังโกธรถ้าผมรู้ว่าเป็นเขาผมก็คงปล่อยให้ตายไปเลยชาว บ้านจะได้ไม่เดือดร้อนอีก ผมบอกลูกอีกว่าลูกยังเด็กก็คิดแบบเด็กๆโตขึ้นมาจะรู้เองว่าถ้ามองแบบเขาๆก็ ว่าเขาถูกเพราะเขามีสิทธ์เพราะพ่อเอาเงินเขาไปใช้และเอาที่ดินไล่นาเป็น ประกันถึงกำหนดไม่ใช้หนี้เขาก็มีสิทธ์ยึด

ที่นาที่ดินเราได้ตามกฎหมาย ส่วนเรื่องที่เราไปขอความเห็นใจแล้วไม่ได้นั้น

ก็ เป็นเรื่องของคนเห็นแก่ตัวเขาก็คงเป็นแบบนั้น เจ้าต้องทำดีกับเขาตามพ่อสั่งและเรียกเขาว่าลุงกำนันเพื่อให้รู้ว่าพวกเรา ไม่มีใครโกธรแค้นลุงหมออยู่ในที่นั้นด้วยก็สอนให้เชื่อพ่อเพราะเป็นสิ่งที่ ดีและถูกต้องทุกคนเชื่อลุงหมอมากเพราะเป็นที่เราได้พึ่งพิงตอนลำบากถ้าไม่ ได้ลุงหมอพวกเราคงไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน

ทุกคนก็ทำตาม พอหลังจากแกรู้สึกตัวแล้วทุกคนแสดงกิริยาที่ดีต่อแก

ไม่มีใครแสดงกิริยารังเกียจเสียดสีแกให้เสียใจเลย จริงอย่างลุงหมอพูด

กำนัน แต้มเป็นเพียงเล็กน้อยนอนตื่นมาก็หายแล้ว แกรู้ว่าผมเป็นคนช่วยแกขึ้นมาจากน้ำแกก็ไม่สบายใจคิดว่าผมคงแสดงความ รังเกียจแกทั้งๆที่ยึดบ้านยึดช่องเข้ามาแล้วเขายังมาช่วยเราที่แกนึกไว้กับ ตรงกันข้ามพวกลูกและเมียผมทำดีกับแกทุกคนจนเป็นปกติเหมือนว่าแกไม่ได้ทำความ เสียหายให้พวกเขาเลยมีทั้งข้าวต้มทั้งยาหอมจากลุงหมอและทุกคนแสดงความเป็น มิตรกันดี

และวันต่อมากำลังจะให้คนส่งข่าวไปบอกที่บ้านว่ากำนันยังอยู่ที่นี่ เพราะที่บ้านคิดว่ากำนันตายไปกับเรือล่มแล้วเกิดความไม่ลงลอยกันในบ้านกำนัน

กันยกใหญ่ แต่แกบอกว่าไม่ต้องขอแกอยู่นิดแกสบายใจแล้วจะกลับสังเกตุดูแกผิดไปมาก แกเล่าว่าวันเกิดเหตุเรือบรรทุกคนเกินและคลื่นลมก็แรงคนก็

ไป อยู่กันฝั่งเดียวกันหมดเมื่อคลื่นใหญ่มาก็เอียงแล้วจมลงในที่สุดไม่มีใคร ช่วยกันได้ต่างคนต่างเอาตัวรอดแม้นสามีภรรยายังอยู่กันคนล่ะที่ไม่สามารถ ช่วยกันได้เลย แกโชคดีที่ได้ข่อนไม้ท่อนหนึ่งเกาะมาได้แกมองไม่เห็นอะไรเลยม่านฝนตกจนมอง ไม่เห็นอะไรเลย แกโต้คลื่นโต้ลมจนจะหมดแรงอยู่แล้วเกือบ

จะ หมดแรงอยู่ข่อนไม้ก็หลดมือไปแกเห็นมีเรือแจ้วอยู่ลางๆจะร้องก็ไม่มีแรงจะชู มือให้พ้นน้ำก็ไม่ไหวเวลานั้นแกเหนื่อยจวนจะขาดใจและก็หมดความรู้สึก

ก็พอดีผมช่วยฉุดได้ทันก่อนจะจมลงแม่น้ำ ลุงหมอแปลใจที่เรือจมไกลจากจุด

ที่ เจอกำนันตั้ง2คุ่มน้ำทำไมจึงลอยมาคนเดียวและห่างไกลกันมากเหมือนอภินิหารที่ ผมขอไว้ที่วัดล้างว่าขอให้ช่วยผมได้ดีและมีอภินิหารด้วยเถอะ

แล้วหลายวันต่อมาก็มีข่าวว่าทางบ้านแกกำลังแตกกันเป็นพวกๆเรื่องมรดก

ต่าง คิดว่ากำนันแต้มตายแล้วจะลอยมาที่ไหนเมื่อไร คืนนั้นกำนันแต้มต้องรีบกับไปก่อนจะสายเกินไป แต่ก็ลาพวกเราทุกคนกำนันแต้มไม่เคยก้มหัวให้ใครที่มีฐานะต่ำกว่าและไม่ได้ ประโยชน์ตอบแทน แต่วันนั้นแกเข้าไปกราบลุงหมอน้ำตาคล้อเบาแล้วพูดอย่างตื่นตันใจว่าผมขอ ลากลับบ้านผมจะไม่ลืมน้ำใจของหมอถมยาที่ผมหูตาสว่างก็ด้วยความเมตตาปราณีลุง หมอจึงตอบไปว่าไม่เป็นไรหรอกเรื่องเล็กน้อยไม่ต้องเอาเป็นบุญเป็นคุณหรอกคน เราเมื่อได้ทุกข์ก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันเราจะอยู่คนเดียวไม่ได้ช่วย ชีวิตคนกุศลแรงถ้าจะต้องขอบคุณก็จะต้องหลานชายผมแกเป็นคนช่วยคุณขึ้นมาจาก น้ำกำนัน

แต้ม ตอบว่าผมเป็นหนี้ลุงหมอตรงตัวอย่างความดีงามมีน้ำใจส่วนหนี้ชีวิตผมก็เป็น หนี้หลานชายลุงหมอที่ช่วยชีวิตผมให้พ้นจากความตายกับมามีชีวิตใหม่

หลัง จากกำนันแต้มกลับไปแล้วผมก็ขอบคุณทุกๆคนที่ได้แสดงละครต่อกำนันอย่างแนบ เนียนแต่แล้วเจ้าลูกชายคนโตก็พูดว่าผมไม่ได้แสดงละครน่ะครับพ่อมันเป็นไปเอง ผมทำไปตามคิดสงสารเขาจริงๆผมไม่ได้แกล้งทำผมถามว่าเป็นไปได้ไงก็แกจงเกียจ เขาแต่ทำไมถึงรักและสงสารแก ลูกชายผมเล่าว่า

แม่ใช้ให้ไปเอาข้าวต้มไปให้แก ผมเห็นแกน่าเศร้าๆและถามผมว่าไอ้หนูใคร

เป็น คนช่วยให้ฉันจากการจมน้ำตายผมตอบว่าพ่อผมครับแกบอกว่าแล้วเธอไม่เกียจและ โกธรเขาหรือที่เคยทำไม่ดีกับบ้านของหนูผมตอบว่าไม่ดกธรหลอกครับผมเห็นแกกิน ข้าวต้มพ่างร้องไห้พ่างผมเห็นครับและแกก็พูดกับผมว่าในบ้านหนูดีกันทุกคน ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ส่วนฉันไม่เคยมีความดีเลย ทุกคนในบ้านนี้ดีกับฉันเหลือเกินฉันตื่นตันใจพูดอะไรไม่ออกจนทำให้ฉันหูตา สว่างขึ้น

เมื่อก่อนหนูเคยเกียจฉันตอนที่ฉันไปยึดบ้านเธอตอนนี้เธอไม่โกธรแล้วหรือ

ครับ ตอนนี้ผมไม่โกธรกำนันแล้วท่านกำนันถามต่อไปอีกทำไมหนูจึงเปลี่ยนใจล่ะผมตอน ไปว่าพ่อสอนว่าคนที่มีความพยาบาทก็มีแต่ความแค้นอยู่ในใจไม่มีความสุขถ้าเรา ไม่มีความคิดแบบนั้นเราก็จะมีแต่ความสุขใจปู่หมอแกบอกว่าแกไม่เคยโกธรใคร พยาบาทใครๆเจ็บป่วยก็คอยช่วยเหลือถือว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ฉนั้นปู่หมอก็มี ความสุขคนรักทั้งบางทั้งตำบลผมเล่าเรื่องพ่อและปู่ว่าท่านเป็นอย่างไงสอนพวก เรายังไงกำนันแต้มแกบอดว่าลุงกับพ่อหนูเป็นคนดีมากหนูเป็นคนโชคดีมากส่วนฉัน เป็นคนอาพับเมื่อเล็กไม่มีใครชี้ทางสั่งสอนให้เป็นคนดีเหมือนหนูมีแต่สั่ง สอนให้เอารัดเอาเปรียบเห็นแกตัวเอาแต่ได้น่าสงสารตัวเองจริงๆผิดกับลุงหมอมี แต่คนรักทั้งตำบลตั้งแต่นี้กำนันแต้มคนเก่าได้ตายไปแล้วมีแต่กำนันแต้มคน ใหม่ ผมได้ฟังลุงกำนันพูดแบบสำนึกผิดผมสงสารแกมากผมเชื่อปู่หมอและพ่อที่สอนไม่ ให้คิดพยาบาทใครเขาสอนให้ทำ

แต่ ความดีถ้าเราทำดีเราก็จะได้ดีเราทำชั่วก็จะได้ชั่วกับผู้นั้นเอง ผมเห็นลุงกำนันร้องไห้ผมเลยใจอ่อนสงสารแกเหลือเกิน ผมได้ฟังลูกชายพูดก็เกิดความยิ่นดีและได้ถามลูกแม่ว่าทุกคนไม่ได้เล่นละคร แต่ทำไปตามใจจริงเพราะต่างก็สงสารกำนันแต้มผมมีความรู้สึกปลื่มปิติทีเป็น แบบนี้ หลังจากนั้นสองวันก็ได้ใช้คนไห้มาตามผม กำหนดวันเวลาและยังกำชับให้ไปให้ได้ ตกลงผมถึงเวลานัดก็ไปบ้านกำนันแต้มผมนึกไม่ออกว่าแกเรียกผมมาทำไม พอไปถึงแกก็รออยู่แล้วเข้ามากอดผมใหญ่อย่างเป็นคนสำคัญ ผมตกใจเพราะปกติแกเป็นคนถือตัวไม่มาลดตัวทำแบบนี้ ยิ่งคนจนๆอย่างผมด้วยไม่มีทางที่แกจะลดตัวมา

ถึง แม้ว่าผมจะเคยช่วยชีวิตแก ไม่รู้ว่าแกจะมาไม้ไหนกับผม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจและเรียกลูกเมียให้เข้ามาแนะนำให้รู้จักแบบ จริงใจว่านี่ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้จักคนที่มีบุญคุณกับฉันเขาชื่อทิศจ้องเขา เป็นคนช่วยชีวิตฉันไม่ได้เขาฉันคงตายไปแล้วนับว่าเขามีบุญคุณกับฉันมาก ทุกคนไม่ว่าผู้หญิงและเด็กต่างยกมือไหว้ผมกันทุกคนการต้อนรับอย่างดีทำให้ผม นึกไปว่าเป็นแบบวีระบุรษยกย่องว่าเป็นผู้กล้าหาญผมก็กลัวว่ามันก็ไม่ได้กล้า หาญอะไรเลยก็แค่ไปเจอพอดีก็จับตัวท่านทันพอดีเท่านั้นไม่ใช้อะไรต้องเป็นนี้ กันมากนัก แกพาไปห้องอันดีสวยงามด้วยของมีค่าเต็มไปหมด ผมเดินเข้าไปแบบงงๆท่านกำนันแต้มรินน้ำชาด้วยตัวเองผมก็รับแบบงงๆ พ่อทิศนั่งให้สบายเราเป็นคนกันเองแล้วท่านมีเวลาว่างเมื่อไรจะได้ไปโอน ที่ดินบ้านสวนไล่นาเอากับไปเสียที ผมก็บอกท่านกำนันผมยังไม่มีปัญญามาเอาคืนหลอกยังอาศัยเขาอยู่เลย พอทีพ่อทิศฉันรู้สึกไม่ดีเลยฉันตั้งใจจะใช้หนี้กรรมที่ทำไว้กับพ่อทิศมานาน แล้วถึงเวลาแล้วที่ฉันจะใช้คืนพ่อทิศเสียที มิฉะนั้นฉันคงตายอย่างไรความสุข ส่วนหนี้ชีวิตฉันก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาใช้ไห้พ่อทิศเมื่อไรผม

จะ เอยปากพูดท่านกำนันก็บอกว่า เวลานี้ความรู้สึกของฉันไม่ใช้กำนันแต้มคนเดิมแล้วพ่อทิศได้ปูชีวิตของฉัน ขึ้นมาใหม่และเปลี่ยนนิสัยเก่าๆไปหมดสิ้นไม่มีนิสัยเก่าๆหลงเหลืออยู่เลย มีแต่ กำนันแต้มคนใหม่ที่รู้จักผิดชอบชั่วดีรู้บุญรู้บาปรู้เมตตาปราณีจากการที่ ได้ไปอยู่กับบ้านลุงหมอแบบมีความสุขที่สุขแบบไม่เคยมีมาก่อนอย่างไม่มีวัน ลืมสมควรแล้วที่ชาวบ้านต่างรักหมอถมยากันทั้งบางทั้งตำบลใจดีอย่างแม่น้ำ ความดีเป็นเครื่องคุ่มครองป้องกันตัวมีแต่มิตรไม่มีสัตรูแบบกำนันแต้มคนเก่า ใจชั่วไม่เคยมี ฉันได้กลับไปมองความชั่วในครั้งก่อนที่ฉันได้ก่อไว้มากมายมีแต่คนเกียจชัง ผิดกับหมอถมยามีแต่คนรักและสรรเสริญต่อหน้าและลับหลัง ฉันมาคิดดูแล้วถ้าฉันตายทรัพย์สมบัติมากมาย

ก็ คงเอาไปไม่ได้ ฉันไม่เคยคิดเลยคิดแต่ว่าอยากได้และไม่พอแต่พอตอนฉันรอดตายมาได้และไปอยู่ บ้านลุงหมอถมยาทางบ้านก็เกิดความโลภอยากได้ทรัพย์สมบัติที่ฉันหามาได้แบบ เลือดตาแทบกระเด็นกันแบบน่าเกียจเพราะ

ฉันมีหลายเมียหลายลูกมันเลยวุ่นวายกันไปหมด ต่อไปนี้ฉันจะใช้หนี้สิ่งที่ฉันทำไม่ดีลงไปให้หมดและจะเป็นกำนันแต้มคนใหม่ที่มีแต่การทำดี..........จบ

(  ก่อนอื่นผมต้องขอโทษบางบทความอาจผิดไปบ้างเพราะผมพิมพ์ไม่เก่งและ     ยังฟังไปกดไป1วันพอดีกับวันนี้ผมหยุดงานและถือศีลห้าพอดีเลยมีเวลาทำงานนี้ผิดถูกก็ขออภัยมาด้วยครับ)

12/11/53  20.40 น



ที่มา
http://www.clinicwash.com/article?id=69599&lang=th
71  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / แม่ฆ่าลูกตาย ขณะเล่นเกมส์ เหตุโมโหร้องไห้รบกวน ขณะเล่นเกมส์ปลูกผัก เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2010, 01:12:29 pm

สลด! แ ม่เขย่าลูกชาย 3 เดือนตาย  เหตุโมโหร้องไห้รบกวน ขณะเล่นเกมส์ปลูกผัก

30ต.ค.เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นาง อเล็กซานดรา วี ทอเบียส (Alexandra V. Tobias )วัย 22 ปี รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ

ตกเป็นผู้ต้องหาฆาตรกร หลังจากลงมือ ฆ่า ดีแลน ลี เอ็ดมอนด์สัน (Dylan Lee Edmonson) ลูกชายวัย 3เดือนของเธอจนเสียชีวิต

ทอเบียส ให้การกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่า เหตุที่ทำไปเนื่องจากโมโหที่เด็กร้องไม่หยุดขณะที่เธอกำลังใช้สมาธิในการ เล่นเกมส์ปลูกผัก หรือ "ฟาร์มวิลล์" ในเว็บไซต์เฟสบุค

โดย เธอหันไปเขย่าลูกชายพร้อมทั้งสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง แต่เด็กก็ร้องไม่หยุด จึงกลับไปเขย่าลูกชายอีกครั้งจนกระทั่งศีรษะถูกกระแทกอย่างแรง เป็นเหตุให้เสียชีวิต

ทั้งนี้ การตัดสินโทษชี้ขาดจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้  เธออาจได้รับโทษสูง สุดคือ จำคุกตลอดชีวิต

แต่อัยการเปิดเผยว่า โทษของเธออาจน้อยกว่านั้นเพราะตามระเบียบแนวทางของรัฐกำหนดให้มีการลงโทษ

เครดิต :เด็กดี

อะไรมันจะขนาดนั้น  เฮ้ อ
72  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แจ้งจับ!สองครูเพลง สลา-วสุ ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 11:04:24 am

แจ้งจับ!สองครูเพลง สลา-วสุ ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง

(9 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสลา คุณวุฒิ หรือครูสลา นักแต่งเพลงลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 48 ปี ได้เดินทางพร้อมทนายความเข้าพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาละเมิดลิขสิทธิ์เพลง โดยเอาเพลงของคนอื่นมาขายในนามของตนเอง ตามที่ น.ส.ศรีฟ้า ดารณี อายุ 38 ปี เข้าแจ้งความ

ทั้งนี้ น.ส.ศรีฟ้า ดารณี  ผู้เสียหายได้แจ้งความเอาผิดกับครูเพลง 2 คนคือ นายสลา ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง กระทงหลงทาง จดหมายผิดซอง ล้างจานในงานแต่ง และ นายวสุ ห้าวหาญ ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ทบ. 2 ลูกอีสาน คืนใจให้กัน  นอกจากนี้ยังแจ้งข้อหากล่าวหาร่วมทั้งสองคนในเพลงปริญญาใจ เจ็บนี้ไม่มีวันจาง และคูณดอกสุดท้าย

ด้านนายสลา กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่แน่ใจว่ารู้จักกับผู้กล่าวหาหรือไม่ เพราะยังไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ในส่วนที่ถูกแจ้งความครั้งนี้ไม่ทราบว่าเขาต้องการอะไร ไม่ทราบเหตุผลที่มีการแจ้งความให้ดำเนินคดี

ส่วนงานเพลงที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์นั้น ขอยืนยันว่าผลงานทุกชิ้นเกิดจากความคิด เกิดจากสมองของตัวเองทั้งหมด ไม่เคยเอาของใครมาใช้หรือลอกเลียนแบบใครไม่ท้อแต่รู้สึกเหนื่อย เพราะตั้งแต่เข้าวงการมาตั้งแต่ปี 2525 มักจะเกิดเรื่องในลักษณะนี้บ่อยครั้ง โชคดีที่แฟนเพลงเข้าใจ เมื่อปี 41-42 เคยถูกกล่าวหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์เพลงยาใจคนจน แต่ในที่สุดคนกล่าวหาไ้ด้ออกขอขมาผ่านรายการสายด่วนลูกทุ่ง ครั้งนี้เป็น ครั้งแรกที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี จึงคิดว่าจะขอสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นคดีตัวอย่าง นายสลากล่าวปิดท้าย

อนึ่ง น.ส.ศรีฟ้า ดารณี เป็นศิลปินเพลงพื้นบ้านชาว อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ มีชื่อเสียงในแถบอีสานใต้ เริ่มร้องเพลงตั้งแต่เด็ก กระทั่งปี พ.ศ. 2533 มีผลงานชุดแรกเป็นอัลบั้มเพลงลูกทุ่งพื้นบ้านกันตรึม ในชื่อชุดมนต์เสียงซอ จากนั้นมีผลงานต่อมาอีก 5 ชุด คือ กระเปาะหม่ำ 1 และ 2 จังซา บอกฉันได้ไหม และสาวขะแมร์

fwd mail
73  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร ครับ เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 02:54:45 pm

 
ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร

1. นิมนต์พระ
 
หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่ ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน
 
การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า "ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ นิมนต์เจ้าค่ะ" (ใช้คำไฮโซมาก) มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า "นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์ " (เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)
 
การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง "นิ โมนน!!" (แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -") การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย ถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่ ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ หลวงลุง " ทำเอาเสีย self จนอยากสึกออกไปทำ baby face โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์ หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ

2. จบ

อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป
เคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกก นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า "โยมขออะไรเราน้า?"

3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า

จริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูง กว่าท่าน เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่งมีหลายประเภทเหมือน กัน เช่น
บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" (สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า)
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า
พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควร ถอดรองเท้าใส่บาตร นะ"
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม
โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ
อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล (เรื่องขำขันขณะฉันเพล) พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่

4. ใส่บาตร

อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระ ก็ฝากด้วยนะครับ เด๋วทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ

นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป เคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี" กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า แต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" (อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ) คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า "โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง" การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆ ก็ได้ 55) ขั้นตอนต่อไปคือ

5. รับพร

หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว (ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก) ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป

การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้ ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆ ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะครับ พี่น้อง
74  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ดูเธอลักทรัพย์ แล้วยังมุสา อีก มันหน้าไหม... เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 05:52:34 pm
ดูซ้ำๆ หลาย ๆ ครั้ง แล้ว ท่านจะหายเครียด

ผมชอบ เด็กหนุ่ม ที่พูดแบบหน้าตาเฉยเมย ไม่มีิ ฟีลลิ่ง อารมณ์ โกรธ มาก ๆ

75  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ทำไม คำขึ้นพระกรรมฐาน แต่ละที่ จึงไม่เหมือนกัน เมื่อ: กันยายน 17, 2010, 10:36:29 am
ยกตัวอย่างที่บ้าน ผมพระท่านสอนอย่างนี้ ครับ

    


อิมาหัง ภันเต ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอมอบอัตภาพร่างกายชีวิต จิตใจ ธาตุ ขันธ์ องคะ อวัยวะใหญ่น้อย แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ณ กาลบัดนี้
อิมาหัง ภันเต อาจะริยะ อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิ
ข้าแต่พระอาจารย์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอมอบอัตภาพร่างกายชีวิต จิตใจ
ธาตุ ขันธ์ องคะ อวัยวะใหญ่น้อย แด่พระอาจารย์ ณ กาลบัดนี้
นิพพานัสสะ โน (เม) ภันเต สัจฉิกะระณัตถายะ กัมมัฏฐานัง เทถะ(หิ)
ข้าแต่พระอาจารย์ผู้เจริญ ขอพระอาจารย์ได้โปรดให้พระกรรมฐานแก่ข้าพระเจ้าทั้งหลายเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญฯ
คำอาราธนาธรรม
อุกาสะ อุกาสะ, ณ โอกาสบัดนี้, ข้าพุทธเจ้าทั้งหลาย, ขออาราธนา,
พระธรรมเจ้าอันวิเศษ, คือพระธรรมเจ้า แปดหมื่นสี่พันพระ-ธรรมขันธ์,
ขออัญเชิญเสด็จลงมา, สิงสถิตอยู่ในกายทวาร, มโนทวาร, อินทรีย์ทวาร,
ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดนี้ เทอญ ,


คำสมาทานกัมมัฏฐาน
อุกาสะ อุกาสะ, ณ โอกาสบัดนี้, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอสมาทานเอา,
ซึ่งพระกัมมัฏฐาน, ที่พระพุทธเจ้า, ทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว, ขอขะณิกะสมาธิ,
อุปจาระสมาธิ, อัปปะนาสมาธิ, และวิปัสสนาญาณ, จงบังเกิดมี, ในขันธสันดาน,ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, จะตั้งสติกำหนดไว้, ที่ลมหายใจเข้าออก,
ลมหายใจเข้ารู้, ลมหายใจออกรู้, สามหนและเจ็ดหน, ร้อยหนและพันหน,
ด้วยความไม่ประมาท, ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเทอญฯ.


สมมุติว่า ถ้าผม กล่าวคำสมาทานกรรมฐาน แบบด้านบนแล้วปฏิบัติ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

ได้หรือไม่ หรือ ผมต้องกล่าว คำสมาทานกรรมฐาน ตามแบบของ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

ดัวยครับ
 :25: :25:



76  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ร่างทรง นี้ ทรงได้จริง หรือป่าว ครับ เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 12:25:33 pm
เห็นทางบ้านผม นั้นชอบไปหาร่างทรง กันเกือบทั้งหมู่บ้าน

ผมก็เคยไป แต่ไม่เคยเชื่อเลยครับ

ด้วยความสงสัย พวกที่เป็นร่างทรงนี้ เป็นพวกโรคจิต หรือ ร่างทรงนี้สามารถ ติดต่อ กับวิญญาณ ได้จริง

มีตัวอย่าง ที่ เพื่อนสมาชิก เห็นว่าเป็นของจริง มีบ้างหรือป่าวครับ

 :25:
77  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ยันต์ ถ้าเราพิมพ์ ใส่กระดาษพกไว้ติดตัว จะมีอานุภาพ หรือป่าวครับ เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 12:20:17 pm
ผมเปิดใน อินเตอร์เน็ต เห็นมียันต์หลายอย่าง ๆ เช่น ยันต์เกราะเพชร

ผมรู้สึกชอบ ก็เลยพิมพ์ออกมาใส่กระดาษ แล้วนำมาพับใส่กระเป๋าสตางค์

ยันต์นี้จะมีอานุภาพ หรือ ป่าวครับ

หรือต้อง พิมพ์ ใส่ผ้า ถึงจะมีอานุภาพ

ถ้าไม่มีอานุภาพ ต้องทำอย่างไร ถึงจะให้ยันต์ นั้นมีอานุภาพ

ผมอยากได้แคล้วคลาด ไปไหนปลอดภัย ครับ

 :25: :25:
78  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / กราบขอ อโหสิกรรม แล้ว กรรมจะยุติทันทีหรือป่าวครับ เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 05:07:58 pm
ผมสงสัย อยู่เรื่องครับ เวลาเราไปล่วงเกินใครให้เจ็บช้ำน้ำใจ

แล้ว เราก็เอา ธูป เทียน หรือ บายศรี กระทงขมา ไปทำการขอขมา

และกราบขอ อโหสิกรรม แล้ว กรรมจะยุติทันทีหรือป่าวครับ

ผมดูเวลา พวกคนที่ทำผิด เวลาถูกจับเช่น ไปฆ่าลูกเขาตาย ถูกตำรวจจับแล้ว ก็มากราบอโหสิกรรม

เหมือน ที่ผมดูใน Youtueb ที่คนใช้ลวงเด็กไปจมน้ำตาย แล้วมากราบขอขมาแม่ของเด็ก นี่

กรรม จะยุติได้จริงหรือป่าว ครับ

ถ้าไม่ได้ ทำไมต้องมีการอโหสิ กันด้วยครับ
79  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าภาวนา ในห้องพุทธานุสสติ แล้วไม่นับพุทโธ เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 08:00:00 pm
ถ้าภาวนา ในห้องพุทธานุสสติ แล้วไม่นับพุทโธ

คือต้องการภาวนา พุทโธ ๆๆๆๆ อย่างเดียว

ไม่นับได้หรือป่าวครับ

เพราะนับแล้ว ไม่ค่อยถนัดครับ

ชอบแบบ พุทโธ อย่างเดียว
 ???


หน้า: 1 [2]