ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำตาใน วัฏฏะสงสาร นี้มากพอหรือยัง ?  (อ่าน 3553 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

สมภพ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 485
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถูกละๆ พวกเธอทราบธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างนี้ ถูกแล้ว น้ำตาที่หลั่งไหลออกของพวกเธอ ผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ มานานแสนนานนี้แหละ มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย


พวกเธอได้ประสบ มรณกรรมของมารดาตลอดกาลนาน น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น ผู้ประสบมรณกรรมของมารดา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่ีรัก นั่นแหละ มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย


พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของบิดา ...

ของพี่ชายน้องชาย ...

พี่สาวน้องสาว ...

ของบุตร ...

ของธิดา ...

ความเสื่อมแห่งญาติ ...

ความเสื่อมแห่งทรัพย์สมบัติ ...

ได้ ประสบความเสื่อมเพราะโรค มานานแสนนาน น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น ผู้ประสบความเสื่อมเพราะโรค คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ นั่นแหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะว่าสังสารวัฏนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัดพอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้" ฯ




อัสสุสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=4766&Z=4794&pagebreak=0

อรรถกถาพระสูตรนี้
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=16&i=425
บันทึกการเข้า

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: น้ำตาใน วัฏฏะสงสาร นี้มากพอหรือยัง ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2011, 04:19:26 pm »
0

ภาพประกอบจาก http://www.tourwat.com


โอฆะ คือ ห้วงน้ำ เขต วัฏสงสาร นี้ มี 4

  คำว่า "โอฆะ" แปลว่า ห้วงน้ำ ท่านนำมาใช้เป็นชื่อของกิเลส 4 ประเภท  ว่าเป็นเหมือนห้วงน้ำใหญ่  เพราะว่าห้วงน้ำใหญ่นั้น ไม่ว่าอะไรจะไปก็ตาม  ย่อมซัดพัดพาสิ่งเหล่านั้นไปด้วยกระแสของตน สิ่งที่ตกลงในกระแสน้ำ ย่อมขาดความเป็นตัวของตัว จนถึงกับต้องเป็นอันตรายเพราะห้วงน้ำฉันใด ใจของคนที่ถูกวังวนคือกิเลสพัดพาไปก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกันฉันนั้น โอฆะ 4 ประเภทนั้นคือ

                    1.กาโมฆะ โอฆะคือกาม ได้แก่ความใคร่ ความพอใจ ความยินดี  ปรารถนา ต้องการความอยากได้ ในสิ่งต่างๆ ที่เป็นวัตถุกามคือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์อันตนผูกใจว่า สิ่งเหล่านั้นน่าใคร่ น่าปรารถนา น่าพอใจ  และภายในจิตของตนได้มี"กามธาตุ" คือธาตุความใคร่ในสิ่งนั้นอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ จิตของเขาก็จะดำริถึงรูปเป็นต้น สิ่งเหล่านั้นด้วยแรงปรารถนา จากการดำริถึงด้วยความใคร่นี้เอง ทำให้ความเร่าร้อนเพราะแรงปรารถนาเกิดขึ้น จึงมีการแสวงหาเพื่อสนองตอบความต้องการของตน ด้วยทางถูกบ้างผิดบ้าง จนได้สิ่งเหล่านั้นมาไว้ในครอบครอง แต่ก็ต้องเป็นทุกข์ด้วยการรักษา  การเสื่อมสลายหรือแตกดับไปของสิ่งเหล่านั้นทุกช่วงของความคิดที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น ใจของบุคคลเหมือนถูกท่วมทับด้วยกระแสน้ำ ยิ่งคิดมากแสวงหามาก ได้มามาก  จิตก็จะถูกท่วมทับด้วยแรงความใคร่ได้ ใคร่มีในวัตถุกามเหล่านั้น จนหาที่สิ้นสุดไม่ได้  เพราะใจของบุคคลที่ถูกท่วมทับด้วยกาโมฆะ เป็นจิตที่พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่อาจให้เต็มให้อิ่มได้ ด้วยการพยายามตอบสนองความต้องการที่เกิดขึ้น ความทุกข์ที่เกิดจากกาโมหะท่วมทับจนต้องเหนื่อยยากลำบากในการแสวงหาเป็นต้น จะเกิดขึ้นหาที่สิ้นสุดไม่ได้
 
                   2.ภโวฆะ โอฆะคือภพ  ได้แก่ความใคร่ในความมีความเป็นเพราความฝังใจว่ายศ  ตำแหน่ง ฐานะนั้นๆ เป็นภาวะที่นำความสุข ความยิ่งใหญ่มาให้แก่ตน  ทั้งในกาลปัจจุบันและอนาคต ทั้งชาติปัจจุบันและชาติหน้า ความใคร่ พอใจในฐานะต่างๆ  นั้นจะแสดงอาการออกมาทำนองเดียวกับกาโมฆะ คือจิตดำริถึงสิ่งที่ตนพอใจมากๆ  จนเกิดความกำหนดหมายที่จะได้ฐานะนั้นๆ  เกิดความเร่าร้อนเพราะแรงปรารถนาจนต้องแสวงหาต่อสู้แย่งชิงกัน จนบ้างครั้งมีการล้มตาย มีคนจำนวนไม่น้อยเลย ที่ความปรารถนาของตนยังไม่เต็ม  แต่ต้องตายไปก่อน  ยิ่งเป็นความต้องการให้ภาวะที่ตนต้องการ บังเกิดขึ้นในอนาคต กาลด้วยแล้ว จิตจะมีแต่ความวิตกกังวลขาดความเป็นอิสระ จิตของเขาเป็นเหมือนถูกท่วมทับด้วยกระแสน้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้ เป็นการอยากที่จะทำตนให้สวัสดีได้

                    3.ทิฏโฐฆะ โอฆะคือทิฏฐิ คำว่า ทิฏฐิ แปลว่า  ความเห็นโดยปกติ  เป็นคำกลางๆ คือไม่ความหมายว่าดีหรือชั่ว แต่เมื่อมาคำเดียวไม่มีคำอื่นต่อหน้าหรือหลัง ท่านเอาความเห็นที่ไม่ดี  ในที่นี้มีความหายไปในทางไม่ดีโดยตรง เพราะเป็นชื่อของกิเลส  ความเห็นที่เป็นโอฆะคือ ทิฏฐิ เช่น เห็นว่าทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว มารดาบิดาไม่มีคุณ กรรมที่ได้ชื่อว่าบุญบาปไม่มี การกระทำที่ว่าเป็นดีเป็นชั่วจึงไม่มี  ผลที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนไม่มีเหตุ ชาติก่อน ชาติหน้าไม่มี เป็นต้น ความเห็นผิดในลักษณะต่างๆ ดังกล่าวนี้ มีอิทธิพลอย่างสำคัญในชีวิตของคน เพราะคนเราจะทำพูดทางกายทางวาจา  เกิดจากความเห็นภายในจิตใจของเขาเป็นสำคัญ  เมื่อความเห็นผิด  การกระทำของเขาก็จะผิดตามไปด้วย และที่เป็นอันตรายมากก็คือ  เมื่อเขาปฏิเสธบาป บุญ ทั้งที่เป็นส่วนเหตุและผล  ทำให้เขาขาดความรับผิดชอบในการกระทำ  โอฆะคือทิฏฐิจะท่วมทับใจของเขาให้ไหลไปตามอำนาจของทิฏฐิคือความเห็นผิด ซึ่งมีความทุกข์ความเดือดร้อนเป็นผลทั้งแก่ตนและคนอื่น  ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

                    4.อวิชโชฆะ โอฆะคือวิชชาความเขลา ไม่รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งทั้งหลาย ซึ่งท่านจัดเป็นอวิชชา 8 ประการดังกล่าวแล้ว คือความรู้ไม่จริงในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไม่รู้จริงในเรื่องชีวิตในอดีต อนาคตกาล ทั้งอดีตและอนาคตกาล  และการไม่รู้ที่ธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยของกันและกัน อาศัยกันและกันเกิดขึ้น ดับไป คือ ปฏิจจสมุปบาท


http://www.bp-smakom.org/BP_School/Social/BUDDA/O-Ka4.htm
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: น้ำตาใน วัฏฏะสงสาร นี้มากพอหรือยัง ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2011, 07:02:56 pm »
0
หม่นทะเลคน


     โอ้หมู่ชนหลากเขลาหลงจมอบาย   
ยากคืนคลายกามกิเลสสมเพชจริง
นี่หรือคนประเสริฐแล้วแคล้วต่างลิง   
แท้เนื่องนิ่งหยาบสันดานคร้านทำดี

     โอ้หมู่ชนหลากเขลาหลงจมปลักโคลน   
ตัณหาโชนโหมกระพรือดื้อแข่งดี
เกียรติ กาม กิน นี้สำคัญกูต้องมี   
สังคมชี้ศีลธรรมเสื่อมเอือมระอา.

                                                                             
                                                                                              ธรรมธวัช.!   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 16, 2011, 11:25:27 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

intro

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 77
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: น้ำตาใน วัฏฏะสงสาร นี้มากพอหรือยัง ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2011, 07:38:11 pm »
0
รู้สึกว่า เมล ที่ตอบมาช่วงหลังของพระอาจารย์ จะกล่าว เรื่อง ทุกข์ และ โอฆะ หลาย ฉบับครับ

 ดังนั้น ท่านทั้งหลาย เรามาเรียน ทุกข์ ให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ กันเถอะครับ

 การก้าวล่วง โอฆะ นั้น ต้องประกอบด้วยความเพียรที่ใหญ่ เป็นการตัดสินใจที่ใหญ่ ที่ต้องแลกด้วย ชีวิต

 ธัมมะวังโส ( ขออนุญาต นำส่วนหนึ่ง ของเมล มาเผยแพร่ ครับ )

 
บันทึกการเข้า