ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เว็บนอกแสบ!! ขายเก้าอี้ทรงพระพุทธรูป อ้าง ทำให้เข้าถึงการตรัสรู้  (อ่าน 9563 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

วิชชุดา

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 275
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0




เว็บไซต์เกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ของต่างประเทศรายหนึ่ง ได้ผลิตเก้าอี้ลอยน้ำทรงพระพุทธรูป โดยระบุรายละเอียดไว้ว่า เก้าอี้ตัวนี้ช่วยผ่อนคลายเพราะบริเวณหน้าตักกว้าง ทำให้นั่งสบาย ทั้งยังช่วยให้สามารถเข้าถึงการตรัสรู้ได้ แม้จะอยู่ที่บ้าน
ทั้งนี้ เก้าอี้ทรงพระพุทธรูปนี้ ทำจากพลาสติกสังเคราะห์ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก มีไฟส่องสว่างในตัวด้วย
นอกจากนี้ ยังมีภาพแสดงสินค้าเป็นภาพผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสายเดี่ยวสีดำ เผยให้เห็นร่องหน้าอก นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วย

ที่มา Mthai
บันทึกการเข้า
ขอให้ทุกท่าน จงเป็นผู้มีความสุข กันทุกคนนะจ๊ะ

Skydragon

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พวกฝรั่ง นี่มันทำไปได้นะครับ ชอบทำสิ่งที่สั่นคลอนจิตใจของชาวพุทธเบื้องต้น อันที่จริงถ้าเป็นชาวพุทธระดับสูงก็จะเฉย ๆ กับเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นเริ่มต้น คือ กำลังเริ่มศึกษา หรือ พอจะนับถืออยู่ละก็ ต้องเดือดอยู่แล้วงานนี้

 
บันทึกการเข้า

tewada

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 75
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สำหรับ คนต่างประเทศ ที่ไม่ได้นับถือ พระพุทธเจ้าก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร คงจะนึกว่า เหมือนได้นั่งทับ ตุ๊กตาโดเรมอน ประมาณนั้น

   ดังนั้น กลุ่มที่ไม่นับถือ ก็จะเห็นด้วย..... เกือบ 100 เปอร์เซ็น


สำหรับคนไทย เรา ที่นับถือพระพุทธศาสนา อยู่ ก็จะเห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสม เหมือนเขาเอาขี้ส้วม มาตั้งหน้าบ้าน ที่จะต้องปกป้องสิทธิกันบ้าง

         ซึ่งก็น่าจะมี อยู่ หลายพวก

     1.พวกที่ คิดว่าตนเอง มีปัญญามาก มองโลกได้อย่างกว้าง ไม่ยึดติดกับพระพุทธรูป เพราะอาศัยพุทธคุณในใจ ใครจะทุบ ใครจะทำลาย ใครจะนำไปเผา ไปทิ้งอย่างไร ก็ช่างหัวมัน ประมาณนั้น เพราะคิดว่า พระพุทธรูป ก็คือ ทองเหลือง ทองแดง เหล็ก อิฐ หิน ปูน ทราย ดังนั้นกลุ่มนี้ก็จะชอบใจและใช้แง่มุมนี้ มาตีกระหน่ำผู้นับถือด้วยกัน อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่าเป็นแรงส่งเสริมให้ทำ เพราะพระพุทธเจ้าอยู่ในใจชั้นแล้ว ไม่ต้องไปสนอะไรกับ เศษธาตุ
     
     2.พวกที่นับถือกราบไหว้ พระพุทธรูป เป็นอย่างมาก ก็แน่ละเรานับถือเคยบ่นบาน ท่านด้วยโชคดีก็หลาย มีโชคก็หลายหน ต้องไปแก้บนก็หลายคราว มีติดตัวแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ไปไหนแคล้วคลาดปลอดภัย เรานับถือทั้งพระพุทธคุณ และธรรมคุณ และปกป้องศิลปวัฒนธรรมของชนชาติไว้ไม่ให้สูญหาย ดูอย่างมรดกโลกสิ ลองไม่มี อิฐหินปูนทราย เจดีย์ เหล่านั้น ใครจะให้เป็นมรดกโลกกันละยะ ดังนั้นถ้าเป็นกลุ่มแล้ว แน่นอนชั้นยอมไม่ได้ ต้องสู้ปกป้องสิทธิ์ของเราที่จะนับถือ ไม่ให้ใครมาดูหมิ่นเหยียดหยาม

    3.พวกนกสองหัว ที่เดี๋ยวเปลี่ยนพักตร์ พรรคซ้าย พรรคขวา พวกนี้จะน่าเอือมมาก ๆ

   ขี้เกียจพิมพ์แล้วคะ .........

   :s_hi:
บันทึกการเข้า

painting

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 72
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อันนี้ ต้องแยกประเด็นออกมาก่อน มิฉะนั้นจะเรียกได้ว่า แทนที่จะไปต่อยตีกับเขา กลับกลายเป็นว่ามาต่อยตีกันเอง ข้าศึกก็กระหน่ำกันต่อไป พวกเราก็ล้มระนระนาดนะครับ

   ประเด็นโลก คือ การกระทำเยี่ยงนี้ เข้าข่าย หมิ่นประมาท เหยียดหยามสิ่งที่ผู้คนจำนวนหนึ่งเคารพนับถือ ในเมื่อเรานับถือ ก็ต้องให้เกรียติ กันด้วย การอยู่ในสังคมร่วมกันถ้าไม่ให้เกรียติอันนี้ซึ่งกันและกัน ก็จะกลายเป็นว่าไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคลของคนใดเลย แน่นอน ศึกสงคราม ก็เกิดมาจากตรงนี้ละครับ สันติ สุข ย่อมหายไป เพราะมีคนหนึ่งทำลาย ความเคารพซึ่งกันและกันออกไป

   ส่วนประเด็นธรรม คือ การไม่โกรธ ที่เขามาทำร้าย หรือ เฉย ๆ เมื่อเขามาเบียดเบียนประนาม หยามเหยี่ยดเรานั้น มองต่างมุมเลยครับ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่คุณบอกว่า พุทธคุณอยู่ในใจ ถามเถอะมีจริงหรือไม่ ที่ว่าอยู่ในใจ มีกี่นาทีครับ กี่ชม กี่วัน กี่เดือน อันนั้นเป็นเรื่องส่วนข้างใน .....

   ดังนั้นในกรณี ของ ประเด็นธรรมเป็นภายใน ความเห็นทิฏฐิ ที่ถูกต้อง ควรปรับปรุงครับ แต่ประเด็นโลกควรจะต้องรักษาสิทธิ์นะครับ อันนี้เข่าข่ายหมิ่นประมาท นะครับ

  ผมก้เหนื่อยเหมือนกันพิมพ์ สิ่งที่ยากจะพูด.... พิมพ์ไ่ม่ทัน เท่านี้ก้แล้วกัน

    :49: :s_hi: :coffee2:
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


 เข้าใจความหมาย กันหรือไม่ ?

 

 เราเคารพสักการะ พระพุทธรูปกันเพื่ออะไร ?

 

 ทำไมคนถึงเคารพรูปแทน พระพุทธเจ้า

 

 สิ่งศักด์สิทธิ์ มีจริงหรือ ไม่ ตอบที สิท่านที่มีปัญญามาก

 
บันทึกการเข้า

Goodbye

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0







4 สาวชาวจีนใส่ชุดว่ายน้ำ แล้วนำรูปพระพุทธเจ้า ที่ชาวพุทธนับถือ มาทำท่าทางกราบไหว้ หมิ่นศาสนาพุทธอย่างแรง!

ที่มาภาพ เนื้อหา
http://board.postjung.com/621392.html



   ถ้าองค์กรพุทธ ไม่พูดอะไรกันขึ้นมาบ้าง ก็เตรียมตัวหนีไปเรื่อย ๆ เถอะ นะจ๊ะ เพราะเหตุอย่างนี้เริ่มจะมีมากขึ้นทุกวันนะจ๊ะ เพราะในเมื่อมีการเคลื่อนไหวทางด้านศาสนากันทั่วโลกของชาวพุทธ อย่าคิดว่า ศาสนาอื่น ๆ เขาจะมาอนุโมทนายินดี ด้วยนะจ๊ะ เราฟัง เพื่อนราที่เป็นคนละศาสนา พูดถากถางทุกวันในช่วง วิสาขที่ผ่านมา ฟังแล้วก็ทำใจ ไม่ได้โต้เถียง นี่ขนาดเขากล้าแสดงอาการเหยี่ยดตรง ๆ เลยนะจ๊ะ

    ทำไม พุทธ ปัจจุบันไม่มีพระอรหันต์ และ ก็จะมีพระอริยะบุคคล น้อยลงไปเรื่อย ๆ ก็ เพราะปัญญาเอาตัวรอดมากกว่าใช่หรือไม่คะ ครูอาจารย์ถึงต้องหนีหายกันไป เมื่อถึงคราวที่ควรจะทำทุกคนก็จะเฉยเมย กันอย่างนี้ นี่แหละคะแล้ววันนั้น เราก็จะมานั่งถอดถอนใจว่า ทำไมเราไม่ทำกันในวันนั้น ปล่อยให้เรื่องลามไปอย่างนี้ได้อย่างไร ?

    :coffee2: :s_hi:
บันทึกการเข้า

intro

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 77
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ควรศึกษา กฏหมาย เรื่องนี้กันก่อนดีหรือไม่ครับ ใครชำนาญกฏหมาย เรื่องอย่างนี้ช่วยแนะนำหน่อยจะได้เป็นประโยชน์กับชาวพุทธ ที่กำลังจะดำเนินการเรื่องนี้กัน

   จำได้ว่า เมื่อก่อนก็มีองค์กรพุทธ ร้องเรียนเรื่อง ที่ชาวต่างชาติ ใส่ชุดว่ายน้ำ ( บิกินี่ ) นั่งชันเข่าบนเศียรพระพุทธรูป เป็นภาพตัดต่อตกแต่ง ก็เห็นมีองค์กรออกมาทำหนังสือให้กับ ใคร ตอนนั้น ความคืบหน้าเป็นอย่างไรบ้าง มีใครรู้มาเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ

  :49:

บางทีก็เป็นที่วัฒนธรรมที่เราให้ฝรั่ง เพื่อเงินแล้ว ฝรั่งก็เหมาไปเป็นลังไปประดับตามตู้ หน้าห้องน้ำ หัวบรรได หัวเก้าอี้ ต่าง ๆ เป็นต้น นะครับ
 



  เผอิญได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ ตลาดน้ำดำเนินมาครับ แล้วไปเจอกับสินค้าที่วางขายในร้าน ...... คิดดูนะครับ แล้วยังงี้เราจะไปว่าพวกต่างชาติที่นำเอา เศียรพระพุทธรูปของชาวพุทธ ไปประดับตามหัวบันได หรือ ในห้องรับแขกมันได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อคนไทยด้วยกันเอง ( แถมเป็นศาสนาพุทธแบบเราๆนี่ด้วย ) เปิดร้านขาย เศียรพระกันแบบนี้ ไม่รู้ว่ากระทรวงที่เกี่ยวข้องกับกิจการศาสนาในไทยเรา จะมีไปทำไมกัน เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ช่วยๆกันหน่อยนะ ช่วยลงความคิดเห็นกันหน่อย

http://pcg.igetweb.com/index.php?mo=5&qid=302376
บันทึกการเข้า

intro

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 77
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เปิดปูมขบวนการ"ตัดเศียรพระ"



คมชัดลึก : ในขณะที่หลายคนเกรงกลัวต่อบาป ละเว้นการทำผิดศีลธรรม แต่คนอีกกลุ่มกลับเมินเฉย ก้มหน้าเดินทางสู่หุบเหวแห่งนรก เฉกเช่นแก๊งตัดเศียรพระที่กำลังสร้างปัญหาอยู่ในขณะนี้ !?!

คมชัดลึก

มีวัดอย่างน้อย 5 แห่งใน 5 อำเภอของ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกมารศาสนาลักลอบเข้าไปตัดเศียรพระในเวลาติดต่อกัน ได้แก่ วัดแดง ต.ท่าเรือ อ.ท่าเรือ, วัดดงหวาย ต.ท่าช้าง อ.นครหลวง, วัดธรรมสินธุ์โสภา ต.หนองน้ำใส อ.ภาชี และวัดใน อ.บางบาล กับ อ.บางปะหัน ขณะนี้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รักษาการ ผบช.ภ.1 และชุดสืบสวน ได้ประชุมหารือวางแนวทางการสืบสวนจับกุมคนร้ายแก๊งนี้ รวมถึงติดตามเศียรพระที่ถูกโจรกรรมกลับคืนมา

 ทั้งนี้ ชุดสืบสวนได้รื้อแฟ้มสำนวนคดีตัดเศียรพระและโจรกรรมพระพุทธรูปที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีทั้งสิ้น 12 คดี เน้นไปที่คดีที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลหาความเชื่อมโยงต่างๆ เนื่องจากเป็นอาชญากรรมเฉพาะกลุ่ม อาจจะพบความเคลื่อนไหวในกลุ่มที่ชวนสงสัย โดยชุดสืบสวนวางแนวทางแยกคนร้ายที่ก่อเหตุเอาไว้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ทำงานตามใบสั่งซื้อ จะตรวจสอบว่ากลุ่มนี้มีความเคลื่อนไหวกลับมาก่อเหตุอีกหรือไม่ กับกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการเงิน ซึ่งจะเน้นโจรกรรมเฉพาะเศียรพระใหม่ๆ

 อย่างไรก็ตาม "คม ชัด ลึก" ได้พูดคุยกับ "เอก" วัย 42 ปี อดีตผู้ต้องขังคดีลักทรัพย์และบุกรุกในเวลากลางคืน หนึ่งในแก๊งตัดเศียรพระที่ถูกจับกุมคุมขังชดใช้หนี้กรรมไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน บอกว่า เท่าที่ทราบแก๊งลักลอบตัดเศียรพระมีอยู่ 4 กลุ่มใหญ่ อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.ชัยนาท และ จ.พระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันก็ยังลักลอบโจรกรรมตัดเศียรพระและลักพระพุทธรูปตามวัดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดหลายพื้นที่

 เอก เล่าถึงพฤติกรรมของแก๊งนี้ว่า จะตระเวนไปตามวัดเก่าแก่ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน หรือวัดที่มีระบบรักษาความปลอดภัยไม่ดีพอ หรือไม่มีเลย หลังจากนั้นจะเข้าไปสำรวจว่ามีพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่ที่ไหนบ้าง จากนั้นก็จะมาวางแผนดำเนินการแยกตามประเภทของพระพุทธรูป ซึ่งแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ พระพุทธรูปที่หล่อด้วยปูนกับหล่อด้วยทองเหลืองหรือสัมฤทธิ์

 "ถ้าเป็นพระปูนตัดง่าย แต่ถ้าเป็นทองเหลืองกับสัมฤทธิ์จะตัดยาก" เอกให้เหตุผลของการจำแนก

 มารศาสนาแก๊งนี้จะประกอบด้วยวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก แค่สิ่วที่ใช้สกัดปูนกับเลื่อยตัดเหล็กแค่นั้น เอกเล่าว่า แก๊งเหล่านี้ไม่นิยมใช้เครื่องตัดเหล็กที่ใหญ่และมีน้ำหนักมาก ต้องเสียเวลาแบกและยุ่งยากกับการหาปลั๊กไฟต่อ ที่สำคัญเวลาลงมือจะมีเสียงดัง

 "พวกนี้จะใช้วิธีสกัดปูนรอบๆ คอพระ ซึ่งจะหล่อปูนบางๆ ข้างในกลวง พอปูนหลุดแล้วจะเจอโครงเหล็ก จะใช้เลื่อยตัดเหล็กค่อยๆ เลื่อยขนเศียรพระขาด ระหว่างนี้จะแบ่งงานกันทำ มีคนสกัด คนตัดเหล็ก และคนดูต้นทาง"

 นั่นคือวิธีตัดเศียรพระปูน ส่วนพระที่หล่อจากทองเหลืองหรือสัมฤทธิ์นั้น เอกบอกว่า ขั้นตอนจะยุ่งยากมากกว่า ดังนั้นขบวนการตัดเศียรพระมักจะไม่ทำภายในวัด แต่จะลักลอบโจรกรรมออกไปทั้งองค์พระ แล้วค่อยไปตัดเศียรเอาทีหลัง เมื่อได้มาแล้วก็จะนำไปขายตามร้านรับซื้อของเก่าจำพวกโบราณวัตถุและเครื่องลายคราม ทั้งตลาดนัดจตุจักรและแหล่งขึ้นชื่อใจกลางกรุงเทพฯ ในราคา 5,000 บาท ถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับคุณค่าทางจิตใจและศิลปกรรมยุคโบราณ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเป็น "ของร้อน" หรือ "สิ่งของผิดกฎหมาย" นั่นเอง

 อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการอัพราคาให้สูงขึ้นไปอีก แก๊งนี้ยังมีวิธีต้มตุ๋นบรรดานักสะสมชาวต่างชาติ ที่พวกเขาเรียกด้วยถ้อยคำประชดประชันว่า "หลอกตาน้ำข้าว" ด้วยการนำไปแช่ในดินทรายแล้วนำไปแช่น้ำอีกที เพื่อให้เก่า มีเศษรากไม้เศษดินติดอยู่ตามเศียรพระ จนดูเหมือนเป็นของเก่าแก่ควรแก่การสะสม จากราคา 5,000 บาทในเมืองไทย อาจจะสูงขึ้นไปหลักหมื่นถึงแสนบาท ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถหลอกขายได้ราคาเท่าไร

 สุดท้ายเอกออกตัวว่า เขาเข้าไปอยู่ในแก๊งตัดเศียรพระก็จริง แต่ไม่เคยทำหน้าที่ตัดเศียรพระเลยแม้แต่ครั้งเดียว รู้สึกกลัว เพราะรู้ตัวว่าบาป ทำได้ไม่กี่ครั้งก็ถูกจับติดคุก

 "คนในแก๊งบอกว่า ถ้ามึงริเป็นโจรก็อย่ากลัวบาป แต่ผมขอย้ำนะครับว่า ไม่ได้ตัดเศียรพระจริงๆ" เอก กล่าว

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=530024
บันทึกการเข้า

เด็กวัด

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 150
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ดีนะครับ ถ้าใครทราบกฏหมายแล้ว ชี้แจงกันต่อก็ดีนะครับ

   กฏหมาย  กับ  ศีลธรรม น่าจะไปด้วยกันอยู่

   กฏหมาย กับ โลกุตตรธรรม อาจจะไปกันไม่ได้

           เนื่องด้วย โลกุตตรธรรม เป็น ธรรมที่ต้องปล่อยวาง แต่ บางครั้ง การปล่อยวางแบบนี้ไม่เหมาะกับวิถีปุถุชน นอกจากนักบวช

   :49:
บันทึกการเข้า

magicmo

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 122
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 :96: :96: :25:  ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
ขายส่งชุดชั้นในราคาไม่แพงเครื่องกรองน้ำ ดื่มสะอาดสนามกีฬา ฟุตบอลหญ้าเทียม เช่าราคาถูก

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คิดว่า ถ้า เราอยากจะคบกันอยู่ ไปมาหาสู่ ค้าขาย ติดต่อ กันอยู่ ก็ควรจะจัดการได้นะคะเรื่องอย่างนี้
แต่บางที เรื่องนี้เป็นเรื่อง ละเอียดอ่อน คะ

    ละเอียด คือ ต้องทำความเข้าใจกันให้มาก

    อ่อน คือ อ่อนไหวต่อความอดทน และ ศรัทธาคะ

  :s_hi:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

tasawang

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กฎหมายที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
ปอ.มาตรา 206 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้น  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี  หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ
ปอ.มาตรา 207 ผู้ใดก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในที่ประชุมศาสนิกชนเวลาประชุมกันนมัสการหรือกระทำพิธีกรรมตามศาสนาใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี  หรือปรับไม่เกินสองพันบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ
ปอ.มาตรา 208  ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ  สามเณร  นักพรต  หรือนักบวชในศาสนาใด  โดยมิชอบ  เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นเช่นนั้น  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี  หรือปรับไม่เกินสองพันบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ
ปอ.มาตรา 335 ทวิ  ผู้ใดลักทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูปหรือวัตถุในทางศาสนา  ถ้าทรัพย์นั้นเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน  หรือเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ  หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูปหรือวัตถุดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี  และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าการกระทำผิดตามวรรคแรกได้กระทำในวัด  สำนักสงฆ์  สถานอันเป็นที่เคารพในศาสนา โบราณสถานอันเป็นที่ทรัพย์สินของแผ่นดิน  สถานที่ราชการหรือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ  ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี  และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท
ปอ.มาตรา  339 ทวิ  ถ้าการชิงทรัพย์ได้กระทำต่อทรัพย์มาตรา 335 ทวิ  วรรคแรก  ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี  และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท
ถ้าการชิงทรัพย์นั้นได้กระทำในสถานที่ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 335 ทวิ  วรรคสองด้วย  ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี  และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ปอ.มาตรา 340 ทวิ  ถ้าการปล้นทรัพย์ได้กระทำในสถานที่ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 335 ทวิ วรรคแรก  ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี  และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการปล้นทรัพย์นั้น ได้กระทำในสถานที่ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 335 ทวิ  วรรคสองด้วย  ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี  และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ปอ.มาตรา 147  ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ  หรือรักษาทรัพย์ใด  เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน  หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต  หรือ  โดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี  และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท (ปอ.ม.352)
ปอ.มาตรา 161 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร  กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร  กระทำการปลอมแปลงเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่เช่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี  และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท (ประกอบ ปอ.ม.264)


น่าจะเข้ากับมาตรา นี้ นะครับ โดยส่วนกฏหมาย
บันทึกการเข้า

Goodbye

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
แล้วกฏหมายนี้ใช้ กับคนต่างชาติ ได้หรือไม่ คะ
  ต้องศึกษากฏหมาย ของชาตินั้น ๆ ด้วยใช่หรือไม่คะ กรณีถ้าขายในเมืองไทย ต้องโดนอย่างมาตรา 206 แน่นอนแต่ กรณีชาวต่างชาติ นี้ต้องมีขั้นตอนอย่างไร กันต่อคะ

   :coffee2: :49: :58:
บันทึกการเข้า

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรื่องนี้ ......  เพื่อให้สติ  ให้คิด  ในฐานะเป็นที่นับถือศาสนาพุทธคนหนึ่ง...... 

เคยบอกแล้วว่า....หากเป็นคนพุทธ  ต้องทำใจในเรื่องเหล่านี้ให้ได้......มีวิธีทำใจ  คือ....................

ต้องทำ " ความเข้าใจ " ในเบื้องต้นให้ได้ว่า  ใบหน้า  หรือพระพักตร์  หรือเศียรของพระพุทธรูปต่างๆ  ที่เราเห็น  และกราบไหว้มาตั้งแต่เด็ก ๆ นั้น   ในความเป็นจริงคือ.............สิ่งสมมุต  เท่านั้น

คือเป็นสิ่งสมมุตว่า  นี่เป็นใบหน้า ( พระพักตร์ )   หรือนี่เป็นองค์พระวรกายของพระพุทธเจ้า  พระบรมศาสดาของเราชาวพุทธ...ทั้งๆ  ที่ความจริง   คนปั้นพระพุทธรูปคนแรกของโลก  ( คนกรีก )   ก็ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงขององค์พระพุทธเจ้า ( ก็ปั้นห่างกันตั้ง 500 ปี )

ดังนั้น  ใบหน้า  หรือทรวดทรงองค์เอวรูปลักษณะของพระพุทธรูปในแต่ละยุค  แต่ละช่าง  จึงไม่เหมือนกันเลย   ไม่ว่าของมหายาน  หรือของหินยาน ( ยุคสุโขทัยสวยที่สุด  ลงตัวที่สุดในงานพุทธศิลป)

ก็เข้าใจได้ว่า  เหล่านี้  และเหล่านั้นทั้งหลาย  คือสิ่งสมมุตว่าเป็นองค์พระพุทธเจ้าทั้งสิ้น

คนพุทธจึงไม่ควรไปยึดติดว่า  นั่น  นี่  โน่น  เป็นองค์พระพุทธเจ้าจริงๆ .......เพราะมันจะเป็นเรื่องใหญ่  จะก่อความหมองไหม้ในใจของเราไปตลอดชีวิตเนื่องจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน.........ซึ่งเพราะปัจจุบันไม่ว่าเราจะหันไปทางไหนก็เจอ  ไปซ้าย  ก็ปะ  มาทางขวา  ก็ได้พบ.....ได้เห็นไอ้คนที่ทำอะไรไม่ถูกใจเราด้วยการเอาใบหน้าสมมุตหรือสิ่งสมมุตว่าเป็นพระพุทธเจ้าของเรามาทำไม่ดีในสายตาของเราชาวพุทธ

และหากคิดว่าพระพุทธรูป  คือตัวแทน   หรือสัญญลักษณ์ของพระพุทธองค์  ก็ยังมีทางเปลี่ยนไปคิดใหม่ด้วยเหตุผลที่ดีกว่า  ว่า.............. 

1.  ตัวแทนที่แท้จริงที่ทำให้สรรพพุทธสาวกทั้งหลายได้รำลึกหรือเตือนสติถึงพระพุทธองค์  ก็คือ  พระธรรมคำสั่งสอน  เท่านั้น

เพราะไม่มีใครมาโขมย  ไม่มีใครมาทุบทำลาย... หรือดูหมิ่น  หรือ.... ฯลฯ  กับพระธรรมคำสั่งสอนอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าของเราได้ ...... แต่พระพุทธรูปเป็นเพียงวัสดุที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจึงมีโอกาสถูกผู้คน  สิ่งมีชีวิตหรือธรรมชาติรังแกได้เสมอ  (  โปรดดูพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่สลักบนหน้าผา  บามิยัน  ในอาฟกานิสถาน  ที่ถูกพวกตอลิบัน  ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา  ซิ )

2.  ดังนั้น  หากไปเอาวัสดุ  รูปปั้น  รูปเคารพ  หรือสิ่งสมมุตทั้งหลายมาเป็นสรณะ.... เราก็จะพบแต่ความยุ่งยากในใจตลอดไป....ดังเช่น  เก้าอี้ที่ฝรั่งทำมา  นี้แล............จิตใจเราก็จะมีแต่หมองไหม้เพราะไปอาฆาต  บริภาษ  ชั่วร้ายตอบแทนกับมัน

3.  ลองรำลึกดูให้ดี  พระรัตนไตร  คือสามดวงแก้วที่คนพุทธต้องนับถือบูชา  และเข้าให้ถึง   เปรียบประหนึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคนพุทธ ........  อันได้แก่  พระพุทธ  พระธรรม  และพระสงฆ์....  มีอยู่สามอย่างเท่านั้น

หากมีพระพุทธรูป  เป็นสิ่่งสำคัญด้วย  ก็ต้องมีเป็นดวงแก้วสี่ประการ  ซิ.......ได้แก่

พระพุทธ  ( เจ้า)

พระธรรม ( คำสั่งสอน )

พระสงฆ์  ( พระอริยบุคคล)   และ

พระพุทธรูป  ( รูปเหมือน  สิ่งสมมุต ).............................ซึ่งทั้งหมดนี้จะเรียกว่า " พระจตุตถรัตน "  ก็ย่อมได้


แต่นี่ไม่ใช่  ....เพราะมีแค่สามดวงแก้วอันประเสริฐดังกล่าว  เท่านั้น.............นะ   ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย

สามสิ่งประเสริฐของคนพุทธนี้เป็นของแท้  เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา  มิใช่สิ่งสมมุตขึ้นมา

4.  อย่างไรก็ตาม...ที่เขียนมานี้  มิใช่เพื่อให้คนพุทธละทิ้ง  หรือเลิกกราบไหว้พระพุทธรูปทั้งหลาย........มิใช่เช่นนั้นเลย......ขอคนพุทธจงกราบไหว้  และจงสร้างพระพุทธรูปถวายวัดกันต่อไป   เพียงแต่ข้าพเจ้าต้องการให้คนพุทธ ( บางท่าน  เท่านั้นนะ .... มิใช่คนพุทธส่วนใหญ่ )  ได้เข้าใจ  และแยกแยะให้ออกว่า  อะไร คือ  อะไร   .........   อะไรสำคัญเหนือกว่าอะไร

อะไรเป็นเพียงสิ่งสมมุต.....และ

อะไร  ? ? ?  เป็นสรณะ  เป็นของแท้  เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา.......ทั้งนี้เพื่อการเป็นพุทธที่ดีมีเหตุ  มีผลและมีสติปัญญาไม่อายผู้คนในศาสนาอื่นๆ  ที่เขาจ้องจะดูถูก  ดูหมิ่นพวกเราคนพุทธบางส่วน  บางพวก .....ว่า.....งมงาย  ไร้สติ  ไร้เหตุผล


ขอให้ท่านเจริญในธรรม

จากคุณ    : Detente
บันทึกการเข้า