ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - somchit
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / บวชชีพราหม์ พุทธาภิเษก วัดศรีคูณพัฒนา สกลนคร 22 ก.พ. 56 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2013, 09:12:01 am


2  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อย่างนี้จัดเป็น ปีติ หรือไม่คะ เมื่อ: ธันวาคม 09, 2011, 06:06:37 am
เมื่อตอนตี 4 ได้นั่งสมาธิ (10 นาที) กำหนดจิต พุทโธ แล้วเกิดอาการขนลุกขึ้นที่ ศรีษะ ตามตัว  1 ครั้ง
น้ำตาก็พรั่งพรูออกมา ไม่สามารถ สะกดระงับออาการปีิตินี้ ได้

เมื่อวานตอนที่นั่งทานข้าว ก็เกิดอาการขนลุกคล้าย ๆ กัน แต่ไม่มีน้ำตา ประมาณ  3 - 4  ครั้ง

ทั้งที่ไม่ได้ภาวนาอะไร ( แต่เมื่อตื่นขึ้นเช้านี้รู้สึกร่างกาย ดี และ สดชื่น เป็นอย่างมาก  ) 

ไม่แน่ใจว่า คืออาการปิติมั้ย  แล้วอาการปิติเกิดจากอะไร จะมีอยู่กับเราตลอดไปหรือไม่คะ

 :25:  :smiley_confused1:
3  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรม 3 - 5 ธ.ค. 54 วัดราชสิทธาราม คณะ 5 ( น้ำไม่ท่วมนะจ๊ะ ) เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2011, 07:00:12 pm


เชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรม

วันเสาร์ที่ 3-วันอาทิตย์ที่ 4 จันทร์ที่ 5(ชดเชย) ธันวาคม 2554(วัดพลับน้ำไม่ท่วม)

กำหนดการ 3-4-5-ธันวาคม 54

ลงทะเบียน วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 54 เวลา 09.00-10.00 น.

     ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม ซอยอิสรภาพ 23 บางกอกใหญ่ กรุงเทพ

 ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โทร.084-651-7023  รถเมล์สาย 19 40 56 57 149 ผ่าน

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม  2554 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1

 เวลา 09.30-10.15             ลงทะเบียน รับศีล ขึ้นกรรมฐาน

 เวลา 10.15-11.00           รับประทานอาหารกลางวัน

เวลา  13.00-14.00           ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหา พักดื่มน้ำปานะ

เวลา 14.00-16.30            เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม อาบน้ำ  ทำธุระส่วนตัว

เวลา 16.30-17.00            ทำวัตรเย็น 

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2554 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 1

เวลา  06.30 - 07.00           ทำวัตรเช้า  รับประทานอาหารเช้า

เวลา 07.000 -11.00          นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม รับประทานอาหารกลางวัน

เวลา  13.00-14.00           ฟังบรรยายธรรม

เวลา 16.30-17.00            ญาติโยมทำวัตรเย็น   

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม(ชดเชย) 2554 ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 1

เวลา  06.30 - 07.00           ทำวัตรเช้า  รับประทานอาหารเช้า

เวลา 07.000 -11.00          นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม รับประทานอาหารกลางวัน

เวลา  13.00-14.00           ฟังบรรยายธรรม

เวลา 16.30-17.00            ญาติโยมทำวัตรเย็น   ลาศีล กลับบ้าน 

 
4  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / กำหนดการปฎิบัติธรรม วัดสะแก 2554 ( ศิษย์หลวงปู่ดู่ ) เมื่อ: มีนาคม 10, 2011, 07:13:30 pm
กำหนดการปฎิบัติธรรม วัดสะแก



      สภาพโดยทั่วไป เมื่อท่านไปวัดสะแก ท่านจะพบบรรดาศิษย์ของหลวงปู่ดู่ นั่งสมาธิกันตามมุมต่าง ๆ บริเวณหน้ากุฏิของท่านหรือในหอสวดมนต์ วันเวลาแตกต่างกันไป ตามภาระกิจของแต่ละคน ในระยะหลังจึงได้เกิดการรวมตัวกันเพื่อปฏิบัติ ซึ่งลงตัวในวันเสาร์ที่สองของทุกเดือน ทั้งนี้การปฏิบัติธรรมนี้ ไม่มีท่านใดเป็นผู้นำแต่ประการใด ทุกท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ดู่เหมือนกัน ให้เกียรติกันและเท่าเทียมกันทุกท่าน ซึ่งประกอบด้วยศิษย์ๆ หลวงปู่ดู่ที่ปฏิบัติมานาน เพิ่งมาปฏิบัติและผู้ที่มาใหม่ ช่วยกันแนะนำวิธีการ สงเคราะห์ผู้มาใหม่และร่วมกันปฏิบัติตามแนวหลวงปู่ดู่ ที่ท่านได้ปฏิบัติตามครูบา อาจารย์และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นจึงอยากชวนเชิญศิษย์หลวงปู่ดู่ และท่านที่มีศรัทธาในตัวหลวงปู่ดู่ มาปฏิบัติธรรมร่วมกัน ตามวันดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ และเป็นไปตามเจตนารมย์ของหลวงปู่ดู่
     การปฏิบัติธรรม ณ วัดสะแก นั้น ได้ปฏิบัติกันมากว่าปีแล้ว โดยคณะศิษย์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เพื่อถวายแด่หลวงปู่ดู่ ในระยะแรกปฏิบัติหน้ากุฎิหลวงปู่ โดยเชิญชวนเพื่อน ๆ คนรู้จัก และศิษย์หลวงปู่ดู่ทุกท่าน ปัจจุบันได้ขออนุญาตทางวัดปฏิบัติในหอสวดมนต์ ซึ่งไม่มียุงมา รบกวน โดยเริ่มปฏิบัติตั้งแต่ 17.30 น. ถึง 21.30 น. ตั้งแต่ทำวัตรเย็น และนั่งสมาธิรอบที่ 1 รอบที่ 2 และตามอัธยาศรัย  โดยกำหนดเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของทุกเดือน และอาจจะมีนัดเพิ่มเติมในวันพระใหญ่ ซึ่งท่านใดมีภาระกิจ สามารถกลับก่อนได้ ตามตารางดังนี้

ที่
   

วันที่ เดือน ปี
   

เวลา


   ๒๙  มกราคม ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.


   ๑๘  กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.


    ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.


   ๑๓ เมษายน ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.


   ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.


   ๑๑  มิถุนายน ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.


   ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.


   ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.

๑๐
   ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.

๑๑
   ๑๐ กันยายน ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.

๑๒
   ๘ ตุลาคม ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.

๑๓
   ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.

๑๔
   ๔ ธันวาคม ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.

๑๕
   ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔    

17.30 น. ถึง 21.30 น.

ที่มา
http://www.wadsakae.com/main/index.php/tam2
5  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เททองหล่อพระประธาน ณ สำนักสงฆ์สามัคคีธรรม 8 มี.ค54 ชุมพร เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 04:26:23 am


ขอเชิญร่วมพิธี เททองหล่อพระประธาน
ณ สำนักสงฆ์สามัคคีธรรม
บ้านตะแบกงาม หมู่ ๗ ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร
วันอังคารที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๔ (ขึ้น ๔ ค่ เดือน ๔)

กำหนดการ

เวลา ๐๘.๐๐ น. ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์

เวลา ๐๙.๔๙ น. พิธีเททองหล่อพระประธาน


6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีแก้ง่วง ที่ควรจะทดลองใช้ดูสำหรับคนทำงาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 01:27:37 am



วางรูปเจ้านายไว้ที่โต๊ะทำงาน
         คุณจะได้รังสีอำมหิตซึ่งทำให้คุณเกิดความเกรงใจ และรู้สึกว่านี่คือโต๊ะทำงาน ไม่ใช่เตียง ด้วยใบหน้าของเจ้านาย จะเตือนให้คุณนึกถึงงานที่ยังทำไม่เสร็จ หรือโปรเจ็กต์ที่คุณต้องทำงานต่อ และอื่นๆ อีกมากมาย เกี่ยวกับงาน ที่คุณต้องระลึกเสมอว่า ถ้าคุณยังทำไม่เสร็จ คุณอาจโดนเชือดก็เป็นได้

ดื่มกาแฟ
         หลายคนอาจจะเคยใช้วิธีดื่มกาแฟ เพื่อแก้อาการง่วงเหงาหาวนอน แต่ความจริงแล้วกาแฟเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้เรา สูญเสียน้ำ ในร่างกายไป ทำให้มีผลกระทบไปถึงสมอง เนื่องจากสมองของคุณ ต้องการน้ำไปหล่อเลี้ยงนั่นเอง ดังนั้นถ้าคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟได้ ขอแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว ก่อน และหลังการดื่มกาแฟ หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้ จำไว้ว่าการดื่มกาแฟ 1 ส่วน และน้ำ 3 ส่วนจะช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายให้คุณได้

ฟังเพลงกระตุ้น
         คุณควรใช้หูฟังเพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่น เลือกฟังเพลงแนวกระฉับกระเฉง เพื่อเรียกพลังในตัวของคุณออกมา เพลงต้องห้ามเด็ดขาด คือ ฟังเพลงประเภท แจ๊ส นิวเอจ โอเปร่า และโซล เพราะนั่นยิ่งเป็นการเชิญชวนให้คุณหลับได้ดียิ่งขึ้น การเปิดเพลงในจังหวะเร่งเร้า พร้อมกับขยับแข้งขาขณะนั่งทำงานไปด้วย หรืออาจจะดีดนิ้วตามจังหวะดนตรี จะสามารถช่วยให้คุณกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้

ของีบช่วงพักลางวัน
         หากคุณรู้สึกง่วงมากๆ วิธีนี้อาจจะช่วยได้ หลังจากมื้ออาหารกลางวันแล้ว การหลบไปงีบหลับสัก 10 นาที ถึง 20 นาที แล้วแต่ระยะเวลาพักเบรกของคุณโดยตั้งเวลาปลุกไว้ หลังจากตื่นขึ้นมา จะช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่น เตรียมพร้อมลุยงานได้อย่างเต็มที่

เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันและมื้ออาหาร
         การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตจะช่วยทำให้คุณรู้สึกตื่น ตัวขณะทำงานได้ เช่น เมื่อกลับมาบ้าน คุณควรรีบเข้านอนแต่วัน เพื่อให้มีเวลานอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วจะส่งผลให้คุณตื่นเช้าขึ้น แล้วก็จัดให้อาหารมื้อเช้า เป็นมื้อใหญ่ในแต่ละวัน พอถึงมื้อกลางวันคุณก็จัดให้เป็นมื้อเล็กๆ ไม่รับประทานอาหารที่หนักท้องจนเกินไปนัก หรือถ้าตอนเช้า ไม่มีเวลารับประทานอาหาร ให้เปลี่ยนอาหารมื้อเล็กๆ 6 มื้อ และเพิ่มการรับประทานผักใบเขียว หรือพวกสลัดในมื้อกลางวันให้มากขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณแอคทีฟได้ตลอดวัน

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเฉียบ
         ถ้าคุณหาวหวอดจนน้ำตาไหล ให้หาน้ำเย็นๆ แล้วนำมาล้างหน้า น้ำเย็นๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นโดยฉับพลัน

เดินไปมาในที่ทำงาน
         บางครั้งการลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินไปเดินมาบ้าง ก็ไม่ทำให้ใครคิดว่าคุณอู้งานหรอก เพราะการนั่งทำงาน อยู่กับที่ตลอดเวลานั้น ชวนให้คุณอยากงีบมากกว่า กระตุ้นตัวเองด้วยการเดินไปรอบๆ ที่ทำงาน อาจจะทำทีไปรับแฟกซ์ ส่งแฟกซ์ เดินเอางานไปส่งแทนการใช้อีเมล์ตอบโต้ในที่ทำงาน เป็นการทำให้ร่างกายเคลื่อนไหว เปลี่ยนอิริยาบท ช่วยให้รู้สึกกระฉับกระเฉงได้อีกทางหนึ่ง ถ้าคุณไม่อยากถูกเจ้านายเพ่ง เล็ง ก็พยายามหลีกเลี่ยงการนอนหลับในที่ทำงาน แม้คุณจะเหนื่อยและเพลียแค่ไหน การสลัดความขี้เกียจแทนที่ด้วยความขยันของคุณ ผลตอบแทนที่ได้นั้น มีมากกว่า การได้โปรโมตตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือนเสียอีก เพราะคุณสามารถเอาชนะตัวเองได้สำเร็จ

ข้อมูลจาก อสมท.

ที่มาเนื้อหาจากเว็บ
http://brightlives.th.88db.com/business/business_wakeup.htm
7  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / วิธีแก้ง่วง 8 วิธี ที่ได้ผล .... ตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 01:25:32 am



พระมหาโมคคัลลานะ เมื่ออุปสมบทได้ 7 วัน ได้ไปทำความเพียรอยู่ที่ป่าใกล้บ้านกัลป์ลาวาลมุตตาคาม แขวงมคธ ถูกถีนมิทธารมณ์ คือ ความง่วงเหงาเข้าครอบงำ ไม่สามารถจะทำความเพียรได้ ขณะนั้น พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ สวนเภสกลาวัน ซึ่งเป็นสถานที่ให้เหยื่อแก่เนื้อ ใกล้เมืองสุงสุมารคิรี อันเป็นเมืองหลวงของแคว้นภัคคะ ทรงทราบด้วยพระญาณว่าพระโมคคัลลานะ โงกง่วงอยู่ จึงทรงทำปาฏิหาริย์ให้เห็นปรากฏ ประหนึ่งว่าเสด็จประทับอยู่ตรงหน้า ทรงแสดงอุบายสำหรับระงับความง่วงแก่เธอตามลำดับ ดังนี้

1.โมคคัลลานะ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างใดแล้ว เกิดความง่วงขึ้น เธอจงทำไว้ในใจซึ่งสัญญาอย่างนั้นให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้

2.ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรตรึกตรองถึงธรรมที่ได้เรียนมาแล้ว ได้ฟังมาแล้วให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้

3.ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสาธยายธรรมที่ได้เรียนได้ฟังมาแล้วให้มากจะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้

4.ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรยอนช่วงหูทั้งสองข้าง และลูบตัวด้วยฝ่ายมือจะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้

5.ถ้ายังละไม่ได้ เธอจงลุกขึ้นแล้วลูบนัยน์ตา ลูบหน้าด้วยน้ำเหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาว จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้

6.ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรทำไว้ในใจถึงอาโลกสัญญา ถือ กำหนดความสว่างไว้ในใจเหมือนกัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำใจให้เปิด ให้สว่าง จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้

7.ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรเดินจงกรมสำรวมอินทรีย์ มีจิตใจไม่คิดไปภายนอก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้

8.ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสำเร็จสีหไสยาสน์ นอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าให้เลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ หมายใจว่าจะลุกขึ้นเป็นนิตย์ เมื่อตื่นแล้วควรรีบลุกขึ้นด้วยตั้งใจว่า เราจะไม่ประกอบความสุขในการนอนและการเคลิ้มหลับอีกจะเป็นเหตุให้ละความง่วง ได้ พระพุทธองค์ ตรัสสอนอุบายเพื่อบรรเทาความง่วงโดยลำดับจนที่สุดถ้ายังไม่หายง่วงก็ให้นอน แต่ให้นอนอย่างมีสติ



ภาพประกอบน่ารัก นี้ จากเว็บ http://gotoknow.org

ที่มาหนังสือ อนุพุทธประวัติ 80 องค์ หลักสูตร นักธรรมชั้นโท

8  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การค้นพบพระพุทธรูป อายุ 2600 ปี ที่อัฟกานิสถาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 01:16:22 am




ถ้าอย่างนั้น พ.ศ.ที่เรารู้ในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่ของถูกใช่หรือไม่ครับ

เพราะตามคัมภีร์ ของ มหายานกล่าวว่า ตอนนี้เป็น พ.ศ.3300 ปีแล้วครับ

ที่ถูก ที่ผิด อย่างไร อยากให้ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ช่วยกันอ้างอิงหน่อยได้ไหมครับ

ผมไปตามอ่านที่นี่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ทำให้เกิดความงง และ ก็งง ว่าอย่างไหน ถูก อย่างไหนผิดกันแน่


 :c017:
อ้างอิงแหล่งที่มาเนื้อเรื่อง
http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8-2600-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-279048.html

9  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ฝึกภาวนา พุทโธ กับลมหายใจ กับ ภาวนา พุทโธ ไม่อิงกับลมหายใจ ต่างกันอย่างไร เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 01:08:10 am
ฝึกภาวนา พุทโธ กับลมหายใจ กับ ภาวนา พุทโธ ไม่อิงกับลมหายใจ ต่างกันอย่างไร

คือผมสงสัย เพราะผมเองก็ฝึก พุทโธ กับลมหายใจเข้า ออก มาตลอด แต่มาได้ยินและอ่าน

การฝึกใน กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นไม่อิงกับลมหายใจ อันนี้ผมก็พยายามลองทำตามดู

อยากให้อธิบายความแตกต่าง ให้เข้าใจบ้างครับ เพราะอะไรจึงไม่ต้องฝึกผูกกับลมหายใจเข้าออกครับ

 :25:
10  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เมื่อวานไปงานบวชมา เห็นคนที่บวชท่องอะไรก็ไม่ได้ แถม.... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 01:04:07 am
เมื่อวานไปงานบวช ลูกชาย เพื่อนมา เห็นคนบวช ไม่สามารถท่องบทสวดขอบวชได้แม้กระทั่ง ศีล 10 ก็ไม่ได้

แถมยังมีอาการหน้าแดงเมาค้างอีก ... แต่พระท่านก็นำว่า จนบวชเสร็จ

อยากทราบว่า การบวชอย่างนี้ จัดว่าเป็นพระจริง ๆ หรือไม่ครับ กรณี ที่กล่าวไม่ถูก แล้วต้องว่าตาม

บวชอย่างนี้จะได้บุญจริงหรือไม่ครับ

 :96:
11  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าพบพระอาจารย์ยังไม่ได้ช่วงนี้ อยากทราบศิษย์เอกพระอาจารย์มีใครพอสนทนาได้บ้างครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 11:13:58 pm
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า พระอาจารย์ปลีกวิเวกไม่ยุ่งกับสังคมวัดในช่วงนี้
อยากทราบถ้าจะสนทนาธรรม เรื่องกรรมฐานโดยตรง มีศิษย์เอกท่านไหนพอจะ private กันได้บ้างครับ

ในกรณีที่ยังพบพระอาจารย์ยังไม่ได้ช่วงนี้ อยากทราบศิษย์เอกพระอาจารย์มีใครพอสนทนาได้บ้างครับ
 :25: :91:
12  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ศูนย์หนังสือจุฬาฯเชิญร่วมกิจกรรม วันแห่งความรัก-มาฆบูชา เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:30:55 am
ศูนย์หนังสือจุฬาฯเชิญร่วมกิจกรรม วันแห่งความรัก-มาฆบูชา



ศูนย์ หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แจ้งว่า ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ร่วมกับวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก จัดกิจกรรม 'หัวใจกับใบโพธิ์ # 2 : กิ่งโพธิ์' ระหว่างวันที่ 4-28 กุมภา พันธ์ 2554 ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จัตุรัสจามจุรี ชั้น 4 (สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่าน) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยได้เห็นถึงคุณค่า ความดีงามของความรัก และร่วมกันเชิดชูเกียรติและรำลึกถึงพระธรรมคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ และท่านปัญญานันทภิกขุ ด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อเป็นข้อคิดและแนวทางแก่พุทธศาสนิกชน ได้นำไปปฏิบัติตนให้เป็นผู้ที่รักเป็น และรักอย่างมีสติดีงาม พบกับกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2554 แถลงข่าวโครงการ "หัวใจกับใบโพธิ์ # 2 : กิ่งโพธิ์" (12.30-13.30 น.) ร่วมแถลงข่าวโดยพระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก, รศ. ดนุชา คุณพนิชกิจ ประธานกรรมการบริหารศูนย์หนังสือจุฬาฯ, นายบัญชา เฉลิมชัยกิจ เจ้าของสำนักพิมพ์สุขภาพใจ, นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร กรรมการผู้จัดการ สนพ.สถาพรบุ๊คส์ ต่อด้วยงานเสวนา เรื่อง "รัก..อย่างใช้ปัญญา" (ตามคำสอนของท่านปัญญานันทภิกขุ) (14.00-15.30 น) โดยพระมหาทวีป กตฺปุญฺโญ ประธานสงฆ์ สถานปฏิบัติธรรมแทนวันดีเจริญสุข จิตกร บุษบา นักเขียน/นักจัดรายการวิทยุ ดำเนินรายการโดยโกมุท คงเทศ นักจัดรายการวิทยุ FM 92 ณ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ-จัตุรัสจามจุรี ชั้น 4

วัน ที่ 12 ก.พ. 2554 เสวนาเรื่อง "รัก..อย่างไม่เป็นทาส" (ตามคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ) เวลา 13.30-15.00 น. ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จัตุรัสจามจุรี โดยพระครูใบฎีกามณเฑียร มัณฑิโร ผู้ดูแลท่านพุทธทาส ดำเนินรายการโดยพิสุทธิ์ เกรียงบูรพา ผู้เขียนหนังสือธรรมชิวๆ และแต่งเพลงธรรมะ วันที่ 26 ก.พ. 2554 เสวนาเรื่อง "รัก...อย่างพุทธปัญญา" เวลา 16.00-17.30 น. ที่ธรรมสถาน วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก โดยพระราชญาณกวี (พระศรีญาณโสภณ/ปิยโสภณ) ชุติมา ดุรงค์เดช มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2552 ร่วมถ่ายทอดนิยามแห่งความรักของตนเองผ่านใบโพธิ์ "ต้นไม้แห่งความรัก"
13  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บทความเรื่อง สมาธิ สำเร็จรูป ( แกะซองเหมือน ม่าม่า ) เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:29:02 am
บทความน่าสนใจของ 'ปิยสีโลภิกขุ' ในนิตยสาร"ซีเคร็ต" ฉบับม.ค. พูดถึงโฆษณาเบาะรองนั่งสมาธินับยี่สิบชิ้นในนิตยสารธรรมะในต่างประเทศ

แต่ ละเจ้าต่างออกแบบสินค้าของตนมาจูงใจลูกค้ากันอย่างเต็มที่ มีทั้งแบบกลม แบบเหลี่ยม แบบนั่งคุกเข่า แบบทูอินวัน แบบวัสดุธรรมชาติ แบบพลาสติกรีไซเคิล ฯลฯ

บางรายแหวกแนวกว่าเจ้าอื่น โฆษณาว่าเบาะรองนั่งของเขาผลิตจากขนไก่ออร์แกนิกแอนด์แฟร์เทรด

ทุกเจ้ามีข้อความโฆษณาคล้ายๆ กัน คือ 'จะช่วยให้ท่านนั่งสมาธิดีขึ้น'

พร้อมภาพนายแบบนางแบบนั่งสมาธิหลังตรงแน่ว หลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขเป็นตัวอย่างประกอบ

การ ฝึกนั่งสมาธิกำลังตื่นตัวเป็นอย่างมากในประเทศตะวันตก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีสถิติยืนยืนยันว่าคนอเมริกันหลายล้านคนกำลังสนใจนั่งสมาธิ

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบหนังสือธรรมะหลากหลายรูปแบบตามร้านหนังสือในอเมริกา

มีหลักสูตรวิปัสสนาทั้งระยะสั้นและระยะยาว สายทิเบต เซน และเถรวาท

ตลอดจนร้านขายอุปกรณ์นั่งสมาธิแบบออนไลน์ ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

มีผลสำรวจว่า ศูนย์วิปัสสนาชื่อดังแห่งหนึ่งมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาทเลยทีเดียว

นอก จากนี้ ยังส่งผลให้อาชีพการสอนวิปัสสนารายได้ดีตามไปด้วย ยิ่งโฆษณาว่าผ่านการฝึกวิปัสสนาจากทิเบต อินเดีย หรือพม่ามาก่อน ยิ่งได้รับความสนใจพิเศษ

ผู้เขียนบอกว่า เห็นโฆษณาชิ้นล่าสุดก็ยิ่งน่าขัน เป็นหลักสูตรปฏิบัติธรรมแบบ DIY (Do It Yourself) ของเชรี่ ฮูเบอร์ ผู้สนใจสามารถซื้อแผ่นซีดีไปปฏิบัติตามได้

เขาโฆษณาว่า 'เพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น เราก็จะยอมรับตัวเองได้อย่างไม่มีเงื่อนไขและเป็นสุขกับชีวิตยิ่งขึ้น'

ฟังดูราวโฆษณาบะหมี่สำเร็จรูป

ที่แค่เทน้ำร้อนก็อิ่มได้เลย

ที่มา

http://www.khaosod.co.th/ ( 31/1/54)
14  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อาหารเป็นพิษแน่ ๆ เลยกรรมของเด็กนักเรียน กระบี่ เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:27:36 am
หาม 200 นักเรียนส่งโรงพยาบาล หลังกินข้าวแล้วท้องเสีย ขณะรอรถไฟเดินทางกลับภาคใต้

เมื่อ เวลา 17.30 น. วันที่ 30 ม.ค. เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุพระนคร ได้รับแจ้งว่ามีเด็กนักเรียนกว่า 200 คน จาก อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เกิดอาการอาหารเป็นพิษอย่างหนัก ต้องการความช่วยเหลือ  ที่บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง จึงประสานรถมูลนิธิและรถ รพ. กว่า 30 คัน ไปดำเนินการ พบเด็กนักเรียนทั้งชาย-หญิง กว่า 200 คน อายุระหว่าง 10 – 13 ขวบ อยู่ในสภาพอิดโรยอย่างหนัก บางคนอาเจียน ท้องเสีย หน้ามืด หายใจติดขัด ซึ่งอาจารย์และผู้ปกครองที่มาด้วยกำลังช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นกันอย่าง เต็มที่

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เร่งช่วยกันลำเลียงเด็กที่อาการหนัก ลำเลียงกันขึ้นรถ ทยอยไปตาม รพ.ใกล้เคียง 6 รพ. คือ รพ.หัวเฉียว รพ.จุฬาฯ รพ.กลาง รพ.ตำรวจ รพ.เจริญกรุงฯ รพ.เลิศสิน เพื่อให้แพทย์ เข้าไปช่วยเหลือ ท่ามกลางสายตาประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาใช้บริการที่สถานีรถไฟ โดยพอถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้ให้น้ำเกลือก่อน เนื่องจากเด็กบางคนมีอาการอ่อนเพลียอย่างมาก เบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่ามีเด็กคนไหนต้องเข้าห้องฉุกเฉินหรือเสียชีวิต

สอบ ถาม นางประทุมทิพย์ ผลนุ่น อายุ 36 ปี มารดา ของ ด.ญ.ณัฎฐณิชา ผลนุ่น หรือ น้องซันญ่า อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนทุ่งเสม็ด ให้การว่า  ทางโรงเรียนของลูกสาว เป็นหนึ่งในโรงเรียน ของ อ.คลองท่อม ที่ได้มามาทัศนะศึกษาที่กรุงเทพฯ ซึ่ตนได้เดินทางมาด้วย โดยนั่งรถบัสมาที่สถานีรถไฟ อ.ทุ่งสง ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. ก่อนจะมาถึงที่กรุงเทพ ช่วงเช้าวันที่ 28 ม.ค. และทางโรงเรียนได้จัดให้เข้าพักที่สวนสยาม ซึ่งได้รับหน้าที่ให้จัดเตรียมที่พักและอาหาร โดยทุกอย่างก็เป็นไปอย่างปกติ
 

“จนมาวันนี้เมื่อช่วงเช้าก่อนจะกลับ ทางสวนสยามได้ทำข้าวต้มให้กินเป็นมื้อเช้า และทำข้าวผัดพริกไก่ไข่ดาว ประมาณ 500 กล่อง ใส่รถมาด้วยเพื่อให้กินตอนมื้อเที่ยงที่ซาฟารีเวิร์ล ซึ่งทุกคนก็กินข้าวกล่องที่จัดเตรียมไว้อย่างปกติทุกครั้ง จากนั้นพอออกจากซาฟารีเวิร์ล มุ่งหน้ามาที่หัวลำโพง  เพื่อรอรถไฟขบวนกลับทุ่งสง ในเวลา 18.00 น. จู่ๆเด็กนักเรียนหลายคน เริ่มมีอาการวิงเวียนและอาเจียนออกมาตลอดเวลา ทำให้ทางอาจารย์รีบติต่อเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน” นางประทุมทิพย์ กล่าว

ด้าน นายสมนึก พิศาล อายุ 52 ปี อาจารย์จาก โรงเรียนบ้านเหนือ ใน อ.คลองท่อม กล่าวว่า ทางโรงเรียนใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ จำนวน 10 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านห้วยน้ำขาว  โรงเรียนบ้านทุ่งเสม็ด โรงเรียนบ้านท่าประดู่  โรงเรียน.บ้านควนใต้ โรงเรียนบ้านน้ำร้อน โรงเรียนอนุบาลคลองท่อม โรงเรียนบ้านเหนือ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 53 โรงเรียนคลองท่อมมิตรภาพ 160 และโรงเรียน.แชงเปิง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม ค่ายลูกเสือเนตรนารีคลองท่อมร่วมใจ เพื่อพาเด็กมาทัศนะศึกษา ซึ่งมีการจัดทุกปี แต่ทุกครั้งจะไปจัดที่จังหวัดใกล้เคียง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาจัดที่กรุงเทพฯ

 “โดยนักเรียนที่มา อยู่ในระดับชั้น ป.4 – ป.6 รวมนักเรียน อาจารย์และผู้ปกครอง จำนวนร่วม 500 คน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่คาดว่าไม่น่าเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ เพราะถ้าจะเป็นก็น่าจะเป็นตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้ว ส่วนเรื่องข้าวกล่อง ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น ต้องรอแพทย์วินิจฉัยโรคเสียก่อน ขณะนี้สิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคืออาการของเด็กว่าจะหนักหรือไม่ รวมทั้งนักเรียนชั้น ป.6 ที่มาด้วย มีภารกิจต้องกลับไปสอบโอเน็ต ที่ จ.กระบี่ ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นห่วงว่าเด็กอาจจะกลับไปไม่ทันสอบ อยากให้ทางผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ให้การช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ” อาจารย์จาก โรงเรียนบ้านเหนือ กล่าว

ด้าน นางพรศรี จันทรขัมมา ผจก.ฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ บริษัทาซิตี้ วอล์ค จำกัด(สวนสยาม) เผย เบื้องต้นกำลังประสานกับอาจารย์ที่ดูแลนักเรียนว่าต้องการให้ช่วยเหลือด้าน ไหนบ้าง ส่วนเรื่องข้าวกล่องนั้นยอมรับว่าทางสวนสยามเป็นคนจัดให้กับกลุ่มนักเรียน ที่มาสัมมนา ส่วนสาเหตุกำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอยู่ว่าเกิดจากสาเหตุใด นอกจากนี้ได้แจ้งทางผู้บริหารสวนสยามไปแล้ว ซึ่งท่านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำชับให้ดูแลทุกอย่าง เช่นสวนของค่ารักษาพยาบาล

ขณะที่ นายวิวัฒน์ ชำนาญธรรม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิตี้ วอล์ค จำกัด (สวนสยาม) กล่าวว่า กำลังติดต่อและประสานงานกับอาจารย์ว่าเด็กนักเรียนบางส่วนที่ไม่มีอาการปวด ท้องหรือเจ็บป่วย มีที่พักหรือยัง หากยังไม่มีจะนำเด็กนักเรียนมาพักที่พักค่ายลูกเสือในสวนสยาม เบื้องต้นทราบว่า ในมือเช้าทางสวนสยามเป็นคนจัดหาข้าวต้มให้กับทางนักเรียน ส่วนอาหารกลางวันทางอาจารย์ได้ประสานให้ทำข้าวกล่อง เพื่อให้นักเรียนรับประทานระหว่างเดินทางกลับช่วงกลางวัน และกำลังตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใน และประสานให้เจ้าหน้าที่สวนสยามดูและนักเรียนอย่างเต็มที่.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=38&contentID=118445
15  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / ทำกรรมกับงู เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 01:07:18 am
ทำกรรมกับงู
"...มนุษย์เรานั้น จงอย่ามองเห็นสัตว์ที่ต่ำต้อยกว่าเป็นเครื่องเล่น อย่าไปรังแกเขา ไม่ใช่ว่าเป็นมนุษย์แล้วจะมีอำนาจเหนือสัตว์อื่นๆ ไม่ใช่ว่าเห็นงูแล้วจ้องจะตีเขาให้ตายท่าเดียว ไม่ว่าสัตว์ชนิดใดถ้าเราทำร้ายเขาแล้ว เราก็จะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจกฎแห่งกรรมเช่นกัน อย่างเช่นเรื่องของ..
ต้อย เป็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่ถูกวิญญาณของงูรังควาญ แต่ไม่ได้รังควานกับตัวเธอโดยตรง หากแต่ไปกระทำกับลูกสาวที่น่ารักของเธอแทน
วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวหลังบ้าน อยู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงลูกของเธอร้องตะโกนมาจากหน้าบ้านให้แม่มาช่วยตีงู เธอจึงวิ่งออกมาจากหลังบ้าน ก็เห็นงูตัวหนึ่งกำลังหันรีหันขวางอยู่ลูกจึงบอกเธอว่า แม่ตีมันเลย เดี๋ยวมันกัดเอา สิ้นเสียงของลูกแม่ก็คว้าไม้ตีไปที่กลางลำตัวงูทันที แล้วก็ตีซ้ำมันจนตายตอนที่งูถูกตีนั้นงูมันผูกใจเจ็บไปที่ลูก เพราะหากลูกไม่บอกแม่ ตนเองก็คงไม่ตาย วิญญาณของงูตัวนั้นจึงผูกพยาบาทอยู่กับตัวลูก จึงส่งผลให้ลูกสาวเกิดมีอาการเจ็บปวด โดยไม่ทราบสาเหตุ อยู่ๆก็มีอาการเจ็บปวดตามตัว และในกระดูกจนต้องนอนบิดตัวไปมา

เป็นที่อับอายต่อสายตาของเพื่อนๆ จนไม่กล้าไปโรงเรียน ต้องเดือดร้อนถึงผู้เป็นแม่เพราะความสงสารลูก และด้วยสัญชาติญาณของความเป็นแม่เมื่อเห็นลูกเจ็บ แม่ย่อมรู้สึกเจ็บปวดกว่าหลายเท่า วิญญาณของงูต้องการทำให้ผู้เป็นแม่ที่ตีตัวเองได้รับความเจ็บปวดทางใจ เพราะการตีงูนั้นกว่ามันจะตาย มันต้องได้รับความเจ็บปวดทรมานมาก บิดตัวไปมาจนกว่าจะตาย ช่วงนี้เองที่ทำให้งูมีการอาฆาตจองเวรกับผู้ที่ทำมัน
ต้อยได้มาหาข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าได้แนะนำให้เธอหันมาปฏิบัติธรรม สอนให้รู้ว่าเวรกรรมนั้นมีจริง ต้อยจึงหมั่นทำตาม และอุทิศส่วนกุศลตรงไปให้วิญญาณของงูตัวนั้นทำอยู่หลายครั้ง นปัจจุบันลูกของต้อยน.ส.สินิททรา
สีใส หรือน้องเนยได้หายจากอาการเจ็บปวดโดยไม่ทราบสาเหตุนั้นเป็นปกติดีแล้ว...."



คัดจากหนังสือทางพ้นกรรมของแม่พัชราภา หน้า ๕๒
แม่บอกว่าเวรกรรมนั้นมิได้จำกัดว่าเด็กหรือ ไร้เดียงสา กระทำแล้วจะไม่เกิดกรรมไม่ว่า กรรมจากทางกาย วาจา หรือทางใจก็ดี เมื่อได้กระทำแล้วไปกระทบ ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่นทำให้เขาทุกข์กายทุกข์ใจ ทันใดนั้นกรรมจะถูกบันทึก ทันที การปฏิบัติธรรมด้วยการภาวนาเป็นการทำบุญโดยไม่ต้องใช้สตางค์ลงทุน แต่ได้ผลโดยตรงต่อเจ้ากรรมนายเวร ถ้าเราทำให้เขาบ่อยๆ เขาก็จะใจอ่อนอโหสิกรรมให้เรา ชีวิตของเราก็จะได้อานิสงฆ์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น



Create Date : 18 มกราคม 2554
16  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / หลงตัว หลงเชื่อ...คือหลงทาง เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 01:01:05 am
หลงตัว หลงเชื่อ...คือหลงทาง
“...ชีวิตของคนเราทุกคนเหมือนเดินอยู่ท่ามกลางป่าเขา น้อยคนที่จะสบายเหมือนเดินอยู่บนถนนหลวงทางเดินในชีวิตส่วนใหญ่ มักจะขรุขระ มีหลุมบ่อ พงหนามทั้งขึ้นเขาเข้าถ้ำ และลงห้วย ผลัดเปลี่ยนกันไป มีความลำบากมากบ้าง น้อยบ้างสุขบ้างทุกข์บ้าง สลับกันไปในแต่ละวัน
ชีวิตคนเรานั้นนอกจากเดินทางลำบากแล้ว ยังต้องเดินทางอย่างโดเดี่ยวอีกด้วย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะชีวิตคือการเดินทางคนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรียกว่าเราเกิดมาตามกรรมของเราเองเป็นไปอย่างนี้ ไม่ว่าจะเกิดมากี่ครั้ง หรือว่าตายไปกี่หนก็ตาม
การที่เราทุกคนกลัวความเหงานั้น อาจจะต้องเข้าใจเสียใหม่ว่า อันที่จริงแล้วความเหงานั่นแหละ คือชีวิตที่แท้จริงของคนเรานั่นเอง เพราะไม่ว่าพ่อ แม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อนฝูงและลูก แม้ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทาง แต่
ก็เป็นเพื่อนร่วมทางที่ ไม่ถาวร เพราะความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดเหล่านั้น ล้วนเป็นสิ่งสมมุติทั้งนั้น สมมุติเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นพี่ น้อง และเป็นบทบาทที่แสดงต่อกัน ด้วยความผูกพันและหน้าที่ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปในช่วงชีวิตหนึ่งเท่านั้น เรามาคนเดียว แล้วเราก็ไปคนเดียว จะไปทีเดียวหลายๆคนแบบจูงมือกันไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นลูก สามี ภรรยา พ่อแม่ พี่น้อง ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป

ต่างคนต่างเกิด เป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรสักอย่างที่จะเอาติดตัวไปได้แม้แต่เงินเพียงบาทเดียว ต้องปล่อยทิ้งไว้ทั้งหมด ไม่มีอะไรเป็นที่ยึดถือ เรือกสวนไร่นา ตึกรามบ้านช่อง ก่อนที่เราจะเกิดเขาก็มีอยูอย่างนี้ ชายหญิงเขาก็มีกันอยู่อย่างนี้ ตอนเราเกิดก็มีอยู่อย่างนี้ เราตายไปแล้วมันก็มีอยู่อย่างนี้
เพราะฉะนั้นเราจะกลัวความเหงากันไปทำไม ทั้งๆที่ชีวิตก็คือการเดินทางคนเดียวอยู่แล้ว คนที่อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องหาเพื่อนแก้เหงาตลอดเวลา หรืออยู่ไม่ได้ถ้าขาดคนอื่น คนนั้นคือผู้หลงทาง เพราะหารู้ไม่ว่ายิ่งเราอยู่ในวงห้อมล้อมของคนมากเท่าไร เราก็จะยิ่งค้นหาตัวเองไม่เจอเท่านั้น เพราะเรามักจะยุ่งกับเรื่องของคนอื่นตลอดเวลา คอยจะดูแต่ว่าคนนั้นดี คนนี้ชั่ว คนนั้นถูก คนนี้ผิด นั่นเรามองเห็นแต่คนอื่น เรามองออกไปข้างนอก มองรอบตัว แต่เราไม่เคยมองเห็นตัวของเราเองเลย นี่คือเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ
ผู้ฉลาดย่อมเห็นคุณค่าของการอยู่คนเดียว ผู้มีปัญญาย่อมจะแสวงหาความวิเวก ความสงบ เพื่อทำความรู้จักกับตัวเอง รู้ใจตัวเอง เมื่อใจไม่วุ่นวาย ใจเกิดความสงบ ใจเกิดความสว่างเย็นแล้วเรสก็จะเป็นสุข
เราต้องดำเนินชีวิตด้วยตัวของเรา เอง เลือกดี เลือกชั่ว ด้วยตัวของเราเอง จะถูกทางหรือหลงทางก็ด้วยปัญญาของเราเอง เหมือนดังที่พูดว่า” ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” หมายถึงพุทธศาสนาเป็นเพียงแผนที่บอกทางให้เราเท่านั้น
ส่วน การเลือกเดินทางไหน อย่างไร อยู่ที่ตัวเราคนเดียว เมื่อรู้ว่ากำลังเดินทางคนเดียว ก็อย่าทำเป็นคนเห็นแก่ตัว รู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ทำกรรมดี อยู่ในศีลในธรรม เป็นหนทางที่จะไปสู่จุดหมายปลายทางของการหลุดพ้นได้เร็วขึ้น เมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็เท่ากับว่าเราโชคดีแล้ว และได้มาอยู่ในเส้นทางที่มีปลายทางทิ่มีทั้งแสงสว่างและความมืดมัวให้เรา เลือก คราวนี้อยู่ที่ตัวของเราเองว่าจะเดินทางช้าเดินทางเร็วหรือจะเดินหลงทางเท่า นั้น
ชีวิตคนเรานั้น แท้จริงแล้วคือการเดินทาง และยังคงเป็นการเดินทางเรื่อยไปอยู่นั่นเอง ย่อมมีความระหกระเหินบอบช้ำเป็นธรรมดา ชีวิตที่ต้องการเดินทางไปสู่นิพพานหรือการดับทุกข์ขั้นเด็ดขาด จะถึงช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับปัญญาของแต่ละคนแต่การเดินทางนี้ไม่ใช่เดินด้วยร่างกาย เพราะนิพพานไม่ใช่สถานที่หากแต่ว่าเป็นภาวะอันบรมสุขของจิตใจ การเดินทางนี้จึงเป็นการเดินทางของจิตใจ จากสภาพที่มัวหมองไปสู่ความสะอาดสดใสที่ไม่มีกิเลส ตัวเรานั้นอาจเดินทางทุกวันด้วยพาหนะชั้นดี มีเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย พาให้เราไปสู่จุดหมายนับร้อยนับพันแห่ง แต่ใจของเราเดินทางด้วยหรือเปล่า ความสวยงามของโลก อาจทำให้ใจเราซัดส่ายไปมา ซ้ำซากวนเวียนอยู่กับสุขเดิมๆ ทุกข์เดิมๆอยู่นั่นแหละไม่เคยแสวงหาสภาวะที่สุขจริง สุขแท้กว่านั้นเลยชีวิตของเราชาติหนึ่งๆ ก็จบสิ้นไปโดยไม่ได้พัฒนา ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร เป็นการเสียชาติเกิด เสียเวลาเปล่าๆ..”

คำสอนของแม่พัชราภา ในหนังสือทางพ้นกรรม
17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทดสอบจิต กันหน่อยครับ รถตกเขา รอดได้ไง <> เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 01:10:53 am

ทดสอบจิต กันหน่อยครับ รถตกเขา รอดได้ไง <>
18  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เสียเวลาสัก 7 นาที อยากให้ดู VDO ชุดนี้ครับผม เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 01:07:15 am


อยากให้ได้ชมครับสำหรับ ท่านที่มีการขับรถ และ เดินทางประจำครับสิ่งเหล่านี้จักหมดไปได้
ถ้าเราร่วมใจกันทำตามกฏ และ ไม่ประมาทครับ

19  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ฟังธรรม งาน ๑๐๐ ปี ชาตกาล หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ “ฟ้าสางที่กลางอุโมงค์” เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 09:06:36 pm


ขอเชิญฟังธรรม งาน ๑๐๐ ปี ชาตกาล หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ “ฟ้าสางที่กลางอุโมงค์”

กำหนดการ โครงการอาจาริยบูชา วาระ ๑๐๐ ปี ชาตกาล หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ “ฟ้าสางที่กลางอุโมงค์”

วันเสาร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔
ณ วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
๐๘.๐๐ – ๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน / รับสื่อธรรมะที่ระลึก

๐๙.๐๐ – ๐๙.๓๐ น. พิธีเปิด
- ประธานกล่าวต้อนรับ โดย พระครูสุคันธศีล เจ้าอาวาสวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)
- โอวาทกล่าวเปิดงาน อาจาริยบูชา วาระ ๑๐๐ ปี ชาตกาล หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ สาส์นจาก
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

๐๙.๓๐ – ๑๑.๐๐ น. กล่าวแนะนำองค์ปาฐก โดย ดร.ส่งเสริม แสงทอง : คณะพุทธนิคม
ปาฐกถาธรรม : หัวข้อ “ปฏิปทาหลวงพ่อปัญญากับพุทธศาสนาไทยในอนาคต” โดย พระราชสุเมธาจารย์ (หลวงพ่อสุเมโธ) : วัดอมรวดี ประเทศอังกฤษ

๑๑.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล / ร่วมรับประทานอาหาร
สนทนา – ดนตรี – เวทีธรรม โดย พระครูสังฆกิจพิมล (สุรศักดิ์ สุราโณ) : วัดชลประทานรังสฤษฏ์ และ คณะจีวัน

๑๓.๐๐ – ๑๓.๑๕ น. อ่านบทกวี

๑๓.๓๐ – ๑๕.๐๐ น. กล่าวแนะนำองค์ปาฐก โดย พระอาจารย์มหาพิภพ จนฺทสิริ (ป.ธ.๙) :
วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)
ปาฐกถาธรรม : หัวข้อ “งานสร้างสัมมาทิฏฐิในสังคมพุทธร่วมสมัย” โดย พระราชปฏิภาณโสภณ
(มาณพ ติกฺขญาโณ ป.ธ.๙) : วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร

๑๕.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. เสวนาธรรม : หัวข้อ “ ตรีกัลยาณมิตร ศิษย์สหาย”
(หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ, ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ, เจ้าชื่น สิโรรส)
นำ เสวนา โดย - พระอาจารย์สิงห์ทอง เขมิโย : สวนโมกขพลาราม - ดร.ส่งเสริม แสงทอง : คณะพุทธนิคม ดำเนินการเสวนา - คุณประสาน อิงคนันท์ : รายการคนค้นตน
๑๖.๐๐ น. กล่าวสรุปกิจกรรม วันแรก โดย พระประสิทธิ์ วิสุทฺธิสาโร : วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔
ณ วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
๐๘.๐๐ – ๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน / รับสื่อธรรมะที่ระลึก

๐๙.๐๐ – ๐๙.๓๐ น. ธรรมคีตา

๐๙.๓๐ – ๑๑.๐๐ น. กล่าวแนะนำองค์ปาฐก โดย อาจารย์ทัศนีย์ สุวานิชวงศ์ : บ้านสวนพันดาว เชียงใหม่
ปาฐกถาธรรม : หัวข้อ “๕ ดีนี้ มีในตน” โดย อาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม : ชมรมเพื่อนคุณธรรม

๑๑.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล / ร่วมรับประทานอาหาร
ชมวีดิทัศน์ทามือ โดย พระนิสิต มจร. เชียงใหม่

๑๓.๐๐ – ๑๓.๑๕ น. อ่านบทกวี

๑๓.๓๐ – ๑๕.๐๐ น. กล่าวแนะนำองค์ปาฐก โดย แพทย์หญิงดุลยา ไชยเศรษฐ : ชมรมสารธรรมล้านนา
ปาฐกถาธรรม : หัวข้อ “น สิยา โลกวฑฺฒโน – อย่าเป็นคนรกโลก” โดย พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช : สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม

๑๕.๐๐ น. ปาฐกถาปิดโครงการฯ โดย พระอธิป อธิปญฺโญ : วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)
หน้า: [1]