ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เมืองลับแลเขาวังสะดึง  (อ่าน 4588 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
เมืองลับแลเขาวังสะดึง
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2011, 07:03:52 pm »
0
เมืองลับแลเขาวังสะดึง
ใน พื้นที่ ต. เขาแร้ง อ. เมือง จ. ราชบุรี เดิมที่เขาวังสะดึงด้านทิศตะวันออกจะมีปากถ้ำ ซึ่งในปัจจุบันจะมีหินแผ่นใหญ่ปิดปากถ้ำซ้อนกันอยู่ ไม่สามารถเข้าไปภายในถ้ำได้


ภาพจำลองประกอบบทความ

ขอบคุณภาพประกอบ http://3.bp.blogspot.com/

ณ ถ้ำแห่งนี้มีประวัติเล่ากันต่อ ๆ กันมาว่า เป็นที่พักอาศัยของชาวเมืองลับแล ซึ่งชาวเมืองลับแลจะมีรูปร่างสันทัดคล้ายกับคนไทยโดยทั่วไป การแต่งตัวก็เหมือนกับคนไทยโดยทั่วไป แต่มีภาษาพูดที่แตกต่างจากคนไทย

ภาย ในถ้ำในวันดีคืนดีจะมีเสียงดนตรีไทยประเภทวงปี่พาทย์ดังแผ่ว ๆ มาจากในถ้ำ แต่ไม่สามารถหาแหล่งที่มาของเสียงได้ จากเมืองลับแลนี้ชาวเมืองลับแลจะเป็นกลุ่มคนที่มีความซื่อสัตย์ ขยันทำมาหากิน ซื่อตรง รักเดียวใจเดียว ไม่ลักเล็กขโมยน้อยอยู่กันเป็นกลุ่ม จะพบเห็นคนเมืองลับแลได้ก็ต่อเมื่อเวลาใกล้ค่ำ ชาวลับแลจะออกมาอาบน้ำในสระน้ำด้านหน้าของเขาวังสะดึง เรียกชื่อสระนี้ว่า “สระพัง”  หรือบางครั้งชาวลับแลจะลงมาจากเขามาจับจ่ายชื้อเสบียงอาหารที่บริเวณตลาดนัดเชิงเขาในฤดูน้ำหลาก

ภาย ในถ้ำของชาวเมืองลับแลจะมีข้าวของเครื่องใช้ครบทุกอย่าง โดยเฉพาะพวกถ้วยชาม เครื่องใช้ในครัวเรือน เมื่อชาวไทยในเขตพื้นที่ใกล้เคียงมีงานมงคลต่าง ๆ มักจะมาเอาถ้วยชามภายในถ้ำไปใช้ เมื่อเสร็จงานแล้วก็จะนำกลับมาส่งคืน

จาก ความซื่อสัตย์ของคนเมืองลับแลนี้เองมักจะถูกเอาเปรียบจากคนในพื้นที่ใกล้ เคียงจนมีเรื่องเล่ากันว่า ชาวไทยได้เข้าไปยืมถ้วยชามจากชาวลับแลมาใช้แล้วมักไม่ส่งคืนจนชาวเมืองลับแล เกิดความเบื่อหน่าย การถูกเอารัดเอาเปรียบจึงได้ปิดปากถ้ำไม่ออกมาติดต่อกับคนภายนอกอีกเลย

เรื่องเล่าอีกอย่างหนึ่งก็คือ มี ชายไทยเกิดหลงป่าขึ้นไปบนเขาวังสะดึงแล้วเกิดไปพบกับหญิงสาวชาวเมืองลับแล และต่างก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกันจึงอยู่กินกันฉันสามีภรรยาภายในถ้ำลับแลจน เกิดพยานรักขึ้น 1 คน  โดยสามีจะมีหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรอยู่ภายในถ้ำ อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่สามีเลี้ยงบุตรอยู่นั้นภรรยาก็ออกหาของป่า บุตรเกิดร้องไห้งอแงแล้วสามีมักโกหกว่า "อย่าร้องเดี่ยวแม่มา"  จึงทำให้ภรรยาที่เป็นชาวลับแลจับได้ว่าเป็นคนโกหก ชาวเมืองลับแลจึงขับไล่ออกจากถ้ำ

โดย ภรรยาก็ได้ให้ห่อขมิ้นห่อใหญ่กับสามีนำติดตัวมาด้วย หลังออกจากถ้ำมาแล้วนึกโกรธภรรยาและคนเมืองลับแลประกอบกับความรำคาญในความ หนักของห่อขมิ้นจึงแก้ห่อขมิ้นทิ้งเสีย  นำติดตัวมาเพียงชิ้นเดียว เมื่อกลับถึงบ้านชิ้นขมิ้นกลับกลายเป็นทองคำ

เมื่อ ย้อนหลังกลับไปหาขมิ้นที่ตนทิ้งไปก็หาไม่พบ ในอดีตที่ผ่านมาที่บริเวณเขาวังสะดึง มักจะมีสิ่งลี้ลับหลายอย่างที่ไม่สามารถสืบค้นหาความจริงได้ จนตราบเท่าทุกวันนี้ แต่สิ่งที่ทำให้คนในพื้นที่โดยรอบเขาวังสะดึงเชื่อเรื่องเมืองลับแลก็คือ หลัก ฐานลูกปัดโบราณที่มีอยู่โดยรอบบริเวณเชิงเขาวังสะดึง ยิ่งในช่วงฤดูฝนเกิดการชะล้างของน้ำฝนจะพบเห็นได้ง่าย จะไหลมารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ มักจะมีผู้คนจากต่างจังหวัดที่ทราบข่าวมาขุดดินบริเวณเชิงเขามาร่อนหาลูกปัด กันจำนวนมาก

คน ในพื้นที่รอบเขาวังสะดึงได้อธิฐานไว้ว่าขอให้หาลูกปัดตามพื้นดินให้ได้มาก ๆ พอที่จะจำหน่ายเพื่อปลูกสร้างบ้านได้สักหลังก็ได้สมดังคำอธิฐานมาแล้ว ลักษณะของลูกปัดที่พบเห็นจะมีหลายขนาดด้วยกันโดยมีขนาดเล็กสุดเท่าหัวไม้ขีด จนถึงขนาดใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย มีหลากสีมีรูตรงกลางทุกเม็ด มีความใสคล้ายกับทำจากพลาสติกแต่เมื่อนำมาเผาไฟจะไม่ละลาย ยังคงมีสีและสภาพดังเดิม

จาก ตำนานเรื่องเมืองลับแลจะเห็นได้ว่า คนเมืองลับแลเป็นคนมีนิสัยรักสงบ มีความซื่อสัตย์ ขยันในการทำมาหากิน จึงทำให้เขาเหล่านั้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ควรที่คนทั่วไปน่าจะนำมาเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต



ติดตามอ่านแบบเต็มได้ที่นี่

http://rb-history.blogspot.com/2011/01/blog-post.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 12, 2011, 07:05:57 pm โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา