ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เสนาสนสูตร อันประกอบด้วยองค์ ๕ เพื่อทำให้แจ้ง หลุดพ้นจากกองทุกข์โทษภัยทั้งปวง  (อ่าน 2720 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เสนาสนสูตร
พระพุทธเจ้าตรัส(พระพุทธวจนะ)เรื่องที่อยู่อาศัย(เสนาสนะ)อันประกอบด้วยองค์ ๕ เพื่อทำให้แจ้ง หลุดพ้นจากกองทุกข์โทษภัยทั้งปวง
องค์ ๕ นั้นได้แก่
๑. มีศรัทธา
๒. มีโรคน้อย
๓. ไม่โอ้อวด
๔. ปรารถความเพียร
๕. มีปัญญา
เสนาสนะที่อยู่อาศัยประกอบด้วยองค์ ๕ คือ
๑. ไม่ไกล ไม่ใกล้เกินไป สะดวกด้วยการเดินทางไปมา
๒. กลางวันไม่พลุกพล่าน กลางคืนมีเสียงน้อย
๓. มีสัมผัสน้อยเกี่ยวกับ ยุง เหลือบ ลม แดด สัตว์เลื้อยคลาน
๔. พอจะมีปัจจัย ๔ ได้ไม่ยากนัก
๕. มีภิกษุที่ทรงความรู้อยู่ พอไต่ถามให้ท่านแก้ความสงสัยได้
ภิกษุละองค์ ๕ ประกอบด้วยองค์ ๕ ชื่อว่าอุดมบุรุษในพระธรรมวินัยนี้คือ
๑. ละนิวรณ์ ๕ คือละความพอใจในกาม ละพยาบาท ละความง่วงเหงาหดหู่ ละความฟุ้งซ่านรำคาญ ละความสงสัยลังเล
๒. ประกอบด้วยธรรมขันธ์ ๕ ได้แก่ ศีล, สมาธิ, ปัญญา, วิมุติความหลุดพ้น, และ วิมุติญาณทัสสนะการรู้ด้วยญาณว่าหลุดพ้นแล้ว
ดังได้คัดพระสูตรเต็มไว้ด้านล่างนี้ครับ
[๑๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ เสพอยู่
คบอยู่ซึ่งเสนาสนะอันประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่นานนัก พึงทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ อย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา
คือ เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ
ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก ทรงเป็นสารถี
ฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ๑

เป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคเบาบาง ประกอบด้วยไฟธาตุสำหรับย่อยอาหารสม่ำเสมอ ไม่เย็นจัด ไม่ร้อนจัด เป็นปานกลางควรแก่การบำเพ็ญเพียร ๑

เป็นผู้ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา ทำตนให้เปิดเผยตามความเป็นจริง ในศาสดาหรือในเพื่อนพรหมจรรย์ที่เป็นวิญญู ๑

ปรารภความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม เพื่อยังกุศลธรรมให้ถึงพร้อม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย ๑

เป็นผู้มีปัญญา คือ ประกอบด้วย
ปัญญาที่เห็นความเกิดและความดับ เป็นอริยะ เป็นเครื่องชำแรกกิเลสให้ถึง
ความสิ้นทุกข์โดยชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ประกอบด้วยองค์ ๕อย่างนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เสนาสนะอันประกอบด้วยองค์ ๕ อย่างไร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เสนาสนะในธรรมวินัยนี้

อยู่ไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก สมบูรณ์ด้วยทางไปมา

กลางวันไม่เกลื่อนกล่น กลางคืนเงียบเสียง ปราศจากเสียงอึกทึก

มีเหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสแห่งสัตว์เลื้อยคลานน้อย ๑

จีวร บิณฑบาตเสนาสนะ และเภสัชบริขารอันเป็นปัจจัยแห่งคนไข้ ย่อมเกิดขึ้นโดยไม่ฝืดเคืองแก่ภิกษุผู้อยู่ในเสนาสนะนั้น ๑

ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นพระเถระ เป็นพหูสูต ชำนาญ
คัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา อยู่ในเสนาสนะนั้น ๑
ภิกษุนั้นเข้าไปหาพระเถระเหล่านั้นตามกาลอันสมควร แล้วย่อมสอบถาม ไต่ถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้อนี้เป็นอย่างไร เนื้อความของข้อนี้เป็นอย่างไร ๑

ท่านพระเถระ
เหล่านั้น ย่อมเปิดเผยข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย ย่อมทำให้ง่ายซึ่งข้อที่ยังไม่ได้ทำ
ให้ง่าย ย่อมบรรเทาความสงสัยในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยแก่ภิกษุนั้น ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เสนาสนะอันประกอบด้วยองค์ ๕ อย่างนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ เสพอยู่ คบอยู่ ซึ่งเสนาสนะอันประกอบด้วยองค์ ๕
ไม่นานนัก ก็พึงทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะ
อาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ฯ

จบสูตรที่ ๑

จาก
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
นาถกรณวรรคที่ ๒
เสนาสนสูตร
ขออนุโมทนาการจัดทำพระไตรปิฏกออนไลน์โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) หรือท่านอาจารย์ พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
กัลยาณมิตรสามารถคลิกอ่านเต็มพระสูตรและคลิก > เพื่ออ่านต่อเนื่องได้ที่ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=%E0%CA%B9%D2%CA%B9%CA%D9%B5%C3&book=9&bookZ=33

** กัลยาณมิตรสามารถฟังเสียงอ่าน พุทธวจนะนี้ จากพระไตรปิฏก (มหาจุฬาลงกรณ์) คลิกเลือก นาถกรณวรรค
ขออนุโมทนาการจัดทำเสียงอ่านพุทธวจนะ คำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าจากพระไตรปิฎก โดย พระอาจารย์ประนอม ธัมมาลังกาโรวัดจากแดง บางกะเจ้า ฝั่งตรงข้ามถนนพระราม ๓ ครับ สาธุ http://www.bodhiyalai.org/Bodhiyalai/index.php?option=com_content&view=article&id=62%3A2009-09-14-23-02-53&catid=95%3A2009-03-26-07-22-02&Itemid=139&limitstart=15


*** ฟังธรรมแล้ว เชิญกัลยาณมิตรร่วมปฏิบัติธรรม สู่ความสงบร่มเย็นอย่างยั่งยืนด้วยการเจริญสติ สมาธิปัญญา รู้ลมหายใจ จากหมวดอานาปานบรรพทีพระพุทธเจ้าตรัสสอนด้วยพระองค์เอง ให้เราทำให้มาก เจริญให้มาก
ขออนุโมทนาการจัดทำลิงค์การปฏิบัติอานาปานบรรพ โดยกัลยาณมิตรคุณ จักรเรศ ศิริรังษีครับ ได้ส่งลิงค์กายคสติหมวดลมหายใจเข้าออกมาฝากครับ คลิกลิงค์ เข้าสู่การปฏิบัติ ท่านที่ชำนาญแล้ว มีคำอธิบายเนื้อหาในพระสูตรนี้ อธิบายไว้ในตอนท้ายครับ


**** ออกจากสมาธิแล้ว เชิญกัลยาณมิตรแผ่เมตตา สามารถสวดตามและน้อมจิตเมตตาตามบทแผ่เมตตานี้ ๏ แผ่เมตตาอัปปมัญญา(แผ่เมตตาให้ทุกสรรพชีวิต ไม่เฉพาะเจาะจงเพียงผู้ใดผู้หนึ่ง) ให้เสียงแปลภาษาไทย โดย อาจารย์ เพ็ญศร๊ อินทรทัต
๏ The Metta compassionate mantra
๏ อานิสงส์การแผ่เมตตา ๏
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงตรัสปรารภเมตตาสูตร
อันเมตตา อานิสงส์ จงสดับ สามารถนับ เบ็ดเสร็จ สิบเอ็ดสิ่ง หนึ่งหลับใหล ไกลทุกข์ เป็นสุขจริง สองตื่นยิ่ง สุขสันต์ ทุกวันไป สามเมื่อตอน นอนนั้น ไม่ฝันร้าย สี่หญิงชาย ย่อมสมัคร มารักใคร่ ห้าสรรพะ อมนุษย์ รักสุดใจ หกเทพไท้ ย่อมจัก คอยรักษา เจ็ดป้องกัน อันตราย ได้หลายอย่าง แปดจิตว่าง สงบนิ่ง เร็วจริงหนา เก้าผิวพรรณ ผ่องงาม อร่ามตา สิบรักษา สติคง ไม่หลงตาย สิบเอ็ดครั้ง หลังตาย ย่อมหายโศก พรหมโลก นั้นมี เป็นที่หมาย แผ่เมตตา พาตน พ้นอบาย ท่านทั้งหลาย ควรทำ ประจำเอย..

บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา