ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : จิตในดงความคิด 3  (อ่าน 1253 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สมาธิชาวบ้าน : จิตในดงความคิด 3
« เมื่อ: มีนาคม 13, 2014, 07:18:59 pm »
0


สมาธิชาวบ้าน : จิตในดงความคิด 3

จิตทุกดวงเมื่อดำเนินไปในทางนี้ ก็จะเข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน รู้เรื่องเดิมๆ แต่แตกต่างออกไป รู้ลึกไปถึงระบบกรรมบนโลก

ความทุกข์ที่มันจะเข้ามาทำร้ายเรา มันก็ถูกจิตรู้เท่าทัน ความทุกข์นั้นก็จะหายไป หรือหากไม่หายไป แต่ถ้าเท่าทัน ความทุกข์นั้นก็ทำร้ายเราได้น้อยลง เพราะจิตมันเท่าทันความทุกข์นั้นแล้ว คือจิตไม่ยอมตกอยู่ภายใต้ความทุกข์นั้น หรือแม้กระทั่งความสุขก็เช่นกัน เมื่อจิตเกิดความรู้ ความสุขที่เข้ามาหากจิตเท่าทัน ความสุขนั้นก็ไม่ดึงเราไปติดสุขมากจนเกินไป ไม่ดึงเราไปหลงโลกด้วยอำนาจของความสุขนั้น

เพราะไม่ว่าความทุกข์หรือความสุข พอเราเท่าทันมันแล้ว มันก็จะเห็นเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วดับไป โดยมีจิตของเราเข้าไปรับรู้ จนเกิดความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบ


 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

เมื่อจิตดำเนินไปในลักษณะนี้บ่อยๆ เข้า จิตจะยกตัวเข้าสู่ภูมิที่สูงขึ้นๆ ไปอีก ก็จะเห็นความทั้งความสุข ความทุกข์ ล้วนเกิดจากกรรม ซึ่งมาจากกรรมดี-กรรมชั่วที่เกิดจากการกระทำของเราโดยมีจิตเป็นตัวควบคุม กรรมทั้งสองจะส่งผลในความสุข ความสบาย ความสำเร็จ ส่วนกรรมชั่วก็ส่งผลในทางความทุกข์ ความเดือดร้อน ความลำบาก ความยากจน

แต่กรรมทั้งสองชนิดนี้จะส่งผลต่างกัน และกรรมทั้งสองชนิดนี้เป็นเหตุในการเกิดที่เท่าๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วที่ดวงจิตนี้ยึดติดเป็นอวิชชา ไปหลงยึดมั่นถือมั่นไว้ ต่างก็เป็นเหตุปัจจัยในการเกิดเท่ากัน การเกิดคือผลลัพธ์ของกรรม เหตุปัจจัยมีได้ทั้งสองอย่าง ดังนั้นแล้ว จิตที่เข้าถึงนิพพานเป็นเรื่องที่อยู่เหนือกรรม ไม่มีทั้งกรรมดี กรรมชั่ว ไม่มีการเกิดอีก

แต่การทำกรรมดีไว้เป็นการสร้างเสบียงไว้สำหรับการเกิด เพราะหากไม่สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้ กรรมดีจะส่งผลให้จิตดวงนั้นไปเกิดใหม่ ได้พบแต่สิ่งดีๆ ตามกรรมดีที่ทำไว้





แต่นิพพานโดยแท้จริงแล้ว จิตจะไม่สามารถที่จะยึดติดแม้แต่กรรมดีได้แม้แต่เพียงนิดเดียว เสบียงมีไว้สำหรับผู้ที่เดินทางกลับบ้านคือนิพพาน แต่เมื่อถึงบ้านแล้วถึงนิพพานแล้ว เสบียงที่ขนมาก็ต้องปล่อยทิ้งไป เพราะถ้าไปยึดมั่นถือมั่นในเสบียงก็ต้องเดินทางต่อไป ไม่ถึงบ้านถึงนิพพานสักที

จิตจะต้องพิจารณาจิตตลอด เรียกว่าจิตดูจิต จิตไม่เห็นจิตตัวเองเมื่อไหร่ก็จะหลงไปในทันที เมื่อพ้นอำนาจจากโลกนี้แล้ว จิตก็จะหลุดพ้น


 :25: :25: :25:

ของทั้งหมดบนโลกทั้งสิ่งของกรรมดี-กรรมชั่วก็หมดสิ้นไป กลายเป็นของของโลกไป เรายืมโลกนี้ใช้ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ความตายมาถึงพ้นโลกไปทุกอย่างก็เป็นสมบัติของโลก ถ้าหลงยึดมั่นก็จะทำให้มาเกิดใหม่ วนเวียนอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เกิดในก้อนธาตุใหม่ แต่ดวงจิตเป็นดวงจิตเดิมเป็นละครเรื่องใหม่ไม่มีจบสิ้น ตราบจนจิตนั้นจะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นโรงละครที่เล่นกันไปเรื่อยๆ

จิตวิญญาณไม่เคยดับสูญไปไหน เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ รู้แจ้งเห็นจริงแล้วมีความมุ่งมั่นสู่พระนิพพาน ดำเนินจิตไปในทางที่ถูกต้อง ละวางจากทุกสิ่งทุกอย่าง ก็สามารถที่จะหยุดโรงละครโรงนี้ได้เหมือนกัน ไม่เช่นนั้นละครโรงนี้ก็จะไม่จบ.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/090314/87164
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

what-is-it

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมาธิชาวบ้าน : จิตในดงความคิด 3
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 14, 2014, 06:32:44 pm »
0
พยายามอ่าน แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี คะ

  :49: thk56
บันทึกการเข้า