ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - Akira
หน้า: [1]
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ขอความเข้าใจ เรื่อง ธาตุ เพิมเติม คะ เมื่อ: กันยายน 20, 2015, 07:57:49 am
 ask1

ขอความเข้าใจ เรื่อง ธาตุ เพิมเติม คะ
  คือ เราจะใช้ ธาตุกรรมฐาน แบบไหน คะ

  st12 st12
2  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / ทำไม พระอาจารย์ เปิดเสียงบรรยาย พอจ. กิตติวุฑโฒ บ่อย มากคะ เมื่อ: กันยายน 14, 2015, 10:12:35 am
ทำไม พระอาจารย์ เปิดเสียงบรรยาย พอจ. กิตติวุฑโฒ บ่อย มากคะ
 คือ ส่วนตัว ว่า เสียงพระอาจารย์ ก็มีมากหลายตอน ยังไม่ได้ฟังก็มีมากคะ โดยเฉพาะ ประวัติ หลวงปู่ อยากให้เปิด ซ้ำ บ่อย ๆ เลยคะ ฟัง เพลิน ดีคะ

    หรือ เสียง บรรยาย อานาปานสติ 155 ตอน ของ พระอาจารย์ เดี๋ยวนี้ไม่มีให้ฟัง เลย คะ

   อยากให้พิจารณา พูดบรรยาย วิชากรรมฐาน ตั้งแต่พื้นฐาน จนถึง ห้องอานาปานสิต ในแนวทาง กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ดัวยคะ

   :58: :25: thk56 st12
3  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากให้พระอาจารย์ โพสต์ ข้อความในบอร์ดนี้ บ้างคะ เมื่อ: กันยายน 07, 2015, 12:04:50 pm
 ask1
อยากให้พระอาจารย์ โพสต์ ข้อความในบอร์ดนี้ บ้างคะ
 เนื่องด้วย ช่วงนี้ พระอาจารย์ โพสต์ข้อความ ในห้อง วิชาศิษย์สายตรง มากขึ้น จนทำให้บอร์ดนี้ ไม่มีกระทู้ให้อ่าน เนื่องด้วยห้องศิษย์สายตรง มีหลายท่านไม่สามารถเข้าไปอ่านได้คะ และบางครั้ง ทำงานอยู่ login ไม่ได้ ก็เลยอ่านข้อความห้องพิเศษไม่ได้เช่นกัน แต่ถ้าโพสต์ปกติในห้องนี้ ก็จะสามารถอ่านได้ คะ

   thk56 st11 st12
4  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การสัมปยุตธรรม คือ อะไร คะ เห็นเพื่อน ที่ไปงาน ปริวาส พระอาจารย์ ได้กล่าวไว้ เมื่อ: มกราคม 14, 2015, 03:42:07 pm
 ask1

 การสัมปยุตธรรม คือ อะไร คะ เห็นเพื่อน ที่ไปงาน ปริวาส พระอาจารย์ ได้กล่าวไว้ ในตอนสอนกรรมฐาน เมื่อคืน 13 ม.ค. 58 ไม่ทราบว่า การสัมปยุตธรรม คือ อะไร คะ

  แล้ว มีวิธีการอย่างไร คะ

  :08:
5  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปริศนาธรรมประจำชีวิต เมื่อ: เมษายน 30, 2014, 02:23:54 pm
ปริศนาธรรมประจำชีวิต

สี่คนหาม
สามคนหาย
สองคนตาย
หนึ่งคนกระโดดขี่โลง
สองคนชักธงนำหน้า

สี่คนหาม คือธาตุ ๔ ธำรงไว้
ดินน้ำลม และไฟ ไม่ไกลหนี
เมื่อยังหาม ยังรวมคู่ เราอยู่ดี
เมื่อหยุดหาม เรานี้ มิพ้นตาย

สามคนหาย คือวัยสาม ตามคาถา
ปฐมวัย วัยศึกษา พาห่างหาย
มัชฌิมวัย วัยงานคลุก ทุกข์เจียนตาย
ปัจฉิมวัย เตรียมตัวตาย ไม่ทุกข์นา

สองคนตาย คือความตาย ทายเป็นสอง
หนึ่งนั้นต้อง ตายเพราะหมด อายุหนา
อีกหนึ่งนั้น เพราะหมดบุญ มรณา
เร็วหรือช้า ต้องตาย วายทุกคน

หนึ่งคนที่ กระโดดขี่ โลงทองหนา
พระท่านว่า คือใจ ให้สับสน
โลงคือกาย ใจคือเรา เศร้าสุดทน
เกิดกี่หน ตายกี่ครั้ง โปรดชั่งใจ

สองคนชัก ธงนำ คำพระชี้
คือบาปบุญ มากมี ที่ผลักไส
บุญชักธง นำไปดี ที่สดใส
บาปชักธง นำไป ให้ทุกข์ทน

นี่คือธรรม นำชีวิต พินิจเถิด
จะก่อเกิด บุญกรรมพา อย่าสับสน
เร่งทำดี หนีร้าย ให้ไกลตน
เกิดเป็นคน จงเลือกทำ แต่กรรมดีฯ
6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ประโยชน์ของ สมาธิ ต่อ คุณผู้หญิง เมื่อ: เมษายน 30, 2014, 02:17:25 pm


7  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ กับ สติปัฏฐาน ให้สอดคล้องกัน ทำอย่างไรคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 10:49:40 am
 ask1

ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ กับ สติปัฏฐาน ให้สอดคล้องกัน ทำอย่างไรคะ

  คือ โดยปกติ ฝึก สติปัฏฐาน แบบกำหนดหนอ อยู่คะ พอมากำหนด พุทโธ แล้ว มักจะหลุด กับไปหนอ ๆ อีก คะ ทำอย่างไร ดีคะ ถึงจะกำหนด พุทโธ ได้แบบสอดคล้องกัน

  :25:
8  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าต้องการระลึกชาติ ได้ ฝึกกรรมฐาน ไหน ถึงจะได้ผลไว คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 10:48:00 am
 ask1

ถ้าต้องการระลึกชาติ ได้ ฝึกกรรมฐาน ไหน ถึงจะได้ผลไว คะ

 :25:
9  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / วิธีระงับ กายสังขาร ทำอย่างไร คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2014, 06:34:13 am
 ask1

วิธีระงับ กายสังขาร ทำอย่างไร คะ


 thk56 :88:
10  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าเราภาวนาพุท หายใจเข้า โธ หายใจออก จะมีผลเสียอย่างไรใน กรรมฐาน เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2013, 08:34:43 am
 ask1

ถ้าเราภาวนาพุท หายใจเข้า โธ หายใจออก จะมีผลเสียอย่างไรใน กรรมฐาน

 thk56
11  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / กำหนดการ ปฏิบัติธรรมเดือนสิงหาคม 2556 ณ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2013, 12:13:41 pm


กำหนดการ ปฏิบัติธรรมเดือนสิงหาคม 2556
วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2556 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 9
เวลา 09.00 -11.00 น. ลงทะเบียน รับทานอาหารเช้า ขึ้น-นั่งกรรมฐาน ทานอาหารเพล
เวลา 13.00 -14.00 น. ฟังบรรยายธรรม –ตอบปัญหา
เวลา 14.00 -17.00 น. เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม สวดมนต์เย็น ในพระอุโบสถ

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2556 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 9
เวลา 06.30 - 08.30 น. ทานอาหารเช้า ทำวัตรเช้าในพระอุโบสถ
เวลา 09.30 - 11.00 น. นั่งกรรมฐานเดินจงกรม รับประทานอาหารเพล
เวลา 13.00 – 17.00 น. ฟังธรรมบรรยาย เจริญภาวนา ทำวัตรเย็นในโบสถ


วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 9 (สิงหาราชินี)
เวลา 09.00 - 11.00 น. ทานอาหารเช้า ทำวัตรเช้า นั่งกรรมฐาน และทานอาหารเพล
เวลา 13.00 - 16.00 น. ฟังบรรยายธรรม –ตอบปัญหา ทำวัตรสวดมนต์เย็น
เวลา 16.00 - 20.00 น. ลาศีล - กลับบ้าน
12  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากได้เบอร์ โทร พระอาจารย์สนธยา เพื่อสนทนาปรึกษาธรรม เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2013, 10:36:07 am
อยากได้เบอร์ โทร พระอาจารย์สนธยา เพื่อสนทนาปรึกษาธรรม

 thk56 thk56 thk56
13  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / รู้ได้อย่างไร ว่าเรา มีจริต อย่างไร ในการใช้กรรมฐาน ( เอาแบบเข้าใจ ง่าย ๆ นะคะ) เมื่อ: มิถุนายน 25, 2013, 08:49:45 am
 ask1

รู้ได้อย่างไร ว่าเรา มีจริต อย่างไร ในการใช้กรรมฐาน ( เอาแบบเข้าใจ ง่าย ๆ นะคะ)

 :49:
14  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ดูกร หรือ ดูก่อน อ่านออกเสียงอย่างไรถูกต้อง เมื่อ: มิถุนายน 10, 2013, 09:27:05 am
 ask1

 ดูกร  หรือ ดูก่อน อ่านออกเสียงอย่างไรถูกต้อง

 เรียนท่านบัณฑิตผู้รู้ทุกท่าน ฟังเขาอ่านกันมา บางท่านก็อ่านว่า ดู กะ ระ  บางท่านก็อ่านว่า ดูก่อน

 ที่จริงอ่านแบบไหนถูกต้อง

 และ คำนี้ มีความหมายอย่างไร


  thk56
15  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วันนี้เป็น วันอะไร เอ่ย 1 พ.ค. 56 ( ถามแล้วใครจะรู้บ้าง ) เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2013, 11:19:54 am
วันนี้ที่ บ้าน้ำลาย เพราะว่างงาน จริง ๆ วันนี้เลยมาจ้อ ในเว็บ ซึ่งอาจจะมีแค่ครั้งแดียวในปีนี้

   :s_hi: :s_good: :welcome:
16  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / สุขสมาธิ ทำไม สู้ สุขกามคุณไม่ได้ คะ เมื่อ: มกราคม 24, 2013, 01:55:52 am
 ask1
สุขสมาธิ ทำไม สู้ สุขกามคุณไม่ได้ คะ เห็นผู้ปฏิบัติหลายท่านที่กล่าวว่าได้สุข ทางสมาธิ แต่สุดท้าย ก็หันไปสู่ความสุข ทางกาย มีการราคะ เป็นต้น อย่างนี้

   แสดงว่า สุข สมาธิ นั้น สู่ สุข โลกียะ ไม่ได้ใช่หรือไม่คะ


  :smiley_confused1:
17  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / มรรคมีองค์แปด ย่อลง เหลือหนึ่ง อาณาปานสติ เมื่อ: มกราคม 24, 2013, 01:53:16 am
อริยสัจสี่ คือ ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรง ตรัสรู้
อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะเปลี่ยนสถานะจากนักบวชผู้หนึ่ง
เป็น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เมื่อ ๒๖๐๐ ปีก่อน

อริยสัจสี่  เป็นธรรมะที่เป็นแก่นเป็นแกนของคำสอนทั้งมวญในพระพุทธศาสนา
อริยสัจสี่  คือที่มาของคำสอนทั้งหมดทั้งมวญในพระพุทธศาสนา
หากปราศจากซึ่งคำสอนใน อริยสัจสี่ แล้วศาสนาพุทธก็ไม่มีในโลก
อริยสัจสี่  คือธรรมที่พุทธศาสนิกชนควรเรียนรู้ให้เกิดความเข้าใจ

และถือปฏิบัติตามควรแต่ละบุคคล ที่มีสถานะต่าง ๆ กันไป จึงควรแก่การเรียกตนว่า

พุทธศานิกชนอย่างถูกตรง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    1.) เวลาปฐมยาม ทรงได้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ความรู้เป็นเหตุให้ระลึกชาติได้
    2.) เวลามัชฌิมยาม ทรงได้จุตูปปาตญาณ (ทิพยจักษุญาณ) คือรู้เรื่องเกิด-ตายของสัตว์ทั้งหลายว่า เป็นไปตามกรรมที่ตนกระทำไว้
    3.) เวลาปัจฉิมยาม ทรงได้ อาสวักขยญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะหรือกิเลส หมายถึง ตรัสรู้อริยสัจ4
     
        - อาสวักขยญาณที่ทรงได้  ทำให้ทรงพิจารณาถึงขันธ์ 5 และใช่แห่งความเป็นเหตุที่ เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท
อันเป็นต้นทางให้เขาถึงอริยสัจ 4
      - เมื่อพระองค์ทรงรู้เห็นแล้ว จึงละ อุปาทาน  และ  ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตรัสรู้ซึ่ง ความจริงอันประเสริฐ สี่อย่าง..

ความจริงอันประเสริฐคือ    ทุกข์ 

ความจริงอันประเสริฐคือ    เหตุให้เกิดทุกข์

ความจริงอันประเสริฐคือ    ความดับไม่เหลือของทุกข์

ความจริงอันประเสริฐคือ    ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์


มรรค มีองค์แปด (องค์ประกอบของมรรคมีแปดข้อ)
1. สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นถูกตรง
2. สัมมาสังกัปปะ-ความดำริถูกตรง
3. สัมมาวาจา-มีวาจาถูกตรง
4. สัมมากัมมันตะ-ทำการงานชอบ
5. สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ
6. สัมมาวายามะ-พยายามชอบ
7. สัมมาสติ-มีสติระลึกชอบ และ
8. สัมมาสมาธิ-มีสมาธิชอบ

มรรคมีองค์แปด
ย่อลงเหลือสาม คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
ย่อลงอีกเหลือสอง คือ สมถ วิปัสนา
ย่อลงอีกเหลือหนึ่ง คือ อาณาปานสติ
18  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / จิตปัสสัทธิ กับ จิตสมาธิ เป็นอันเดียวกันหรือไม่ ช่วยอธิบายด้วยคะ เมื่อ: มกราคม 20, 2013, 03:10:49 am
จิตปัสสัทธิ กับ จิตสมาธิ เป็นอันเดียวกันหรือไม่  ช่วยอธิบายด้วยคะ

 thk56
19  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / mr.งังจัง พลัส กระทู้ ผิดระเบียบเว็บ เมื่อ: สิงหาคม 15, 2012, 03:11:02 pm
mr.งังจัง พลัส กระทู้ ผิดระเบียบเว็บ

ซึ่งเคยเป็นข้อห้าม ของผู้ดูแลระบบ คะ

  :s_hi: Aeva Debug: 0.0004 seconds.
20  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / “ดอกส้มสีทอง”แรง โพลล์พบประชาชนชนยังคอยติดตามชม ละครน้ำเน่าจริงหรือไม่ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2011, 02:47:51 pm



“ดอกส้มสีทอง”แรง โพลล์พบประชาชนชนยังคอยติดตามชม เชื่อบุตรหลานไม่มีพฤติกรรมเลียนแบบ เหตุผู้ปกครองคอยเตือน


เมื่อ วันที่ 4 พ.ค. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง สาธารณชนคิดอย่างไรต่อละครโทรทัศน์ “ดอกส้มสีทอง” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยพบว่าในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.5 เคยติดตามชม “ดอกส้มสีทอง” บางช่วงบางตอน ในขณะที่ร้อยละ 26.5 ไม่ได้ติดตามเลย  ที่น่าเป็นห่วงคือ เกินกว่า 1 ใน 5 หรือร้อยละ 21.4 ของผู้ที่ติดตามชม มีเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีและอายุต่ำสุดที่สนใจติดตามร่วมดูด้วยคืออายุ 6 ขวบเท่านั้น

จากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับเด็กอายุ 6 ขวบเหล่านั้นพบว่า เป็นช่วงปิดเทอมจึงนอนดึกและดูละครพร้อมไปกับผู้ปกครอง เด็กบางคนยังบอกว่า “กำลังมันเลย” เมื่อถามว่าตอนไหนที่บอกว่ากำลังมัน น่าตกใจกับคำตอบที่ได้รับคือ “ก็ตอนด่ากัน” ตอน “กอดจูบกัน” ตอน “นางเอกกำลังหาคนมานอนด้วย” เป็นต้น

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ร้อยละ 41.7 คิดว่าการจัดเรตติ้งรายการโทรทัศน์เพื่อเตือนผู้ปกครอง “ป้องกันได้บ้าง”
 
และ ร้อยละ 30.5 ระบุป้องกันไม่ได้เลย เพราะ เด็กอยู่กับผู้ปกครองตลอดขณะดูละคร สภาพบ้านที่พักอาศัยไม่ได้แยกกันนอน ดูทีวีด้วยกัน และมีสื่ออื่นๆ นอกจากทีวีที่เด็กเข้าถึงได้ง่าย เป็นต้น มีเพียงร้อยละ 13.0 ที่บอกป้องกันได้ และร้อยละ 14.8 ไม่แน่ใจ
เมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนต่อบุตรหลานของตนเองในการเลียนแบบพฤติกรรมของตัวละครในเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.9 กังวล ในขณะที่ร้อยละ 40.1 ไม่กังวล เพราะไม่มีบุตรหลาน เพราะคอยตักเตือนแนะนำ และเพราะ ห้ามดูไปเลย

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.3 ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการตรวจสอบเนื้อหา

ใน ขณะที่ร้อยละ 35.7 ระบุปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองดูแลกันเอง โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.2 เห็นว่าให้ตัดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบางตอนออกไป และร้อยละ 6.2 ให้งดการออกอากาศทั้งเรื่อง ในขณะที่ร้อยละ 36.6 ให้ออกอากาสต่อไปตามปกติ
21  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ไม่เข้าใจ กับคำว่า "มีแต่จิตล้วน ๆ " เมื่อ: เมษายน 18, 2011, 07:39:55 pm
ฟังในรายการ RDN คะ แต่ไม่เข้าใจกับคำว่า "มีแต่จิตล้วน ๆ "

เพราะได้ยินมาว่า การภาวนานั้นต้องเข้าถึง นาม และ รูป หรือ ต้องมี รูป และ นาม

แต่การถึง จิต อย่างเดียวนี้ ก็ต้องขาดรูป ไป จะทำให้ วิปัสสนา ทำได้หรือ คะ

 :smiley_confused1:
22  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อาลัย นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เมื่อ: เมษายน 02, 2011, 06:34:52 am

ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net


เสียดายอาลัยคนดีดี

ยอมพลีทำงานเหนื่อยเหน็ด

ไม่เสียดายงานงอกออกเมล็ด

ผลงานเสร็จเห็นเด่นเต็มแผ่นดิน

ไม่เห่อเกียรติยศชื่อเสียง

ขอเพียงอุดมการณ์โผผิน

จิตสาธารณะก้องยลยิน

ท่านคือคนของแผ่นดินแท้จริงเอยฯ

++

เมื่อ เวลาประมาณ 16.30 น. โรงพยาบาลรพ.รามาธิบดี นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์   เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)  ได้เสียชีวิตอย่างสงบด้วยอายุ 55 ปี 10 เดือน

ภาย หลังจากเข้ารักษาอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดที่รพ.รามาธิบดีกว่า 3 สัปดาห์ ในเบื้องต้นญาติจะทำการเคลื่อนย้ายศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดชลประทาน จ.นนทบุรี และขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการประสานกับสำนักพระราชวังเพื่อขอพระราชทานน้ำ หลวงอาบศพ

นพ.สงวน เป็นเลขาธิการสปสช.สมัยที่ 2 เป็นบุคคลที่ทุ่มเทเพื่อการสร้างระบบสุขภาพที่เป็นธรรมอย่างเท่าเทียมเพื่อ ประชาชนทุกคน เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2495 ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี 2520 เริ่มรับราชการที่รพ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ในปี2521 จนกระทั่งปี 2526 เป็นผู้อำนวยการรพ.ราษีไศล และย้ายมาเป็นผู้อำนวยการรพ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมาซึ่งการทำงานทั้งสองแห่งได้บุกเบิกการสร้างสุขภาพชุมชน จนเป็นที่รักของชาวบ้านอย่างมาก และที่รพ.บัวใหญ่ นพ.สงวน ได้รับคัดเลือกเป็นแพทย์ดีเด่นประจำปี 2528 ด้วยผลงานขยายเตียงรองรับผู้ป่วยจาก 30 เตียงเป็น 60 เตียง ในเวลา 3 ปี จัดทีมบริหารให้คล่องตัวมีประสิทธิภาพ วางแผนงานใช้สาธารณสุขมูลฐานเป็นกลยุทธ์แก้ปัญหา ตั้งกองทุนยา กองทุนโภชนาการหมู่บ้านและชุมชน ฯลฯ

ในปี 2538 เป็นผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขในปี2544-2546 ก่อนที่จะมาเป็นเลขาธิการสปสช.ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.  2546     

นพ.สงวน นับเป็นหัวขบวนที่ปฏิรูประบบสุขภาพไทยครั้งใหญ่ ในการสร้างความเป็นธรรมทางด้านสุขภาพให้กับประชาชน เป็นผู้นำในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือที่รู้จักกันว่าโครงการ 30 บาท

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นพ.สงวนนิตยารัมภ์พงศ์ เลขาธิการสปสช.ที่อยากจะทำซึ่งจะมีผู้สานต่อโครงการต่อไป 5 ประการกล่าวคือ 1. จะเร่งรณรงค์ให้ประชาชนในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไม่เป็นโรคตาบอด โดยเฉพาะจะกวาดล้างโรคตาต้อกระจกให้หมดไปจากประเทศไทย ให้ความสำคัญในเรื่องการปลูกถ่ายอวัยะ ซึ่งจะมีกระบวนการดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันยังมีประชาชนรอคิวรับการผ่าตัดอยู่อีกจำนวนหนึ่งก็ตาม ซื่งจะเชื่อมโยงไปถึงคนป่วยที่จะเป็นโรคเบาหวานจะเสี่ยงกับโรคตาบอดด้วย โดยจะมีวิธีจัดการเช่นเดียวกับโรคหัวใจ
 2. กองทุนตำบล ขณะนี้สปสช.ได้ดำเนินการไปจำนวนมากแล้วก็ตามแต่จะให้เกิดความชัดเจนมากยิ่ง ขึ้นโดยเฉพาะอบต.แห่งไหนที่ยังไม่พร้อมที่จะเข้าโครงการในปีที่ผ่านมาปีนี้ มีความพร้อมของอบต.มากขึ้น ซึ่งจะมีการประสานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ทุกแห่งสรรหาอบต.เข้า ร่วมโครงการทั้งประเทศต่อไป เนื่องจากที่ผ่านมา สปสช.ได้ให้ม.นเรศวร จ.พิษณุโลกประเมินโครงการดังกล่าวแล้วควรดำเนินการต่อไปและมีกิจกรรมมากขึ้น
 3. โครงการลดความแออัดในรพ. จะมีการปรับโฉมใหม่ของหน่วยบริการทั่วประเทศและจะเริ่มทยอยเผยรายชื่อหน่วย บริการที่มีความพร้อมซึ่งที่ผ่านมามีรพ.ภูมิพล และเครือข่าย รพ.พระนครศรีอยุธยาและเครือข่าย และนครราชสีมา แพร่ หล่มสัก จ.เพชรบรูณ์ฯลฯ ซึ่งมีทั้งหมด 13 แห่ง โดยให้ประชาชนที่ถือบัตรทองไปใช้หน่วยบริการใกล้บ้านใกล้ใจหรือปฐมภูมิ หรือกล่าวได้ว่าจะไม่มีคนไข้ Walk In อีกต่อไป
 4. โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน หรือ “จิตอาสา” ให้คนไข้ที่ป่วยและหายแล้วให้กำลังใจที่มีจิตใจความเป็นมนุษย์ช่วยเหลือ เพื่อนที่ยังเจ็บป่วยให้หายจากโรคต่าง ๆได้ ที่ผ่านมามีเพื่อนช่วยเพื่อนแล้ว เช่น เครือข่ายโรคมะเร็ง เครือข่ายโรคหัวใจ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น โดยในปีนี้จะมีการขยายโครงการไปยังโรคเรื้อรังอื่นๆอีก
 5. โครงการ “ทำดีได้ดี” เป้าหมายคือสร้างแรงจูงใจให้หน่วยบริการและเครือข่ายจัดบริการที่มีคุณภาพ และมาตรฐานตามที่ สปสช.กำหนดอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ จากงบเหมาจ่ายรายหัว 2,100 บาท/คน/ปี(2551) นั้น ในจำนวนนี้มีการจัดสรรงบคุณภาพบริการไว้ประมาณ 20 บาท/คน/ปี จากจำนวนประชากร 48 ล้านคน(หรือสำนักงบประมาณให้งบเหมาจ่ายรายหัวที่ 46 ล้านคน อีก 2ล้านคน สปสช.จะต้องทำเรื่องของบเพิ่มเติมในแต่ละปี)รวมเป็นเงินในโครงการนี้ประมาณ 929.54 ล้านบาทนั้น จะแบ่งเป็นจัดสรรให้หน่วยบริการปฐมภูมิประมาณ 43.31% ที่เหลืออีก 56.69 % จะจัดสรรให้หน่วยบริการรับส่งต่อดำเนินการ

ขอบคุณสำนักข่าวเนชั่น
http://www.oknation.net/blog/puprasit/2008/01/18/entry-1
23  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การบรรลุธรรมต้องบำเพ็ญสมาธิภาวนา อย่างเดียวใช่หรือไม่ เมื่อ: มีนาคม 30, 2011, 07:50:35 am
สงสัยว่าถ้าเราต้องการบรรลุธรรม ต้องเจริญสมาธิภาวนาอย่างเดียวใช่หรือไม่ ครับ

 :67: :smiley_confused1:
24  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นี่หรือคือชีวิต พ่อเครียดจัดรับภาระลูกออทิสติกไม่ไหว ยิงดับคาเตียง เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 11:37:49 am
พ่อเครียดจัดรับภาระลูกออทิสติกไม่ไหว ลาออกจากงานดูแลคว้า11มม.ยิงดับคาเตียงก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันตูมตายตาม

เมื่อ เวลา 15.30 น. วันที่ 22 มี.ค. พ.ต.ท.ธรรศธรรม นาคมณี พงส.(สบ 3) สน.ศาลาแดง รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย ภายในบ้านเลขที่ 76 หมู่บ้านคราประยูร ซอยทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก 28 แขวง-เขตทวีวัฒนา จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ปารมี สืบสังข์ รอง ผกก.สส. แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต๊กตึ๊งไปที่เกิดเหตุ เป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น บนห้องนอนชั้นสองพบศพ นายปิยะพล หรือระฆัง เพชรอาวุธ อายุ 16 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 11 มม.เข้าที่หน้าอกด้านซ้าย ใกล้กันพบศพ นายรณภพ เพชรอาวุธ อายุ 49 ปี ถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกันที่ขมับด้านขวา 1 นัด ข้างศพพบอาวุธปืนขนาด 11 มม.ตกอยู่ ยังมีกระสุนปืนติดอยู่ในแม็กกาซีนอีก 3 นัดนอกจากนั้นยังพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ 2 ปลอก

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายทั้งคู่เป็นพ่อลูกกัน โดย นายปิยะพล เป็นโรคออทิสติกไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้ นายรณภพซึ่งเป็นพ่อต้องออกจากงานมาดูแลลูก จนเกิดอาการเครียด ก่อนที่จะใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าว จ่อยิงลูก แล้วยิงตนเองตายตามเพื่อหนีปัญหา ซึ่ง พ.ต.ท.ปารมี กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากความเครียดของปัญหาภายในครอบครัว ทั้งนี้ต้องรอสอบปากคำภรรยาผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในอาการช็อกที่ต้องเสียทั้งลูกชายและสามีไปอย่างไม่ ทันตั้งตัว ส่วนศพได้ส่งไปสถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดต่อไป.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=419&contentID=128391
25  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาวบึงกาฬสมหวังฉลองจังหวัด 77 หลังรอคอยมานาน เตรียมเค้าท์ดาวน์เที่ยงคืน เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 11:33:58 am
ชาวบึงกาฬสมหวังฉลองจังหวัด 77 หลังรอคอยมานาน เตรียมเค้าท์ดาวน์เที่ยงคืน

วันนี้ (22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณหน้าที่ทำการ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ว่า ตั้งแต่เวลา 17.00 น. มีประชาชนนับหมื่นหลั่งไหล่กันเข้าไปในบริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอ เพื่อชมงานและเค้าท์ดาวน์รอรับการเป็น "จังหวัดบึงกาฬ" จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ซึ่งทุกคนที่เดินทางเข้าไปในงานต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มาแจ่มใส และในรอบ ๆ บริเวณงานมีเต็นท์โรงทานของทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชนนำอาหารการกินมาคอย บริการฟรีแก่ประชาชนผู้ที่มาร่วมงานได้รับทานกันอย่างอิ่มอร่อย นอกจากอำเภอบึงกาฬซึ่งเป็นชื่อและที่ตั้งตัวจังหวัดได้จัดงานเฉลิมฉลองยังมี อำเภออื่นที่จะขึ้นกับจังหวัดบึงกาฬอีก 7 อำเภอยังได้จัดงานนับถอยหลังรอรับจังหวัดใหม่พร้อมกันด้วย คือ อ.ศรีวิไล อ.พรเจริญ อ.ปากคาด อ.โซ่พิสัย อ.เซกา อ.บึงโขงหลง และอ.บุ่งคล้า
   
ทั้งนี้ในเวลาประมาณ 23.00 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมต.มหาดไทย จะเดินทางมาเป็นประธานเพื่อจุดเทียนชัยถวายพระพรและถวายสัตย์ปฏิญาณหน้าพระ บรมฉายาลักษณ์ จากนั้นจะอ่านประกาศพระราชกิจจานุเบกษาและพิธีเปิดประตูเมืองบึงกาฬจนเลย เวลาประมาณ 01.00 น.วันที่ 23 มี.ค.เป็นเสร็จพิธี โดยตอนรุ่งเช้านายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมต.มหาดไทย จะเป็นประธานร่วมทำบุญตักบาตรอยู่หน้าเทศบาลตำบลบึงกาฬเพื่อเป็นสิริมงคลและ รับขวัญจังหวัดน้องใหม่ที่ 77 ของประเทศไทย
   
โดย นายกาศ ศรีวรสาร อายุ 79 ปี อดีต ผญบ.บ้านบึงกาฬ หมู่ 3 กล่าวว่าดีใจที่อำเภอบึงกาฬได้เป็นจังหวัด ซึ่งพวกตนได้รอคอยมานานกว่า 20 ปี สมัยที่ตนยังเป็น ผญบ.การติดต่อราชการในจังหวัดหนองคายเป็นเรื่องรำบากมาก ทั้งไกลถนนหนทางก็ยังไม่เจริญ การเป็นจังหวัดบึงกาฬจึงทำให้การพัฒนาด้านเศรษฐกิจไปได้ดี แต่เป็นห่วงเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อมที่จะสวนทางกัน จึงอยากฝากผู้ที่จะมาบริหารได้คำนึงในสิ่งเหล่านี้ด้วย.
26  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / หนังสือเกี่ยวกับ หลวงปู่ดู่ เมื่อ: มีนาคม 11, 2011, 07:36:54 am
http://www.prommapanyo.com
ลานสนทนาคนรักหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงปู่ทวด - ศูนย์กลางข้อมูล

download file PDF หนังสือพระผู้จุดประทีปในดวงใจ ได้ที่นี่ครับ

http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?topic=187.0

อ่านรวมคติธรรมหลวงปู่ดู่"ตามรอยธรรม ย้ำรอยครู"ได้ที่
http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?topic=684.0

เล่าเรื่องหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่

http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?board=2.0
27  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ความสันโดษ ต้องอ่านพระสูตรนี้ครับ เมื่อ: มีนาคม 04, 2011, 08:08:11 am
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต

ขัคควิสาณสูตรที่ ๓
             [๒๙๖]    บุคคลวางอาชญาในสัตว์ทั้งปวงแล้ว ไม่เบียดเบียนบรรดา
                          สัตว์เหล่านั้นแม้ผู้ใดผู้หนึ่งให้ลำบาก ไม่พึงปรารถนาบุตร
                          จะพึงปรารถนาสหายแต่ที่ไหน พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือน
                          นอแรด ฉะนั้น ความเยื่อใยย่อมมีแก่บุคคลผู้เกี่ยวข้องกัน
                          ทุกข์นี้ย่อมเกิดขึ้นตามความเยื่อใย บุคคลเล็งเห็นโทษอัน
                          เกิดแต่ความเยื่อใย พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
                          ฉะนั้น บุคคลอนุเคราะห์มิตรสหายเป็นผู้มีจิตปฏิพัทธ์แล้ว
                          ชื่อว่าย่อมยังประโยชน์ให้เสื่อม บุคคลเห็นภัย คือ การยัง
                          ประโยชน์ให้เสื่อมในการเชยชิดนี้ พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือน
                          นอแรด ฉะนั้น บุคคลข้องอยู่แล้ว ด้วยความเยื่อใย
                          ในบุตรและภริยา เหมือนไม้ไผ่กอใหญ่เกี่ยวก่ายกัน ฉะนั้น
                          บุคคลไม่ข้องอยู่เหมือนหน่อไม้ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือน
                          นอแรด ฉะนั้น เนื้อในป่าที่บุคคลไม่ผูกไว้แล้ว ย่อมไป
                          หากินตามความปรารถนา ฉันใด นรชนผู้รู้แจ้ง เพ่งความ
                          ประพฤติตามความพอใจของตน พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียว
                          เหมือนนอแรด ฉะนั้น การปรึกษาในที่อยู่ ที่ยืน ในการไป
                          ในการเที่ยวย่อมมีในท่ามกลางแห่งสหาย บุคคลเพ่งความ
                          ประพฤติตามความพอใจ ที่พวกบุรุษชั่วไม่เพ่งเล็งแล้ว
                          พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น การเล่น
                          การยินดี ย่อมมีในท่ามกลางแห่งสหาย อนึ่ง ความรัก
                          ที่ยิ่งใหญ่ย่อมมีในบุตรทั้งหลาย บุคคลเมื่อเกลียดชังความ
                          พลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก พึงเที่ยวไป
                          ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลย่อมเป็นอยู่ตามสบาย
                          ในทิศทั้งสี่และไม่เดือดร้อน ยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้
                          ครอบงำเสียซึ่งอันตราย ไม่หวาดเสียว พึงเป็นผู้เที่ยวไป
                          ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น แม้บรรพชิตบางพวก
                          ก็สงเคราะห์ได้ยาก อนึ่ง คฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนสงเคราะห์
                          ได้ยาก บุคคลเป็นผู้มีความขวนขวายน้อยในบุตรของผู้อื่น พึง
                          เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น นักปราชญ์ละเหตุ
                          อันเป็นเครื่องปรากฏแห่งคฤหัสถ์ ดุจต้นทองหลางมีใบ
                          ร่วงหล่น ตัดเครื่องผูกแห่งคฤหัสถ์ได้แล้ว พึงเที่ยวไป
                          ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น ถ้าว่าบุคคลพึงได้สหาย
                          ผู้มีปัญญาเครื่องรักษาตน ผู้เที่ยวไปร่วมกันได้ มีปรกติ
                          อยู่ด้วยกรรมดี เป็นนักปราชญ์ไซร้ พึงครอบงำอันตราย
                          ทั้งปวง เป็นผู้มีใจชื่นชม มีสติ เที่ยวไปกับสหายนั้น
                          หากว่าบุคคลไม่พึงได้สหายผู้มีปัญญาเครื่องรักษาตน ผู้เที่ยว
                          ไปร่วมกันได้ มีปรกติอยู่ด้วยกรรมดี เป็นนักปราชญ์ไซร้
                          พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียว ดุจพระราชาทรงละแว่นแคว้นอัน
                          พระองค์ทรงชนะแล้วเสด็จไปแต่ผู้เดียว ดุจช้างชื่อมาตังคะ
                          ละโขลงเที่ยวอยู่ในป่าแต่ผู้เดียว  ฉะนั้น เราย่อมสรรเสริญ
                          สหายผู้ถึงพร้อมด้วยศีลขันธ์เป็นต้น พึงคบสหายผู้ประเสริฐ
                          สุด ผู้เสมอกัน กุลบุตรไม่ได้สหายผู้ประเสริฐสุดและผู้
                          เสมอกันเหล่านี้แล้ว พึงเป็นผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ
                          เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลแลดู
                          กำไลทองทั้งสองอันงามผุดผ่อง ที่บุตรแห่งนายช่างทองให้
                          สำเร็จด้วยดีแล้ว กระทบกันอยู่ในข้อมือ พึงเที่ยวไป
                          ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น การที่เราจะพึงพูดจากับ
                          พระกุมารที่สอง หรือการข้องอยู่ด้วยอำนาจแห่งความเยื่อใย
                          พึงมีได้อย่างนี้ บุคคลเล็งเห็นภัยนี้ในอนาคต พึงเที่ยวไป
                          ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น ก็กามทั้งหลายงามวิจิตร
                          มีรสอร่อย เป็นที่รื่นรมย์ใจ ย่อมย่ำยีจิตด้วยรูปแปลกๆ
                          บุคคลเห็นโทษในกามคุณทั้งหลายแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว
                          เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลเห็นภัย คือ จัญไร ผี
                          อุปัทวะ โรค ลูกศร และความน่ากลัวนี้ ในกามคุณ
                          ทั้งหลายแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น
                          บุคคลพึงครอบงำอันตรายเหล่านี้แม้ทั้งปวง คือ หนาว ร้อน
                          หิว ระหาย ลม แดด เหลือบและสัตว์เสือกคลานแล้ว
                          พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลพึงเป็นผู้
                          เที่ยวไปผู้เดียวเช่นกับนอแรด เปรียบเหมือนช้างใหญ่ผู้เกิด
                          ในตระกูลปทุม มีศีลขันธ์เกิดขึ้นแล้ว ละโขลงอยู่ในป่าตาม
                          อภิรมย์ ฉะนั้น (พระปัจเจกพุทธเจ้าได้กล่าวกึ่งคาถาว่า)
                          บุคคลพึงใคร่ครวญถ้อยคำของพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์พระ-
                          อาทิตย์ว่า การที่บุคคลผู้ยินดีแล้วด้วยการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
                          จะพึงบรรลุวิมุตติอันมีในสมัยนั้น ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
                          (พระกุมารได้กล่าวกึ่งคาถาที่พระปัจเจกพุทธเจ้านามว่าอาทิจจ
                          พันธุกล่าวแล้วให้บริบูรณ์ว่า) พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือน
                          นอแรด ฉะนั้น เราล่วงพ้นทิฐิอันเป็นข้าศึกได้แล้ว  ถึง
                          ความเป็นผู้เที่ยง ได้มรรคแล้ว เป็นผู้มีญาณเกิดขึ้นแล้ว อัน
                          ผู้อื่นไม่พึงแนะนำพึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น
                          บุคคลผู้ไม่โลภ ไม่หลอกลวง ไม่มีความกระหาย ไม่ลบหลู่
                          มีโมหะดุจน้ำฝาดอันกำจัดเสียแล้ว ไม่มีความอยาก ครอบงำ
                          โลกทั้งปวงได้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
                          ฉะนั้น กุลบุตรพึงเว้นสหายผู้ลามกไม่พึงเสพด้วยตนเอง
                          ซึ่งสหายผู้ชี้บอกความฉิบหายมิใช่ประโยชน์ ผู้ตั้งอยู่ในกรรม
                          อันไม่เสมอ ผู้ข้องอยู่ ผู้ประมาท พึงเที่ยวไปผู้เดียว
                          เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลพึงคบมิตรผู้เป็นพหูสูตร
                          ทรงธรรม ผู้ยิ่งด้วยคุณธรรม มีปฏิภาณ บุคคลรู้จักประโยชน์
                          ทั้งหลาย กำจัดความสงสัยได้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว
                          เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลไม่พอใจการเล่น ความยินดี
                          และกามสุขในโลกแล้ว ไม่เพ่งเล็งอยู่ เว้นจากฐานะแห่ง
                          การประดับ มีปรกติกล่าวคำสัตย์ พึงเที่ยวไปผู้เดียว
                          เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลละบุตร ภริยา บิดา
                          มารดา ทรัพย์ ข้าวเปลือก พวกพ้อง และกามซึ่งตั้งอยู่
                          ตามส่วนแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น
                          บัณฑิตทราบว่า ความเกี่ยวข้องในเวลาบริโภคเบญจกามคุณนี้
                          มีสุขน้อย มีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก ดุจหัวฝี ดังนี้แล้ว
                          พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลพึงทำลาย
                          สังโยชน์ทั้งหลายเสีย เหมือนปลาทำลายข่าย เหมือนไฟ
                          ไม่หวนกลับมาสู่ที่ไหม้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือน
                          นอแรด ฉะนั้น บุคคลผู้มีจักษุทอดลงแล้ว ไม่คะนองเท้า มี
                          อินทรีย์อันคุ้มครองแล้ว มีใจอันรักษาแล้ว ผู้อันกิเลสไม่รั่วรด
                          แล้ว และอันไฟ คือกิเลสไม่แผดเผาอยู่ พึงเที่ยวไป
                          ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลละเพศแห่งคฤหัสถ์
                          ดุจต้นทองหลางมีใบร่วงหล่นแล้ว นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออก
                          บวชเป็นบรรพชิต พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
                          ฉะนั้น ภิกษุไม่กระทำความยินดีในรสทั้งหลาย ไม่โลเล
                          ไม่เลี้ยงคนอื่น มีปรกติเที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอก ผู้มี
                          จิตไม่ผูกพันในตระกูล พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
                          ฉะนั้น บุคคลละธรรมเป็นเครื่องกั้นจิต ๕ อย่าง บรรเทา
                          อุปกิเลสทั้งปวงแล้ว ผู้อันทิฐิไม่อาศัย ตัดโทษคือความ
                          เยื่อใยได้แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น
                          บุคคลละสุข ทุกข์ โสมนัสและโทมนัสในกาลก่อนได้
                          ได้อุเบกขาและสมถะอันบริสุทธิ์แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว
                          เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลปรารภความเพียรเพื่อบรรลุ
                          ปรมัตถประโยชน์ มีจิตไม่หดหู่ มีความประพฤติไม่
                          เกียจคร้าน มีความบากบั่นมั่น ถึงพร้อมแล้วด้วยกำลังกาย
                          และกำลังญาณ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น
                          บุคคลไม่ละการหลีกเร้นและฌาน มีปรกติประพฤติธรรม
                          อันสมควรเป็นนิตย์ในธรรมทั้งหลาย พิจารณาเห็นโทษใน
                          ภพทั้งหลาย พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น
                          บุคคลผู้ปรารถนาความสิ้นตัณหา พึงเป็นผู้ไม่ประมาท ไม่
                          เป็นคนบ้าคนใบ้ มีการสดับ มีสติ มีธรรมอันกำหนด
                          รู้แล้ว เป็นผู้เที่ยง มีความเพียร พึงเที่ยวไปผู้เดียว
                          เหมือนนอแรด ฉะนั้น บุคคลไม่สะดุ้งในธรรมมีความ
                          ไม่เที่ยงเป็นต้น เหมือนราชสีห์ไม่สะดุ้งในเสียง ไม่ข้องอยู่
                          ในธรรมมีขันธ์และอายตนะเป็นต้น เหมือนลมไม่ข้องอยู่
                          ในข่าย ไม่ติดอยู่ด้วยความยินดีและความโลภ เหมือน
                          ดอกปทุมไม่ติดอยู่ด้วยน้ำ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด
                          ฉะนั้น บุคคลพึงเสพเสนาสนะอันสงัด เป็นผู้เที่ยวไป
                          ผู้เดียวเช่นกับนอแรด เหมือนราชสีห์มีเขี้ยวเป็นกำลัง ข่มขี่
                          ครอบงำหมู่เนื้อเที่ยวไป ฉะนั้น บุคคลเสพอยู่ซึ่งเมตตา
                          วิมุติ กรุณาวิมุติ มุทิตาวิมุติ และอุเบกขาวิมุติ ในกาล
                          อันควร  ไม่ยินร้ายด้วยโลกทั้งปวง พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือน
                          นอแรด ฉะนั้น บุคคลละราคะ โทสะ และโมหะแล้ว
                          ทำลายสังโยชน์ทั้งหลายแล้ว ไม่สะดุ้งในเวลาสิ้นชีวิต พึง
                          เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น มนุษย์ทั้งหลาย
                          ผู้ไม่สะอาด มีปัญญามุ่งประโยชน์ตน ย่อมคบหาสมาคม
                          เพราะมีเหตุเป็นประโยชน์ ผู้ไม่มีเหตุมาเป็นมิตร หาได้ยาก
                          ในทุกวันนี้ บุคคลพึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น ฯ
จบขัคควิสาณสูตรที่ ๓


             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๖๙๗๑ - ๗๑๐๑. หน้าที่ ๓๐๖ - ๓๑๑. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=6971&Z=7101&pagebreak=0             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=296             
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ http://84000.org/tipitaka/read/?
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๕ http://84000.org/tipitaka/read/?index_25
28  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / รักษาศีล ให้เป็น..เพื่อ ความสันติสุข เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 05:52:27 am
รักษาศีลได้ทุกที่ ไม่จำกัดสถานที่ ไม่จำกัดกาล หากการรักษาศีลจำกัดเฉพาะที่วัดหรือสถานที่ปฏิบัติธรรม ถ้าอย่างนั้น พระที่เดินออกจากวัดไปที่อื่น ไม่ต้องศีลหายหมดหรือ  พอกลับวัดจึงจะมีศีลคืน ใช่หรือไม่?  ดังนั้นศีลไม่ได้อยู่ที่วัด ไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่อยู่ที่จิตผู้รักษา

ชนิดของผู้ที่รักษาศีล
1. คนที่ไม่รู้จักศีลต้องให้พระบอกทีละข้อเพื่อให้รู้จัก  หรือผู้ที่ตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะรักษาต่อหน้าพระ(สมาทานวิรัติ)
2. คนที่รักษาศีลเองเพราะหิริโอตัปปะไม่ต้องสมาทานกับใครรักษาศีลได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา (สัมปัตตวิรัติ)
3. จิตพระอริยเจ้าที่ีมีศีลเป็นปกติ มีศีลโดยไม่ต้องรักษา (สมุจเฉทวิรัติ)


ดังคำสอนของหลวงปู่ชา ผมตัดมาบางท่อนดังนี้ ชนิดของผู้รักษาศีล

-------------------------------------------------------------
เรื่อง การรักษาศีลนี้ บางคนก็บ่นว่า จะให้ทานกันสักทีก็หาพระที่จะไปให้ศีลก็ไม่มี ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร บางทีให้ทานแล้ว ไปหาน้ำที่จะมากรวดอุทิศให้ก็ไม่มี เลยโง่อยู่ตลอดเวลา เลยโง่เรื่องศีล โง่เรื่องทาน โง่จนตาก็บอด หูก็หนวก ขาก็เป๋ทั้งหมด เสียหมดเลย ศีลนี้เป็น "สัมปัตตวิรัติ" อย่างนี้เป็นศีลให้เรารู้จักมัน ที่เราทำกันมาเป็นปีๆ เป็น "สมาทานวิรัติ" ต้องให้พระบอกความจริง คนที่ให้คนอื่นบอกนั้นคือคนไม่รู้จัก ฉันไม่รู้ว่าศีลนั้นน่ะเป็นอย่างไร? พวกดิฉันทั้งหลายนี่ พวกกระผมทั้งหลายนี่จึงได้กล่าวขอขึ้นว่า มะยัง ภันเตติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ...ฯลฯ พวกข้าพเจ้าทั้งหลายนี้ยังไม่รู้จักอันนี้เลยเป็นข้อวัตรของพระภิกษุ เมื่อบวชเข้ามาและจะต้องกระทำต่อๆ ไป ความเป็นจริงนั้นเป็นสัมปัตตวิรัติ งดเว้นด้วยตนเอง เมื่อเรารู้แล้ว เมื่อเรารู้แล้วว่าศีลนั้นมันเป็นอย่างนั้นๆ เมื่อเราต้องการศีลเมื่อไรเราก็มีอยู่แล้ว งดเว้นด้วยตนเองก็ได้ ไม่ต้องมีใครมาบอก นี่คือ สัมปัตตวิรัติ

อย่างเรามาทำกันวันนี้เรียก ว่าเป็น "สมาทานวิรัติ" คือเรายังไม่รู้จัก จึงต้องให้พระบอก บอกขนาดนั้นก็ยังไม่รู้จักนะ ต้อง บอกเป็นภาษามคธด้วยนะก็ยังไม่รู้จักอีก บอกแล้วก็ยังไม่รู้จัก นี่ความเป็นจริงมันเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าเป็น "สมุจเฉทวิรัติ" ไม่ต้องสมาทานกับใครไม่ต้องขอกับใคร เพราะมันเป็นของมันเองแล้ว คือมันเป็นของที่ขาวสะอาดแล้ว ไม่ต้องทำสะอาดอีก จะไปทำสะอาดที่ไหนอีกล่ะ ก็เพราะตรงนั้นมันสะอาดแล้วไม่ต้องไปทำสะอาดอีก คือหมายความว่าจิตของพระอริยบุคคล ศีลของพระอริยเจ้าไม่ต้องไปรับไม่ต้องไปส่ง มันเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องขัดอะไรอีก เพราะมันสะอาดอยู่แล้ว เป็นสมุจเฉทคือตัดไปเลย ขึ้นชื่อว่าการกระทำบาปทั้งหลายทั้งปวงแล้วเราไม่ทำเลยดังนั้นท่านจึงไม่มี เจตนาที่จะไปกระทำบาป เรื่องกระทำบาปเมื่อไรก็ไม่เป็นบาป อย่างเช่นท่านเดินไป บังเอิญไปเหยียบสัตว์ตาย เหยียบปูตาย เหยียบมดตาย อย่างนี้ตัวท่านก็ไม่เป็นบาป เพราะเจตนาที่จะกระทำบาปนั้นไม่มี มันเป็นไปอย่างนี้ อันนั้นเป็นสมุจเฉทวิรัติ ตัดไปเลย ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว รักษาจิตอันเดียวเท่านั้นแหละ ไม่ต้องดูอื่นไกลแล้ว สมมติว่าเกิดมีอะไรขึ้นมาก็มีผู้รับผู้รู้ ใครเป็นคนที่รับรู้? คนที่เป็นผู้รับรู้นั้นเราเรียกว่า "จิต" ของเรา

หลวงพ่อชา

อ่านคำสอนฉบับเต็มสำหรับเรื่องนี้ของหลวงพ่อชาได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_cha/lp-cha_50.htm

---------------------------------------------------------
เพิ่มเติมความหมายของ วิรัติ
วิรัติ แปลว่า เจตนาเครื่องงดเว้น ผู้งดเว้นจากข้อห้ามในสิกขาบท ๕ ประการ นั้นได้ ชื่อว่า ผู้มีศีล หมายถึง ผู้มีกายวาจาสะอาดปราศจากโทษ กิริยาคืออาการละเว้นที่เรียกว่า วิรัตินั้นมี ๓ ประการคือ

๑. สัมปัตตวิรัติ

๒. สมาทานวิรัติ

๓. สมุจเฉทวิรัติ

อ่านต่อที่นี่
http://www.jariyatam.com/beginner/discipline/521-2009-10-08-08-01-27

--------------------------------------------------------
อนุโมทนาสาธุกับเจ้าของกระทู้ที่มีเจตนารักษาศีลครับ

จากคุณ    : temjung99
หน้า: [1]