ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อันตัวพ่อ ชื่อว่า 'พระยาตาก' ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา  (อ่าน 16901 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ตามรอยพระยุคลบาท ‘พระเจ้าตากสินมหาราช’
เรื่อง-ภาพ... นพพร สาหร่ายรักษ์

     “พระศรีสรรเพชร สมเด็จบรมธรรมิกราชรามาธิบดี บรมจักรพรรดิศร บวรราชาบดินทร์ หริหรินทร์ธาดาธิบดี ศรีสุวิบูลย์ คุณจิตร ฤทธิราเมศวร บรมธรรมิกราชเดโชชัย พรหมเทพาดิเทพ ตรีภูวนาธิเบศร์ โลกเชษฏวิสุทธฺิ์ มกุฏประเทศคตา มหาพุทธังกูร บรมนาถบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว ณ กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดีศรีอยุธยา มหาดิลกนพรัฐ ราชธานีบุรีรมย์ อุดมพระราชนิเวศมหาสถาน”
     พระนามเต็มของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จอมทัพผู้กอบกู้แผ่นดินโดยมีพระราชทรัพย์อันน้อยนิด เผชิญศึกหนักที่สุด แต่ในทางกลับกันก็สามารถสร้างราชอาณาจักรสยามได้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดเช่นกัน ยังทรงทำทุกอย่างเพื่อรักษาและส่งต่อผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่คู่กับลูกหลานไทยมาจวบจนถึงปัจจุบันนี้

 

     เราได้มีโอกาสตามรอยพระยุคลบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่จัดโดยมูลนิธิธรรมดี จึงมีสถานที่ให้เล่าขานสืบต่อถึงประวัติศาสตร์อันทรงค่ามากมายต่อคนรุ่นหลัง อย่างองค์พระปรางค์สูงเด่นสง่าเห็นแต่ไกลที่วัดอรุณราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง พระอารามหลวงชั้นเอก เมื่อครั้งตีกรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่าได้แล้ว ทรงเห็นว่าเมืองเดิมนั้นชำรุดทรุดโทรมเกินกว่าจะซ่อมแซมเยียวยาได้ พระเจ้าตากสินจึงทรงล่องเรือแสวงหาชัยภูมิสร้างเมืองใหม่

     ก็ได้มาพบวัดแห่งหนึ่ง จึงได้ขนานนามวัดนั้นว่า วัดแจ้ง ซึ่งแต่เดิมชื่อ วัดมะกอก และได้เปลี่ยนชื่อวัดในสมัยรัชกาลที่ 2 ว่า วัดอรุณราชธาราม เปลี่ยนอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 4 ว่า วัดอรุณราชวราราม ชื่อทั้งหมดมีความหมายว่า สว่างถือเป็นบูรพนิมิตในการสร้างเมืองใหม่ ในชื่อเต็มว่า กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร สถาปนาวัดอรุณราชวรารามให้เป็นวัดเสมือนหนึ่งในพระราชวังไม่มีพระจำพรรษา เพราะใช้เป็นสถานที่ประกอบราชพิธีในสมัยนั้นโดยเฉพาะ



     ใกล้กันบริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ในเขตพื้นที่ของกองบัญชาการกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ ด้านหน้าทางเข้ามีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งสง่าพร้อมให้ผู้คนกราบไหว้ พันจ่าเอกโรจน์ เล่าว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้งราชธานีใหม่ยังกรุงธนบุรี ทรงสร้างพระราชวังในบริเวณที่แห่งนี้ ปัจจุบันเรียกว่า พระราชวังเดิม

     เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญใช้สังเกตการณ์ได้ในระยะไกลและมีเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกต่อการเดินทัพด้วย ถัดมาเป็นเก๋งคู่หลังเล็กกับเก๋งคู่หลังใหญ่ สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นที่เก็บศาสตราอาวุธโบราณมากมาย ส่วนเก๋งคู่หลังใหญ่ ที่จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้าน สังคม เศรษฐกิจ ศาสนา ศิลปกรรมต่างๆ



     ไม่ไกลกันมากนักที่วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นโท รองมาจากวัดอรุณราชวรมหาวิหาร พระมหาอภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร เล่าถึงประวัติความเป็นมาว่า วัดสร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาต้นรัตนโกสินทร์ แต่เดิมชื่อว่า วัดท้ายตลาด เนื่องจากอยู่ติดกับตลาดเมืองธนบุรี มีสถานที่สำคัญคือ “ฉางเกลือ” (ทีเ่ก็บเกลือ) ที่ถูกสันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อคราที่เสด็จฯ ออกรบจะขนเกลือไปด้วย เพราะในสมัยนั้นไม่มีน้ำปลา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็เอาเกลือไปด้วย ส่วนปลาไปหาเอาข้างหน้า “อาตมาก็เกิดไม่ทันเหมือนกับโยมทั้งหลายนั่นแหละ” เจ้าอาวาสว่าด้วยอารมณ์ขัน

     ปัจจุบันใช้เป็นวิหารกั้นเป็นสองตอน ตอนหน้าหันออกฝั่งคลองบางกอกใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิน้อยใหญ่เป็นหมู่บนฐานชุกชี ส่วนตอนหลังเป็นพื้นที่ค่อนข้างแคบประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างพระปรเมศ หรือพระทันใจ



     ยังคงตามรอยของเส้นทางที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันทรงค่ามาจนถึง วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ตามรอยพบแน่ๆ และก็จะพบในสถานที่แห่งนี้แน่นอน เสียงจาก ท่านเจ้าคุณพระศรีศาสนวงศ์ เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร "พระองค์เวลาจะทำบุญ ขออภัยพูดผสมผสานภาษาชาวบ้าน เวลาจะบวชลูกหลาน จะมาทำที่วัดหงส์รัตนารามเป็นส่วนมาก

     และในขณะเดียวกันก็จะทรงมีความเชื่อมั่นศรัทธาในบทสวนมนต์ที่เรียกว่า พระปริตร จะเจริญภาวนาในพระอุโบสถแห่งนี้ เล่าสืบต่อกันมาว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้น ทรงศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ในวันที่ 28 ธันวาคม ที่ทรงปราบดาภิเษกพระองค์ขึ้นเป็นบรมกษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรนั้น มีพระราชปณิธานอย่างแรงกล้าที่ทั้งสนับสนุนส่งเสริม ยืนหยัดพระพุทธศาสนา ในบทที่ว่า

     อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก          ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
     ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา       แด่ศาสนา สมณะ พุทธโคดม
     ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี             สมณะพราหมฌ์ ชีปฏิบัติ ให้พอสม
     เจริญสมถะ วิปัสสนา พ่อชื่นชม       ถวายบังคม แทบบาท พระศาสดา
     คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า             ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา
     พระพุทธศาสน์ อยู่ยง คู่องค์กษัตรา   พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน



     แผ่นดินเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ตีคืนได้จากพม่า พระองค์ถวายแผ่นดินแด่พระพุทธเจ้าเป็นพุทธบูชา แผ่นดินนี้จึงเป็นแผ่นดินพุทธมีความสงบร่มเย็น อุโบสถแห่งนี้ยังเป็นที่ฝึกไพร่พล อบรมคุณธรรม ทหารต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจจึงจะมีความกล้าหาญไม่กลัวอริราชศัตรู จึงให้แม่ทัพนายกองทั้งหลายนั่งสมาธิ
     พระองค์เองก็จะนั่งใจโบสถ์สวดมนต์เจริญภาวนา เพราะมีความเชื่อมั่นว่า คนเราจะเคลื่อนย้ายขึ้นอยู่กับจักรราศี 12 ราศี พระองค์จึงทรงสร้างเสาใหญ่ในอุโบสถ 12 เสา โดยแบ่งตามราศี ในแต่ละเสายังมีปริศนาธรรมซ่อนไว้แต่โบราณ มีขนาดใหญ่สามคนโอบ ซึ่งโบราณถือว่า "คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนถึงจะสบาย"
 
     สถานที่ดังกล่าวเป็นเพียงแค่ไม่กี่แห่งซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้กอบกู้ผืนแผ่นดินไทยให้ยังคงอยู่สืบไป


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150305/202385.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 09, 2015, 10:04:03 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

Hero

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 557
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สมัย พระเจ้า ตาก พระ เลว ไม่ ดี ถูก จับสึก มากมาย แต่นั่นก็เหตุ ให้ คนว่า ท่านวิปริต

 น่าสงสาร พ่อหลวง เหลือเกิน สมัยนี้ พระ วัตถุนิยม มากมาย พระดี ๆ ไม่อยู่ วัดแล้ว หนีเข้าป่า เก็บ ตัวเงียบ พระที่ออกมาแจ๋น ๆ ตอนนี้ ล้วนแล้ว พวกวัตถุนิยม ทั้งนั้น หาปฏิบัติดีไม่ได้ เลย

 กรรม กรรม กรรม

   >:( :08: :08: :08:
บันทึกการเข้า
ทำไมต้องมีอินทรีแดง เพราะสังคมเราบางครั้งก็ตาบอด
ปล่อยให้คนดี เดือดร้อน ดังนั้นจึงต้องมีผู้ปกป้องคนดี
hero ไม่ได้มีแต่ในหนังเท่านั้น นะครับ