ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การปฏิบัติธรรมเพื่อออกจากสังสารวัฏ (อัปเดต ๒๐ กรกฏาคม ๒๕๕๘)  (อ่าน 4935 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ดนัย

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 179
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
                         


   เนื่องด้วยการปฏิบัติธรรมในสมัยนี้มีอุปสรรคมากมายหลายประการ เป็นเครื่องบั่นทอน ศรัทธาและวิริยะ ต่อผู้ปฏิบัตธรรม ทั้งผู้ปรารถนา พุทธภูมิ และสาวกภูมิ ผมจึงลองค้นคว้าในพระไตรปิฎกพบว่า แม้ในครั้งพุทธกาล พระสงฆ์สาวกก็มิได้ไร้อุปสรรคเสียทีเดียว หลาย ๆ กรณีก็ไม่ต่างจากที่เราพบในปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างกำลังใจในการปฏิบัติธรรม

ผมขอเชิญชวน

   ท่านสหธรรมิก แสดงมุทิตาจิตแด่พระสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้งพุทธกาล โดยการโพสข้อความจากพระไตรปิฎก ที่แสดงถึง ศรัทธาและวิริยะ ของบรรดาพระอริยะสงฆ์เจ้า ที่ท่านฟันฝ่าอุปสรรคนานา ๆ ประการ เพื่อออกจากสังสารวัฏ

ข้อความที่โพสนั้นอาจมีลักษณะดังนี้

๑.   พระสงฆ์สาวกกำลังบำเพ็ญเพียร เพื่อการบรรลุมรรคผล ในระหว่างนั้นท่านประสบกับ ปัญหา อุปสรรค ตกระกำลำบาก ท้อแท้ใจ กลัดกลุ้มใจ เป็นต้น แต่ท่านสามารถรักษา ศรัทธาและวิริยะต่อไปเพื่อมรรค ผล นิพพาน

๒.   พระสงฆ์สาวกบรรลุมรรคผลแล้ว กำลังเผยแผ่พระพุทธศาสนา แม้ว่าท่านบรรลุมรรคผลแล้ว บรรลุคุณธรรมอันประเสริฐแล้ว ก็ไม่พ้นจากการถูกนินทา ติเตียน กลั่นแกล้ง อาฆาตมาดร้ายจากผู้อื่น เป็นต้น แต่ท่านก็ไม่ละความพยายามในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

๓.   ข้อความอื่นๆ ที่แสดงถึง ศรัทธาและวิริยะ ของพระสงฆ์สาวก


ขอบคุณภาพประกอบจาก: http://www.dhammajak.net/



   "สหธรรมิกท่านใดปรารถนา พุทธภูมิ เสียสละเวลาที่จะอยู่กับกามคุณ ๕ ค้นคว้าธรรมะในพระไตรปิฎก มาลงในกระทู้นี้หรือกระทู้อื่นก็ตาม หรือแม้แต่เสียสละเวลามาอ่านกระทู้นี้หรือกระทู้อื่นก็ตาม ขอกุศลที่ทำไว้นี้ส่งผลให้บารมี ๑๐ มีเนกขัมมบารมี เป็นต้น เต็มโดยเร็วไว"

   "สหธรรมิกท่านใดปรารถนา สาวกภูมิ เสียสละเวลาที่จะอยู่กับกามคุณ ๕ ค้นคว้าธรรมะในพระไตรปิฎก มาลงในกระทู้นี้หรือกระทู้อื่นก็ตาม หรือแม้แต่เสียสละเวลามาอ่านกระทู้นี้หรือกระทู้อื่นก็ตาม ขอกุศลที่ทำไว้นี้ ทำให้อุปสรรคในการปฏิบัติธรรมเบาบางลง บรรเทาลง ส่งผลให้เข้าถึงธรรม มีพระโสดาบัน เป็นต้น โดยเร็วไว"


 st11 st12 st12

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 21, 2015, 12:23:22 am โดย danai_siriangkawoot »
บันทึกการเข้า
"พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน"

ดนัย

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 179
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
               


พระราหุลเถระเจ้า: ภิกษุสาวกผู้เลิศด้านใคร่ศึกษา


ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของพระราหุลเถระเจ้า ก่อนที่ท่านจะบรรลุพระอรหันต์ผล


สามเณรราหุลนอนใน วัจกุฎี (ห้องสุขา)

   สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เมืองอาฬวี พวกอุบาสกเข้ามาสู่อารามเพื่อฟังธรรมจากภิกษุธรรมกถึก ฟังจบแล้วเห็นว่ามืดค่ำแล้ว จึงนอนร่วมกับภิกษุใหม่ในศาลาฟังธรรมนั้น

   ตกดึก พวกภิกษุบวชใหม่นอนละเมอ ไม่มีสติ ไม่รู้สึกตัว จีวรหลุดบ้าง นอนกรนบ้าง พวกอุบาสกที่นอนร่วมกับภิกษุบวชใหม่ เห็นแล้วเพ่งโทษติเตียน

   วันรุ่งขึ้น ภิกษุทั้งหลายได้ยินแล้วกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ ทรงสอบถามแล้วทรงติเตียน ทรงมีพระบัญญัติห้ามภิกษุนอนร่วมกับอนุสัมปัน (ผู้ที่มิได้เป็นภิกษุได้แก่ สามเณร สามเณรี และคฤหัสถ์ทั่วไป เป็นต้น) ภิกษุใดนอนเป็นอาบัติปาจิตตีย์

   กาลต่อมา พระพุทธเจ้าเสด็จออกจากเมืองอาฬวีไปพระนครโกสัมพี ประทับอยู่ ณ พทริการาม สามเณรราหุลก็ตามเสด็จไปด้วย ถึงเวลาจะนอนพวกภิกษุได้กล่าวกับสามเณรราหุลว่า... “อาวุโสราหุล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ว่า ภิกษุไม่พึงสำเร็จการนอนร่วมกับอนุปสัมบัน ท่านจงรู้สถานที่ ๆ ควรนอนเถิด”

   คืนนั้น สามเณรราหุลหาที่นอนไม่ได้ จึงไปนอนในวัจกุฏิ (ห้องสุขา) ถึงใกล้รุ่ง พระพุทธเจ้าทรงตื่นบรรทมแล้วเสด็จไปวัจกุฏิ ทรงกระแอมขึ้น สามเณรก็กระแอมรับ

   ตรัสถามว่า “ใครอยู่ในนั้น?” ทูลว่า “ข้าพระเจ้าราหุล พระเจ้าข้า”

   ตรัสถามว่า “ทำไมเธอมานอนในที่นี้?” สามเณรจึงกราบทูลเรื่องให้ทรงทราบ


   ต่อมา พระพุทธเจ้าทรงปรารภถึงเรื่องนี้ แล้วตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า ...

  “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุนอนรวมที่เดียวกันกับอนุสัมปันได้ ๒-๓ คืน” (เกินกว่านั้นเป็นอาบัติปาจิตตีย์) คือ ทรงผ่อนให้เบาเพื่อสงเคราะห์พวกสามเณร

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๕.ปาจิตติยกัณฑ์]
๑.มุสาวาทวรรค ๕.สหเสยยสิกขาบท พระบัญญัติ


ถ้าเราต้องนอนในห้องน้ำ ห้องส้วม ที่บ้านหรือที่วัด เราจะรู้สึกอย่างไร?

  แต่เนื่องด้วย สามเณราหุล มีความเคารพในสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้ ความเคารพในพระพุทธเจ้า และเพราะท่านเป็นผู้ใคร่ในการศึกษา ท่านจึงไม่ได้โต้แย้งอะไร ได้หลบเข้าไปนอนในวัจกุฏิ




ขอบคุณภาพประกอบจาก : http://www.phutthathum.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 21, 2015, 12:20:44 am โดย danai_siriangkawoot »
บันทึกการเข้า
"พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน"

SRIYA

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 199
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
อยากให้ทุกชีวิต มีความอบอุ่น

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

    ขออนุโมทนาสาธุ ...ดี..ดี  ..ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ดนัย

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 179
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
                               

                                   



พระราธเถระ: ภิกษุสาวกผู้เลิศด้านมีปฏิภาณ


ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของพระราธเถระ ก่อนที่ท่านจะบรรลุพระอรหันต์ผล


 
ราธพราหมณ์อยากบวช แต่ไม่มีใครยอมบวชให้
พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดจึงได้บวช



       ก็โดยสมัยนั้นแล ราธพราหมณ์เข้าไปหาภิกษุทั้งหลาย แล้วขอบรรพชา ภิกษุทั้งหลายไม่ปรารถนาจะให้เธอบรรพชา เมื่อเธอไม่ได้บรรพชาในสำนักภิกษุ จึงได้ซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองๆ ขึ้น มีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยเอ็น

    พระผู้มีพระภาคทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์นั้นซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยเอ็น ครั้นแล้วรับสั่งถามภิกษุทั้งหลายว่า

     "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุไฉนพราหมณ์นั้นจึงได้ซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยเอ็นเล่า?"


     ภิกษุทั้งหลายทูลว่า
     "เพราะพราหมณ์นั่นเข้าไปหาภิกษุทั้งหลาย แล้วขอบรรพชา ภิกษุทั้งหลายไม่ปรารถนาจะให้เธอบรรพชา เมื่อเธอไม่ได้บรรพชาในสำนักภิกษุ จึงได้ซูบผอมเศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยเอ็น พระพุทธเจ้าข้า"

     ทีนั้น  พระผู้มีพระภาครับสั่งถามภิกษุทั้งหลายว่า
     "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ใครระลึกถึงบุญคุณของพราหมณ์นั้นได้บ้าง? "


     เมื่อตรัสถามอย่างนี้แล้ว
     ท่านพระสารีบุตรได้ทูลคำนี้ต่อพระผู้มีพระภาคว่า "ข้าพระพุทธเจ้าระลึกถึงบุญคุณของพราหมณ์นั้นได้อยู่ พระพุทธเจ้าข้า"

        ภ. ดูกรสารีบุตร ก็เธอระลึกถึงบุญคุณของพราหมณ์นั้นได้อย่างไรบ้าง?

        สา. พระพุทธเจ้าข้า เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเที่ยวบิณฑบาตอยู่ ณ พระนครราชคฤห์นี้ พราหมณ์ผู้นั้นได้สั่งให้ถวายภิกษา ๑ ทัพพี ข้าพระพุทธเจ้าระลึกถึงบุญคุณของพราหมณ์นั้นได้ เท่านี้แล พระพุทธเจ้าข้า

        ภ. ดีละๆ สารีบุตร ความจริงสัตบุรุษทั้งหลาย เป็นผู้กตัญญูกตเวที สารีบุตร ถ้าเช่นนั้น เธอจงให้พราหมณ์นั้นบรรพชาอุปสมบทเถิด

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔
มหาวรรค ภาค ๑


ขอบคุณภาพประกอบจาก : http://www.dhammavariety.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 23, 2015, 01:41:06 am โดย danai_siriangkawoot »
บันทึกการเข้า
"พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน"

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

      ขออนุโมทนาสาธุ ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


เมื่อต้องการออกจากสังสารวัฏฏ์ ... วิบากกรรมเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 st11 st12 gd1 like1
             สาธุ สาธุ ....การยอมรับความจริงเป็นเรื่องที่ดีครับ

                 สำหรับเรื่องการทะยอยรับ....กรรม   เพื่อเวรกรรมจะได้เบาบางลง

                 และสร้างบารมีให้สูงขึ้น

            เรื่องกรรมนั้น เป็นเรื่องที่ติดมาจากอดีตชาติก็มี ที่ยังสร้างอยู่ ตามปัจจุบันก็มี

                  อนุโมทนาสาธุติครับท่านศิษย์พี่ ธวัชชัย

           บทความแค่บรรทัดเดียว  บางทีก็โดนจิต ทำให้ลมหายใจสลัดทิ้งได้ เป็นคู่ยาวได้เหมือนกัน

                     สาธุ สาธุ   ดี ดี ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา