ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รักษาศีล จะมีบารมีอะไร ! (บ้าง)  (อ่าน 3358 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
รักษาศีล จะมีบารมีอะไร ! (บ้าง)
« เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2016, 09:46:59 pm »
0
 ask1

การสมาทานรักษาศีล
เป็น การสร้าง บารมี อะไรบ้าง ในบารมี 10 ทัศ ?
บารมีไหน อย่างไร !

 :smiley_confused1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 04, 2016, 10:19:08 pm โดย ปัญญสโก ภิกขุ »
บันทึกการเข้า

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: รักษาศีล จะมีบารมีอะไร ! (บ้าง)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2016, 07:11:38 pm »
0
ก็เป็นศีลบารมีไงค่ะหลวงพี่.. :25: st12
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: รักษาศีล จะมีบารมีอะไร ! (บ้าง)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2016, 12:30:39 am »
0


ผมขอตอบกระทู้สนทนาธรรมด้วยความเห็นของปุถุชนผู้รู้น้อยนะครับ คำตอบก็ยังเป็นแบบปุถุชนที่พึงจะคิดเห็นได้เท่านั้น อาจไม่ถูกต้องและตรงตามจริงเหมือนคำตอบของพระคุณเจ้าที่ได้รู้แล้วดังนี้ครับ



ไม่ว่าจะสามาทานเอาบารมีข้อใด บารมีในขั้นต้นย่อมสำเร็จประโยชน์ในฐานทั้ง 10 ทัศ ยกตัวอย่างสมาทานศีลย่อมได้บารมีเบื้องต้นดังนี้

ทาน
(ว่าด้วยอภัยทาน มีใจปารถนาในอิสระสุขของผู้อื่น หวังให้ผู้อื่นมีอิสระสุข พ้นจากความเดือนร้อน เร่าร้อน โดยที่ตัวเรามีความอดโทษเว้นจากความเกลียด ความดกรธ ความชัง ความแค้น ความประทุษร้ายต่อผู้อื่น เว้นจากเวร เว้นจากพยาบาท)

ศีล
(กายวาจาบริสุทธิ์)

เนกขัมมะ
(เนกขัมมะไม่ใช่แค่ออกบวช หรือเว้นจากกาม เมถุน แต่เป็นการถือพรหมจรรย์ คือ มีศีลบริสุทธิ์ เพื่อออกจากทุกข์เว้นจากเบียดเบียน)

ปัญญาบารมี
(ความมีไหวพริบ หลักแหลม พลิกแพลงฉลาดในการแก้ไขปัญหาทั้งปวงในทางโลกซึ่งทางแก้ไขนั้นเป็นไปเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลเว้นจากความเบียดเบียนต่อผู้อื่น ไปจนเข้าถึงญาณ นิพพิทา วิราตะ ความตัดขาดสิ้นสะบั้นความหลงทั้งปวงเข้าถึงวิมุตติธรรม)

วิริยะ
(ทำความเพียรในการอบรมใจตนให้ตั้งมั่นในศีล มีใจตั้งมั่นกล้าที่จะละการกระทำที่เบียดเบียนผู้อื่นแล้วเสพย์ในธรรมเครื่องละเว้นจากความเบียดเบียนเหล่านั้น)

ขันติ
(มีความอดทน ทนได้ ทนไว้ มีจิตรู้ว่าควรละควรปล่อยวางในสิ่งที่ทำให้ศีลเสื่อม มีความกล้าที่จะตัดความเร่าร้อนอันเป็นเหตุให้ทำลายศีลในตนทิ้งไปเสียจงได้)

สัจจะ
(ความจริง สัจจะนี้อาศัย กาย วาจาที่ดำรงมั่น สัจจะเมื่อสมาทานหมายถึงบอกกล่าวว่าจนจะประพฤติในสิ่งนั้น ก็ต้องทำตามคำพูดนั้นๆให้ได้โดยบริบูรณ์ สัจจะความจริงอีกประการคือ สัมมาวาจา เป็นศีล)

อธิษฐาน
(ความตั้งมั่นทำ ความทำใจไว้ดำรงมั่นในสิ่งที่ทำ เมื่อสมาทานศีลก็เท่ากับดำรงใจมั่นที่จะมีศ๊ล มีใจบริสุทธิ์ที่จะเจริญในศีลให้สำเร็จ)

เมตตา
(ความมีจิตใจดี เผื่อแผ่ผู้อื่น ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไม่มีใจคิดมุ่งร้ายผู้อื่น ความมีใจสะอาด)

อุเบกขา
(ความมีใจไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งที่มากระทบใจตนอันเป็นเหตุให้ศีลเสื่อม ถึงความปล่อยวางจากธรรมทั้งปวง)



จนเมื่อสะสมไปเรื่อยๆมากขึ้นๆ ก็จะเกิดการสะสมที่เด่นชัดออกมาในบารมีนั้นๆที่ตนถือครองอยู่

บทความที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ล้วนด้วยความเคารพ รัก เลื่อมใส ศรัทธาต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ดังที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่เป้นพระอรหันต์ พระอริยะสงฆ์บอกกล่าวไว้ว่า พระองค์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์มาจุติเพื่อสร้างบารมีที่จะสำเร็จเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภายหน้า..

- ตัวอย่างไม่ต้องนึกไกลดูอย่างพ่อหลวงของไทยนี้เอง พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์มาจุติ ในกาลก่อนนับอสงไขยที่ทรงสะสมพระบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกัปป์ต่อไป พระองค์ก็ทรงเริ่มจากสะสมบารมีขั้นต้นมาเรื่อยจนมากเต็มพอก็ทรงทำบารมีที่เด่นชัดในแต่ละชาติสืบมา ต่อมาเมื่อทรงประสูติมาเสวยในชาตินี้ทรงเป็นมหาราช รัชกาลที่ ๙ ของไทย พระองค์ก็ทรงไว้ซึ่ง ศีล ทาน ภาวนา ทศพิธราชธรรม(นี่แสดงว่าพระองค์ทรงศีล ทาน ภาวนา บารมีอื่นๆด้วยไม่ว่าจะเป็นทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะบารมี ปัญญาบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมีฯลฯ) แต่ที่บารมีเด่นชัดที่พระองค์เสวยในชาตินี้ที่ คือ ความเพียร เพียรที่จะทำให้ประเทศชาติและประชาชนของพระองค์ได้พ้นจากความทุกข์ยากลำเค็ญและความยากจน เพียรพยายามที่จะทำให้เกิดความมีอยู่มีกินของประชาราษฎร์อย่างเพียงพอ เพียรให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อดำรงชีพอยู่ได้ จนถึงความยั่งยืนนาน เพียรพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากลำบากของประชาชนของพระองค์ เพียรที่จะทำให้ความสุขอันหลุดพ้นจากทุกข์ของประชาชนนั้นหมดไปสิ้น พระองค์ทรงตั้งมั่นทำและเพียรอยู่ในสิ่งนั้นอย่างไม่ย่อท้อ ท้อแท้ ท้อถอย เบื่อหน่าย เหนื่อยหน่ายแม้จะยากลำบากสักเพียงใด เพื่อปวงประชาราษฎร์ทั้งแผ่นดิน



- หากคำตอบผมผิดพลาดบิดเบือนประการใดขอพระคุณเจ้า พระอาจารย์และท่านผู้รู้ทั้งหลายชี้แนะสั่งสอนและอดโทษไว้แก่ผมด้วยครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 08, 2016, 12:38:23 am โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: รักษาศีล จะมีบารมีอะไร ! (บ้าง)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2016, 06:01:48 pm »
0
 :smiley_confused1:

มีศัตรูให้น้อยลง
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา