ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ว่าด้วย "มรรค" ที่เป็น "โลกีย์และโลกุตระ"  (อ่าน 1904 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ว่าด้วยมรรคที่เป็น โลกีย์และโลกุตระ
             
บรรดามรรคที่เป็นโลกีย์และโลกุตระเหล่านั้น ในโลกิยมรรค องค์มรรคทั้งหมดย่อมมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งในอารมณ์ ๖ ตามสมควร แต่ในโลกุตรมรรค ปัญญาจักษุ (จักษุคือปัญญา) มีนิพพานเป็นอารมณ์ อันถอนเสียซึ่งอวิชชานุสัย ของพระอริยสาวกผู้ประพฤติเพื่อแทงตลอดสัจจะ ๔ เป็นสัมมาทิฏฐิ.

     อนึ่ง การยกจิตขึ้นสู่แนวทางพระนิพพานซึ่งสัมปยุตด้วยสัมมาทิฏฐินั้นแล้วถอนเสียซึ่งมิจฉาสังกัปปะ ๓ อย่าง ของบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ เป็นสัมมาสังกัปปะ.

     อนึ่ง เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นมิจฉาวาจา ที่สัมปยุตด้วยสัมมาสังกัปปะนั้นแหละ ถอนขึ้นซึ่งวจีทุจริต ๔ อย่าง ของบุคคลผู้เห็นอยู่และตรึกอยู่ เป็นสัมมาวาจา.

     เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นกายทุจริต ๓ อย่างที่สัมปยุตด้วยสัมมาวาจานั้นแหละตัดขาดมิจฉากัมมันตะ ของบุคคลผู้งดเว้นอยู่ เป็นสัมมากัมมันตะ.

     @@@@@@

     เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นมิจฉาอาชีวะ ที่เป็นธรรมชาติผ่องแผ้วของสัมมาวาจาและกัมมันตะเหล่านั้นนั่นเอง เป็นธรรมสัมปยุตด้วยสัมมาวาจาและกัมมันตะนั้นๆ แหละตัดขาดอกุศลมีการหลอกลวงเป็นต้น เป็นสัมมาอาชีวะ.

     อนึ่ง วิริยารัมภะ (ปรารภความเพียร) ของบุคคลผู้ตั้งมั่นในภูมิศีล กล่าวคือสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ นี้สมควรแก่ศีลนั้น สัมปยุตด้วยศีลนั้นแลตัดขาดความเกียจคร้าน ให้สำเร็จความไม่เกิดอกุศลที่ยังไม่เกิด ละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ยังกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วให้ดำรงอยู่ เป็นสัมมาวายามะ.

    ความที่จิตไม่หลงลืมของผู้พยายามอยู่อย่างนี้ สัมปยุตด้วยสัมมาวายามะนั้นถอนขึ้นซึ่งมิจฉาสติ ให้สำเร็จเป็นกายานุปัสสนาเป็นต้น ในอารมณ์มีกายเป็นต้น เป็นสัมมาสติ

    ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งของผู้รักษาจิตอันอนุตรสติจัดแจงดีแล้ว สัมปยุตด้วยสัมมาสติและถอนขึ้นซึ่งมิจฉาสมาธิ เป็นสัมมาสมาธิ ด้วยประการฉะนี้แล.

    นี้เป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นโลกุตระ.


 :25: :25: :25:

ว่าด้วยมรรคเป็นทั้ง วิชชาและจรณะ เป็นต้น    
         
อนึ่ง โลกุตรมรรคใด พร้อมทั้งโลกิยมรรค ถึงซึ่งการนับว่าเป็น ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา (ปฏิปทาให้ถึงความดับทุกข์) มรรคนั้นแลเป็นทั้งวิชชาและจรณะ เพราะสัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทรงสงเคราะห์ไว้ด้วยวิชชา ธรรมที่เหลือสงเคราะห์ไว้ด้วยจรณะ.

    อนึ่ง มรรคนั้นเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา เพราะความที่สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทั้ง ๒ เหล่านั้น
    ทรงสงเคราะห์ไว้ด้วยวิปัสสนาญาณ ธรรมนอกจากนี้สงเคราะห์ไว้ด้วยสมถญาณ.

    อีกอย่างหนึ่ง มรรคนั้นเป็นทั้งขันธ์ ๓. และสิกขา ๓. เพราะความที่สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทั้ง ๒ เหล่านั้น ทรงสงเคราะห์ด้วยปัญญาขันธ์
    ธรรม ๓. ในลำดับต่อจากสัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะนั้น สงเคราะห์ด้วยศีลขันธ์
    ที่เหลือสงเคราะห์ด้วยสมาธิขันธ์
    และธรรมเหล่านั้นแหละ สงเคราะห์ด้วย อธิปัญญาสิกขา อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา.

    @@@@@@

    พระอริยสาวกประกอบด้วยมรรคใด เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
    ดุจบุคคลผู้เดินทางไกลประกอบด้วยจักษุทั้ง ๒ อันสามารถในการเห็นและเท้าทั้ง ๒ อันสามารถในการเดิน
    เว้นที่สุด ๒ อย่าง คือ กามสุขัลลิกานุโยคด้วยวิปัสสนาญาณ และอัตตกิลมถานุโยคด้วยสมถญาณ
    ดำเนินไปสู่มัชฌิมปฏิปทา ทำลายอยู่ซึ่งกองโมหะด้วยปัญญาขันธ์ ซึ่งกองแห่งโทสะด้วยศีลขันธ์ ซึ่งกองโลภะด้วยสมาธิขันธ์

    บรรลุสมบัติ ๓ คือ ซึ่งปัญญาสัมปทาด้วยอธิปัญญาสิกขา ซึ่งศีลสัมปทาด้วยอธิศีลสิกขา ซึ่งสมาธิสัมปทาด้วยอธิจิตตสิกขา
    ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งอมตะคือ พระนิพพาน ชื่อว่า หยั่งลงสู่อริยภูมิ กล่าวคือ สัมมัตตนิยาม(นิยามอันชอบ) ซึ่งวิจิตรด้วยรัตนะ คือ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการอันงามในเบื้องต้น ท่ามกลางและปริโยสาน แล.


             
ที่มา : อรรถกถา วิภังคปกรณ์ สัจจวิภังค์ สุตตันตภาชนีย์
www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=35&i=144&p=2&h=พึงทราบวินิจฉัยในนิเทศสัมมาสมา#hl 
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎกได้ที่ : http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=35&A=2637&Z=2865     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 07, 2019, 10:30:58 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

bajang

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 325
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ว่าด้วย "มรรค" ที่เป็น "โลกีย์และโลกุตระ"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 07, 2019, 09:27:18 am »
0
 st11 st12 st12
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ว่าด้วย "มรรค" ที่เป็น "โลกีย์และโลกุตระ"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 11, 2019, 12:08:28 pm »
0
 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ