ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - รีบอร์น
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เผยภาพหลุมยักษ์ ประตูสู่นรก!! ไฟลุกนานกว่า 40 ปี เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2012, 09:16:26 am

MThai News: เว็บไซต์เดลิเมล์ เผยภาพหลุมก๊าซที่เผาไหม้มานานกว่า 40 ปี ซึ่งถูกค้นพบโดยนักธรณีวิทยาชาวโซเวียต ประเทศเติร์กเมนิสถาน เมื่อปี 1971 (พ.ศ. 2514)
ทั้งนี้ หลุมก๊าซยักษ์นี้อยู่กลางทะเลทรายคาราคุม ถูกพบโดยบังเอิญระหว่างที่นักธรณีวิทยาไล่สำรวจก๊าซธรรมชาติบริเวณนี้ เมื่อพื้นดินบริเวณนั้นทรุดตัวก็เผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง กว่า 70 เมตร มันถูกเรียกว่า “ดาร์วาซา” (Derweze) ซึ่งเป็นชื่อหมู่บ้าน แต่ชาวบ้านแถวนั้นรู้จักกันดีในชื่อ “ประตูสู่นรก”
นักธรณีวิทยาตัดสินใจจะเผาทำลายก๊าซเหล่านี้ทิ้ง เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต โดยคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาเผาไหม้ประมาณ 1-2 วัน แต่การเผาไหม้กลับปะทุขึ้นต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน









2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อย่าเอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2012, 09:13:11 am
อย่าเอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย   
 
อย่าเอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ทางที่ถูก ควรทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก
ถ้าเป็นเรื่องเล็กอยู่แล้ว ก็ไม่ควรเอาเรื่องเสียเลย

ปล่อยไปเสีย ทำไม่รู้ไม่เห็นเสียบ้าง
ไม่บอดทำเป็นเหมือนบอด ไม่ให้ทำเป็นเหมือนใบ้
ไม่หนวกทำเหมือนหนวกเสียบ้าง จิตใจของเราจะสบายขึ้น

การทำผิดเป็นเรื่องของมนุษย์ ส่วนการให้อภัยเป็นเรื่องของเทวดา
ถือเอาความว่า มนุษย์ธรรมดาย่อมมีการทำผิดพลาดบ้าง

ส่วนมนุษย์ที่มีใจสูงย่อมรู้จักให้อภัยไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย
หรือแม้ในสายตาของคนอื่นจะเป็นเรื่องใหญ่
แต่สำหรับท่านผู้มีใจกรุณาย่อมเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย

พระพุทธเจ้าศาสดาของพุทธศาสนานั้นมีผู้ปองร้ายพระองค์ถึงกับจะเอาชีวิตก็มี
เช่น พระเทวทัตและพวกพยายามปลงพระชนม์หลายครั้ง
แต่ไม่สำเร็จ พระองค์ไม่ร้ายตอบ ทรงให้อภัย

มีคนใส่ร้ายด้วยเรื่องที่ร้ายแรงทำให้เสียพระเกียรติยศชื่ อเสียงก็มี
เช่น พวกเดียรถีย์นิครนถ์ นางจิญจมาณวิกา นางสุนทรี เป็นต้น
แต่ไม่ทรงทำตอบ ทรงให้อภัย

ในที่สุดคนพวกนั้นก็พ่ายแพ้ไปเอง เหมือนเอาไข่ไปตอกกับหิน
ไข่แตกไปเอง

พระเยซูเจ้า ศาสดาของคริสตศาสนาก็ทรงมีชื่อเสียงมากในการให้อภัย
ไม่ทรงถือโทษต่อผู้คิดร้ายทำร้ายต่อพระองค์ ให้อภัยผู้ทำความผิด
เปิดโอกาสให้กลับตัว

ท่านมหาตมะคานธีซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในเรื่อง อหิงสา ความไม่เบียดเบียน
การให้อภัย จนถึงกับอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่
ได้กล่าวสดุดีท่านไว้ว่า "ต่อไปภายหน้า มนุษย์จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ทราบว่า
ได้เคยมีคนอย่างนี้ (ท่านมหาตมะคานธี) เกิดขึ้นแล้วในโลก"
ทั้งนี้เพราะคุณวิเศษในตัวท่านนั้นยากที่คนสามัญจะหยั่งให้ถึงได้

รวมความว่า มหาบุรุษที่โลกยกย่องให้เกียรติเคารพบูชานั้น
ล้วนเป็นนักให้อภัยทั้งสิ้น ไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ
หรือ เรื่องใหญ่ก็ทำเป็นเรื่องเล็กเสีย

ท่านเหล่านั้นล้วนมุ่งมั่นในอุดมคติจนไม่มีเวลาสนพระทัย
หรือสนใจในเรื่องเล็กน้อย

แต่ท่านเหล่านั้นจะสนใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อันเกี่ยวกับสุขทุกข์ของผู้อื่นเสมอ
ส่วนเรื่องร้ายที่คนอื่นกระทำแก่ท่าน ท่านไม่สนใจ...

-----------------------------------------------------------

บทความโดย...วศิน อินทสระ. "เพื่อความสุขใจ"
3  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 13 เกาะสวยรูปร่างแปลกจากทั่วโลก เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 09:19:31 am
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก oddstuffmagazine.com  / http://img.kapook.com

เมื่อนึกถึงเกาะ ใคร ๆ ก็คงนึกถึงแผ่นดินที่ผุดอยู่กลางทะเล มีน้ำล้อมรอบ มีทราย มีชายหาด มีต้นไม้ และเกาะในอุดมคติของหลาย ๆ คนก็คงจะเป็นเกาะรูปกลม ๆ อย่างแน่นอน แต่คราวนี้ลองมาแปลกแหวกแนวสักนิดด้วยเกาะสวย ๆ รูปทรงประหลาด ปั้นแต่งโดยฝีมือธรรมชาติ (มีฝีมือมนุษย์เข้ามาปรุงแต่งบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ) ลองมาดูกันเลยว่าเกาะทั้ง 13 นั้น จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันบ้าง

1. เกาะแห่งความรัก

เกาะรูปหัวใจเกาะนี้มีชื่อว่าเกาะกาเลสน์แจ็ค (Galešnjak) หรือเรียกกันว่าเกาะแห่งความรัก (Island of Love) อยู่ที่บริเวณช่องแคบพาสมัน ในทะเลเอเดรียติก ระหว่างเกาะพาสมัน และเมืองตูรันจ์ บนแผ่นดินใหญ่ของประเทศโครเอเชีย เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่เพียง 0.132 ตารางกิโลเมตร ชายหาดยาว 1.55 กิโลเมตร มีเนินสูงอยู่สองลูก โดยลูกที่สูงที่สุดนั้นสูงเพียง 36 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลเท่านั้น เก็บภาพมาได้เป็นครั้งแรกจากโปรแกรมกูเกิล เอิร์ธ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2009 (แหม เดือนแห่งความรักพอดีเลยแฮะ)


2. เกาะรูปสเปิร์ม

เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่า มันหน้าตาเหมือนเจ้าสเปิร์มยักษ์ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลสีครามยังไงยังงั้น แต่อย่างไรก็ดี ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเกาะนี้อยู่ที่ไหน และมีชื่อว่าอะไร ทราบจากที่มาของภาพแต่เพียงว่าถ่ายไว้ได้จากการนั่งเครื่องบินเที่ยวบินจากทวีปยุโรปไปประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นเอง
[/img]


3.เกาะต้นไม้

เกาะที่มีรูปร่างเหมือนกับต้นไม้นี้เป็นหนึ่งในบรรดาหมู่เกาะสกิลลี ที่อยู่ทางชายฝั่งของมณฑลคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ มันมีทั้งส่วนที่เป็นลำต้น กิ่งก้านที่แผ่ขยายมีใบอยู่เต็ม แม้กระทั่งส่วนที่เป็นดินและรากก็มีอยู่ครบถ้วนทีเดียวล่ะ


4. เกาะแครอท

เกาะเล็ก ๆ รูปทรงปลายรี ๆ หัวโต ๆ แถมยังได้สัดส่วนของแครอทพอดีเป๊ะเกาะนี้ ถูกแชะภาพเก็บไว้ได้โดยนายแบดรัดเดน ช่างภาพผู้อยูระหว่างการท่องเที่ยว ซึ่งเก็บภาพเกาะรูปร่างสะดุดตาระหว่างที่เครื่องบินที่เขาโดยสารกำลังเชิดหัวขึ้นจากสนามบินมาเล ประเทศมัลดีฟส์



5. เกาะหน้ากาก

เกาะนี้มีชื่อว่าเกาะฮาวาเฮนดู เป็นหนึ่งในบรรดาหมู่เกาะมัลดีฟส์ มองดูเหมือนกับส่วนตาของหน้ากากที่ประดับด้วยวัสดุต่างชนิดกัน ก็เลยดูเป็นหน้ากากในปาร์ตี้แฟนซีแบบนี้แหละ


6. เกาะรูปปอด

เกาะเล็ก ๆ ที่ฟลอริดา คีย์ส ของสหรัฐฯ เกาะนี้ มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับปอดจริง ๆ ทั้งรูปทรงของเกาะ และถนนสายที่ตรงมายังเกาะอันเปรียบเสมือนเป็นหลอดลม ปอดข้างหนึ่งประกอบด้วยถุงลมสีเขียวซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขึ้นบนเกาะ ส่วนอีกด้านก็โชว์การทำงานของปอดด้วยถนนสายย่อยที่เปรียบเหมือนหลอดย่อยและเส้นเลือดนั่นเอง


7. เกาะกระเบน

เกาะทรงสามเหลี่ยมนี้คือเกาะ Æbelø ของประเทศเดนมาร์ก มีจุดเด่นสำคัญตรงส่วนหางของเกาะที่เรียวแคบเล็กเป็นเส้น จนดูแล้วเหมือนกับหางของกระเบนเสียจริง ๆ นั่งเครื่องบินมองผ่านแวบเดียวอาจคิดว่าได้เห็นกระเบนตัวยักษ์กำลังว่ายชิดผิวน้ำก็ได้นะ :P


8. เกาะรูปหน้าการ์ตูน

รูปร่างเว้า ๆ แหว่ง ๆ ของเกาะเลสเซอร์ ซุนดา ประเทศอินโดนีเซีย ดูผ่าน ๆ ก็หน้าตาแบบเกาะธรรมด๊าธรรมดา แต่ลองมองดูตรงกลางของเกาะดี ๆ สิ คุณเห็นหัวโต ๆ ดวงตา และปากที่กำลังอ้าหวอไหม? ดูคล้ายหน้าตาของตัวการ์ตูนเลยล่ะ


9. เกาะรูปลูกตา

เกาะสีครามสวยนี้เป็นอีกหนึ่งเกาะเล็ก ๆ ในบรรดาหมู่เกาะมัลดีฟส์ที่โด่งดัง รูปทรงของมันกลมดิกเหมือนกับลูกตา ทั้งยังมีส่วนของน้ำทะเลตรงกลางที่ดูเหมือนรูม่านตา ส่วนสีขาวอ่อน ๆ อันคล้ายตาขาวที่อยู่รอบ ๆ ก็เกิดจากสีสันของแนวปะการัง ดูแล้วกลายเป็นดวงตาสีฟ้าสุกใสสวยงามอยู่กลางทะเล ผลงานของธรรมชาติช่างวิเศษจริง ๆ


10. เกาะม้าน้ำ

นี่คือเกาะอิสเบล เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาหมู่เกาะกาลาปากอส รูปร่างของมันเหมือนม้าน้ำจริง ๆ ตั้งแต่ส่วนของหัว ปาก และลำตัว ส่วนหางที่ออกจะดูใหญ่เกินความจริงนั้นก็พอจะให้จินตนาการได้ว่า เจ้าม้าน้ำตัวนี้กำลังใช้หางของมันม้วนเกี่ยวกับพืชน้ำเอาไว้ยังไงล่ะ ^^


11. เกาะบูมเมอแรง

หากอยากเห็นเกาะที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับบูมเมอแรงนี้แล้วล่ะก็ แนะนำให้คุณนั่งเครื่องบินในเที่ยวบินจากกรุงมะนิลาถึงกัวลาลัมเปอร์ดูนะ หลังจากเครื่องบินร่อนเหนืออากาศไปแล้วสัก 45 นาที อย่าลืมก้มลงกวาดตามองหาเกาะบูมเมอแรงแห่งนี้ดูด้วยล่ะ


12. เกาะรูปหน้ายิ้ม

เกาะหน้ายิ้มที่แสนน่ารักน่าชังนี้ เกิดจากเกาะเล็ก ๆ สามเกาะของประเทศมาเลเซีย คือ มานุคัน มามุติก และซาลัก เรียงตัวกันได้อย่างเป็นจังหวะ เกิดเป็นรูปใบหน้าที่กำลังฉีกยิ้มกว้างทักทายใครก็ตามที่สังเกตเห็นมัน ^_^


13. เกาะปลาโลมา

เกาะรูปทรงประหลาดที่ไปคล้ายกับปลาโลมาที่แสนน่ารักและร่าเริงนี้เข้าอย่างจัง เป็นเกาะที่เกิดจากแนวปะการัง ซึ่งมันตั้งอยู่ทางชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะฟลอเรส ประเทศอินโดนีเซีย และดูท่าทางว่าเจ้าปลาโลมาตัวนี้คงกำลังว่ายน้ำอย่างสนุกสนานอยู่เลยล่ะ

ธรรมชาตินั้นสรรสร้างอะไรได้มหัศจรรย์อย่างที่มนุษย์คาดไม่ถึงเสมอ ถึงได้เกิดเกาะแก่งรูปร่างหน้าตาแปลก ๆ เหล่านี้ขึ้นมาไงล่ะ บางเกาะก็มองปราดเดียวดูออกว่ามันคล้ายอะไร แต่ก็มีบางส่วนต้องใช้จินตนาการช่วยด้วยเยอะเหมือนกัน (แต่มนุษย์ก็มีจินตนาการล้ำลึกที่สุดนี่นา) ว่าแต่คุณล่ะ ชอบเกาะหน้าตาแปลก ๆ เกาะไหนกันบ้างล่ะ ?
4  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จิตสดใส…ใจจะไม่ทุกข์… เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:51:35 am
จิตสดใส…ใจจะไม่ทุกข์…

ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net

การปลูกฝังความรู้สึกที่ดีงาม..
เปรียบเสมือนการเพาะชำเมล็ดพันธุ์แห่งความสุข..
ลงใจจิตใจของคนเรา..
ที่ต้องอาศัยวันเวลาในการดูแล- เอาใจใส่..
รดน้ำ..พรวนดิน..ใส่ปุ๋ย…

โดยการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความคิด..
คิดใหม่..ทำใหม่..
คิดดี..คิดถูกต้อง..ดีงาม..
ใส่ใจกับทุก ๆ รายละเอียดของความรู้สึก..
มีสติ..เรียนรู้อย่างเข้าใจและเท่าทัน..
นี้ถือว่า..เป็นเคล็ดลับในการปรับเปลี่ยนจิตใจของคนเรา..
ไปในทิศทางที่ดีงาม..

เพราะจิตใจเรียนรู้..
ทุก ๆ อารมณ์และความรู้สึก..ทั้งสุขและทุกข์..
เราพยายามที่จะลืมเรื่องทุกข์..
เพียงเพราะคิดว่า..
ไม่อยากเจอความทุกข์..
จึงมองไม่เห็นแง่ดีของความทุกข์..
ทำให้อารมณ์ความรู้สึกในขณะนั้น..
พยายามปฏิเสธ..โต้ตอบ..ความทุกข์ออกมาทันที..
ความสับสนวุ่นวายต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นในจิตใจ..

หากเราพยายามเติมความคิดใหม่ ๆ ..
เป็นการคิดดี..คิดแต่สิ่งที่ดีงาม..มีประโยชน์..
จิตใจของเราก็จะรับรู้และสัมผัสได้..
ถึงความรู้สึกสุขสงบภายในได้เป็นทันที..

เพราะความคิด.. 
คือ..พลังอันยิ่งใหญ่..
ที่จะเป็นนำชีวิตของเรา..ให้พบความสุข..
เพียงเพราะคิดอย่างมีสติ..และพิจารณาความเป็นของชีวิตอย่างเข้าใจ…

ขอบคุณบทความจากทำดีดอทเน็ต(จั่นเจา)
5  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากทราบว่า การฝึกอานาปานสติ ต้องผ่านขั้นตอนตามลำดับหรือไม่ ครับ เมื่อ: เมษายน 20, 2012, 09:16:48 am
[๔๑๐] บุคคลย่อมศึกษาว่า จักรู้แจ้งจิตตสังขารหายใจออก ย่อมศึกษาว่า
จักรู้แจ้งจิตตสังขารหายใจเข้า อย่างไร ฯ
            จิตตสังขารเป็นไฉน สัญญาและเวทนาด้วยสามารถลมหายใจออกยาว
เป็นเจตสิก ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิต เป็นจิตตสังขาร สัญญาและเวทนาด้วย
สามารถลมหายใจเข้ายาว เป็นเจตสิก ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิต เป็นจิตตสังขาร
ฯลฯ สัญญาและเวทนาด้วยสามารถความเป็นผู้รู้แจ้งสุขหายใจออก ด้วยสามารถ
ความเป็นผู้รู้แจ้งสุขหายใจเข้า เป็นเจตสิก ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิต เป็นจิตต-
*สังขาร นี้เป็นจิตตสังขาร ฯ
            จิตตสังขารเหล่านั้นย่อมปรากฏอย่างไร ฯ
            เมื่อรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถลมหายใจออกยาว
สติย่อมตั้งมั่น จิตตสังขารเหล่านั้นย่อมปรากฏด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น เมื่อรู้
ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถลมหายใจเข้ายาว สติย่อม
ตั้งมั่น จิตตสังขารเหล่านั้นย่อมปรากฏด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯลฯ เมื่อทำให้
แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง จิตตสังขารเหล่านั้นย่อมปรากฏ จิตตสังขารเหล่านั้น
ย่อมปรากฏอย่างนี้ ฯ

 [๔๑๒] บุคคลย่อมศึกษาว่า จักรู้แจ้งจิตหายใจออก ย่อมศึกษาว่า จัก
รู้แจ้งจิตหายใจเข้า อย่างไร ฯ
            จิตนั้นเป็นไฉน วิญญาณจิต ด้วยสามารถลมหายใจออกยาว จิต คือ
มนะ มานัส หทัย ปัณฑระ มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์
มโนวิญญาณธาตุอันสมควรแก่จิตนั้น วิญญาณจิต ด้วยสามารถลมหายใจเข้ายาว
ฯลฯ ด้วยสามารถความเป็นผู้ระงับจิตตสังขารหายใจออก จิต คือ มนะ
มโนวิญญาณธาตุอันสมควรแก่จิตนั้น นี้เป็นจิต  ฯ
            จิตปรากฏอย่างไร เมื่อรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วย
สามารถลมหายใจออกยาว สติย่อมตั้งมั่น จิตนั้นย่อมปรากฏด้วยสตินั้น ด้วย
ญาณนั้น เมื่อรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถลมหายใจเข้า
ยาว สติย่อมตั้งมั่น จิตนั้นย่อมปรากฏด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯลฯ เมื่อทำ
ให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง จิตนั้นย่อมปรากฏ จิตนั้นย่อมปรากฏอย่างนี้
วิญญาณจิต ด้วยสามารถความเป็นผู้รู้แจ้ง จิตหายใจออกหายใจเข้า ปรากฏ
สติเป็นอนุปัสสนาญาณ จิตปรากฏ ไม่ใช่สติ สติปรากฏด้วย เป็นตัวสติด้วย
บุคคลย่อมพิจารณาจิตนั้นด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น  เพราะเหตุดังนี้นั้น ท่านจึงกล่าว
ว่า สติปัฏฐานภาวนา คือ การพิจารณาจิตในจิต ฯ

[๔๑๙] โทษในอวิชชาย่อมมีด้วยอาการเท่าไร อวิชชาย่อมดับด้วยอาการ
เท่าไร โทษในอวิชชาย่อมมีด้วยอาการ ๕ อวิชชาย่อมดับด้วยอาการ ๘ ฯ
            โทษในอวิชชาย่อมมีด้วยอาการ ๕ เป็นไฉน โทษในอวิชชาย่อมมีด้วย
อรรถว่าไม่เที่ยง ๑ ด้วยอรรถว่าเป็นทุกข์ ๑ ด้วยอรรถว่าเป็นอนัตตา ๑ ด้วย
อรรถว่าเป็นเหตุให้เดือดร้อน ๑ ด้วยอรรถว่าแปรปรวน ๑ โทษในอวิชชาย่อมมี
ด้วยอาการ ๕ เหล่านี้ ฯ
            อวิชชาย่อมดับไปด้วยอาการ ๘ เป็นไฉน อวิชชาย่อมดับด้วยนิทาน
ดับ ๑ ด้วยสมุทัยดับ ๑ ด้วยชาติดับ ๑ ด้วยอาหารดับ ๑ ด้วยเหตุดับ ๑
ด้วยปัจจัยดับ ๑ ด้วยญาณเกิดขึ้น ๑ ด้วยนิโรธปรากฏ ๑ อวิชชาย่อมดับ
ด้วยอาการ ๘ เหล่านี้ ฯ
            บุคคลเห็นโทษในอวิชชาด้วยอาการ ๕ เหล่านี้แล้ว เป็นผู้เกิดฉันทะใน
ความดับแห่งอวิชชาด้วยอาการ ๘ เหล่านี้ น้อมใจไปด้วยศรัทธา และมีจิตตั้งมั่น
ดี ย่อมศึกษาว่า จักพิจารณาความดับแห่งอวิชชาหายใจออก ย่อมศึกษาว่า จัก
พิจารณาความดับแห่งอวิชชาหายใจเข้า ฯ
            [๔๒๐] โทษในสังขารย่อมมีด้วยอาการเท่าไร สังขารย่อมดับด้วยอาการ
เท่าไร ฯลฯ โทษในวิญญาณย่อมมีด้วยอาการเท่าไร วิญญาณย่อมดับด้วยอาการเท่าไร
โทษในนามรูปย่อมมีด้วยอาการเท่าไร นามรูปย่อมดับด้วยอาการเท่าไร โทษในสฬา-
*ยตนะย่อมมีด้วยอาการเท่าไร สฬายตนะย่อมดับด้วยอาการเท่าไร  โทษในผัสสะย่อม
มีด้วยอาการเท่าไรผัสสะย่อมดับด้วยอาการเท่าไร โทษในเวทนาย่อมมีด้วยอาการเท่าไร
เวทนาย่อมดับด้วยอาการเท่าไร โทษในตัณหาย่อมมีด้วยอาการเท่าไร ตัณหาย่อมดับ
ด้วยอาการเท่าไร โทษในอุปาทานย่อมมีด้วยอาการเท่าไร อุปาทานย่อมดับด้วยอาการ
เท่าไร โทษในภพย่อมมีด้วยอาการเท่าไร ภพย่อมดับด้วยอาการเท่าไร โทษใน
ชาติย่อมมีด้วยอาการเท่าไร ชาติย่อมดับด้วยอาการเท่าไร โทษในชราและมรณะ
ย่อมมีด้วยอาการเท่าไร ชราและมรณะย่อมดับด้วยอาการเท่าไร โทษในชราและ
มรณะย่อมมีด้วยอาการ ๕ ชราและมรณะย่อมดับด้วยอาการ ๘ ฯ



  จากในเนื้อหาพระสูตรนั้น เป็นการฝึกอานาปานสติ ในส่วน  จิตตานุปัสสนา ครับ ถ้าหากมีผู้กล่าวว่าการฝึก สติปัฏฐาน สามารถฝึกได้ทุกส่วน จะฝึกส่วนไหนก่อนก็ได้ ดังนั้นอยากถามความเห็นพระอาจารย์ว่า ถ้าเราฝึกอานาปานสติ ในขั้น จิต คือขั้น ที่ 9 - 12 เลยได้หรือไม่ ครับ

 
6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 5 วิธีตั้งสติ ใช้สตางค์...ในยุคนี้ เมื่อ: มีนาคม 31, 2012, 09:27:35 am
5 วิธีตั้งสติ ใช้สตางค์...ในยุคนี้



"คนเราสมัยนี้มีความ รู้กันมาก แต่รู้อะไรไม่เท่ารู้เนื้อ รู้ตัว ความรู้เนื้อ รู้ตัวนี้ ก็คือ มีสติ นั่นเอง แล้วถ้ามีสติ ก็จะมีสตางค์ เพราะคนมีสติจะตั้งอกตั้งใจทำ งานหาสตางค์ พอมีสตางค์แล้วก็ตั้งสติในการใช้จ่าย ไม่หลงใช้ฟุ่มเฟือยเกินตัว หรือใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์"

วิธี "ตั้งสติ ใช้สตางค์" ให้ดูจาก ศีล ๕ ที่ชาวพุทธจำได้ขึ้นใจอยู่แล้ว แต่นำมาปรับมุมมองใหม่

ดังนี้...

๑. ปาณาติบาตฯ : (งดเว้น)การฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต
มองว่าคือ ใช้สตางค์เพื่อชีวิต ใช้เพื่อความอยู่รอด ซื้อหาปัจจัย ๔

๒. อทินนาทานฯ : (ไม่) ลักขโมย เอาทรัพย์ของผู้อื่น
มองว่าคือ ใช้สตางค์เพื่อหารายได้ หาสตางค์เพิ่มขึ้น ทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า การลงทุน
หรือที่ชอบพูดกันว่า "ให้เงินทำงาน"

๓. กาเมสุมิจฉาฯ : ไม่ประพฤติผิดในกาม
มองว่าคือ ใช้สตางค์เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง ฯลฯ

๔. มุสาฯ : (ไม่) พูดเท็จ หลอกลวง
มองว่าคือ ใช้สตางค์เพื่อตอบแทนให้สังคมบ้างตามสมควร

๕. สุรา เมรยฯ : (งด) สุรา เครื่องดองของเมา
มองว่าคือ ใช้สตางค์เพื่อดูแลสุขภาพ อย่าใช้ไปในทางที่ทำให้เกิดความเสื่อม

ท่าน เจ้าคุณพระราชรัตนรังษี บอกว่า แนวพระราชดำริ "เศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สอดคล้องกันอย่างยิ่งกับหลักทางพระพุทธศาสนา

คำว่า "พอเพียง" ไม่ใช่ มีน้อย หรือ ไม่กระตือรือร้น ไม่หาเพิ่ม แต่หมายถึง มีให้พอใช้ตามสถานะของตน

เพราะฉะนั้น "พอเพียง" จึงมากกว่า "กระตือรือร้น" เสียอีก เพราะต้องมีให้พอ เมื่อมีเงินพอแล้ว ก็ใช้เงินให้มีความสุข

อย่าให้เงินใช้เรา เพราะจะทำให้มีความทุกข์ มีเงินเท่าไรก็ไม่พอ..


mail
7  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มี คาถา หรือ บท อะไรสำหรับสวดไล่ผีบ้างครับ เมื่อ: มีนาคม 04, 2012, 08:14:55 am
คือ รู้สึกลัวผี ครับ ยิ่งมีการร่ำลือ เรื่อง ผีกระสือ ผีฟ้า ด้วย รู้สึกว่า กลัว ๆ หน่อยๆ

เพื่อความอุ่นใจ อยากทราบว่า มีคาถา หรือ บทสวด อะไร พอใช้ป้องกันตน และ ไล่ผี ได้บ้างครับ

นอกเรื่องไปนิด นะครับ ช่วยด้วย

 ขอบคุณมากครับ
8  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / เพื่อนมาขอยืมเงินบอกว่า เอาไปเสียค่าเทอมให้ลูก แต่กับนำเงินเราไปเล่นการพนัน ดื่ม เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2011, 10:26:36 am
เพื่อนมาขอยืมเงินบอกว่า เอาไปเสียค่าเทอมให้ลูก แต่กับนำเงินเราไปเล่นการพนัน ดื่มเหล้า สรุปแล้วเงินไม่ได้ไปใช้ตามที่บอกว่า ยืมจากเราอย่างนี้ ก็เลยไปทวงเงินคืน แต่กลับถูกปฏิเสธว่าไม่มีเงิน และยังขอให้เราทำบุญกับ เขา ด้วย ไม่ต้องทวงอีกนะ ถือว่าขอใช้ก็แล้วกัน

  ( ปริ๊ด ๆๆๆๆๆ ) :41: :41: :41: แหมตอนนั้นเลือดมันขึ้นหน้า เหมือนกัน นะ

  แต่ตอนนี้ ไหน ๆ ก็ไม่ได้เงินคืนแล้ว อยากถาม สมาชิกธรรมว่า

  ผมจะได้บุญ หรือ ได้บาป ครับ ในกรณีนี้


  :c017: :25:
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ช๊อค!! ตะขาบดูดเลือดคน กินลึกถึง 3 ซม. เหมือนรูกระสุนปืน เมื่อ: กันยายน 03, 2011, 10:39:00 am
ช๊อค!! ตะขาบดูดเลือดคน กินลึกถึง 3 ซม. เหมือนรูกระสุนปืน




 

 

ชาวบ้านศรีสะเกษ ตื่นพบตะขาบปิศาจกินเนื้อ - ดูดเลือดพ่อเฒ่า เชื่อเป็นผลจากเล่นคุณไสยเมตตามหานิยม จึงทำให้มีตะขาบโผล่ออกมาจากตัว ด้านเจ้าตัว งง โดนกัดหลายแผลแต่ไม่รู้สึกเจ็บปวด

 

 

 

โดยเหตุการณ์พิลึกพิลั่นชวนสยองขวัญ ในครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยขึ้นเมื่อ นายสุดตา แสงสิงห์ อายุ 63 ปี ชาวบ้านตำแย ม.13 ต.ตำแย อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ในวันที่เกิดเหตุ คือช่วงประมาณ 10 โมงเช้าของวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ออกไปเดินเล่นเพื่อพูดคุยกับเพื่อนบ้าน เมื่อนั่งไปสักพักก็เห็นเลือดออกที่แขนซ้าย จึงให้เพื่อนบ้านช่วยดูให้เขาจึงเห็นว่าเป็นตะขาบตัวใหญ่อยู่ตกลงมาจากเสื้อ ของตนเมื่อเปิดเสื้อขึ้นดูก็พบแผลที่หน้าอกซ้ายและมีแผลเล็กๆเต็มไปหมด เพื่อนบ้านจึงได้นำตนไปส่งโรงพยาบาล แต่แพทย์และพยาบาลที่มาทำการรักษา ไม่เชื่อว่าแผลที่พบบนร่างกายของตนเองนั้น จะเกิดจากตะขาบกัดเพราะปกติตะขาบจะไม่กัดกินเนื้อคนอย่างนี้ ซ้ำยังหาว่าตนไปโดนใครแทงมา แต่ตนได้ยืนยันไปว่าไม่ได้ไปมีเรื่องอะไรกับใคร จึงเชื่อว่าเป็นแผลจากตะขาบกัดแน่นอน

 

 

 

โดยบาดแผลที่ถูกพบบนร่างกายตนเองนั้น อยู่ที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายตรงหัวใจพอดี เป็นรูกลมขนาดใหญ่รัศมีประมาณ1 ซม.ซึ่งแพทย์ได้แจ้งกับญาติว่าแผลนี้ น่าจะลึกเข้าไปประมาณ 3ซม.นอกจากนี้ยังมีแผลเป็นลักษณะหลุมตื้น ๆอีก 2-3 จุดอยู่ใกล้ๆแผลใหญ่ และยังมีแผลขนาดใหญ่อีกที่บริเวณเหนือข้อศอกซ้าย ซึ่งเป็นแผลเดียวที่มีเลือดไหลออกมาก ขณะที่แผลอื่นเลือดออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

 

 

ด้านนายบุญประคอง ธรรมวัฒน์ อายุ 44 ปี ส.อบต.ตำแย ซึ่งเป็นหลานชายของนายสุดตา เปิดเผยว่าในวันที่เกิดเหตุ ขณะที่นายสุดตา เดินออกมาเล่นเพื่อพูดคุยกับเพื่อนๆหลายคน สักพักสังเกตุเห็นแขนซ้ายมีเลือดออก ตนจึงไปดูข้างหลังก็เห็นว่ามีอะไรบางอย่างยาวๆวิ่งไปมาในเสื้อของนายสุดตา จึงเอาจับดูก็มีตะขาบตกลงมาจากเสื้อ แต่ผิดสังเกตตรงที่พอตะขาบตกลงพื้นดิน แล้วมันต้องเลื้อยไป แต่ตัวนี้กลับกระโดดและเคลื่อนไหว เหมือนกับตัวหนอน ตนจึงคว้ามีดอีโต้ ฟันไปที่ตัวตะขาบดังกล่าว ปรากฎมีเลือดสด พุ่งออกมาเป็นลิ้ม ๆ จากตัวตะขาบ ทั้งทีี่ปกติตะขาบจะไม่มีเลือด

 

 

 
พอเห็นดังนั้น ทุกคนต่างรู้สึกขนลุกสู่ โดยมีคนเชื่อว่าตะขาบตัวนี้ น่าจะออกมาจากตัวของ นายสุดตา เพราะสมัยหนุ่ม ๆมักจะข้ามไปที่ประเทศกัมพูชา บ่อย ๆ และบอกว่าได้ไปทำคุณไสยเกี่ยวกับเรื่องเมตตามหานิยม โดยเจ้าตัวเคยเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นไปด้วยกัน 10 คน แต่เป็นคนเดียวที่ได้มา จึงมีคนเชื่อว่าเป็นตะขาบ จากที่ไปเล่นของและไม่สามารถรักษาได้จึงย้อนกลับมาเล่นงานตัวเอง

 

 

 

ด้าน นายพิมพ์ บุดดี อายุ 57 ปี เพื่อนรุ่นน้องของนายสุดตา บอกว่าสมัยหนุ่ม ๆ ตนจะไปไหนมาไหนกับนายสุดตา เป็นประจำ จึงรู้ว่านายสุดตานี้เล่นของที่เกี่ยวกับเมตตามหานิยม ให้สาวหลงสาวรัก รวมถึงไสยศาสตร์อื่นๆ อีกเยอะมากตนจึงมั่นใจว่าตะขาบนี้ จะเกิดจากของที่เจ้าตัวรักษาหรือเลี้ยงไว้ ไม่ได้มาทำร้าย ทำให้ชาวบ้าน เล่าลือกันไปต่างๆนานา ว่าตะขาบที่พบไม่ใช่ตะขาบธรรมดา แต่เป็นสิ่งเล้นลับที่ยากจะบอกได้ว่ามาจากไหนเพราะยังพิสูจน์ไม่ได้

 

 

 ขอบคุณ ไทยรัฐ
10  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ผีเข้านักเรียน 20 กว่าคน เมื่อ: กันยายน 03, 2011, 10:36:39 am
2 ก.ย. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (1 ก.ย.)

ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น
หลังมีนักเรียนราว 20คน มีอาการคลุ้มคลั่งร้องครวญคราง โหยหวนด้วยความเจ็บปวด คล้ายผีเข้า
ทำให้ครูและ เพื่อนๆ นักเรียนต่างช่วยกันปฐมพยาบาลแต่ก็ไม่หาย จนต้องไปนิมนตร์พระครูพิศาลเขต คณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอทุ่งใหญ่ มาทำพิธีไล่ผีใช้เวลากว่าครึ่งช่วยโมงสถานการณ์จึงสงบลง
จากการสอบถาม ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนักเรียนกลุ่มนี้ได้เดินทางไปร่วมแข่งขันดนตรีสากล ที่จังหวัดพัทลุง จนชนะเลิศ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่กลับถูกจับแพ้ฟาวน์อย่างไม่มีเหตุผล จึงเดินทางกลับด้วยความผิดหวัง และในระหว่างทางที่กลับ ก็มีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ก็หายไปเอง จนกลับมาเป็นอีกดังกล่าว
ด้านเจ้าคณะอำเภอฯ ที่มาทำพิธีให้ ก็บอกว่า บางครั้งทางวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ แต่บ่อยครั้งก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าหากใครไม่เชื่อก็ไม่ควรลบหลู่
เบื้องต้นได้ทำน้ำมนต์ ศักดิ์สิทธิ์รดหัวให้นักเรียน ครู และผู้ปกครอง เพื่อเป็นศิริมงคลแล้ว เจ้าคณะอำเภอฯกล่าว ขณะเดียวกันทางคณะอาจารย์คาดว่าเด็กๆ กลุ่มนี้อาจจะเกิดจากความเครียดที่แพ้การแข่งขันจนเกิดเป็นอุปทานหมู่ก็เป็น ได้



11  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เบา ๆ สมอง ยามเช้าครับ ส้วมดัดแปลง เมื่อ: กันยายน 03, 2011, 10:24:45 am

ขอบคุณภาพ จาก http://board.postjung.com

แหมแล้วใครจะเข้าไปใช้นะครับนี่

 :25:
12  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / อานิสงค์ ของ การ ทำนุบำรุง เนื้อนาบุญ เมื่อ: สิงหาคม 26, 2011, 09:37:04 am
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ 
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
๙. กุลสูตร



            [๑๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรพชิตผู้มีศีลทั้งหลาย ย่อมเข้าไปหาสกุลใด พวกมนุษย์ในสกุลนั้นย่อมประสบบุญเป็นอันมาก โดยฐานะ ๕ ประการ ฐานะ ๕ ประการเป็นอย่างไร คือ

1. สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล จิตของพวกมนุษย์ย่อมเลื่อมใสเพราะเห็นท่าน สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่าปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ให้เป็นไปพร้อมเพื่อสวรรค์

2. สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล พวกมนุษย์ย่อมลุกรับ (ต้อนรับ) กราบไหว้ ให้อาสนะ (ที่นั่ง) สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่าปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ให้เป็นไปพร้อมเพื่อเกิดในสกุลสูง

3. สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล พวกมนุษย์ย่อมกำจัดมลทินคือความตระหนี่(หวงแหน) สมัยนั้นสกุลนั้นชื่อว่าปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ให้เป็นไปพร้อมเพื่อความ เป็นผู้มีศักดิ์ใหญ่(เกียรติยศสูง)

4. สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล พวกมนุษย์ย่อมจัดของถวายตามสติกำลัง สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่า ปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ให้เป็นไปพร้อมเพื่อความเป็นผู้มีโภคทรัพย์มาก

5. สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุลพวกมนุษย์ย่อมไต่ถาม สอบสวน ย่อมฟังธรรม สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่าปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ให้เป็นไปพร้อมเพื่อความเป็นผู้มี ปัญญามาก


         ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด บรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล พวกมนุษย์ในสกุลนั้นย่อมประสบบุญเป็นอันมาก โดยฐานะ ๕ ประการนี้ ฯ


จบสูตรที่ ๙



***********************
         
กุลสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=5659&Z=5676&pagebreak=0
           
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=199

13  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / กรรมทันตา เครียดเพราะหนี้ เมื่อ: สิงหาคม 21, 2011, 12:52:05 pm
เครียดเพราะหนี้

คำเตือน...
ท่านที่อ่าน ท่านที่รับฟังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้
ต้อง...ต้อง...อ่าน จน จบ
มิฉะนั้น.......ห้าม อ่าน โดยเด็ดขาด

วันก่อนนี้...17 สิงหาคม 54
คุณบัณฑิต ปิ่นมงคลกุล...ผู้ดำเนินรายการ ธรรมะ บันดาลใจ
ชวนผมไปบันทึกเทปรายการ เป็นตอนที่ 6
เรื่องที่คุยกันในรายการ ก็เน้นไปเกี่ยวกับ...หนี้
ต้นเหตุของหนี้ ความทุกข์ระทม ความเครียด ไปจนถึงจุดที่ผมรับไม่ไหว
ตัดสินใจ...ผูกคอตาย

ทำให้ผมมานึกได้ว่า ที่เคยเล่าไปในตอน...กรรมทันตา ผูกคอตาย
ยังมีบางอย่างที่คนฟัง คนอ่านอาจเข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อผิดไปบ้าง
เลยอยากเล่าขยายเพิ่มซะหน่อย ครับ
ในตอนนั้น ผมค้าขายรถยนต์มือสอง
ธุรกิจนี้น่ะมันไม่ผิดหรอก แต่ผมเองที่ทำตัวชั่วเลว ผิดศีลธรรม
ย้อมแมว โกหกหลอกลวง ทำธุรกิจแบบกะล่อนปลิ้นปล้อนสารพัด
บาปกรรม ก็เลยตามสนองผมอย่างเต็มที่
เงินทองที่ได้มา...เป็นเงินร้อน
หาได้มากเท่าไหร่ก็หมดไปอย่างไม่เข้าเรื่อง ฟุ้งเฟ้อใช้ชีวิตอย่างประมาท
ทำตัวเป็นเสี่ยหนุ่ม เสื้อผ้าเบรนเนม นาฬิกาต้องโรเล็กซ์ ปากกาดูป๊องค์
กินอยู่อย่างลืมตัว
บวกกับเงินลงทุนที่มีมาน้อย แต่ตะบันกู้...เยอะ
ทั้งๆ ที่เรียนด้านบริหารธุรกิจโดยตรง แต่ค้าขายไม่เป็น
ไม่สามารถเอาความรู้ที่เล่าเรียนมาอย่างดี ปรับใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงได้
ผิดพลาดไปหมดทุกเรื่อง
เริ่มตั้งแต่ค่าเช่าสถานที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโฆษณา เงินเดือนพนักงานลูกน้อง
หนักที่สุดก็...ดอกเบี้ยเงินกู้...สมัยนั้นแค่ร้อยละ 2 บาท 3 บาท ต่อเดือนยังแย่
พอเงินไม่พอก็ไปแลกเช็คกู้มาเพิ่มอีก เอาหนี้ใหม่ที่ใหญ่กว่าไปโปะหนี้เก่า
พอถึงเวลาจ่ายหาไม่ทัน ก็ไปกู้มากขึ้นไปอีก
แล้วก็กู้มากขึ้น...มากขึ้น...อีก กู้อันนี้โปะอันโน้น หมุนอุตลุตจนมึนตึ๊บ.บ..
ขนาดต้องขายบ้านที่พ่อแม่ของผมให้มาไปหลังหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่พอ
ต่อมาก็ต้องขายที่ดินแปลงสวยๆ ที่พ่อตา แม่ยายให้ภรรยาผมไปอีก
ขายแต่ละครั้งก็ไม่ได้ราคา เพราะรีบร้อนขาย...มันจวนตัว
ขนาดว่าไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวกลางคืน
อย่างที่บอก บาปกรรมทำไว้เยอะมาก
ต้องไปนอนในตะราง ที่โรงพัก และคุกคลองเปรม มาแล้ว

คนที่น่าสงสาร ต้องมาทุกข์แสนสาหัสกับผมด้วยก็คือ...คุณหม่อง ภรรยาของผม
ในตอนที่เริ่มธุรกิจ ผมคิดเอง ลุยเองไม่ฟังเสียงใคร
ภรรยาก็คอยทักท้วง คอยเบรก แต่ผมมันดื้อถือดีไม่ยอมฟัง
จนเค้าระอาไม่อยากยุ่ง
แต่พอปัญหามันสะสมมากขึ้น...มากขึ้น ความเครียดก็มากตามไปด้วย
เริ่มนอนไม่หลับ กินไม่ได้ หงุดหงิดพาลหาเรื่อง
เริ่มมีปากเสียงกันบ้าง จนหนักๆ ขึ้นก็ทะเลาะกัน...ผมนี่แหละหาเรื่องเค้าก่อนทุกที
ที่แย่ที่สุดคือ...ความละอาย
อายลูก อายเมีย เรานี่มันตัวล้างผลาญ เรามันห่วย มันแย่
ละอายที่ทำตัวเป็นพวกต้มตุ๋น หมดความภูมิใจในตัวเอง
ละอายที่ทำให้ครอบครัวลำบาก

พอเริ่มผิดนัดชำระ เจ้าหนี้ก็ตามทวงสารพัด
โทร.จิก โทร.ด่า มาตามทวงที่ออฟฟิซ ทวงที่บ้าน
ภรรยาก็หน้าเสีย หน้าดำทุกวัน
พอหมุนเงินไม่ทันจริงๆ ผมถูกจับคดีเช็คเด้ง คุณหม่อง ก็ต้องวิ่งเต้นประกันตัวออกมา...อย่างยากเย็น และเหนื่อยใจ
ไม่ใช่ครั้งเดียวนะครับ ถูกจับขณะที่ยังอุ้มลูกก็เคยมาแล้ว
ละอายมากๆ เข้าก็ไม่อยากอยู่ให้ครอบครัวต้องมาทนลำบากเพราะเราอีกแล้ว
ความเครียดมันรุมเร้า สุขภาพก็เริ่มแย่ ปวดตามข้อ ปวดตามกระดูก
ร่างกายมันหลั่งกรดยูลิคออกมาจนกลายเป็นโรคเก๊าท์
เจ็บปวดทรมานทุกครั้งที่ขยับตัว
ความทุกข์ทรมานที่มากจนอธิบายยังไงก็คงไม่เข้าใจ
ทุกข์กายน่ะพอรับสภาพได้ แต่ทุกข์ใจนี่สิ...สุดแสน
มันเหมือนน้ำที่ถูกตั้งไฟ...ค่อยๆ ร้อนขึ้น ร้อนขึ้น ร้อนขึ้นทีละนิด
ร้อนรนเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

จนกระทั่งวันหนึ่ง...ตื่นเช้ามาก็เหมือนเดิม
โทรศัพท์ดังขึ้นผมก็หน้าเสีย พอรับสายเสียงเจ้าหนี้ด่ามาอุตลุด
ภรรยาก็เดาได้ว่าอะไรเกิดขึ้น...ผมฟิวส์ขาด
สติอารมณ์มันพังทลาย หันไปทะเลาะกับคุณหม่อง ทันที
เธอก็คงจะสุดแสนจะทุกข์เหมือนกัน น้ำตาร่วงเป็นสาย...เดินหนีไป
เท่านั้นแหละ ละอายใจอย่างที่สุด อารมณ์ของผมก็ถึงจุดระเบิด
ตะโกนไล่หลังภรรยาไปว่า... ถ้าไม่มีฉันซะคนคงจะดีกว่านี้...
แล้วก็คว้าเชือกไนล่อนเส้นขนาดนิ้วก้อย วิ่งไปที่ดาดฟ้า
...ผูกคอตาย...
แปลกนะ มันไม่เจ็บ ไม่ปวดซักนิด...มันวูบ.บ..บ....ไปเลย

โชคยังดีอย่างมหาศาล วันนั้นพี่สาวกับพี่เขยของคุณหม่อง มาค้างที่บ้านด้วย
พี่เขยวิ่งขึ้นไปช่วยได้ทันอย่างหวุดหวิด เขาบอกว่า...
ได้ยินเสียงทะเลาะกันก็เอะใจ วิ่งขึ้นไปก็เห็น...ห้อยต่องแต่งอยู่แล้ว
พอฟื้นขึ้นมา เห็นภรรยานั่งร้องให้ไม่พูดไม่จา...มีแต่แววตาเท่านั้น ที่บอกทุกอย่าง
ทั้งตกใจ หวาดหวั่น...ทั้งเสียใจที่ผมคิดโง่ ๆ คิดสั้น ๆ
และทั้งดีใจอย่างที่สุด...ที่ผมยังไม่ตาย

หลังจากนอนไม่พูดไม่จาอยู่ครึ่งวัน ภรรยาก็เข้ามาคุยด้วย
มาปลอบใจ...มาบอกให้สู้
บอกให้ค่อยๆ คิดกันนะ เราสองคนต้องช่วยกันนะ
ส่วนผมน่ะ...พอเฉียดผ่านเส้นยาแดงของความตายมาได้
สภาพจิตใจก็เปลี่ยนไป
จากที่ท้อแท้ หมดแรงหมดอาลัยตายอยาก กลายเป็นเหี้ยมเกรียมขึ้น
ไม่ได้นึกเกรงกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆ ไปอีกแล้ว
ความตายมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยนึกไว้
มันแค่นิ๊ด.ด..เดียวเอง ระหว่างความเป็นกับความตาย
แค่นี้เอง จริง จริง...
แล้วถ้าอย่างนั้นจะกลัวอะไรอีกล่ะ ที่ผ่านมามัวแต่กลัว มันแต่เครียด
ต่อไปนี้ จะต่อสู้กับชีวิตให้ถึงที่สุด...ของที่สุด
รุ่งขึ้นอีกวัน ผมไปหาเจ้าหนี้ทุกราย
ไปเล่าให้ฟังว่า...เมื่อวานนี้ผมผูกคอตายแล้ว แต่ดันมีคนมาช่วยไว้
แล้วก็เปิดให้ดูรอยเชือกที่รอบคอ ซึ่งรอยเชือกนี้อยู่ไปเกือบ 10 วันแน่ะ
เจ้าหนี้ตกใจทุกคน กลัวผมตาย กลัวหนี้สูญ
บอกให้ผมใจเย็นๆ ยอมผ่อนผันยืดระยะเวลาให้

หลังจากนั้นผมกับภรรยา ก็หันมาคุยกันทุกเรื่อง ทุกความผิดพลาด
หาวิธีใช้หนี้ด้วยทั้งแบบที่เป็น วิทยาศาสตร์ และไม่ใช่วิทยาศาสตร์
ไอ้ที่ว่าเป็นวิทยาศาสตร์ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
แต่ที่ไม่ใช่น่ะ ขอให้ท่านที่เป็นแฟนใหม่ไปหาอ่านจากเรื่อง
...กรรมทันตา แรงฤทธิ์อธิษฐาน...ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากผ่านไปไม่นาน
และเรื่อง...กรรมทันตา อธิษฐานหนีกรรม...ซึ่งเกิดขึ้นต่อมา

วิธีการเอาชนะหนี้ของผมแบบที่เป็น วิทยาศาสตร์ คือ
หลังจากคุยปรึกษากันอย่างเข้าอกเข้าใจดีแล้ว ได้หนังสือของ อ.สุวรรณ วลัยเสถียร
ท่านบอก ต้องเอาทุกอย่างลงกระดาษ...เขียนออกมาให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม
ฝั่งซ้าย เป็นทรัพย์สินที่มี บ้าน รถ ถ้าขายตอนนี้จะได้ราคาเท่าไหร่เอาให้แน่
รายได้ที่มีอยู่ วันละเท่าไหร่ เดือนละเท่าไหร่ เอาให้ชัด
ฝั่งขวา เป็นรายจ่ายที่มีทุกอย่าง น้ำ ไฟ โทรศัพท์ ค่าผ่อนค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ
ค่าเสื้อผ้า อาหารแต่ละวัน แต่ละเดือน เอาให้ละเอียดยิบ
ที่สำคัญ...หนี้สินที่มีทั้งหมด ขอย้ำทั้งหมด
มีเท่าไหร่อะไรบ้าง ทั้งเงินกู้ ทั้งบัตรเครดิต มีกี่เจ้า กี่ใบ จดให้ละเอียด
ลงลึกถึงช่วงเวลาที่ต้องจ่าย เจ้าไหนต้องจ่ายวันไหน จ่ายครั้งละเท่าไหร่
เรียงวัน มาให้เห็นเด่นชัด...ห้ามหมกเม็ดโดยเด็ดขาด
ขอบอกว่า ถ้าอยากหมดหนี้ก็ต้องทำนะครับ
ตอนที่เขียนออกมาน่ะ...มันเจ็บปวดดีพึลึก เขียนไปเจ็บไป
โปรดฟังอีกครั้ง...ถ้าอยากหมดหนี้ ก็ต้องเขียนออกมาให้หมด

ถ้าคุณยอมเขียนทุกอย่างออกมา อีทีนี้ก็จะมองเห็นแล้วว่าจะเอายังไงต่อกันดี
คุณจะยอมมั้ย ถ้าหมดหนี้หมดสิน แต่...ไม่เหลืออะไรเลย
แล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่...เอามั๊ย
อ.สุวรรณ ท่านบอกให้หาเงินก้อนไปตัดหนี้ที่ร้ายแรงที่สุดก่อน
หนี้ที่ดอกแพง ดอกโหดที่สุดก่อน
ห้ามไปกู้นอกระบบมาอีกโดยเด็ดขาด ให้หันไปกู้จากธนาคารแล้วผ่อนอย่างเป็นระบบ
ยืดเวลาการผ่อนให้ได้ยาวที่สุด เพื่อให้จำนวนเงินค่างวดมันไม่มากเกินไป ไม่เกินจะรับไหว
แต่ถ้าหากู้ธนาคารไม่ได้ ก็ไม่ต้องกู้...ขายทรัพย์สินที่มีอยู่ทิ้งซะให้หมด
บ้านที่ผ่อนอยู่ ก็ขายแล้วไปหาเช่าซะก็ได้
รถที่ผ่อนจนหูตูบก็ขาย แล้วนั่งแท๊กซี่ หรือซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองมาแทน
ไม่ต้องสนใจใครหน้าไหนจะมอง จะนินทาเรายังไง
เพราะทุกวันนี้โดนทวงหนี้จนชาวบ้านเขาก็รู้กันหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องอายแล้ว
ถ้ายังทนทู่ซี้ต่อไป ก็ไม่วายต้องถูกฟ้องยึดบ้าน ยึดรถอยู่ดีแหละ
ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว...รีบขายทิ้งซะก่อนดีกว่า
คุยปรึกษา เล่าทุกอย่างให้ลูก ให้เมียเข้าใจและรับสภาพให้ได้
คนเราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน...วันนี้หมด พรุ่งนี้ก็หาใหม่ได้
ถ้าคุณทำอย่างที่ผมบอก ทุกอย่างก็จะเบาขึ้น

อ้อ...สำหรับคนที่เขียนออกมาแล้ว ไปไม่รอด
ไม่มีทรัพย์สินอะไรจะขายแล้ว แถมเจ้าหนี้ก็เร่งเร้าอย่างทารุณ
คำแนะนำสำหรับผม คือ...หยุดจ่าย บอกให้ท่านเจ้าหนี้ไปฟ้องเอา
ประนอมหนี้ที่ศาล...ดอกเบี้ยถูกกว่ามากมายก่ายกอง
คนที่เป็นข้าราชการ เจ้าหนี้ไม่สามารถบังคับยึดเงินเดือนเราได้แม้แต่บาทเดียว
แต่ที่ไม่ใช่ข้าราชการ ถึงที่สุดแล้วศาลท่านจะให้หักเงินเดือนไม่เกิน 30 เปอร์เชนต์...แค่นั้น
ส่วนท่านที่เป็นนักธุรกิจ ถึงแม้จะถูกฟ้องล้มละลายก็ช่างมันเหอะ
มีเศรษฐีพันล้านถูกล้มละลายเยอะแยะไป ไม่ต้องอายใคร
ทุกวันนี้มองไปรอบ ๆ ขอถามหน่อยเหอะ...คนที่ไม่เป็นหนี้ มีสักกี่คน

หรือคนที่ไม่ไหวแล้ว ไม่รอดแล้ว เจ้าหนี้โหดร้ายมาก
แนะนำให้...หนี...หนีไปไกลๆ หนีไปตั้งหลัก
ไม่ได้ให้โกงเค้านะครับ ไปตั้งหลักหาเงินได้แล้วค่อยเอามาใช้

เขียนมายาวเกินไปแล้ว ขอต่อตอนหน้านะครับ
ต้องตามมาอ่านให้ครบ ห้ามพลาดเด็ดขาด



อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com

จากคุณ    : tobeteam
14  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เพื่อนสมาชิก มีความเห็นอย่างไร กับบอร์ดธรรมะ โพสต์จา หยาบคาย เมื่อ: เมษายน 21, 2011, 10:36:49 am
คือผมได้ไปอ่านมาหลายเว็บ ที่ใช้วาจาหยาบคาย กับการสนทนาธรรม ครับ

ตัวอย่างลองอ่านนะครับ
http://www.yabkai.net/webboard/lofiversion/index.php/t340.html



ธรรมะสายตรงหรือไม่ ครับ

หรือยังห่างธรรมะ

หรือเพียงเพื่อ....ต้องการแสดงตัวตน

 :021:
15  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลำนำ การตัดสินใจ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 01:11:55 pm
ไม่รู้จะทำยังไงดี
จะอยู่ก็ทุกข์ จะเดินออกก็ห่วง

อยากเป็นเด็กเลว ทำอะไรตามใจตัวเอง
อยากเดินเข้าไปหา แล้วบอกว่าขอโทษ
อยากเดินเข้าไปกอด แล้วบอกว่า รักนะ

แต่สิ่งที่ทำได้ ทำได้แค่ยืนมองอยู่ห่างๆ
เวียนวนไปหา แวะเวียนเอาของไปให้
เพียงแค่อยากให้ เพียงแค่คิดถึง
บอกตัวเองไม่ถูกว่า ทำำไมไม่ทำตามใจต้องการ
เกือบปีแล้ว ที่เรื่องราวเป็นแบบนี้
ตัดสินใจไม่ได้ซักที

บางทีถ้าเลือกที่จะเดินไปหา
บางทีถ้าเลือกเดินไปคุย
บางทีถ้าเลือกทำอะไรตามใจตัวเองมากกว่านี้
เรื่องราวอาจจะจบไปแล้วก็ได้
ไม่ต้องยืดเยื้อ..มาจนแบบนี้

เฝ้าแต่ตามหา เฝ้าแต่คิดถึง
แล้วไง ได้แต่คิด ได้แต่ฝัน
ฝันลมลมแล้งๆ ฝันไปวันวัน

ฝันว่าสักวันหนึ่ง จะได้ยินเสียงจากคนปลายสาย
ไม่ว่าดี จะร้าย ก็ช่างหัวมัน
จะด่า จะว่า จะหัวเราะ จะดีใจ
อะไรก็ได้ รับได้ทั้งนั้น

ก็ทำได้แค่นี้

ทำไมนะเราถึงกลายเป็นขี้ขลาด
ไม่กล้าตัดสินใจ ที่จะทำอะไร

ใจสั่นอีกแล้วใช่ไหมวันนี้
บอกแล้วว่าหยุด อย่าทำอะไรที่ทำร้ายตัวเอง
ด้วยการกระทำแบบนี้
อยากจะให้ชินชา ไม่สำเร็จหรอก
ในเมื่อทุกครั้งที่ทำ ใจสั่นขนาดนี้
ในเมื่อทุกครั้งที่รับรู้เรื่องราว ใจสั่นขนาดนี้

จะทนได้อีกเท่าไหร่หนอ
อยู่ หรือ ไป
คำตอบสุดท้าย.............
และท้ายสุด.................

วันนึงก็ต้องตัดสินใจ......

จะทำร้ายหัวใจตัวเอง หรือคนที่รักเรา


fwd mail
16  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมเข้าปฏิบัติธรรมประจำเดือนมีนาคม 26 - 27 มี.ค. 2554 วัดราชสิทธาราม เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 08:59:21 am
ขอเชิญร่วมเข้าปฏิบัติธรรมประจำเดือนมีนาคม 2554

ระหว่างวันที่ 26-27 มีนาคม พ.ศ. 2554

ลงทะเบียนวันเสาร์ที่26 มีนาคม  2554 เวลา 09.30 น.

ที่คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม(พลับ)
 ซอยอิสรภาพ ๒๓ เขตบางกอกใหญ่ แขวงวัดอรุณ กรุงเทพฯ 10600

(ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ)


 กำหนดการปฏิบัติธรรมเดือนมีนาคม

   

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554 แรม 7 ค่ำ เดือน 4

                   เวลา ๐๙.๐๐น.-๑๐.๐๐น.     ลงทะเบียน  รับประทานอาหารเช้า

                   เวลา ๑๐.๐๐น. ๑๑.๐๐น.     รับศีลแปด ขึ้นกรรมฐาน บอกกรรมฐานมัชฌิมา

                                                   นั่งกรรมฐาน ตรวจน้ำ รับประทานอาหารกลางวัน

                   เวลา ๑๓.๐๐น.-๑๔.๐๐น.    ฟังบรรยายธรรม  พักดื่มน้ำปานะ

                   เวลา ๑๔.๓๐น.-๑๖.๓๐น.    เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม อาบน้ำทำ ธุระส่วนตัว

                   เวลา ๑๖.๓๐น.- ๑๗.๐๐น.   ทำวัตรเย็น นั่งกรรมฐาน ตามอัธยาศัย เข้านอน

               

  วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2554   แรม 8 ค่ำ เดือน 4

                        เวลา ๐๖.๓๐น.-๐๗.๐๐น.     ทำวัตรเช้า นั่งกรรมฐาน รับประทานอาหารเช้า

                   เวลา ๑๐.๐๐น. ๑๑.๐๐น.     นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม รับประทานอาหารกลางวัน

                   เวลา ๑๓.๐๐น.-๑๔.๐๐น.    ฟังบรรยายธรรม  พักดื่มน้ำปานะ

                   เวลา ๑๔.๓๐น.-๑๖.๓๐น.    เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม อาบน้ำทำธุรส่วนตัว

                   เวลา ๑๖.๓๐น.- ๑๗.๐๐น.   ทำวัตรเย็น ลาศีล กลับบ้าน

                 การเดินทางโดยรถประจำทาง หรือรถตู้ 19 40 56 57 149 ผ่าน ซอยอิสรภาพ ๒๓

                  ทางเรือ เรือหางยาวโดยสาร ขึ้นท่าเรือวัดสังข์จาย ท่าเรือวัดอรุณฯ

 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)

คณะ ๕ ซอยอิสรภาพ ๒๓ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ

โทร. ๐๒-๔๖๕-๒๕๕๒, ๐๘๔-๖๕๑-๗๐๒๓

พระครูสิทธิสังงวร (หลวงพ่อวีระ)
17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิดีโอคลิปที่อดีตพระรูปหนึ่งแอบถ่ายสีกาอาบน้ำมนต์ในห้องน้ำของ วัดนับร้อยคนในเขมร เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 02:38:46 pm
วิดีโอคลิปที่อดีตพระรูปหนึ่งแอบถ่ายสีกาอาบน้ำมนต์ในห้องน้ำของ วัดนับร้อยคนในกัมพูชา กำลังแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางผ่านโทรศัพท์มือถือ ทางการต้องออกเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันหยุดยั้ง

นายเขียว กัญฤทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าวได้ ออกวิงวอนถึงสาธารณชนทั่วไปให้ช่วยกัน สอดส่องและทำลายวิดีโอคลิปที่พระเนตร คาย (Neth Khay) แห่งวัดสระจอก (Sra Chork) ในกรุงพนมเปญแอบถ่ายเอาไว้ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา โดยซุกซ่อนกล้องขนาดเล็กเอาไว้ที่กระถางธูปในห้องน้ำ สำหรับสีกาอาบน้ำมนต์ ที่บั่นทอนศีลธรรมของสังคม

ทั้งนี้ ตำรวจได้จับกุมพระคายวัย 35 ปีได้ในวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา และต่อมาได้จับสึก และถูกตำรวจตั้งข้อหาผลิตภาพและแจกจ่ายลามกอานาจร ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ซึ่งมีโทษจำคุกถึง 1 ปี สมีหนุ่มได้สารภาพว่า แอบถ่ายสีกามาแล้วนับร้อยๆ คน ทั้งสาวทั้งแก่ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจพบ ภาพเปลือยของสีกากว่า 300 ภาพในเม็มโมรีการ์ด 4 แผ่น กับโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง พบวีซีดี 82 แผ่นบรรจุวิดีโอคลิปกับภาพนิ่งอื่นๆ ในรถยนต์เล็กซัส ซึ่งเป็นรถส่วนตัวของพระคาย เจ้าหน้าที่ยังพบเงินสดกว่า 5,100 ดอลลาร์ เงินเรียลอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทำให้สงสัยว่าพระรูปนี้ อาจจะส่งภาพโป๊กับวิดีโอลามกออกจำหน่ายในตลาด

ทางการกล่าวว่าตอนนี้วิดีโอคลิปเหล่านั้น กำลังแพร่จากคนหนึ่งไปยังคนอื่นๆ โดยส่งผ่านอุปกรณ์บลูทูธของโทรศัพท์มือถือ โดยนายเขียวกล่าวว่า การแพร่ภาพนิ่งกับภาพเคลื่อนไหวลามกอนาจาร เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และผู้กระทำผิดจะถูกลงโทษเช่นเดียวกับ "พระเลว" รูปนั้น รัฐมนตรีกัมพูชายังเรียกร้องให้ ประชาชนช่วยกันเผยแพร่สิ่งที่ดีงามผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อลบล้างสิ่งที่พระคายก่อเอาไว้
18  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ในพระพุทธานุสสติ ใช้ฤทธิ์ ได้หรือป่าวครับ เมื่อ: มกราคม 01, 2011, 08:18:50 pm
ในพระพุทธานุสสติ ใช้ฤทธิ์ ได้หรือป่าวครับ

 ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีการสอนส่วนนี้หรือป่าวครับ

 
19  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทานงาประจำ.. ทำลายความแก่..! เมื่อ: ธันวาคม 24, 2010, 12:50:15 pm
ทานงาประจำ.. ทำลายความแก่..!
 

‘งา’ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง งาช้าง แต่หมายถึง ‘งา’ อาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์นานัปการ ‘มุมสุขภาพ-กินดี’ วันนี้ จึงขอแนะนำให้ผู้อ่านทราบถึงคุณค่าของงา


เริ่ม จาก ‘งาดำ’ ที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ มักอยู่ในรูปของส่วนผสมในเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ การรับประทานงาดำจะช่วยให้นอนหลับได้สนิท และตื่นนอนพร้อมความรู้สึกสดชื่นกระปรี้ประเปร่า ทั้งยังป้องกันเหน็บชา ป้องกันอาการท้องผูก บำรุงกระดูก และบำรุงรากผม ทำให้ผมดกดำ


ส่วน ‘น้ำมันงาดิบ’ หากนำมาใช้นวดตัวเป็นประจำ ช่วยปรับระบบประสาท คลายกล้ามเนื้อ ชะลอความเสื่อมของผิวหนังและกล้ามเนื้อ ให้แลดูอ่อนเยาว์กว่าวัยอยู่เสมอ


อย่าง ไรก็ตาม งา ถือเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิด เช่น บี1, 2, 3, 5, 6 และ 9 มีสรรพคุณในการช่วยย่อยไขมัน ลดคอเลสเตอรอล ทั้งยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอความแก่ และเป็นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็ง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย


สำหรับเมนูสุขภาพที่ปรุงจากงา ทำไม่ยากที่จะแนะนำ คือ ‘เกี๊ยวกรอบคลุกงา’ มีส่วนเพียงไม่กี่อย่าง ประกอบด้วย


•แผ่นเกี๊ยว

•งาขาว และงาดำ อย่างละ 4 ช้อนโต๊ะ

•เกลือ พอประมาณ

•น้ำมันพืชสำหรับทอด พอประมาณ


ส่วน ขั้นตอนในการทำ เริ่มด้วยการนำงาทั้งสองชนิดมาผสมกัน นำแผ่นเกี๊ยวพรมน้ำเล็กน้อย จากนั้นโรยหน้าด้วยงาที่ผสมรอไว้ นำลงทอดในกระทะที่มีน้ำมัน 1 ใน 3 ทอดจนแผ่นเกี๊ยวฟูและเหลืองกรอบ ตักขึ้นซับน้ำมันแล้วโรยเกลือเล็กน้อย สามารถรับประทานพร้อมน้ำจิ้มรสหวาน หรือนำไปใส่ในสลัดผักก็ยังได้



เมื่อทราบว่า ‘งา’ อัดแน่นไปด้วยสรรพคุณควรคู่กับร่างกายแล้ว อย่าลืมรับประทานงาเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง.
20  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แบทดสอบทายนิสัยกัน ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ ลองมาทำข้อสอบวัดตนเองดูครับ เมื่อ: ธันวาคม 23, 2010, 04:48:14 pm
แบทดสอบทายนิสัยกัน
แต่ห้ามดูเฉลยก่อนนะ เดี๋ยวไม่แม่น
เลือกข้อที่ใกล้เคียงมากที่สุดนะ

1. บุคคลิกภาพของคุณเป็นอย่างไร ?
(I) ชอบสันโดษ , คิดก่อนทำ , มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากตัวเองเป็นใหญ่
(E) ชอบเข้าสังคม , ชอบไปงานสังสรรค์ , ทำก่อนคิด , มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากคน-สิ่งของ , สิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่

2. เมื่อคุณมีข้อมูลที่ต้องพิจารณา คุณจะพิจารณาข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร ?
(S) ดูถึงรายละเอียดของข้อมูล , ดูถึงปัญหาปัจจุบัน , ดูถึงหลักความเป็นจริง
(N) ดูถึงภาพรวมหรือข้อสรุปของข้อมูล , คาดการณ์ล่วงหน้า , ดูถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น

3. คุณใช้อะไรในการตัดสินใจกับปัญหา ? ( โดยสัญชาตญาณของคุณ)
(T) ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ , ใช้หลักตรรกวิทยาความถูกต้อง , คิดถึงผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจ
(F) ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ , ตัดสินใจจากความชอบ , ความต้องการ , คิดถึงความต้องการและการตอบสนองของตน

4. คุณมีวิธีการดำเนินชีวิตอย่างไร ?
(J) ชอบวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวัน , ชอบตั้งเป้าหมาย ระยะเวลา วันที่ในการทำ , ชอบตัดสินใจ เพื่อให้จบปัญหา
(P) ยอมรับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งรอบตัว , ไม่ยึดติด , มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ , รับฟังความคิดผู้อื่น

วิธีการ : เลือกตัวอักษรภาษาอังกฤษหน้าข้อที่เลือก แ ล้วนำมาเรียงกัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

คำเฉลย :


ISTJ ?-> ?The Duty Fulfiller ? ' ผู้สำเร็จ '
- มีสมาธิสูง , เงียบ , เป็นคนรักครอบครัว
- ละเอียด , จริงจัง และ ไว้ใจได้
- ทำงานหนัก , เจ้าระเบียบ และ มีความรับผิดชอบสูง
- อาจจะทำให้ถูกเอาเปรียบได้ เพราะความที่เขาซื้อสัตย์และเป็นที่พึ่งได้
- ไม่เก่งเรื่องของความรู้สึก

ISTP ?-> ?The Mechanic ?' ช่างเครื่อง '
- เงียบ , ชอบผจญภัย และ กีฬา
- ชอบเสี่ย ง , เป็นตัวของตัวเอง , แก้ปัญหาเก่ง
- มองโลกในแง่ดี แต่อาจโกรธง่ายตอนเครียด
- ปกติไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้คนอื่นอยู่ทั้งดีและไม่ดี

ISFJ ?-> ?The Nurturer ?' ผู้ดูแล '
- เงียบ , ใจดี , มีสติ
- มีความรับผิดชอบ แก่ภาระและหน้าที่
- คิดถึงคนอื่นก่อนตัว , จำคนเก่ง
- เสียกำลังใจเมื่อถูกวิจารณ์
- ชอบเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเอง

ISFP ?-> ?The Artist ?' ศิลปิน '
- เงียบ , ใจดี , จริงจัง และ อ่อนไหว
- ไม่ชอบการโต้แย้ง , ไม่ชอบระเบียบ
- ความคิดสร้างสรรค์ และ ไม่เหมือนใคร
- รักขอบสวยของงาม
- เข้าใจยาก , เปิดเผยตัวเองกับคนใกล้ชิดเท่านั้น
- ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง

INFJ ?-> ?The Protector ?' ผ ู้ป้องกัน '
- ความคิดสร้างสรรค์ , อ่อนไหว , เป็นตัวของตัวเอง
- เก่งเรื่องคน และ สถานการณ์
- เป็นคนลึกซึ้ง , ซับซ้อน , ชอบความเป็นส่วนตัว
- เ ข้าใจยาก , มีความมั่นใจในตัวเองสูง , ดื้อรั้นต่อความคิดของผู้อื่น
- ไม่ชอบการโต้แย้ง

INFP ?-> ?The Idealist ?' นักอุดมการณ์ '
- เงียบ , ซื่อสัตย์ , ชอบอุดมการณ์
- ชอบช่วยเหลือ และ เข้าใจคนอื่น
- ไม่ชอบการโต้แย้ง
- ซื่อสัตย์ต่อตนเอง
- มีความคิดสร้างสรรค์

INTJ ?-> ?The Scientist ?' นักวิทยาศาสตร์ '
- ฉลาด . มุ่งมั่น , ไม่เหมือนใคร
- เป็นผู้นำที่ดี , มีความมั่นใจสูง , มองการณ์ไกล
- ชอบคิดคนเดียว และ ชอบอยู่คนเดียว , ชอบด่วนสรุป
- ไม่ชอบรายละเอียด , คิดว่าตนเองถูกเสมอ
- บอกความรู้สึกไม่เก่ง , จะมีปัญหากับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด

INTP ?-> ?The Thinker ?' นักคิด '
- ความคิดสร้างสรรค์ , เป็นตัวของตัวเอง , มีเหตุมีผลและมีความสามารถสูง
- ไม่อยากถูกนำหรือนำคนอื่น , ไม่ชอบระเบียบ
- ใช้เวลาในหัวตัวเองมาก , ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
- เงียบ , ไม่ค่อยรู้ว่าคนอื่นรู้สึกยังไง
- ม ีอารมณ์ซับซ้อน , ไม่อยู่นิ่ง และ แปรปรวน

ESTP ?-> ?The Doer ?' ผู้กระทำ '
- เป็นมิตร , ยืดหยุ่นง่าย , เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเก่ง
- ไม่ชอบคำอธิบาย แต่ต้องการแค่ผลลัพธ์
- ใช้ชีวิตที่สนุกสนาน จึงทำให้ผ่านไปเร็ว
- รักสนุก , สามารถทำร้ายจิตใจผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
- ไม่ชอบเคารพกฎระเบียบ
- เบื่อง่าย

ESTJ ?-> ?The Guardian ?' ผู้พิทักษ์ '
- มีระเบียบ , ซื่อตรง , ตรงไปตรงมา
- มีความมั่นใจในตัวเอง , มีความสามารถ . ทำงานหนัก , เป็นผู้นำ
- ชอบความปลอดภัย และ ควา มสงบสุข
- บอกความรู้สึก และ ความห่วงใยไม่เก่ง

ESFP ?-> ?The Performer ?' ผู้แสดง '
- อยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ , มีมนุษยสัมพันธ์ดี , รักสนุก และทำงานเป็นทีมได้ดี
- มองโลกในแง่ดี , ต้อนรับทุกคน แต่ก็เกลียดทุกคนได้เหมือนกัน
- ไม่ชอบงานประจำ , คิดมากเวลาเครียด
- รักสวยรักงาม

ESFJ ?-> ?The Caregiver ?' นั กใส่ใจ '
- มีน้ำใจ , คนชอบ , มีสติ , มีความรับผิดชอบ
- เก่งเรื่องคน , เข้าใจ , สนใจ และ ปรับตามคนได้
- ชอบให้คนชอบ , ชอบบริการผู้อื่นก่อนตนเอง
- รักสงบ และ ความปลอดภัย , ไว้ใจได้ , กระตือรือร้น
- อ่อนไหว , ต้องการการเห็นด้วยจากผู้อื่น

ENFP ?-> ?The Inspirer ?' ผู้มีแรงบันดาลใจ ' < BR>- มีความคิดสร้างสรรค์ , กระตือรือร้น , ยืดหยุ่น
- ต้อนรับไอเดียใหม่ ๆ เสมอ แต่จะเบื่อกับรายละเอียด
- มีมนุษยสัมพันธ์ดี , ชอบให้คนชอบ แต่ก็สามารถหลอกใช้ผู้อื่นได้ด้วย
- เป็นคนร่าเริง และชอบเป็นอิสระ

ENFJ ?-> ?The Giver ?' ผู้ให้ '
- มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก , ห่วงใยความรู้สึกของผู้อื่นเสมอ
- ไม่ชอบอยู่คนเดียว , ต้องการอยู่กับผู้อื่นตลอดเวลา
- มีความสามารถที่จะทำในสิ่งที่เขาชอบหลาย ๆ อย่าง
- มีความมั่นใจในตัวเอง , เจ้าระเบียบ

ENTP ?-> ?The Visionary ?' ผู้มีวิสัยทัศน์ '
- มีความคิดสร้างสรรค์ , ฉลาด , แ ก้ปัญหาเก่ง
- ชอบไอเดียใหม่ , ไม่ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ
- ชอบคุย , คุยเก่ง , หัวไว
- ไม่สนใจเรื่องความรู้สึก แต่เพียงจะให้งานสำเร็จ
- บางครั้งอาจจะเคร่งครัดกับคนรอบข้าง

ENTJ ? -> ?The Executive ?' ผู้บริหาร '
- เป็นผู้นำตั้งแต่เกิด , พูดต่อหน้าคนเก่ง , ฉลาด , มีความรู้
- เห็นความสำคัญในความรู้ และ ความสามารถ , ไม่มีความอดทนกับคนทำงานไม่เก่ง
- แก้ปัญหาเก่ง , สามารถเข้าใจปัญหาซับซ้อน
- เจ้ากี้เจ้าการ , ไม่มีความอดทน , เด็ดขาด , น่าเกรงขาม
21  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / รัก 7 แบบที่ไม่ควรคาดหวัง เมื่อ: ธันวาคม 23, 2010, 04:43:24 pm
รัก 7 แบบที่ไม่ควรคาดหวัง

                หนุ่มสาวสมัยนี้เจอกันปีปเดียวไฟฟ้าที่ลัดวงจรซะแล้ว  แต่ทุกครั้งที่สปาร์คกัน  ทุกคนก็คงหวังว่ารักนั้นจะอยู่ยั้งยืนยงอมตะนิรันดร์กาล  แต่สำหรับความรัก 7 แบบนี้ขอเตือนว่าอย่าหวังมากจะดีกว่า

รักเพราะเหงา

                ความรักแบบนี้จะเกิดกับคนที่ประกาศหาแฟนมาชาติกว่าแล้วก้ยังไม่มีใครยอม เสี่ยงตามมาเป้นหวานใจเสียที  เลยออกแนวเศร้า  เหงา  เว็งทีนี้ล่ะพอมีใครผ่านมาก้คว้าเรียบ  ขอให้เป็นเพสตรงข้ามเป็นพอ  แต่พอคบกันไปสักพัก  ความเหงาหายไปหุตาพลอยสว่าง  ถึงได้เห็นว่าอีตาอ้วนดำคนนี้ยังห่างไกลสเป็คเราหลายขุมนัก  แล้วมันเรื่องอะไรคนสวยเลือกได้ (แต่ไม่มีคนมาให้เลือก)  อย่างชั้นจะมาคบนายให้เสียเวลายะ  ว่าแล้วก้บอกเลิกวะเลย  จบข่าว!

รักทางเน็ต

                ก็ในเน็ตมีใครเค้าบอกความจริงกันบ้างล่ะ  ว่าชีวิตชั้นผ่านผุ้ชายมา 17 คนแล้ว  เป็นเกย์ไปซะ 7 ติดเอส์ไปวะ 3 แวทเข้าไปเถอะ  รับรองคุณจะได้เจอแต่พวกรูปหล่อพ่อรวย  สวยเหมือนนางงามจักวาลทั้งนั้น  ขนาดภาพยังเอารูปเพื่อนมาลง  ไม่ก้เป็นภาพพรีทัชบลสิวลบปานดำ  เติมปากให้อิ่มทำตาให้โต  เปลี่ยนทรงผมให้เก๋  เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา  เอ๊ะ! นี่มันเปลี่ยนทั้งหัวเลยนี่หว่า  แซทกันอยู่สามเดือน  พอถึงเวลานัดมาเจอตัวจริงแทบวิ่งหนีป่าราบ  แล้วจะไม่ให้เลิกได้ไงล่ะ

รักผัวเขา

                ตอนเจอกันใหม่ๆ  ในร้อยคนต้องมีซะ 80 ที่ไม่รู้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้มีเจ้าของอยู่แล้ว(แต่ก้มีเหมือนกันที่รู้ทั้ง รู้แต่ตูก็จเอา)  พอรู้ความจริง  แรกๆ  เราอาจจะยอมทนเป็นกีกได้เพราะคิดว่าเขาเลิอกกันเมื่อไหร่  ตำแหน่งตัวจริงคงไม่ไปไหนเสีย  แต่รอเท่าไหร่เบอร์หนึ่งก้แก่ง่ายตายช้าไม่เลิกรากับหวานในเสียที  แล้วมันเรื่องอะไรกิ๊กอย่างเราจะยอมทน  เพราะวัยสาวมันมีเวลาจำกัดขืนรอนานๆ  เดี๋ยวก้ได้ขึ้นคานกันพอดีสิ

รักโปรโมท

                ข้อนี้แต่ก่อนจำกัดอยู่ในวงการบันเทิง  ช่วงไหนหนังจะเข้าละครจะฉายก็เอาแล้ว  ต้องมีใครขึ้นมาทันที  พอละครจบรักก้จบตาม  แต่เดี๋ยวนี้รักโปรโมทกระจายไปทุกหย่อมหญ้า  โดยมากมักจะเป็นในหฒุ่คนกินแห้ว  แอบรักเขาเขาไม่สน  เลยต้องจัดฉาดเรียกเรทติ้งด้วยการเอาเพื่อนมาเล่นละครเป็นเพื่อนมาเล่นละคร เป็นแฟน  พอเป้าหมายตกหลุมพรางหลวมตัวมาจีบแล้ว  ถึงเวลาไสหัวเพื่อนกลับไปเดินสะดิ้งดุ้งดิ้งคนเดียวเหมือนเดิม

รักที่เงิน

                คติประจำใจของชทรมกระสือมีอยู่ว่า  หนังหน้าแย่ไม่เป็นไร  ขอให้กระเป๋าตุงไว้ก่อน  เป็นที่มาของคู่กิ่งทองใบตำแยทั้งหลายที่เราเห็นกันส่วนใหญ่ฝ่ายที่เงินมัก จะหน้าตาพอดูได้ (ถ้าปิดไฟ)  ส่วนกระสือนักสูบสวยล้ำหล่อเลิศแต่จนสต่างค์  ความรักแบบนี้จะหมดอายุได้ในสองกรณีหนึ่งคือฝ่ายมีตังค์เกิดไม่สบาย  เป้นโรคขี้เบื่อ  ทนเห็นอะไรซ้ำวากไม่ได้ต้องเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ  ไม่ก็ในกรณีที่สองคือผ่ายมีเงินจับได้ว่าสาวสวยสูงเนไปเลี้ยงแฟนตัวจริง  ถ้าไม่เจอสองข้อนี้นิยามความรักฉบับสตอเบอแหลก็จะดำเนินต่อไปตราบนานเท่านาน

รักแบบกิ๊กๆ

                กฎข้อบังคมของกีกก็มีอยู่แล้วว่าห้ามผุกพัน  ห้ามดื๊อ  ห้ามยื้อ  ห้ามทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ  และกีกไม่ไช่ชู้  เมื่อไหร่แฟนรู้ต้องเลิก  นั้นรักแบบกีกๆ  จึงเป้นรักที่มาเร็วไปเร็วที่สุด  แฟนตัวจริงเดินเฉียดมาในระยะ 100 เมตร  กิ๊กก้เสียชีวิตไปวะแล้วเหลือแต่คนแปลกหน้า 2 คนเท่านั้นเอง

รักเพราะสปอตไลท์

                รักแบบนี้มักเกิดในแหล่งท่องเที่ยวยามราตรี  พอโดนสปอตไลท์ส่องมาราศีก้จับให้ทุกคนกลายเป็นดัชช่บอยแอนด์เกิร์ลกันไปหมด  ไปฟ้าเลยลัดลงจรง่ายยักย้ายส่ายสะดพกไม่กี่เพลง  น้องก็โอเครับรักี่แล้ว  แต่พอรุ่งขึ้นเจอกันในแสงธรรมชาติ  หน้าที่เคยสวยใสทำไมมันดันมีแต่รอบสิวฝ้ากระครบเซ้ตหว่า  เมื่อความจริงเปิดเผยออกมา  ความหวังก็เลยสลายไปในบัดดล

                ที่มา : นิตยสาร SPICY
22  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ โดยท่ายืนได้หรือป่าวครับ เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 01:42:14 pm
ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ โดยท่ายืนได้หรือป่าวครับ

ปกติต้องฝึกในท่านั่ง ตัวผมเองมีความลำบากในท่านั่งครับ

จึงอยากทราบว่า ทำตามขั้นตอบแต่กำหนดในท่ายืน แทนได้หรือป่าวครับ

 :25:
23  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ดูแลผู้ป่วยในฐานะ เพื่อนมนุษย์ เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 05:28:28 pm
เวลานี้มีการกล่าวขานกันถึงเรื่อง "Humanized medicine" "Humanized care" และ "การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์" กันอย่างกว้างขวาง.

วาทกรรมเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหม่ แต่จริงๆ แล้วเป็นการต่อยอดจากแนวคิดในการดูแลผู้ป่วย แบบองค์รวม (holistic care) ที่เน้นการเชื่อมโยงมิติทางกาย (การเจ็บป่วยหรือโรค) เข้ากับมิติทางจิตและสังคมนั่นเอง ซึ่งแต่เดิมก็มีวาทกรรมเช่น "Whole-person care" "รักษาไข้- รักษาคน" เป็นต้น.

แนว คิดเหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงความพยายามในการผลักดันให้ภารแพทย์ (การดูแลผุ้ป่วยหรือเวชปฏิบัติ) หลุดจากกรอบการมองผู้ป่วยเป็นเพียงวัตถุ หรือชิ้นส่วนอวัยวะ (รักษาไข้) ที่ตัดขาดจากองค์รวมแห่งความเป็นมนุษย์ (รักษาคน) ที่ประกอบด้วยมิติทางกาย-จิต-สังคม (bio-psycho-social) ที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว (ดังที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า oneness หรือ wholeness).

กรอบการมองดังกล่าวได้พัฒนาเข้มข้นขึ้นตามวิวัฒนาการของ เทคโนโลยีทางการแพทย์และกระแสวัตถุนิยมและบริโภคนิยมในช่วงหลายทศวรรษที่ ผ่านมา ประกอบกับความสำเร็จของวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่สามารถเอาชนะโรคกายอันซับซ้อน ได้อย่างมหัศจรรย์ จึงเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้เป็นแพทย์สนใจดิ่งลงเฉพาะเทคโนโลยีทางการแพทย์. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาบันการแพทย์ระดับตติยภูมิที่มีหน้าที่หลักในการ ต่อสู้กับโรคกายอันซับซ้อน จำเป็นต้องทุ่มเทเวลาและทรัพยากรทั้งหมดเพื่อสร้างความสำเร็จในการรักษาโรค กายของผู้ป่วย จนไม่มีเวลาและความสนใจในการดูแลปัญหาด้านจิตใจและสังคมของผู้ป่วย. ส่วนแพทย์รุ่นใหม่ที่ผ่านการฝึกอบรมในโรงเรียนแพทย์ที่มีบรรยากาศในลักษณะ ดังกล่าวก็มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เห็นต้นแบบในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ซึ่งนับวันแต่จะร่อยหรอลงไป. เมื่อจบออกไปทำงานในสถานพยาบาลระดับชุมชนก็ให้การรักษาไข้แบบเดียวกับ โรงเรียนแพทยŒ ไม่มีความสนใจและทักษะในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม. มีแพทย์น้อยคนนักที่เรียนรู้ด้วยตนเองถึงการจัดระบบการดูแลผู้ป่วยที่เชื่อม โยงมิติทางกาย-จิต-สังคม และร่วมกับทีมสุขภาพในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การจัดกลุ่มมิตรภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยเอดส์เสริมต่อจากการให้บริการปกติ ทำให้ผู้ป่วยมีสุขภาพกาย จิต และจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง สามารถเปิดตัวต่อสาธารณะ เป็นแกนนำในการดูแลด้านจิตใจและสังคมของกลุ่มผู้ป่วยใหม่ และออกไปรณรงค์ในชุมชน เป็นต้น.

แพทย์ที่จะให้การดูแลผู้ป่วยแบบองค์ รวม หรือ humanized care จำเป็นต้องมีจิตใจแห่งความเป็นมนุษย์เป็นพื้นฐาน จึงเป็นสิ่งน่าท้าทายว่าเราจะหล่อหลอมแพทย์แบบนี้ได้ย่างไร.

ผมมี ประสบการณ์ในการทดลองให้นักศึกษาแพทย์เรียนรู้ปัญหาผู้ป่วยแบบองค์รวมและให้ การดูแลผู้ป่วยในฐานะเพื่อนมนุษย์ โดยมอบหมายให้นักศึกษาเลือกกรณีศึกษาผู้ป่วยในหอผู้ป่วยขณะออกฝึกปฏิบัติงาน ที่โรงพยาบาลชุมชน.

นักศึกษาท่านหนึ่ง เมื่อตามทีมแพทย์และพยาบาลเยี่ยมผู้ป่วยในหอผู้ป่วย พบว่าทีมงานมีความหนักใจกับผู้ป่วยอายุ 80 ปีรายหนึ่งที่เป็นอัมพาตและมีแผลกดทับ (bedsore) ลึกและกว้าง ซึ่งนอนในโรงพยาบาลมานานเป็นแรมเดือน. ปัญหามีว่าทุกครั้งที่พยาบาลจับผู้ป่วยพลิกตัวหรือทำแผลผู้ป่วยจะร้องเอะอะ ด้วยความเจ็บปวดและพูดว่าขอกลับไปตายที่บ้าน ทำให้ทีมงานรู้สึกเหนื่อยหน่าย และมีความรู้สึกด้านลบต่อผู้ป่วย.

นักศึกษาจึงได้เข้าไปพูดคุยกับ ลูกสาวของผู้ป่วยที่มาเฝ้าพ่อเป็นเวลานาน. ได้ประวัติว่าครอบครัวนี้อยู่ด้วยกัน 3 คน แม่ป่วยเป็นอัมพาตอยู่ก่อนมาหลายปี แต่ยังพอช่วยตัวเองได้บ้าง พ่อเพิ่งป่วยได้ไม่นาน ส่วนลูกสาวซึ่งหย่ากับสามี (โดยลูกๆ ขอไปอยู่กับสามี) ได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่ ทำงานรับจ้างรายวัน มีรายได้เล็กน้อย. เมื่อพ่อกลับจากการรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งแรกมาอยู่บ้าน ซึ่งยังช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องปล่อยให้แม่ซึ่งพิการช่วยป้อนข้าวป้อนน้ำให้พ่อ ส่วนตัวลูกสาวต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ไม่มีเวลาดูแลผู้ป่วย. ไม่นานผู้ป่วยก็เกิดแผลกดทับ ซึ่งค่อยๆ ลุกลามมากขึ้น ลูกสาวตัดสินใจใช้กรรไกรตัดเนื้อแผลที่เน่าตามคำแนะนำของเพื่อนบ้านจนเกิด ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ในที่สุดจึงพามาโรงพยาบาล และมาเฝ้าพ่อเป็นบางวัน. วันไหนเงินหมดก็ออกไปหางานทำ. บางครั้งไม่มีเงินก็ทนเดินจากโรงพยาบาลกลับบ้านเป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร. ผู้เป็นลูกสาวก็มีปัญหาทุกข์ใจและซึมเศร้าจากการหย่าร้างกับสามี แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม. ผู้ป่วยเองก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระให้ครอบครัว ก็บ่นว่าอยากตาย วันๆ ก็เอาแต่นอนซึม ไม่พูดจากับใคร.

การมองเห็นความทุกข์ที่ถาโถมครอบ ครัวนี้ และเห็นความเข้มแข็งของลูกสาวที่ดิ้นรนต่อสู้ชีวิตแสนสาหัส นักศึกษาเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจครอบครัวนี้ และเข้าไปพูดคุยกับผู้ป่วย ซึ่งในระยะแรกได้รับการเมินเฉย แต่ก็ไม่ย่อท้อ ในที่สุดผู้ป่วยก็ยอมรับน้ำใจของนักศึกษา ยอมให้พลิกตัวและทำแผล ไม่ส่งเสียงเอะอะก้าวร้าวดังเคย. นักศึกษาก็ได้ช่วยพลิกตัวผู้ป่วยช่วงเช้าและเย็น เสริมงานของทีมพยาบาล และเช็ดตัวให้ผู้ป่วยตอนเย็นทุกวัน โดยทำหน้าที่เสมือนญาติ (แทนลูกสาวที่ไม่ค่อยมีเวลามาดูพ่อ) พูดคุยให้กำลังใจผู้ป่วยและลูกสาวเป็นคนกลางในการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับ ทีมงาน ทำให้เกิดความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้น และร่วมกับทีมพยาบาลศึกษาปัญหาการเกิดแผลกดทับของผู้ป่วยที่เกิดขึ้นหลายราย ที่รับไว้ในหอผู้ป่วย ได้รับความไว้วางใจจากทีมพยาบาลให้ช่วยค้นคว้าองค์ความรู้และจัดทำแผนในการ ป้องกันและดูแลปัญหาแผลกดทับของผู้ป่วย.

กรณีนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึง การเรียนรู้ปัญหาผู้ป่วยอย่างเป็นองค์รวมของนักศึกษาจนเข้าใจและเข้าถึงผู้ ป่วยและครอบครัว โดยผ่านกระบวนดูแลผู้ป่วยในฐานะเพื่อนมนุษย์ เกิดความผูกพันและเมตตาต่อผู้ป่วยและครอบครัว และเกิดความภูมิใจในการช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์. ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้เรื่องการดูแลแผลกดทับ และการทำงานร่วมกับทีมของโรงพยาบาล.

ผมเชื่อว่าผู้ป่วยในหอผู้ป่วย ของโรงพยาบาลทุกแห่ง สามารถใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ปัญหาและการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมที่มีชีวิต ชีวาและสร้างความภูมิใจในตนเองของผู้เรียนได้เสมอ.
24  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เมื่อ: ธันวาคม 01, 2010, 06:13:36 pm

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
………..ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีคนอาศัยอยู่ร่วมกันแบบชุมชนท้องถิ่นชนบท วัดโคกเป็นวัดประจำหมู่บ้านมีเจ้าอาวาสชื่อสมภารหนูที่คนทั้งหมู่บ้านให้ ความเคารพศรัทธาและเชื่อว่าหากท่านพูดสิ่งใดแล้วมักจะเป็นไปตามนั้น หรือบางคนเรียกว่า “วาจาสิทธิ์” ไม่ว่าจะดูฤกษ์แต่งงาน ดูวันแรกนา ดูเคราะห์ ดูโชคลาง ฯลฯ ท่านสามารถเป็นที่พึ่งยามยากของคนชนบท นอกเหนือจากพิธีกรรมทางศาสนา และการเทศนาสั่งสอนกุลบุตรกุลธิดาให้อยู่ในขนบธรรมเนียม ประเพณีและจารีตแบบไทย
 
          ในหมู่บ้านมีสามีภรรยาฐานะยากจนคู่หนึ่ง ซึ่งนายมาผู้เป็นสามีเป็นคนไม่เชื่อโชคลางหรือคำทำนาย แกได้เป็นผัวเมียกับนางสาโดยใช้วิวาห์เหาะ(หนีมาอยู่กินกันโดยไม่ต้องแต่ง งาน) 
 
ทั้งคู่มีอาชีพทำนา พอถึงวันและเดือนที่ฝนตกลงมาตามฤดูกาล แกก็เริ่มไถเริ่มดำโดยไม่ดูฤกษ์ดูวัน ถือเอาวันไหนสะดวก สบายเนื้อสบายกายแกก็แรกเอง ยิ่งเรื่องโชคเรื่องลางไม่ต้องพูดถึง แกบอกว่าชาวบ้านอย่างมงาย โชคลางเป็นเรื่องมงคลตื่นข่าว และไม่ใช่กิจของสงฆ์ ชาวบ้านต่างไม่ถือสาแก เพราะต่างก็รู้นิสัยนายมาดีว่าแกเป็นคนอย่างไร อีกทั้งนางสาผู้เป็นเมียก็มิได้ขัดใจ 
 
ทั้งสองนอกจากทำนาเป็นอาชีพหลักแล้ว ยังต้องหาปลา และหาสัตว์พอได้ดำรงชีวิตแบบพอมีพอกิน แต่ไม่ค่อยพอเพียง ขอให้มีข้าวสารกรอกหม้อก็เพียงพอ ที่เหลือจากนั้นหากไม่มีอะไรมาเป็นเป็นสำรับกับข้าว ก็ใช้กะปิตำกับพริกขี้หนู กระเทียม และเติมมะนาวเล็กน้อยกลายเป็นน้ำชุบ(น้ำพริกปักษ์ใต้) จากนั้นก็หาผัก หญ้า หยวก ปลี (หยวกและปลีกล้วยน้ำว้า) เอามาต้มจิ้มน้ำพริก เป็นอาหารถูกปากรสเลิศ กินอิ่มนอนหลับ
 
          บ่ายวันหนึ่ง นางสาเตรียมตั้งเส้า (ใช้หิน 3 ก้อน ตั้งขึ้นแทนเตา) หาฟืนก่อไฟหุงข้าว และทำอาหาร ส่วนนายมาได้แบกสุ่มออกไปหาปลา เพราะเล็งเห็นตามประสบการณ์ว่า ถ้าฝนตกโปรยๆ แล้วปลามักจะขึ้นมาหากินในท้องทุ่งที่มีน้ำเจิ่งนอง แกเดินย่องไปตามคันนา มองเห็นปลาช่อนตัวใหญ่ แกใช้สุ่มครอบและกดไว้แน่น 
 
          หลังจากครอบปลาไว้แล้วแกนึกในใจว่า น่าลองวิชาท่านสมภารหนูดูสักครั้งว่าที่ท่านทำนายทายทักชาวบ้านนั้น ท่านหลอกหรือว่าจริง คิดได้ดังนั้น ก็เดินไปวัดด้วยความสบายใจ
 
          เมื่อไปถึงเห็นท่านสมภารนั่งอยู่ที่ใต้ร่มไม้ รายล้อมด้วยสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่พลอยมาอาศัยข้าวก้นบาตร อาทิ แมว สุนัข และไก่แจ้ นายมาเดินเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้ พอเป็นพิธีแล้วเอ่ยถามท่านสมภารหนูว่า “พระคุณท่านเย็นนี้ บ้านผมกินแกงอะไรครับ” นายมาถามด้วยรู้คำตอบอยู่แล้วว่า จะต้องเป็นแกงปลาช่อนแน่นอน หากสมภารตอบว่าแกงอย่างอื่นแล้วจะตรงกับข้อสันนิษฐานของเขาว่าหมอดูคู่กับ หมอเดา เหมือนกับว่าท่านสมภารรู้ความต้องการของนายมา จึงตอบไปว่า “กินกับน้ำชุบ” นายมากราบลาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ รวมทั้งความศรัทธาที่มีหลงเหลืออยู่บ้างได้มลายหายไปหมดสิ้นในครั้งนี้เอง
 
          นายมาเดินมาที่สุ่ม หมายล้วงเอาปลาช่อนตัวโต บังเอิญเหลือบตาไปเห็นกระจงวิ่งผ่านมา จึงลืมเรื่องปลาช่อน เขายกสุ่มวิ่งไล่ครอบกระจง ผลปรากฏว่าคว้าน้ำเหลว ทั้งปลาช่อนก็หนีไปและกระจงก็จับไม่ได้ เขาจึงแบกสุ่มกลับบ้าน 
 
          เมื่อมาถึงบ้านนางสาถามว่า “ได้อะไรมากินบ้างละ” นายมาไม่ตอบ นางสาจึงชวนผัวกินข้าวกับน้ำพริก ผักลวกที่นางตำเตรียมไว้ นายมานึกถึงคำที่ท่านสมภารหนูทำนายไว้เมื่อ
25  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีการทำสมาธิ สำหรับผู้เริ่มต้น ด้วยการนั่งสมาธิ ( ฉบับนักเรียน ) เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 01:45:19 pm
วิธีการทำสมาธิ สำหรับผู้เริ่มต้น ด้วยการนั่งสมาธิ


๑. ถ้านั่งกับพื้น ให้นั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย ตั้งกายตรง
ถ้านั่งบนเก้าอี้ ให้นั่งห้อยเท้าตามสบาย ตั้งกายตรง

๒. ยกมือพนมระหว่างอก กล่าวคำอธิษฐานสมาธิ
กล่าวว่า ” ข้าพเจ้า ระลึกถึง คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์ จงมาดลบันดาล ให้ใจของข้าพเจ้า จงรวมลงเป็นสมาธิ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ”

๓. เอามือลง วางบนตัก  มือขวาทับมือซ้าย  หลับตาเบา ๆ

๔. เริ่มบริกรรม พุทโธ ๆ ๆ   …….. ในใจจนกว่าจะเลิก ตามเวลาที่กำหนด
ปกติแนะนำให้ผู้เริ่มต้นนั่งสมาธิ นั่งสมาธิ 5- 30 นาที

๕. หลังจากนั้นให้ตั้งใจสวดแผ่เมตตาพิเศษ
กล่าวว่า “สัพเพ  สัตตา  สะทา โหนตุ,  อะเวรา  สุขะชีวิโน
ขอให้สัตว์ทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่มีเวรต่อกันและกัน จงเป็นผู้ดำรงชีพอยู่เป็นสุขทุกเมื่อเถิด
กะตัง ปุญญัง ผะลัง มัยหัง, สัพเพ ภาคี ภะวันตุ เต
ขอให้สัตว์ทั้งสิ้นนั้น จงเป็นผู้มีส่วนได้เสวยผลบุญ อันที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนั้นเทอญ”
26  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ความพยายาม ของคนที่คิดไม่ถึง ว่า จะทำกันจริง ๆ เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 03:08:22 pm








27  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / วิธีการตอบของพระพุทธเจ้า 4 ประการครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2010, 03:12:57 pm
การพยากรณ์ปัญหาของพระพุทธเจ้า 4 ประการครับ

การแก้ปัญหาในแง่เดียว  เอกังสะพยากรณ์
ตอบปัญหาแยก  วิภัชชะพยากรณ์
ถามย้อนกลับแล้วจึงตอบ ปฏิปุจฉาพยากรณ์
ไม่ต้องตอบเลยจะดีกว่า ฐปนีพยากรณ์


 :57: :72:
28  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เวียนเทียนกลางน้ำ หนึ่งเดียวในโลก ที่กว๊านพะเยา เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2010, 01:34:42 pm


เวียนเทียนกลางน้ำ หนึ่งเดียวในโลก ที่กว๊านพะเยา
วันที่ : 28 พฤษภาคม 2553
สถานที่ : วัดติโลกอาราม จังหวัดพะเยา
 
     จังหวัดพะเยา จัดกิจกรรม "เวียนเทียนกลางน้ำ หนึ่งเดียวในโลก ที่กว๊านพะเยา" 1 ปี มีเพียง 3 ครั้ง เฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา
 
     ขอเชิญพุทธศาสนิกชน และ นักท่องเที่ยว ลงเรือไปกราบสักการะหลวงพ่อศิลา พระพุทธรูปเก่าแก่ อายุกว่า 500 ปี ประดิษฐานอยู่ ณ วัดติโลกอาราม กลางกว๊านพะเยา พร้อมนั่งเรือเวียนเทียน 3 รอบ
 
     โดยวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี 2553 ตรงกับ วันมาฆบูชา , วันที่ 28 พฤษภาคม 2553 ตรงกับ วันวิสาขบูชา และสุดท้าย วันที่ 26 กรกฎาคม 2553 ตรงกับ วันอาสาฬหบูชา
 
     โดย ณ ท่าเรือวัดติโลกอาราม ถ.ชายกว๊าน จะมีเรือพายให้บริการตลอดทั้งวัน ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่มีทัศนียภาพสวยงามที่สุด คือ ช่วงตะวันตกดิน หรือ ประมาณ 18.00 น. เป็นต้นไป
 
แผนที่


เส้นทางการเดินทาง
จากแยกประตูชัยเข้าสู่ตัวเมืองพะเยาใช้ถนนประตูชัย ต่อด้วยถนนพหลโยธินไปจนถึงธนาคารกสิกรไทยเลี้ยวซ้ายลงสู่ถนนท่ากว๊าน วิ่งเลาะริมกว๊านจนถึงท่าเรือแจว ข้ามไปวัดติโลกอาราม
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย โทร. 0-5371-7433, 0-5374-4674-5
สายด่วนท่องเที่ยว 1672
 
ที่มา : http://thai.tourismthailand.org/festival-event/content-7634.html
29  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ดอกแค ดอกไม้ ที่มีประโยชน์มาก เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 12:48:29 pm
คนส่งจะได้ดีใจ
"แค" ประโยชน์จากดอกไม้กินได้
tag:ดอกแค

"แค" ประโยชน์จากดอกไม้กินได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    17 พฤศจิกายน 2552 16:54 น.
        "ต้นแค" เป็นต้นไม้พื้นบ้านของเราอีกอย่างหนึ่งที่คนไทยนิยมปลูก เพราะนอกจากใบแคที่ร่วงหล่นจะกลายเป็นปุ๋ยอย่างดีที่ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ แล้ว "ดอกแค" ก็ยังสามารถนำมาประกอบอาหาร และมีประโยชน์กับร่างกายมากอีกด้วย
       
        "ดอกแค" นั้น ถือเป็นอาหารที่คนโบราณจะกินแก้ไข้หัวลม หรืออาการไข้ที่จะเกิดในช่วงเปลี่ยนฤดู เปลี่ยนอากาศ ที่มักจะทำให้หลายๆ คนเกิดอาการไอ จาม ครั่นเนื้อครั่นตัวกันขึ้นมา โดยสารอาหารต่างๆนั้น ในดอกแค 100 กรัม หรือ 1 ขีด ให้พลังงานต่อร่างกาย 10 กิโลแคลอรี มีเส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง และวิตามินซี แต่การจะนำดอกแคมาทำอาหารนั้นจะต้องเด็ดเกสรสีเหลืองของดอกแคออกก่อนจะทำให้ ไม่มีรสขม
       
       อาหารจากดอกแคที่เรานิยมกินกันนั้น ก็มีทั้งแกงส้มดอกแค ดอกแคชุบแป้งทอด หรือดอกแคลวกจิ้มน้ำพริก ก็เป็นเมนูที่น่าลิ้มลองในช่วงที่อากาศใกล้จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นฤดูหนาวใน เวลาไม่นานนี้
30  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อยากให้พ่อหนู น่ารักอย่างนี้ จัง... เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 05:53:18 pm
สุราเมระยะ มัชฌะปะมาทัฏฐานะ เวระมะณี

อยากให้คุณพ่อทุกคน เลิกได้จริง ๆ

31  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ใครกลัวผี ต้องดูคลิปนี้ครับ.. เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 05:49:00 pm
ผมเองก็กลัวผีนะครับ






อยากให้คุณหัวเราะ หรือ ยิ้มกันบ้างครับ

32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เหตุอย่างนี้ ผลก็ได้อย่างนี้ เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 03:30:30 pm
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย
          เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์

 2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ
          เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน

 3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่
          เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน

 4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนใหญ่โต
          เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน

 5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก
          เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน

 6. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม
          เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน

 7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี
          เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน

 8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คนและมีเพื่อนมากมาย
          เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน

 9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า
          เพราะคุณเคารพและให้ความช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติในชาติก่อน

 10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า 
          เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน

 11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง
          เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน

 12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น
          เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย

 13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้
          เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน

 14. เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส
          เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ

 15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อนและหูหนวก
          เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่

 16. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ
          เพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ

 17. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย
          เพราะชาติก่อนคุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์

 18. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา
          ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด

 19. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม
          คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า 
33  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระเข้าพรรษาแล้ว เิดินทางไปไหนได้หรือป่าวครับ เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2010, 12:40:36 pm
พระเข้าพรรษาแล้ว เิดินทางไปไหนได้หรือป่าวครับ

แบบว่าต้องอยู่แต่ในวัด 3 เดือน เลยใช่หรือป่าวครับ
 :smiley_confused1:
หน้า: [1]