ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - ยอดชาย
หน้า: 1 2 [3]
81  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ไขปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย เมื่อ: กันยายน 21, 2010, 05:30:15 pm
ไขปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย



มนุษย์และสัตว์มิได้สิ้น สุดที่ความตาย เพราะการ "ตาย" หมายถึง สภาพร่างกายที่ไม่สามารถให้บริการแก่จิตวิญญาณใช้งาน ต่อไปได้อีก วิญญาณยังคงอยู่ ถึงแม้ร่างกายจะหมดอายุขัยไปแล้ว ทั้งนี้สภาพการตายจะบ่งบอกให้รู้ว่าจิตวิญญาณนั้นไปส ุคติหรือลงสู่นรกภูมิ




1. ตอนตายใหม่ ถ้าหากสีหน้าปกติ ร่างกายอ่อนนิ่ม สีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ เนื่องจากได้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ



2. ตอนตายใหม่ๆ หน้าตาซีดผาด เหมือนคนตกใจ แสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว



3. ตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัว เพราะความตกใจ บางคนจะกรีดร้องเสียงคล้ายสัตว์ คนเหล่านี้จะไปเกิดเป็นสัตว์ 4 ชนิด สังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก ตาจะมีน้ำตาออก หูจะมีขี้หู จมูกจะมีน้ำมูก ปากจะมีน้ำลายฟูมปาก เป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทาง เมื่อจิตวิญญาณออกทางนี้ จะเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท





- ตา ชอบดูสิ่งเหลวไหล ลุ่มหลงในรูปต่างๆ คนเหล่านี้เวลาใกล้ตาย ดวงตาจะเบิกกว้าง จะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดออกจากไข่)



- หู ชอบฟังเรื่องเหลวไหล เรื่องซุบซิบนินทา คนเหล่านี้เวลาตาย หูจะชันขึ้น จะไปเกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากครรภ์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย



- จมูก ชื่นชมกลิ่นคาวโลกีย์ เช่น เงินทอง สุรา นารี การพนัน ชื่อเสียงลาภยศ และค่านิยมที่ผิดศีลธรรม ฯลฯ จะไปเกิดเป็นแมลง มด ยุง แมลงวัน ฯลฯ บาปหนักมาก วิญญาณจึงถูกตีเป็นเศษวิญญาณ



- ปาก ชอบพูดเรื่องเหลวไหล พูดนินทา พูดวิจารณ์ พูดกล่าวร้ายป้ายสี ด่าคำหยาบคาย คนเหล่านี้เวลาตาย ปากจะอ้าค้างอยู่ตลอด จะเกิดเป็นสัตว์น้ำ ไปอยู่กับรสชาติที่โสโครกและสกปรก




เมื่อออกจากร่าง วิญญาณจะไปที่ไหน?



ดวง วิญญาณที่ออกจากร่างในตอนแรก จะวนเวียนอยู่บริเวณนั้น พอได้สติก็จะมีท่านมัจจุราชทำหน้าที่มานำเอาวิญญาณขอ งมนุษย์หรือสัตว์ที่ชะตาถึงฆาต พาไปยังยมโลก เพื่อตรวจสอบบาปบุญความดีความชั่ว ในขณะที่มีชีวิตอยู่




วิญญาณ บาปจะถูกนำตัวส่งไปนรก 8 ขุมใหญ่ แต่ละขุมแบ่งย่อยขุมละ 36 แห่ง แต่ละแห่งมีการลงทัณฑ์และทรมานอีก 800 ด่าน แต่ละด่านมีเครื่องทรมานนับไม่ถ้วน วิญญาณบางดวงอาจตกนรกทั้ง 8 ขุมเลยก็มี โดยเฉพาะคนที่ทำกรรมชั่วมหันต์ หรือเรียกว่า "อนันตริยกรรม" มีอยู่ 5 อย่าง คือ 1.ฆ่าพ่อ 2. ฆ่าแม่ 3. ฆ่าพระอรหันต์ 4. ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก 5. ทำร้ายพระพทุธเจ้าห้อเลือด



หลังจากที่คนเราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้ว เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย 7 วันให้หลังเขาจึงรู้ว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วันเพื่อรอพิจารณาคดี ในระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโล กที่กำลังง่วนอยู่กับงานศพ



เรามาดูปรากฏการณ์ 49 วัน ชีวิตหลังความตาย ขณะที่วิญญาณของผู้ตายออกจากร่าง ชีวิตหลังความตายก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้นในโลกที่ผู้ตา ยต้องเข้าไปเพียงลำพังเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้ เว้นเสียแต่บาปกับบุญเท่านั้น



เจ็ดวันรอบแรก



วิญญาณ ผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า ซึ่งมีฝูงหมาป่าดุร้ายเหมือนเสือขวางทาง เมื่อวิญญาณบาปไปถึง ก็เกิดหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไป ฝูงหมาป่าเห็นดังนั้น ก็กระโจนเข้าขย้ำขบกัดวิญญาณบาปจนเลือดท่วมตัว กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนา



ส่วนวิญญาณผู้ ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงดงหมาป่า ก็จะมีหมู่เทวทูตคอยพิทักษ์คุ้มครอง พวกหมาป่าได้แต่นิ่งเฉย ไม่กล้าทำอะไร จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย



เจ็ดวันรอบที่ สอง



เมื่อ วิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผี เจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่าน เมื่อเห็นเป็นวิญญาณบาป ก็จะทุบตีอย่างไม่ปรานี และยังมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันมาทวงหนี้เวลานั้น



ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงด่านประตูผี จะได้รับการต้อนรับและสามารถผ่านด่านนี้ไปโดยปลอดภัย



เจ็ดวันรอบที่ สาม



เมื่อ วิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก ถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกโซ่ตรวนไว้ และถูกบังคับนำไปอยู่ตรงหน้าหอกระจกส่องกรรม ยามมีชีวิตทำชั่วอะไร ภาพก็จะปรากฏขึ้นเองอย่างอัตโนมัติ เสร็จแล้วก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ ถึงวิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิด ตอนนี้แต่ก็สายเสียแล้ว



ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึง จะได้รับการต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวนรกขุมต่างๆ และพาไปดูสภาพของบรรดาญาติพี่น้องที่ ทำบาป กำลังรอคอยการพิจารณาตัดสินความผิด



เจ็ดวันรอบที่ สี่



เมื่อ มาถึงด่านภูเขากระดาษเงินกระดาษทอง การจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ยากลำบากมาก กระดาษเหล่านี้ได้มาจากลูกหลานญาติพี่น้องในเมืองมนุ ษย์หลงงมงายเผาส่งไปให้ ทับถมกันจนเป็นภูเขาเลากา ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโย ชน์



เจ็ดวันรอบที่ ห้า



วิญญาณ ผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม ได้เห็นลูกหลาน คนในครอบครัวต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับก ารตายของตน ถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าตนเองตายแล้ว ไม่อาจกลับบ้านได้อีก ได้แต่เสียใจอาลัยอาวรณ์



เจ็ดวันรอบที่ หก



เมื่อ วิญญาณผู้ตายมาถึงด่านคุมบัญชี ยมบาลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบาปบุญที่ผู้ตายได้ส ร้างสมตอนมีชีวิต หลังจากหักลบกันแล้ว ถ้าบุญมีมากกว่าบาปก็จะให??ไปเกิดยังสุคติภูมิ ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ จะส่งไปยังนรกภูมิ รับทุกข์อย่างน่าเวทนา



เจ็ดวันรอบที่ เจ็ด



เมื่อ วิญญาณผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบ ยมบาลก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดูว่า ผู้ตายตอนมีชีวิตอยู่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือไม่ ถ้าได้ถือศีลกิเจ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ก็จักลหุโทษ ถ้ามัวหลงผิดฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้องก็จะเพิ่ มโทษเป็นเท่าตัว.



ที่ กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ขอให้ทุกคนในขณะมีชีวิตอยู่นั้น เร่งสะสมความดีกันให้มากๆ นรก-สวรรค์นั้น ไม่ใช่สิ่งลวงโลก ตอนนี้ท่านอาจยังไม่เห็น แต่สักวันท่านก็ต้องเห็น กฏแห่งกรรมนั้นเป็นเรื่องจริง ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ...
82  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สรรพคุณของพืขผัก และอาหารบำบัดโรค เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 08:34:27 pm
สรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไรไว้ในหนังสือชื่อ     '
     ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ' เช่น
    1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด
    น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จ ะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง

    2. แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว
    3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมัน
    ไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด

    4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็น ประจำ
    สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี

    5. โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง

    6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า
    ( ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง )
    น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง

    7. ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก
    และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป

    8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี ( ไม้เมืองหนาว)
    กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้

    9.. โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย
    ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้

    10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด
    ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้

    11. ความจำเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ
    ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี

    12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง
    กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

    13. ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง

    14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี
    โดยเฉพาะรำข้าวกะหล่ำปลี
    ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม
    ข้อสำคัญอย่ากินไก่มาก เพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต

    15. มะเร็งปอด กิน ส้ม และ ผักใบเขียว มีวิตามินเอ
    อยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน

    16 แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี
    ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้

    17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก
    ช่วยให้อาการปั่นป่วน ในท้องเมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงานทุเลาลง

    18. เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด แก้ได้เพราะไขมันดี ' โมโรอันแซตเทอเรต '
    ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้ทำลายไขมันเลว ' คลอเลสเตอรอล ' ได้

    19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี
    ทำให้ระดับความดันเลือดลดลง

    20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโรลี่ และถั่วลิสง
    ซึ่งมีอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้

    พืชผักที่กินเป็นอาหารประจำวันนั้นนอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังมีสรรพคุณช่วย สร้างความสมดุลภายในร่างกายช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆได้ ถ้าได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง
    คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร
    โดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็น ภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ ลูกหลาน
    ไทยขอให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติที่จ้องฉกฉวยผล ประโยชน์จากทรัพย ากรธรรมชาติของ
    เราไปเป็นของตนทุกวิถีทาง ดังนั้นอนุชนรุ่นหลังจึงควรที่จะได้นำมาศึกษา ค้นคว้า
    และคิดค้นตามแนวทางที่บรรพบุรุษของเราท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้เพื่อนำมาใช้
    ให้เป็นประโยชน์ในด้านโภชนาการของคนไทยต่อไป.

    อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
    1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ
    ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์
    หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด
    เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้

    2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์
    หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

    3. มะเร็งรังไข่ อาการ
    ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์
& nbsp;   มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการ ปวดหลัง

    4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลูคีเมีย)
    อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว
    หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหารปวดตามข้อต่าง
    ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง

    5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ
    มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ
    เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร
    น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

    7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

    8. มะเร็งสมอง อา การ ปวดศีรษะนาน ๆ
    และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า
    และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ
    การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว
    ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

    9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก
    < SPAN lang=TH>หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำ หรือเป็นเวลานาน


    10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที
    มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบากหรือมีการขยายตัวของต่อมใน
    ลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

    11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร
    อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวด เร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย
    รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

    12. มะเร็งทรวงอก
    อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้
    บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10
    คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอก โดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น
    เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์
    ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

    13. มะเร็งลำไส้ อาการ
    น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติมีเลือดออกปนมากับอุจจาระ
    **** ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใ
    ช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคือ
    อาการของริดสีดวงทวาร แต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้

    14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้
    เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย

    15. มะเร็งผิวหนัง
    อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง
    ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา
    (Melanoma) คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น
    กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ด
    ทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมี อัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ
    ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล
    ตำรานี้ใช้แก้โรคมะเร็งผู้เป็นมะเร็งจะหายโดยไม่คาดคิด สำหรับมะเร็งจะหายภายใน       6 วัน วิธีรักษา - ไปที่ร้านย าจีน ซื้อหัวเตย 1 ตำลึง หัวขิง 1 ตำลึง ก้อนเกลือ 3 ก้อน
    นำมารวมกันแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 วัน ในน้ำ 1 ชาม จากนั้นให้ดื่มจนหมดชาม
    สรรพคุณในการรักษา - หลังจากดื่มยานี้แล้วควรดื่มน้ำตามมาก ๆ
    นำส่วนที่เหลือมารับประทาน
    ยานี้จะขับเอาของเสียออกทางอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ต้องตกใจ
    เป็นการขับของเสียออกหมดแล้วจะปกติ

    *** ตำรานี้ห้ามซื้อขาย หรือคิดเป็น เงินค่ารักษา
    และขออย่าได้เก็บไว้เป็นส่วนตัวโดยเด็ดขาด
    หากท่านผู้อื่นรับทราบด้วยใจศรัทธาและกุศลจิตของท่าน
    ท่านและครอบครัวจะประสบแต่ความสุข ความสมหวังทุกประการ

 :25: :25:
83  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ทำไม คำขึ้นพระกรรมฐาน แต่ละที่ จึงไม่เหมือนกัน เมื่อ: กันยายน 17, 2010, 10:42:13 am
แบบของวัดราชสิทธาราม ก็ยาว
ว่าลัดได้หรือป่าวครับ



การสมาทานพระกรรมฐาน
 
        เมื่อจะเรียนพระกรรมฐานนั้น ต้องมอบตัวต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ อาจารย์ ผู้บอกพระกรรมฐาน โดยให้จัดเตรียม ดอกไม้ ๕ กระทง ข้าวตอก ๕ กระทง เทียน ๕ เล่ม ธูป ๕ ดอก ใส่เรียงกันในถาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า มาขึ้นในวัน พฤหัสบดี ข้างขึ้น หรือ ข้างแรมก็ได้

บททำวัตรพระ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

(ให้ว่า ๓ หน)

        พุทธัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ

       อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ฯ

      เย จะ พุทธา อะตีตา จะ,      เย จะ พุทธา อะนาคะตา,
ปัจจุปปันนา จะ เย พุทธา,          อะหัง วันทามิ สัพพะทา,
พุทธานาหัสมิ ทาโสวะ,               พุทธา เม สามิกิสสะรา,
พุทธานัญ จะ สิเร ปาทา,             มัยหัง ติฏฐันตุ สัพพะทาฯ
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง,           พุทโธ เม สะระณัง วะรัง,
เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ,             โหตุ เม ชัยมังคะลัง ฯ
อุตตะมังเคนะ วันเทหัง,            ปาทปังสุง วะรุตตะมัง,
พุทโธ โย ขะลิโต โทโส,               พุทโธ ขะมะตุ ตัง มะมัง ฯ

(กราบแล้วหมอบลงว่า)

          ข้าจะขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระพุทธเจ้าและคุณพระพุทธเจ้า ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าจะขอนมัสการกราบไหว้พระพุทธเจ้า อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน สิ้นกาลนานทุกเมื่อ และข้าจะขอเป็นข้าแห่งพระพุทธเจ้า ขอพระพุทธเจ้าจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้า ขอพระบาทบาทาของพระพุทธเจ้า จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าสิ้นกาลนานทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งแก่ข้าเที่ยงแท้นักหนา ข้าไหว้ละอองธุลีพระบาท ทั้งพระลายลักษณ์สุริฉาย ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าด้วยคำสัจนี้เถิด อนึ่ง โทษอันใดข้าได้ประมาทพลาดพลั้งไว้ในพระพุทธเจ้า อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน ขอพระพุทธเจ้าจงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าพรพุทธเจ้านี้เถิด ฯ

(กราบ)

ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ

       สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปยินะโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติฯ

        เย จะ ธัมมา อะตีตา  จะ,     เย จะ ธัมมา อะนาคะตา,
ปัจจุปปันน จะ เย ธัมมา,              อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ
ธัมมานาหัสสมิทาโสวะ,               ธัมมา เม สามิกิสสะรา,
สัพเพ ธัมมาปิ ติฏฐันตุ,                 มะมัง สิเรวะ สัพพะทาฯ
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง,              ธัมโม เม สะระณัง วะรัง,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ,                 โหตุ เม ชัยมังคะลัง ฯ
อุตตะมังเคนะ วันเทหัง,               ธัมมัญ จะ ทุวิธัง วะรัง,
ธัมเม โย ขะลิโต โทโส,                  ธัมโม ขะมะตุ ตัง มะมังฯ

(กราบแล้วหมอบลงว่า)

        ข้าจะขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระปริยัติธรรมเจ้า และพระนวโลกุตตระธรรมเจ้า และคุณพระธรรมเจ้าในอดีต อนาคต ปัจจุบัน จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้า ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าจะขอนมัสการกราบไหว้พระธรรมเจ้าทั้งมวล อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบันสิ้นกาลทุกเมื่อ แลข้าจะขอเป็นข้าแห่งพระธรรมเจ้า ขอพระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้นจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้า ข้าขออาราธนาพระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้น จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าสิ้นกาลทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้นเป็นที่พึ่งแก่ข้าเที่ยงแท้นักหนา ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าด้วยคำสัจนี้เถิด ข้าขอกราบไหว้พระธรรมเจ้าทั้งสองประการอันประเสริฐ โทษอันใดข้าได้ประมาทพลาดพลั้งไว้ในพระธรรมเจ้าทั้งสองประการ ขอพระธรรมเจ้าทั้งสองประการ จงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าพระพุทธเจ้านี้เถิดฯ

(กราบ)

สังฆัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ

        สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคคานิ อัฏฐะ ปุริสุปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ ฯ

         เย จะ สังฆา อะตีตา จะ      เย จะ สังฆา อะนาคะตา
ปัจจุปปันนา จะ เย สังฆา             อะหัง วันทามิ สัพพะทา ฯ
สังฆานาหัสสะมิ ทาโสวะ             สังฆา เม สามิกิสสะรา
เตสัง คุณาปิ ติฏฐันตุ                    มะมัง สิเรวะ สัพพะทา ฯ
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง              สังโฆ เม สะระณัง วะรัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ,                โหตุ เม ชัยมังคะลังฯ
อุตตะมัง เคนะ วันเทหัง,             สังฆัญ จะ ทุวิโทตตะมัง,
สังเฆ โย ขะลิโต โทโส                   สังโฆ ขะมะตุ ตัง มะมัง ฯ

                                          (หมอบกราบแล้วว่า)

        ข้าขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระอริยสงฆ์เจ้า และคุณพระอริยสงฆ์เจ้า ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าจะขอนมัสการกราบไหว้พระอริยสงฆ์เจ้าอันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน สิ้นกาลทุกเมื่อ และข้าจะขอมอบตัวเป็นข้าแห่งพระอริยสงฆ์เจ้า ขอพระอริยสงฆ์เจ้าจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้าฯ ข้าขออาราธนาคุณแห่งพระอริสงฆ์เจ้า จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าสิ้นกาลทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระอริยสงฆ์เจ้าป็นที่พึ่งแก่ข้าเที่ยงแท้นักหนา ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าด้วยคำสัจนี้เถิด ข้าขอกราบไหว้พระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการอันประเสริฐ โทษอันใดข้าได้ประมาทพลาดพลังไว้ในพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการ ขอพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการ จงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าพระพุทธเจ้านั้นเถิดฯ

(กราบ)

อธิยายบททำวัตรกรรมฐาน

        บททำวัตรสวดมนต์นี้มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ใช้สวดทำวัตรเช้า เย็น และใช้สวดทำวัตรในการขึ้นพระกัมมัฎฐาน สมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน ได้นำมาจากกรุงศรีอยุธยา และใช้สวดกันเป็นประจำ ที่วัดราชสิทธารามนี้ มาเลิกสวดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ แต่พระภิกษุที่เรียนพระกัมมัฏฐานยังใช้สวดกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนคำแปลท้ายสวดมนต์นี้ มาแปลในสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อคราวทำสังคายนาสวดมนต์ แปล พ.ศ. ๒๓๖๔

คำอาราธนาพระกัมมัฏฐาน
(อธิษฐานสมาธินิมิต)
ของ สมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน

           ข้าขอภาวนาพระพุทธคุณเจ้า เพื่อจะขอเอายัง พระลักษณะ (พระรัศมี) พระขุททกาปีติธรรมเจ้า นี้จงได้ ขอพระพุทธเจ้าจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ ขอพระธรรมเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ ขอพระอริยสงฆ์เจ้าตั้งแรกแต่พระมหาอัญญาโกญฑัญญะเถรเจ้าโพ้นมาตราบเท่าถึง พระสงฆ์สมมุติในกาลบัดนี้ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ ขอพระอริยสงฆ์องค์ต้นอันสอนพระกัมมัฏฐานเจ้าทั้งมวล จงมาเป็นที่พุ่งแก่ข้านี้เถิดฯ ขอพระกัมมัฏฐานเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ

          อุกาสะ อุกาสะ ในที่นี้เล่า ข้าจะขอปฏิบัติบูชาตามคำสั่งสอนของพระสัพพัญญูโคดมเจ้า เพื่อจะขอเอายัง พระลักษณะ (พระรัศมี) พระขุททกาปีติธรรมเจ้านี้จงได้ ขอจงเจ้ากูมาปรากฏบังเกิดอยู่ใน จักขุทวาร มโนทวาร กายทวาร แห่งข้าในขณะเมื่อข้านั่งภาวนาอยู่นี้เถิดฯ

         อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจรณสัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธ ภควาติ ฯ

สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง

อรหัง  อรหัง  อรหัง
( องค์ภาวนา  พุทโธ )

http://www.oocities.com/weera2548/tamnan/samatan1.htm
84  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เกี่ยวกับเรื่องสังฆทาน ถึงจะดูตลก แต่ ก็น่าคิด ครับ เมื่อ: กันยายน 16, 2010, 10:05:41 am
พอดีตามเข้าไปดูเว็บ วัดเขาสวนวาง เห็น youtube เข้าท่าครับ

เลยนำมาโพสต์ ให้ชมกันในที่นี้ครับ

85  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ใจ ใจ ใจ เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 08:44:05 am
ใจ ของเรานั้น ไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า   เมื่อเราใส่อะไรเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่านั้น  สถานภาพของห้องก็จะเปลี่ยน ไปทันที  เป็นต้นว่าเรามีห้องว่างเปล่าอยู่ห้องหนึ่ง..........เมื่อ .........

เราใส่น้ำเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องน้ำ
เราใส่พระพุทธรูปเข้าไป  ก็จะกลายเป็นห้องพระ
เราใส่เครื่องมือปรุงอาหารเข้าไป  ก็จะกลายเป็นห้องครัว
เราใส่เครื่องนอนเข้าไป  ก็จะกลายเป็นห้องนอน
เราใส่ชุดรับแขกเข้าไป  ก็จะกลายเป็นห้องรับแขก
เราใส่บุคคลสำคัญเข้าไป  ก็จะกลายเป็นห้องวีไอพี
 
ห้องแห่งหัวใจของเราก็ไม่ต่างอะไรกับห้องว่างเปล่าที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเลย 
ทุกครั้งที่เราบรรจุอะไรเข้าไปในใจ  ใจของเราก็จะเปลี่ยนสถานภาพเหมือนกัน
เราใส่ความเมตตาเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจดี
เราใส่ธรรมะเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจบุญ
เราใส่ความโกรธเข้าไป  ก็จะกลายเป็นคนใจร้อน
เราใส่ความเลวเข้าไป  ก็จะกลายเป็นคนใจทราม
เราใส่ความกลัวเข้าไป  ก็จะกลายเป็นคนใจเสาะ
เราใส่ความเป็นนักสู้เข้าไป  ก็จะกลายเป็นคนใจสู้
เราใส่ความขาดสติเข้าไป  ก็จะกลายเป็นคนใจลอย

เห็นด้วยหรือไม่ว่า  ใจของเรานั้นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือกาย  เป็นสิ่งที่คอยออกแบบชีวิตของเราให้เป็นไปอย่างไรก็ได้   พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ใจเป็นนาย ใจเป็นผู้นำ  ใจเป็นผู้สร้างสรรค์ ....... หรือบางทีก็ตรัสว่า จิตฺเตน นียติ  โลโก แปลว่า โลกหมุนไปตามใจสั่งการ โลกในที่นี้ หมายถึง  ชีวิตของเรานั่นเอง โลกคือชีวิต จะหมุนซ้าย หมุนขวา  หมุ ชีวิตจะเป็นอย่างไร รุ่งโรจน์หรือร่วงโรย ขึ้นสูงหรือลงต่ำ  สำคัญที่เราบรรจุอะไรลงไปในใจของเราเอง ...

86  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปัญหามีให้สู้ ไม่ได้มีไว้ถอย เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 08:48:35 am
ปัญหามีให้สู้ ไม่ใช่ให้ถอย !!!



" ก๊อกๆๆๆๆ "
เสียงเคาะประตูที่ดังผ่านแผ่นไม้มาพร้อมๆกับเสียง
ที่ดูเหมือนกับเป็นคำสั่งว่า " ตื่นนอนได้แล้ว
จะได้ช่วยกันทำงาน "
เด็กน้อยคนหนึ่งตื่นขึ้นมา ท่าทางงัวเงีย สลึมสลือ
มือจับผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงมาพับและตอบรับเสียงปลุกนั้น

" อืม.....ตื่นแล้ว ได้ยินแล้ว "
" นี่วันหยุดนะเนี่ย " เด็กน้อยบ่นกับตัวเอง

" เดี๋ยวกินข้าวเสร็จไปถอนหญ้าที่ไร่นะ "
พ่อสั่งขณะที่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาให้ลูกชาย
เด็กน้อยพยักหน้าตอบและลงมือทานอาหารมื้อแรกของวัน
หลังจากทานอาหารเสร็จ
เด็กน้อยเดินไปหยิบหมวกและเสื้อแขนยาวมาสวมเพื่อกันแดด
แล้ววิ่งออกไปหน้าบ้าน กระโดดขึ้นซ้อนท้ายจักรยานโบราณ
สภาพเก่าโทรม บ่งบอกถึงอายุการใช้งาน
ซึ่งมีพ่อเป็นผู้ขี่

ในระหว่างทางเด็กน้อยคุยกับพ่อตลอด
เขาป้อนคำถามที่อยากรู้
ซึ่งบางครั้งดูเหมือนกับว่าผู้เป็นพ่อจะพยายามสอดแทรกให้แง่คิดตลอด
โดยที่เด็กน้อยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ไม่นานนักก็ถึงไร่ที่เขามีภาระกิจที่จะต้องทำ
" ถอนหญ้า "ภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย
ซึ่งหญ้าเปรียบเสมือน " ศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่ "

" เดี๋ยวเจ้าถอนแปลงนี้นะ "
พ่อสั่งพร้อมกับชี้นิวไปที่แปลงผัก
เด็กน้อยรับคำและลงมือถอนหญ้าออกจากแปลงผักทีละต้น
ทีละต้น
จนกระทั่งศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่
หายไปจากแปลงผักจนหมดสิ้น
" ไปพักกินน้ำที่ใต้ต้นมะม่วงก่อน....ปะ "
เด็กน้อยรับคำพ่อแล้วเดินไปพัก
" กลับมาเร็วๆนะ ยังมีอีกแปลงหนึ่ง "
เสียงพ่อสั่งตามหลังเด็กน้อย

หลังจากได้พักกินน้ำ
พ่อได้ส่งจอบให้เด็กน้อยพร้อมกับพูดว่า
" เอ้า...เอาไปถากหญ้า "
เด็กน้อยรับจอบและตรงไปยังแปลงผักเพื่อทำภาระกิจต่อ
ดูเหมือนกับว่าเด็กน้อยจะพึงพอใจกับการใช้จอบถากหญ้ามากกว่าการใช้มือถอน

เหตุผลก็คือ
มันทำให้เขาสามารถทำงานได้รวดเร็ว
ซึ่งไม่นานนักเขาก็จัดการกับ
ศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่อย่างราบคาบ
หลังจากที่ภาระกิจเสร็จสิ้นลง พ่อลูกก็พากันกลับบ้าน
ระหว่างทางเด็กน้อยถาม
" ทำไมไม่ให้ผมใช้จอบตั้งแต่แรกล่ะ
ทั้งๆที่ทำงานได้เร็วกว่า "
พ่อไม่ตอบ ได้แต่อมยิ้ม เก็บซ่อนคำตอบไว้เพียงผู้เดียว

ผ่านไป 1 สัปดาห์ พ่อได้พาเด็กน้อยกลับไปที่ไร่อีก
สิ่งที่เด็กน้อยเห็นก็คือ
** แปลงที่ใช้มือถอน
บัดนี้ไม่มีหญ้าให้เขาถอนเลยแม้แต่ต้นเดียว แต่...
** แปลงที่ใช้จอบถาก กลับมีต้นหญ้าปกคลุมเหมือนเดิม
" ทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะ " เด็กน้อยถามด้วยความสงสัย
ทั้งๆที่เขาได้จัดการมันหมดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
พ่อตอบ
" แปลงที่เจ้าใช้มือถอนน่ะ เจ้าได้ถอนมันถึงรากถึงโคน
ส่วนแปลงที่เจ้าใช้จอบถากน่ะ
เจ้าเพียงแต่ตัดเอาส่วนปลายของมันออกเท่านั้น
มันยังคงมีส่วนที่ฝังลึกอยู่ในดินอีก
มันก็เหมือนกับปัญหาต่างๆที่เราพบเจอนั่นแหละ
ถ้าเราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยปล่อยสาเหตุของปัญหาไว้
ไม่นานนักปัญหานั้นก็จะกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าอีก

แต่ถ้าเราแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ มันอาจจะยากสักนิด
แต่มันก็ทำให้ปัญหานั้นหมดไปได้ "
เด็กน้อยยิ้มรับด้วยความเข้าใจ

" จงหันหน้าสู้กับปัญหา.....อย่าท้อถอย "
87  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีฝึกม้าในพระพุทธศาสนา เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 01:29:19 pm
การฝึกม้า การฝึกพระภิกษุ


ครั้งหนึ่ง เกสีผู้ฝึกม้าได้เข้ามากราบทูลถามพระพุทธเจ้า ว่า… พระองค์ฝึกสาวกอย่างไร? พระพุทธเจ้าก็เลยย้อนกลับเกสีผู้ฝึกม้าว่า แล้วท่านล่ะฝึกม้าอย่างไร?

เกสีบอกว่า เราฝึกด้วยวิธีละมุนละไม บางทีก็ฝึกด้วยวิธีลงแส้ ลงปฏัก แล้วแต่ม้าตัวนั้นมันจะอยู่ในสภาพอย่างไร ถ้าหากว่าไม่ไหว ก็พาไปฆ่าทิ้ง

พระองค์ก็บอกว่า เราก็เป็นเช่นนั้น เราก็ฝึกสาวกด้วยวิธีละมุนละไม และลงแส้บ้างคือขนาบบ้าง และถ้าเห็นว่าไม่ไหวเราก็ฆ่าทิ้งเช่นเดียวกัน เกสีบอกว่า เอ้า เป็นพระแล้วจะไปฆ่าได้ยังไง ไม่ผิดศีลหรือ?

พระองค์ก็ทรงบอกว่า การฆ่าในธรรมวินัยนี้ ไม่ใช่ฆ่าเหมือนชาวโลก ที่ใช้ปืน ใช้มีด ใช้หอก ใช้ดาบ ฆ่าในความหมายของเราก็คือให้ตายจากความดี ฆ่าในอริยวินัยนี้ก็คือ ไม่พูด ไม่สอน ไม่เตือน ปล่อยให้เน่าอยู่กับความชั่วนั่นเอง เพราะฉะนั้น การที่ไม่มีใครคอยเตือน คอยสอน คอยห้าม นั่นถือว่าเราถูกฆ่าให้ตายจากความดี และจมอยู่กับความชั่วร้ายอย่างเน่าฟอนเฟะ เพราะฉะนั้นการฆ่าที่ร้ายกาจที่สุดก็คือ การปล่อย ไม่สอน ไม่เตือน ปล่อยให้จมอยู่กับความชั่ว ให้เน่าเฟะอยู่กับความชั่ว คิดชั่ว นั่นแหละเป็นการถูกฆ่าที่ร้ายกาจที่สุด

ท่านทั้งหลาย…ถ้าเราไม่มีใครเตือน ไม่มีใครสอนเราเลย จงรู้สึกไว้เสียเถิดว่าเรากำลังจะถูกฆ่าอย่างน่ากลัวที่สุด


--

--

ภาพไหนหรือข้อความใดซ้ำก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
หรือไม่ก็ลบทิ้งไปได้เลยครับไม่ต้องสนใจกับเมล์นี้
ขอบคุณ
88  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: 10 อาหารย่อยยาก คะ เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 12:53:42 pm
ของโปรดผม ทั้งนั้นเลยครับ
 :03: :03:
89  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ผู้ที่เข้าสู่นิพพาน แล้วจะกลับมาเกิด อีกได้หรือป่าวครับ เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 05:00:43 pm
คือผมได้ไปอ่านตำนาน เกี่ยวกับพระอรหันต์ฺ จี้กง ว่าเป็นวิสุทธิเทพ ร่างทองแล้ว

แต่ ท่านเสียสละ กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เพื่อช่วยชาวโลก

ผมก็เลยสงสัย ว่า พระอรหันต์ ที่เข้าสู่นิพพาน แล้ว จะกลับมาเกิดอีกได้หรือครับ

 :17: :17: :17:
90  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ไม่ว่า สัมปยุตธาตุ ได้หรือป่าวครับ เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 08:02:04 pm
คือไม่กำหนดลักษณะ ของธาตุ ตาม ฐานได้หรือป่าวครับ
รู้สึกว่าทำอยากครับ

 :'( :'(
91  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การขึ้นกรรมฐาน นั้นมีพิธีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ เมื่อ: มิถุนายน 15, 2010, 07:45:38 pm
ในสมัย ครั้งพุทธกาล มีธรรมเนียมการขึ้นกรรมฐาน หรือป่าวครับ

การขึ้นกรรมฐาน นั้นมีธรรมเนียมมาตั้งแต่สมัยไหนครับ


 :25:
92  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ถ้ำอชันตา (Ajanta Caves) เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2010, 01:38:55 pm
มหัสจรรย์ มากครับ

น่าเสียดาย จังไม่ได้ไปอยู่ตั้ง อินเดีย
93  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มีประวัติ ของ สามเณร เก่ง ๆ ให้อ่านบ้างไหมครับ เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2010, 01:36:21 pm
ตอนนี้ ผมกำลังทำรายงาน เรื่องประวัติสามเณร ในพระพุทธศาสนา ที่สำคัญ สักประมาณ 10 รูป

หาอ่านได้ที่ไหนครับ

และ กรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยครับ

ขอบคุณครับ

 :c017:;)
หน้า: 1 2 [3]