ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปรึกษาเรื่อง สมาธิ ครับ ใครพอจะเข้าใจ ช่วยด้วยครับ  (อ่าน 6328 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ช่วงที่ผมนั่งทำสมาธิ จะมี
1.ช่วงนึงที่รู้สึก ว่าร่างกายโอนเอนนิดหน่อย
2. แล้วรู้สึกเหมือนกับว่า อยู่ดีๆก็หลุดเข้าไปอยู่ในที่ๆกว้างมากๆ ลึกมากๆ
3. จากนั้นสักพักก็จะรู้สึกลมหายใจละเอียดขี้นเรื่อยๆ จนเกือบไม่มี อารมณ์ก็จะเครียดๆนิ่งๆแน่วแน่ อธิบายไม่ถูก

4. หลังจากถอนสมาธิ อารมณ์ก็จะนิ่งๆเพ่งๆเครียดๆอยู่พักนึงครับแล้วค่อยๆผ่อนออก บางทีผมต้องไปอาบน้ำ ไม่งั้นนอนไม่หลับ มันเหมือนสมองตื่นลุกโพลงอยู่ตลอดน่ะครับ

==================================
ไม่ ทราบว่าข้อ 1 และ 2 คืออาการในปีติห้าอย่างใช่มั้ยครับ

ข้อสามคือ อุปจารสมาธิใช่ไหมครับ คือเกือบถึงฌานใช่ไหมครับ

ผมอ่านหลายตำราค่อนข้างงง เพื่อนผมบอกว่าข้อสามผมคือฌาน4 ตำราบอกว่าตอนถึงฌาณ 1 ต้องมีอารมณ์ครบห้าอย่าง ของผมมันนิ่งเพ่งอย่างเดียว ไม่มีสุข ไม่มีปิติ ไม่มีนิมิต ไม่เห็นอะไรเลย เลยไม่แน่ใจว่าคืออะไรครับ

เวลาที่ใช้ในการนั่งราวๆ 1 ชั่วโมงครับ ข้อ 1,2 นี่ ราวๆ 20 นาทีหลังจากเริ่มนั่งส่วนข้อ 3 นี่ราวๆ 40 นาทีหลังจากเริ่มนั่ง

จากคุณ    : cantona_z
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

แนะนำให้หาวิปัสสนาจารย์ ที่มีเจโตปริยาญาณ สอบอารมณ์ดู จะดีกว่า

 ตัวผมเอง ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้น
;)
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

dam_black

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 17
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ข้อ 1 และ 2 น่าจะเป็นปีติ

ส่วน 3 นั้นก็ เป็นปีติอยู่ในช่วงปรับตัวของปีติ เ้ป็น ยุคล  เป็นอุปจาระสมาธิขั้นหยาบ ครับ

ถามครูอาจารย์มาก็เป็นเช่นนี้

  ต้องภาวนาต่อไปอย่าได้ละ และ หยุด เพราะมาได้ระดับนี้แล้ว ไม่ควรทิ้งธุระ ครับ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณครับ กับคำแนะนำ ผมอาจจะถามในส่วนสภาวะกรรมฐาน ที่ได้จึงทำให้ดูเหมือนกรรมฐาน ตอบได้ยาก

อันที่จริง อยากได้รับคำแนะนำเพิ่มมากกว่านี้ อีกครับ เพราะสรุปตรงที่ว่าให้ภาวนาต่อไป อย่าได้หยุด แต่

ปัญหา มันอยู่ทีว่า อาการที่เกิดไม่ได้หายไป บางครั้งถึงกับต้องเลิกทำสมาธิภาวนา ก็หลายครั้ง ที่สำคัญที่สุด

ก็มักจะติดไปอยู่ีที่ลมหายใจ เข้า และ ออก เป็นต้น ครับ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณครับ กับคำแนะนำ ผมอาจจะถามในส่วนสภาวะกรรมฐาน ที่ได้จึงทำให้ดูเหมือนกรรมฐาน ตอบได้ยาก

อันที่จริง อยากได้รับคำแนะนำเพิ่มมากกว่านี้ อีกครับ เพราะสรุปตรงที่ว่าให้ภาวนาต่อไป อย่าได้หยุด แต่

ปัญหา มันอยู่ทีว่า อาการที่เกิดไม่ได้หายไป บางครั้งถึงกับต้องเลิกทำสมาธิภาวนา ก็หลายครั้ง ที่สำคัญที่สุด

ก็มักจะติดไปอยู่ีที่ลมหายใจ เข้า และ ออก เป็นต้น ครับ

 :25: :25: :25:

    ควรเข้าหาครูบาอาจารย์ ให้ท่านสอบอารมณ์
    เบื้องต้น ขอแนะนำว่า อย่าให้ิจิตว่าง ให้จิตมีงานทำตลอดเวลา
    ให้ใช้คำภาวนา "พุทโธ" อย่าได้หยุด

     :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ช่วงที่ผมนั่งทำสมาธิ จะมี

1. ช่วงนึงที่รู้สึก ว่าร่างกายโอนเอนนิดหน่อย
2. แล้วรู้สึกเหมือนกับว่า อยู่ดีๆก็หลุดเข้าไปอยู่ในที่ๆกว้างมากๆ ลึกมากๆ

เวลาที่ใช้ในการนั่ง ข้อ 1,2 นี่ ราวๆ 20 นาทีหลังจากเริ่มนั่ง

จากที่คุณ "สมพล" กล่าวเล่ามา ลักษณะในข้อหนึ่ง(1)นั้นเป็นอาการเริ่มที่จิตกำลังเข้าสู่ห้วงสงัด (อย่า! ตกใจ ให้นิ่งปัคคหะบริกรรมนับ "พุทโธ" ไปเรื่อยๆอย่าปล่อยทิ้ง)

ส่วนลักษณะในข้อสอง(2)นั้นคือระดับความสงบสงัดเข้าลึกแล้ว แต่ก็อย่าทิ้งคำบริกรรมปัคคหะนับไปเรื่อยๆให้จิตดิ่งให้สุดๆ นี่เป็นปิติแล้วเสพซะให้เต็มที่นับว่าคุณมีวาสนาภาวนาไปได้...สาธุ

อาการเกิดทั้งสองข้อที่กล่าวมาอยู่ในราวๆ 20 นาที ถือว่าใช้ได้ดีมากๆ พยายามต่อไปอย่าทิ้ง ต้องเอาให้ได้ถึงขนาดว่าหลับตานั่งอาการเกิดฉับพลันทันที หากได้อย่างนี้เยี่ยม แล้วมาพบพระอาจารย์ครับ

3. จากนั้นสักพักก็จะรู้สึกลมหายใจละเอียดขี้นเรื่อยๆ จนเกือบไม่มี อารมณ์ก็จะเครียดๆนิ่งๆแน่วแน่ อธิบายไม่ถูก

เวลาที่ใช้ในส่วนข้อ 3 นี่ราวๆ 40 นาทีหลังจากเริ่มนั่ง

ลักษณะในข้อสาม(3)ลมหายใจละเอียดถึงขนาดว่าไม่รู้สึกนี้ ดีเอามากๆ เผลอๆคำบริกรรมอาจขาดหายไปโดยปริยายเรียกว่าเป็นไปเองอย่างนั้น สังเกตให้ดีว่าคุณจะรู้สึกเย็นสบายๆไปทั่วทุกรูขุมขน กายเบาใจเบา ผ่อนคลายไปหมด และจะรู้สึกถึงความสุขที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนด้วย

4. หลังจากถอนสมาธิ อารมณ์ก็จะนิ่งๆเพ่งๆเครียดๆอยู่พักนึงครับแล้วค่อยๆผ่อนออก บางทีผมต้องไปอาบน้ำ ไม่งั้นนอนไม่หลับ มันเหมือนสมองตื่นลุกโพลงอยู่ตลอดน่ะครับ

เมื่อคุณออกจากกรรมฐานแล้วมีอาการ นิ่ง/เพ่ง/เครียด นั่นเป็นปกติเพราะจิตทำงานกล่าวคือ ทุกอณูกายคุณเสมือนหนึ่งถูกอัดแน่นเหลือเพียงก้านแท่งแกนตรงเดียวปักนิ่ง แต่คุณน่าจะเบาโล่งนะครับ และไม่ต้องกังวลเรื่องนอน คุณพักแล้วสติตื่นมีกำลังที่จะสู้กับชีวิตต่อไป

ท้ายทิ้งไว้สักนิด ครับ! อย่าประมาทกับชีวิต อย่าลิขิตคาดหวัง อย่าพลั้ง "พุทโธ" ทำต่อไปอย่าขาดอย่าเว้นจิตจำอารมณ์ดีแล้วขวนขวายให้งานเขาต่อไป ความสุขไม่ไกลเกินใจเรานี้ ขออนุโมทนา..สาธุ ครับ!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 28, 2011, 01:09:28 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

indy

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 101
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ช่วงที่ผมนั่งทำสมาธิ จะมี
1.ช่วงนึงที่รู้สึก ว่าร่างกายโอนเอนนิดหน่อย
2. แล้วรู้สึกเหมือนกับว่า อยู่ดีๆก็หลุดเข้าไปอยู่ในที่ๆกว้างมากๆ ลึกมากๆ
3. จากนั้นสักพักก็จะรู้สึกลมหายใจละเอียดขี้นเรื่อยๆ จนเกือบไม่มี อารมณ์ก็จะเครียดๆนิ่งๆแน่วแน่ อธิบายไม่ถูก

4. หลังจากถอนสมาธิ อารมณ์ก็จะนิ่งๆเพ่งๆเครียดๆอยู่พักนึงครับแล้วค่อยๆผ่อนออก บางทีผมต้องไปอาบน้ำ ไม่งั้นนอนไม่หลับ มันเหมือนสมองตื่นลุกโพลงอยู่ตลอดน่ะครับ

==================================
ไม่ ทราบว่าข้อ 1 และ 2 คืออาการในปีติห้าอย่างใช่มั้ยครับ

ข้อสามคือ อุปจารสมาธิใช่ไหมครับ คือเกือบถึงฌานใช่ไหมครับ

ผมอ่านหลายตำราค่อนข้างงง เพื่อนผมบอกว่าข้อสามผมคือฌาน4 ตำราบอกว่าตอนถึงฌาณ 1 ต้องมีอารมณ์ครบห้าอย่าง ของผมมันนิ่งเพ่งอย่างเดียว ไม่มีสุข ไม่มีปิติ ไม่มีนิมิต ไม่เห็นอะไรเลย เลยไม่แน่ใจว่าคืออะไรครับ

เวลาที่ใช้ในการนั่งราวๆ 1 ชั่วโมงครับ ข้อ 1,2 นี่ ราวๆ 20 นาทีหลังจากเริ่มนั่งส่วนข้อ 3 นี่ราวๆ 40 นาทีหลังจากเริ่มนั่ง

จากคุณ    : cantona_z
เห็นด้วยกับคุณธวัชชัยครับ
ข้อสามครับ จิตเป็นหนึ่งครับ เดาเอาว่าเป็นฌาณสี่ครับ เพราะฌาณสี่พวกที่มีฤทธิ์จะเครียดครับ
ข้อสี่ ตรงนี้มันเครียด ลองใช้วิธีถอยกลับ อย่าเพิ่งออกจากสมาธิทันทีตอนที่ฌาณดิ่ง ให้ไล่ฌาณกลับ
ให้มาอยู่ที่ฌาณหนี่งก็ได้ ให้มีปีติ แล้วถึงออกมา(ลองดูวิธีของลป.สรวง วัดถ้ำขวัญเมือง)
หรือใช้วิธีสบัดหน้าอย่างแรงแล้วออกมา ลองดูครับ ไม่งั้นจะงงทั้งวัน ทรงฌาณตลอดเวลา

ส่วนอีกคำถามที่จิตภาวนาเองตลอดเวลา แบบนั้นน่าจะทรงฌาณ จิตมันหลบเข้ากลับไปสภาวะที่มันคุ้นเคย
ไม่อยากจะรับอารมณ์อื่น ลองใช้วิปัสสนาควบคู่ไปด้วยจะเบาขึ้น ให้พิจารณากฏไตรลัษณ์ ไม่งั้นมันจะเบื่อ มึน ไม่อยากทำงาน 

อีกอันนึง ลักษณะที่มันดิ่ง ไม่มีปีติ ไม่มีสุข แบบนี้จะเป็นอัปปนาสมาธิครับ แต่ไม่ใช่อัปปนาฌาณ มันต่างกันอยู่นิดนึงตรงที่อัปปนาสมาธิ ไม่ได้ไล่องค์ฌาณ จากวิตกวิจารณ์ อะไรทำนองนี้ ถ้าเริ่มไล่องค์ฌาณตั้งแต่เรก จะเป็นอัปปนาฌาณ มันต่างกันนะ แต่ก็อย่าไปติดสมมติบัญญัติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2011, 01:54:52 am โดย korakot »
บันทึกการเข้า

indy

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 101
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อีกนิดนึง
เมื่อจิตถอยออกมาจากอัปปนาสมาธิ ให้ประคองสติไว้ แล้วพิจารณาธรรมตรงนั้นเลย จะเป็นวิปัสสนากรรมฐาน
เมื่อทำบ่อยจนเป็นวสี จะได้วิปัสสนาณาณเอง
ทีนี้ทำไมเราไม่ได้อัปนาฌาณ เพราะว่ากำลังของสติยังอ่อนไปหน่อย ถ้าอยากได้ฌาณให้เริ่มกระบวนการของฌาณ
ตั้งแต่ขั้นต้น ถ้ามันยังเร็วอยู่เหมือนเดิม ให้ใช้วิธีสะดุดลมหายใจคือกักลมไว้นิดนึงเพื่อไม่ไห้มันดิ่งลองดูครับ
น่าจะใช้ได้ผล
ถ้าคุณเพิ่งฝึกแล้วได้แบบนี้ แสดงว่ามีวาสนาบารมีมาก่อน ตรงนี้สิ่งที่ควรระวังที่สุดคือมานะทิฎฐิ ก็คือเมื่อฝึกไปสักพักจะได้ณาณทัสสนะ รู้หมด อะไรเป็นอะไร ถึงตรงนี้ให้ระวัง จิตเรานี่แหละจะหลอกตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้น ใครมาพูดก็ไม่ฟังแล้ว เพราะเราเก่งกว่า ให้ลองพิจารณาอันนี้ดูครับ ให้พิจารณากายนี้เป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตาก่อนครับ(ท่านพุทธทาส) ขอให้โชคดี 
บันทึกการเข้า

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 :c017: ขอบคุณครับจะเพิ่มความพยายาม ให้มากขึ้น

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
หนทาง ยังอีกยาวไกล ควรพบ กัลยาณมิตร คือ ครูอาจารย์

ถ้ายังเชื่อมั่นว่า ตราบใดที่ยังมีผู้ประพฤติปฏิบัติตามธรรม ตราบนั้นโลกนี้จักไม่ว่างจากพระอรหันต์

 อนุโมทนา สาธุ กับความรู้ที่แแบ่งปันกัน ด้วยดี

  :s_hi:
บันทึกการเข้า

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ปรึกษาเรื่อง สมาธิ ครับ ใครพอจะเข้าใจ ช่วยด้วยครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2011, 10:08:20 am »
0
ช่วงที่ผมนั่งทำสมาธิ จะมี
1.ช่วงนึงที่รู้สึก ว่าร่างกายโอนเอนนิดหน่อย
2. แล้วรู้สึกเหมือนกับว่า อยู่ดีๆก็หลุดเข้าไปอยู่ในที่ๆกว้างมากๆ ลึกมากๆ
3. จากนั้นสักพักก็จะรู้สึกลมหายใจละเอียดขี้นเรื่อยๆ จนเกือบไม่มี อารมณ์ก็จะเครียดๆนิ่งๆแน่วแน่ อธิบายไม่ถูก

4. หลังจากถอนสมาธิ อารมณ์ก็จะนิ่งๆเพ่งๆเครียดๆอยู่พักนึงครับแล้วค่อยๆผ่อนออก บางทีผมต้องไปอาบน้ำ ไม่งั้นนอนไม่หลับ มันเหมือนสมองตื่นลุกโพลงอยู่ตลอดน่ะครับ


 ตอบข้อที่ 1
     เป็นอาการของปีติ ถ้าเป็นกรรมฐาน อื่น ๆ ก็อยู่ โอกันติกาปีติ ร่างกายโคลง และ อุพเพงคาปีติ รู้สึก เบา

 ตอบข้อที่ 2
     จิตตกภวังค์ คลายบริกรรม ไปตามดูความรู้สึกมากเกินไป ที่สำคัญความแน่วแน่ อยู่ที่บริกรรมนิมิต ต้องมั่นคง เบื้องต้น นั้นแม้ปฐมฌาน ก็มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ยังไม่ถึง ฌาน 1 ตกภวังค์ก่อน

   แก้ไข สติ ดึงกลับมาตั้งบริกรรมใหม่ อย่าไปสนใจเรื่องอาการที่มี ที่เกิด ที่เป็นอยู่ ให้มุ่งบริกรรม ให้สมบูรณ์

 ตอบข้อที่ 3
    เพราะหลุดจากบริกรรม ก็เลยมีอาการเข้าไปติดสภาวะอารมณ์ ธรรมต่าง ๆ ระหว่างที่ภาวนา ทำให้หลงด้วย กามฉันท์ นิวรณ์ ในสภาวะว่าเป็น สมาธิ เ่พ่งอยู่ นึกอยู่ ติดอยู่

    อาการภาวนา สภาวะของสมาธิ ไม่มีความเครียด ตึง ใด ๆ ทั้งนั้น มีแต่คำว่า สุข ๆๆ ๆๆๆๆ เท่านั้น จนเป็นอารมณ์เดียว เมื่อเป็นอารมณ์เดียว ก็คือ ตั้งมั่นใน สุข ๆๆๆๆๆๆๆ เรียกว่า สุขทิพย์

    ดังนั้น ข้อที่ 3 ไม่ใช่อุปจาระสมาธิ

    วิธีแก้ไข อย่านึกหน่วง อารมณ์ ใด ๆ ระหว่างที่ภาวนา ให้นึกหน่วง นิมิต 3 ประการ เท่านั้น

   คือ 1 ปัคคาหะนิมิติ กำหนดฐาน จิตใด จิตหนึ่ง เข้าใจว่าฝึกอานาปานสติอยู่ ก็ัตั้ง ฐานจิตไว้ ที่ปลายจมูก หรือ ที่มีทางผ่านของลม
       2 บริกรรมนิมิต คือ ตามดูลมหายใจ หายใจออก
       3 อุเบกขานิมิต วางอารมณ์ให้อยู่ที่การภาวนาไม่ต้องสนใจ สภาวะที่เกิดขึ้น หน้าที่ตามดูลมหายใจเข้า หายใจออก เท่านั้น

    ( ก็แนะนำแบบอานาปานสติ ทั่วไปให้นะ )

 เจริญธรรม

  ;)
       
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา