ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เร่งทำความเพียรเสียแต่วันนี้ ใครเล่าพึงรู้ว่าจะตายในวันพรุ่ง  (อ่าน 5259 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28409
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

  การลงมือทำ ไม่รอคอยความหวังจากการอ้อนวอนปรารถนา เช่น :-

   ไม่ควรหวนละห้อยถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่พึงเพ้อฝันถึงสิ่งที่อยู่ภายหน้า สิ่งใดเป็นอดีต สิ่งนั้นก็ผ่านไปแล้ว สิ่งใดเป็นอนาคต สิ่งนั้นก็ยังไม่มาถึง ส่วนผู้ใดเห็นประจักษ์ชัดสิ่งที่เป็นปัจจุบัน อันเป็นของแน่นอนไม่คลอนแคลน ขอให้ผู้นั้นครั้นเข้าใจชัดแล้ว พึงเร่งขวนขวายปฏิบัติให้ลุล่วงไป ในที่นั้นๆ

   เร่งทำความเพียรเสียแต่วันนี้ ใครเล่าพึงรู้ว่าจะตายในวันพรุ่ง เพราะว่า  สำหรับพระยามัจจุราช เจ้าทัพใหญ่นั้น เราทั้งหลายไม่มีทางผัดเพี้ยนเลย

   ผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่อย่างนี้  มีความเพียร  ไม่เกียจคร้าน  ทั้งกลางวันและกลางคืน  ผู้นั้นแท้ พระสันตมุนีตรัสว่า เป็นผู้มีแต่ละราตรีนำโชค ภัทเทกรัตต์)

   ดูกรคฤหบดี ธรรม ๕ ประการนี้  เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา  น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นของได้ยากในโลก คือ อายุ...วรรณะ...สุข...ยศ...สวรรค์ ธรรม ๕ ประการนี้...เราไม่กล่าวว่าจะพึงได้มาเพราะการอ้อนวอน หรือเพราะความปรารถนา ถ้าการได้ธรรมทั้ง ๕ นี้ จะมีได้เพราะการอ้อนวอน หรือเพราะความปรารถนาแล้วไซร้ ใครในโลกนี้ จะพึงเสื่อมจากอะไร

   ดูกรคฤหบดี อริยสาวกผู้ปรารถนาอายุ (ยืน) ไม่พึงอ้อนวอนหรือมัวเพลิดเพลินกับอายุ เพราะการอยากได้อายุนั้นเลย อริยสาวกผู้ปรารถนาอายุ พึงปฏิบัติข้อปฏิบัติที่จะเป็นไปเพื่ออายุ เพราะข้อปฏิบัติอันเป็นไป
เพื่ออายุที่ปฏิบัติแล้วนั่นแหละ จึงจะเป็นไปเพื่อการได้อายุ

        อริยสาวกนั้นย่อมเป็นผู้ได้อายุ ไม่ว่าจะเป็นของทิพย์ หรือของมนุษย์...ผู้ปรารถนาวรรณะ...สุข...ยศ...สวรรค์ ก็พึงปฏิบัติข้อปฏิบัติที่จะเป็นไปเพื่อวรรณะ...สุข..ยศ...สวรรค์...

   ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่หมั่นประกอบความเพียรในการฝึกอบรมจิต ถึงจะมีความปรารถนาว่า “ขอให้จิตของเราหลุดพ้นจากอาสวะเถิด” ดังนี้

        จิตของเธอจะหลุดพ้นไปจากอาสวะได้ก็หาไม่... เหมือนไข่ไก่ ๘ ฟองก็ตาม ๑๐ ฟองก็ตาม ๑๒ ฟองก็ตาม ที่แม่ไก่ไม่นอนทับ ไม่กก ไม่ฟัก ถึงแม้แม่ไก่จะมีความปรารถนาว่า “ขอให้ลูกของเราใช้ปลายเล็บหรือจะงอยปาก ทำลายเปลือกไข่ออกมาโดยสวัสดีเถิด” ดังนี้ ลูกไก่จะใช้ปลายเล็บ หรือจะงอยปาก ทำลายเปลือกไข่ออกมาได้ ก็หาไม่



อ้างอิง หนังสือพุทธธรรม โดยพระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตฺโต)   
ขอบคุณภาพจาก http://www.eggs4u.net/,http://www.farmkai.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

สมภพ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 485
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ก็เร่งความเพียร อยู่เช่นกันครับ ขนาดหยุดงาน เอาจริง แบบอดหลับอดนอน 7 วันกับการเดินจงกรม นั่งกรรมฐาน กินน้อย นอนน้อย ก็ยังไม่ถึงสาระแก่นสารเลยครับ ที่ว่าไม่ประมาท ก็เพียงได้สติ แต่ในใจก็รู้ว่ายังไม่พ้นจากสังสารวัฏฏ์ ครับ การเจริญสติ ย่างซ้ายหนอ ย่างขวาหนอ ก็ทำจริงๆ ที่วัดท่ามะโอ ลำปาง

  เำพียรมาก ก็เป็น อารัทธวิิริยะ ปรารภความเพียรมาก เป็นอุปกิเลส

  เพียรพอดี คือ อย่างไร ? ส่วนตัวก็ยังไม่เข้าใจว่า เพียรแบบไหน จึงจะเรียกว่า ทางสายกลาง

  :25: :13:
บันทึกการเข้า

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
ก็เพียร มาทุกครั้งเช่นกันหลายปีแล้ว .......
ไปปฏิบัติธรรมทีวัด เป็นอาทิตย์ ก็ไม่ต่ำกว่า 10 วัดแล้ว

 ก็ยังสงสัยเช่นเดียวกัน ว่า ต้องเพียรอย่างไร หรือ มีข้อธรรมใดที่ยังไม่เข้าใจ
หนังสือธรรมะก็ หลายชั้น CD ธรรมะ เป็น 100 แผ่น ทั้งฟังเปิด อ่าน
ติดตามกระทู้ ก็อีกมาก เมื่อใดหนอ ถึงจะพ้นจากสังสารวัฏฏ์ นี้ได้

  :25: :88:
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28409
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ก็เพียร มาทุกครั้งเช่นกันหลายปีแล้ว .......
ไปปฏิบัติธรรมทีวัด เป็นอาทิตย์ ก็ไม่ต่ำกว่า 10 วัดแล้ว

 ก็ยังสงสัยเช่นเดียวกัน ว่า ต้องเพียรอย่างไร หรือ มีข้อธรรมใดที่ยังไม่เข้าใจ
หนังสือธรรมะก็ หลายชั้น CD ธรรมะ เป็น 100 แผ่น ทั้งฟังเปิด อ่าน
ติดตามกระทู้ ก็อีกมาก เมื่อใดหนอ ถึงจะพ้นจากสังสารวัฏฏ์ นี้ได้

  :25: :88:

   ราคะ โทสะ โมหะ ลดลงบ้างรึเปล่า ? น่าจะตั้งคำถามกับตัวเองก่อน
   ถ้าไม่ลดลง ก็ควรพิจารณาว่า ยังเพียรไม่พอ
   อีกอย่าง ศีล สมาธิ เพิ่มพูนขึ้น หรือเสื่อมลง ?  ควรพิจาณาโดยแยบคาย


   ปธาน ความเพียร, ความเพียรที่ชอบเป็นสัมมาวายามะ มี ๔ อย่าง คือ
           ๑. สังวรปธาน เพียรระวังบาปอกุศลที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
           ๒. ปหานปธาน เพียรละบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว
           ๓. ภาวนาปธาน เพียรเจริญทำกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
           ๔. อนุรักขนาปธาน เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เสื่อมไปและให้เพิ่มไพบูลย์

           เป็นกำลังใจให้ตลอดไป(อกาลิโก)
:49:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Mahajaroon

  • 1.บรรพชิต
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 63
  • ข้างนอกต้องแก้ไข ข้างในต้องปล่อยวาง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


                                                 คนมีความเพียร

                                        (วัณณุปถชาดก : ผู้ไม่เกียจคร้าน)
   
         
 
"ชนทั้งหลายผู้ไม่เกียจคร้าน ขุดภาคพื้นที่ทางทราย ได้พบน้ำในทางทรายนั้น ณ ที่ลานกลางแจ้งฉันใด 
มุนีผู้ประกอบด้วยความเพียรและกำลัง เป็นผู้ไม่เกียจคร้าน พึงได้ความสงบใจ ฉันนั้น"
พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร  เมืองสาวัตถี  ตรัสวัณณุปถธรรม เพราะปรารภกุลบุตรคนหนึ่ง ไปฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา มีจิตเลื่อมใน เห็นโทษในกามและอนิสงส์ในการออกจากกามจึงบวช อุปสมบทได้ 5 พรรษา เรียนได้มาติกา 2 บท ศึกษาการประพฤติวิปัสสนา รับพระกรรมฐานที่จิตของตนชอบ ในสำนักของพระศาสดา เข้าไปยังป่าแห่งหนึ่ง จำพรรษา พยายามอยู่ตลอดไตรมาส ไม่อาจทำสักว่า โอภาสหรือนิมิตให้เกิดขึ้น
           
 ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า พระศาสดาตรัสบุคคล 4 จำพวก ในบุคคล 4 จำพวกนั้น เราคงจะเป็นปทปรมะ เราเห็นจะไม่มีมรรคหรือผลในอัตภาพนี้ เราจักกระทำอะไรด้วยการอยู่ป่า เราจักไปยังสำนักของพระศาสดา แลดูพระรูปของพระพุทธเจ้าอันถึงความงามแห่งพระรูปอย่างยิ่ง ฟังพระธรรมเทศนาอันไพเราะอยู่ (จะดีกว่า) ครั้นคิดแล้ว ก็กลับมายังพระเชตวันวิหารอีก
  พระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า เธอละความเพียร จริงหรือ
  ภิกษุนั้นกราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า
  พระศาสดาตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุ เธอบวชในศาสนาอันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ เห็นปานนี้ ทำไมจึงไม่ให้เขารู้จักตนอย่างนี้ว่า เป็นผู้มักน้อย หรือว่าเป็นผู้สันโดษ หรือว่าเป็นผู้สงัด หรือว่าเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้อง หรือว่าเป็นผู้ปรารภความเพียร ให้เขารู้จักว่า เป็นภิกษุผู้ละความเพียร
           
 เมื่อครั้งก่อน เธอได้เป็นผู้มีความเพียรมิใช่หรือ เมื่อเกวียน 500 เล่ม ไปในทางกันดาร เพราะทราย พวกมนุษย์และโคทั้งหลายได้นํ้าดื่มมีความสุข เพราะอาศัยความเพียร ซึ่งเธอผู้เดียวกระทำแล้ว เพราะเหตุไร บัดนี้ เธอจึงละความเพียรเสีย ภิกษุนั้นได้กำลังใจ ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้"

              ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองปกครองนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในตระกูลพ่อค้าเกวียน เมื่อเจริญวัยแล้วก็ได้เป็นนายกองเกวียนนำพ่อค้าเกวียน 500 เล่ม  ไปค้าขายต่างเมืองเป็นประจำ คราวหนึ่ง พระโพธิสัตว์นั้นเดินทางกันดารเพราะทรายแห่งหนึ่ง มีระยะประมาณ 60 โยชน์  โดยออกเดินทางเฉพาะกลางคืน กลางวันจะหยุด
             
ในการควบคุมพ่อค้าเกวียนไปค้าขายดังกล่าว  พระโพธิสัตว์จะตั้งผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์ให้เป็นผู้กำหนดทิศทาง คราวนั้น คนกำหนดทิศทางได้ม่อยหลับไปเพราะเหน็ดเหนื่อย เนื่องจากไม่ได้หลับเป็นเวลานาน ทำให้โคนำเกวียนหวนกลับมาในเส้นทางเดิมอีก
             
พออรุณรุ่งตื่นขึ้นได้รู้ว่าเป็นเส้นทางเดิมจะบอกให้กลับเกวียน แต่ขณะนั้นสว่างเสียแล้ว  พวกพ่อค้าเหล่านั้น เมื่อรู้ว่าพวกตนได้กลับมายังที่ที่พักแรมเมื่อวานนี้ก็ได้แต่เสียใจ  เพราะน้ำดื่มน้ำใช้รวมทั้งฟืนที่เตรียมมาหมดลงพอดี จึงพากันหยุดพัก ณ ที่นั้นอีกครั้งหนึ่ง
             
ฝ่ายนายกองเกวียนโพธิสัตว์พยายามสร้างขวัญและกำลังใจให้เกิดแก่บริวาร จึงเดินไปรอบ  ๆ บริเวณค่ายพักในขณะที่ยังเช้าอยู่ พลันได้เหลือบเห็นหญ้าแพรกกอหนึ่งยังเขียวสดอยู่ท่ามกลางทะเลทราย เกิดความคิดว่าหญ้าจะสดชื่นอยู่ได้จะต้องมีน้ำที่ให้ความชื่นอยู่เบื้องล่าง จึงสังคนนำจอบขุดลงไปใต้กอหญ้า พอขุดลึกลงไปถึง 60 ศอก ก็พบแผ่นหินใหญ่จึงเกิดความท้อถอย
             
ฝ่ายนายกองเกวียนโพธิสัตว์คิดว่า ใต้แผ่นหินนี้จะต้องมีสายน้ำเป็นแน่ได้เงี่ยหูฟังและได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่เบื้องล่าง จึงบอกคนรับใช้ให้ใช้ค้อนเหล็กทุบลงไปที่แผ่นหินนั้น  พอแผ่นหินแตกเกลียวน้ำประมาณเท่าลำตาลก็พุ่งขึ้นมา คนทั้งปวงต่างพากันตื่มกันและอาบ พออาทิตย์อัสดงจงได้ยกธงไว้ใกล้บอน้ำนั้น เพื่อผู้ผ่านไปมาจะได้เห็นและแวะมาดื่ม อาบตามอัธยาศัย
             
 ครั้นแล้ว นายกองเกวียนและบริวารก็ออกเดินทางไปค้าขายตามเมืองต่าง ๆ ขายสินค้าได้กำไร 2-3 เท่าแล้ว จึงกลับไปยังที่อยู่ของตนโดยสวัสดิภาพ
            ครั้นตรัสเรื่องนี้จบลงแล้ว พระพุทธองค์ได้ตรัสพุทธภาษิตว่า
"ชนทั้งหลายผู้ไม่เกียจคร้าน ขุดภาคพื้นใต้ทราย
ได้พบน้ำใต้ทรายนั้น ณ ที่ลานกลางแจ้งฉันใด
มุนี (ผู้รู้) ประกอบด้วยความเพียรและกำลังใจเป็นผู้ไม่เกียจคร้าน
พึงได้ความสงบใจฉันนั้น"               

สรุปเทศนา
              คนรับใช้ผู้ไม่ละความเพียร ต่อยหินให้นํ้าแก่มหาชนในสมัยนั้น ได้เป็น ภิกษุผู้ละความเพียรรูปนี้ ในบัดนี้
              บริษัทที่เหลือในสมัยนั้น ได้เป็น พุทธบริษัท ในบัดนี้
              ส่วนหัวหน้าพ่อค้าเกวียน ได้เป็น เราตถาคต


ที่มา พระสูตรและอรรถกถา เล่มที่ 55 ขุททกนิกายชาดก ภาคที่ 1 เอกนิบาตชาดก
บันทึกการเข้า
พุทธะนับหมื่นอยู่ที่ใจ

NP2706

  • เราต้องสร้างสะพานระหว่างสมองกับหัวใจ ให้ความรู้ที่เป็นสัญญานี้ทราบซึ้งเข้าไปถึงหัวใจ
  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 96
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ก็เพียร มาทุกครั้งเช่นกันหลายปีแล้ว .......
ไปปฏิบัติธรรมทีวัด เป็นอาทิตย์ ก็ไม่ต่ำกว่า 10 วัดแล้ว

 ก็ยังสงสัยเช่นเดียวกัน ว่า ต้องเพียรอย่างไร หรือ มีข้อธรรมใดที่ยังไม่เข้าใจ
.........เมื่อใดหนอ ถึงจะพ้นจากสังสารวัฏฏ์ นี้ได้

 

พระอาจารย์ได้กล่าวสอนศิษย์เสมอๆ เกี่ยวกับความเพียรในพระพุทธศาสนา  คือ
" การสร้างความเพียรดังกล่าวไม่ใช่เป็นการปฏิบัติมาก ๆ หรือบ่อย ๆ แต่เป็นการสร้างกุศลจิต เจตนาให้มาก ๆ ในปธานทั้ง 4 ของโพธิปักขยธรรม 37 หมายความว่า ใครที่สร้างสร้างกุศลจิตและรักษาไว้ให้มากๆในเต่ละวัน นั้น เพื่อทำให้กิเลสเบาบางลงและหมดเยื่อใยของกิเลสไปในที่สุด เพื่อข้ามพ้นความทุกข์ และสังสารวัฏ"
 
เก็บตกสิ่งดี ๆ....มาเล่าสู่กันฟัง  :34: :34: :34: 
 
บันทึกการเข้า
"Only two things are infinite, the universe and human stupidity,
and I'm not sure about the former."