ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปฏิบัติธรรมอย่างไร จึงจะทันสถานการณ์  (อ่าน 2618 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sutthitum

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 77
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ปฏิบัติธรรมอย่างไร จึงจะทันสถานการณ์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2012, 11:32:08 am »
0
จั่วห้วข้ออย่างนี้ เพื่อให้ เพื่อนๆ ได้พิจารณา กันครับว่า

   เมื่อเกิดเหตุการณ์ ที่กิเลส มันจู่โจม กันเข้าถล่มตัวเรา ขณะนั้น ความรู้ที่ได้เรียนได้ฟัง กันมาทุกวันได้เปิดออกมาใช้ทันกันหรือไม่

   สำหรับทางกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ แนวทางที่ทันสถานการณ์ นั้นควรทำอย่างไร ? จึงจะทันต่อกิเลส ที่เกิดในขณะนั้น

   เรียนถามเพื่อน ๆ สมาชิก ทุกท่านด้วยความเคารพครับ

   :)

 
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ปฏิบัติธรรมอย่างไร จึงจะทันสถานการณ์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2012, 01:29:01 pm »
0
   เรื่องนี้ผมจะคุยในฐานะที่ไม่ใช่ผู้รู้ แต่จะคุยเป็นเพื่อน
   ในกรรมฐานมัชฌิมาฯ ในส่วนพุทธานุสติ ในห้องพระธรรมปิติ มีคำอธิบายเรื่อง "อุเบกขานิมิต" ไว้ดังนี้

   "ในระหว่างภาวนา ถ้าจิตซัดส่ายไปในอดีต หรือไปในอนาคต หรือฟุ้งซ่านอยู่ในปัจจุบัน
   ก็ให้ทำการเพิกจิตวางเฉย เมื่อมีสติก็ดึงกลับมา
   ด้วยการส่งหายใจเข้าไปให้เต็มปอดพร้อมภาวนาว่า "พุทโธ"
   และส่งจิตไปยังฐานจิตทันที การวางจิตอย่างนี้เรียกว่า "อุเบกขานิมิต"

 
   อธิบายเพิ่มเติม ก็คือ เมื่อรู้ตัวว่า มีนิวรณ์เกิดขึ้นในใจ การรู้ตัวก็คือ มีสติ
   แต่มีสติแล้ว นิวรณ์ไม่ได้หายไปไหน ยังคงอยู่ในใจเรา
   วิธีแก้ ก็คือ หายใจเข้าให้ลึกที่สุด นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
   กลั้นลมหายใจไว้ นับ ๑ ถึง ๓๗ แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออก พร้อมกับภาวนาคำว่า "พุทโธ"
   วิธีนี้เป็นวิธีเร่งด่วน และใช้ได้ผลมาก

                                                  (ความเห็นนี้นำมาจากคำสอนของพระอาจารย์)

    วิธีการที่จะทำให้ได้"อุเบกขา" ดังกล่าวมานั้น เป็นการใช้สมาธิเข้าข่ม(เป็นความเห็นส่วนตัว)
    ในเชิงวิปัสสนาต้องใช้ข้อธรรม "สักแต่ว่า" ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
    สักแต่ว่า คือ รู้แล้ววาง ไม่ปรุงแต่ง ไม่ยึด (เห็นว่า สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นต้องดับ เป็นธรรมดา)
    ในแง่ของปุถุชนต้องยอมรับว่า "ไม่ง่ายที่จะคิดได้แบบนั้น"


    ในระดับปุถุชนแล้ว การที่นิวรณ์ไม่ดับอย่างถาวร หรือ รู้สึกกรุ่นๆอยู่ในอก ถือว่าเป็นเรื่องปรกติ
    การจะละ"ปฏิฆะสังโยชน์"ได้ ต้องเป็นอริยบุคคลขั้นอนาคามีผล (อนาคามีผลไม่มีนิวรณ์)

     
   

   กระทู้แนะนำให้อ่าน
   สมาธินิมิต ปัคคาหนิมิต อุเบกขานิมิต คืออะไร
   http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4908.0
   อยากทราบวิธีการ วางอุเบาขา ครับ
   http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6137.0

    :welcome: :49: :25: ;)
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

NP2706

  • เราต้องสร้างสะพานระหว่างสมองกับหัวใจ ให้ความรู้ที่เป็นสัญญานี้ทราบซึ้งเข้าไปถึงหัวใจ
  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 96
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ปฏิบัติธรรมอย่างไร จึงจะทันสถานการณ์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2012, 03:05:42 pm »
0
   "ในระหว่างภาวนา ถ้าจิตซัดส่ายไปในอดีต หรือไปในอนาคต หรือฟุ้งซ่านอยู่ในปัจจุบัน
    ก็ให้ทำการเพิกจิตวางเฉย เมื่อมีสติก็ดึงกลับมา
    ด้วยการส่งหายใจเข้าไปให้เต็มปอดพร้อมภาวนาว่า "พุทโธ"
    และส่งจิตไปยังฐานจิตทันที การวางจิตอย่างนี้เรียกว่า "อุเบกขานิมิต"


 

   
    สำหรับการดึงสติที่ใช้อยู่เป็นประจำ ซึ่งสามารถทำให้ได้เร็ว ก็คือ การกลั้นลมหายใจ หรือเรียกว่าดับลมหายใจ  และเมื่อสติเข้ามาอยู่ภายในกายแล้ว หรือนิ่งไม่ซัดส่าย  จึงจะไปกำหนดฐานจิตใหม่ และกำหนดการภาวนาพุทโธ
 
    ??? เป็นความเห็นส่วนตัวที่เล่าจากประสบการณ์ ที่ได้ปฏิบัติมา  ซึ่งจะเป็นอีกวิธีสำหรับผู้ที่ปฏิบัติที่จะนำไปแก้ไขในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าก็ได้
 
 
 
บันทึกการเข้า
"Only two things are infinite, the universe and human stupidity,
and I'm not sure about the former."

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ปฏิบัติธรรมอย่างไร จึงจะทันสถานการณ์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:22:33 pm »
0
ถ้าจะเอาให้ทัน สถานะกาล ต้องตั้งใจศึกษา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ขอโยงลมเท่าที่พอทราบเดา..ลมอุเบกขาอนุโลม-ลมปฏิโลม ลมเกิดดับ เพื่อเห็นชาติ-ชรา ว่าสุขทุกข์เกิดแล้วไม่คงสภาพไม่คงอยู่. พัฒนากลายเป็นเข้าวัด-ออกวัด พัฒนากลายเป็นเข้าสะกด ลมพุทโธนี้เกิดเองที่ฐานจิตเลย ถึงตอนไม่ต้องสร้างให้เกิด เกิดเอง...ต่อไปก็เป็นลมอานาปา ที่อานาปาเป็นสติปัฏฐานสี่ก็เพราะ มีความได้ลมเกิดขึ้นพร้อมดับ มีลมอุเบกขาทุกวินาที อานาปาห้องสี่ คือความรู้ตัวทั่วพร้อม ที่มีธรรมส่งเสริม มาจากพุทธานุสสติ ห้องพุทธานุสสติ คือมูลเหตุแห่งธรรม...ณ.เวลาอันควร อุเบกขานิมิตก็กลายเป็นอุเบกขาอัตโนมัติด้วยความพอกพูน อานาปานสติ เป็นสติปัฏฐานในตัวเพราะได้ลมรู้ตัวคือลมพุทโธ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา