ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ  (อ่าน 25628 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

เจมส์บอนด์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 186
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ

ขอท่านผู้รู้ทุกท่าน ช่วยแนะนำด้วยครับ

 :25:
บันทึกการเข้า
ps2 psx nds n64 rom nes play1 play2 gamepc xbox wii castlevania finalfantasy nds ps1 sega
ผมชอบเล่นเกมส์ แต่ ก็แบ่งเวลานั่ง กรรมฐาน ครับ คนรุ่นใหม่ไม่กลัวกรรมฐาน

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 12:11:47 pm »
0

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

อสัญญีสัตว์ สัตว์จำพวกไม่มีสัญญา ไม่เสวยเวทนา(ข้อ ๕ ในสัตตาวาส ๙)

สัตตาวาส ๙ (ภพเป็นที่อยู่แห่งสัตว์ )

๑. สัตว์บางพวก มีกายต่างกัน มีสัญญาต่างกัน เช่น พวกมนุษย์ เทพบางเหล่า วินิปาติกะ (เปรต) บางเหล่า

๒. สัตว์บางพวก มีกายต่างกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน เช่น เหล่าเทพจำพวกพรหม ผู้เกิดในภูมิปฐมฌาน

๓. สัตว์บางพวก มีกายอย่างเดียวกัน แต่มีสัญญาต่างกัน เช่น พวกเทพอาภัสสระ

๔. สัตว์บางพวก มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน เช่น พวกเทพสุภกิณหะ

๕. สัตว์บางพวก ไม่มีสัญญา ไม่เสวยเวทนา เช่น เหล่าเทพจำพวกอสัญญีสัตว์

๕. สัตว์บางพวก ผู้เข้าถึงชั้นอากาสานัญจายตนะ

๖. สัตว์บางพวก ผู้เข้าถึงชั้นวิญญาณัญจายตนะ

๗. สัตว์บางพวก ผู้เข้าถึงชั้นอากิญจัญญายตนะ

๙. สัตว์บางพวก ผู้เข้าถึงชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ


อรูปพรหม พรหมผู้เข้าถึงอรูปฌาน, พรหมไม่มีรูป, พรหมในอรูปภพ มี ๔;
       ดู อรูป


อรูป ฌานมีอรูปธรรมเป็นอารมณ์ ได้แก่ อรูปฌาน, ภพของสัตว์ผู้เข้าถืออรูปฌาน,

       ภพของอรูปพรหม มี ๔ คือ
           ๑. อากาสานัญจายตนะ (กำหนดที่ว่างหาที่สุดมิได้ เป็นอารมณ์)
           ๒. วิญญาณัญจายตนะ (กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้ เป็นอารมณ์)
           ๓. อากิญจัญญายตนะ (กำหนดภาวะที่ไม่มีอะไรๆ เป็นอารมณ์)
           ๔. เนวสัญญานาสัญญายตนะ (ภาวะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่)




จตุตถฌานภูมิ มี ๗ ภูมิ
ผู้ที่เจริญสมถกรรมฐานจนบรรลุปัญจมฌาน มีองค์ฌาน ๒ คือ อุเบกขา เอกัคคตา มี ๗ ภูมิ คือ
 
๑.เวหัปผลาภูมิ
๒.อสัญญสัตตภูมิ
๓.อวิหาภูมิ
๔.อตัปปาภูมิ
๕.สุทัสสาภูมิ
๖.สุทัสสีภูมิ
๗.อกนิฎฐาภูมิ


รวมเฉพาะภูมิที่ ๓ – ๗ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สุทธาวาสภูมิ ๕

เวหัปผลาภูมิ และ อสัญญสัตตภูมิ

๑. เวหัปผลา แปลว่า มีผลไพบูลย์ ซึ่งเกิดขึ้นด้วยอำนาจของฌาน พ้นจากการถูกทำลายทั้งปวง ผู้ที่เกิดในภูมินี้ได้ชื่อว่า พรหมเวหัปผลา พรหมในภูมินี้เกิดด้วยกาลังของปัญจมฌาน พรหมชั้นนี้ไม่ได้แบ่งเป็น ๓ ชื่อสาหรับผู้ได้อย่างอ่อน อย่างปานกลาง และอย่างประณีตแต่อย่างใด กล่าวไว้ชื่อเดียวรวมๆ กันไป

๒. อสัญญี แปลว่า ไม่มีสัญญาเสียเลย พรหมชั้นนี้เป็นที่เกิดของผู้ได้ปัญจมฌานแบบเพ่งอยู่เป็นนิตย์ว่าจิตไม่มี เห็นโทษของจิตว่าจิตเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ได้รับอารมณ์แล้วก็เป็นทุกข์ก็เพราะมีจิต ราคะ โทสะ โมหะ ล้วนอาศัยจิตเกิดขึ้น มีความเห็นว่าไม่มีจิตเป็นของดีเป็นนิพพานในปัจจุบัน จึงเพ่งอยู่เป็นนิตย์ว่าจิตไม่มีๆ สำรอก ดับนามขันธ์ และเวลาตายจากมนุษย์

ถ้ายืนตายก็ไปเกิดเป็นพรหมในท่ายืน ถ้านั่งก็ไปเกิดเป็นพรหมในท่านั่ง และก็อยู่ในอิริยาบถนั้นจนถึงจุติ หรือเรียกว่า พรหมลูกฟัก ซึ่งมีเพียงรูปขันธ์อย่างเดียวไม่มีนามขันธ์ เมื่อหมดอายุขัยนามขันธ์ก็จะเกิดขึ้นเพื่อนำไปเกิดในภพใหม่ชาติใหม่ต่อไป เป็นพรหมภายนอกพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ปฏิบัติเพื่อไปเกิดเป็นพรหมพวกนี้

ที่ตั้งของเวหัปผลาภูมิ และอสัญญสัตตภูมิ
ตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศ ทั้ง ๒ ภูมิ อยู่ในระนาบเดียวกัน ห่างจากตติยฌานภูมิ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ มีวิมาน สวนดอกไม้ สระโบกขรณี ล้วนด้วยรัตนะทั้ง ๗ มีรัศมีแวววาวสวยงามยิ่ง มีต้นกัลปพฤกษ์ ทุกสิ่งสวยงามประณีตยิ่งกว่าพรหมชั้นตติยฌาน

อรูปาวจรภูมิ

เป็นภูมิที่อยู่ของพรหมที่ไม่มีรูปมีแต่นาม เพราะเห็นโทษของการมีอัตภาพร่างกายว่าเป็นไปด้วยทุกข์โทษนานาประการ จากการถูกทำร้าย ถูกประหาร มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน เป็นต้น จึงขวนขวายในการเจริญสมถภาวนาเพื่อปรารถนาที่จะไม่มีรูปร่างกาย เมื่อบรรลุถึงอรูปฌานและสิ้นชีพแล้วจึงได้มาบังเกิดในอรูปภูมิ ผู้ที่จะเจริญอรูปฌานได้ต้องผ่านการเจริญรูปฌานมาจนถึงฌานสุดท้าย คือ ปัญจมฌาน (หรือถ้ากล่าวตามสุตตันตนัย คือ จตุตถฌาน) จึงจะเจริญอรูปฌานต่อไปได้

อรูปาวจรภูมิ มี ๔ ภูมิ คือ

๑. อากาสานัญจายตนภูมิ
ผู้ที่เกิดในภูมินี้จะต้องเจริญสมถกรรมฐานจนได้ปัญจมฌานมาก่อน แล้วมาเจริญอรูปฌานที่ ๑ คือ อากาสานัญจายตนฌาน กาหนดอากาศที่อยู่ในปฏิภาคนิมิตเป็นอารมณ์ ภาวนาว่า “อากาศไม่มีสิ้นสุดๆๆ” จนสาเร็จอรูปฌานที่ ๑ คือ อากาสานัญจายตนฌาน เมื่อสิ้นชีวิตและฌานยังไม่เสื่อมจะมาเกิดในอากาสานัญจายตนภูมิ มีอายุ ๒๐,๐๐๐ มหากัป


๒. วิญญาณัญจายนตนภูมิ
เป็นภูมิที่อยู่ของวิญญาณัญจายตนพรหมผู้ซึ่งได้อรูปฌานที่ ๒ คือ วิญญาณัญจายตนฌาน ด้วยการพิจารณาจิตที่เข้าไปรู้อากาศไม่มีที่สิ้นสุดในอากาสานัญจายตนฌาน ตั้งอยู่ห่างจากอากาสา- นัญจายตนภูมิ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ เป็นภูมิที่มีความสุขประณีตละเอียดกว่าอากาสานัญจายตนภูมิ มีอายุ ๔๐,๐๐๐ มหากัป

๓. อากิญจัญญายตนภูมิ
เป็นภูมิที่อยู่ของอากิญจัญญายตนพรหมผู้ซึ่งได้อรูปฌานที่ ๓ คือ อากิญจัญญายตนฌาน ด้วยการพิจารณาความไม่มีอะไร คือไม่มีทั้งอากาศและวิญญาณ ซึ่งเป็นอารมณ์ของอรูปฌานที่ ๑ และอรูปฌานที่ ๒ ตั้งอยู่ห่างจากวิญญาณัญจายตนภูมิ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ เป็นภูมิที่มีความสุขประณีตละเอียดกว่าวิญญาณัญจายตนภูมิ มีอายุ ๖๐,๐๐๐ มหากัป


ผู้ที่ไปเกิดอยู่ในภูมินี้ ได้แก่ อาฬารดาบส (อ่านว่า อา-ลา-ระ-ดา-บด) เป็นครูที่สอนการทาฌานสมาบัติให้แก่พระโพธิสัตว์ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้วก็จะเสด็จไปโปรดอาจารย์ผู้นี้ แต่รู้ด้วยทิพยจักขุว่าอาฬารดาบสตายไปแล้วเมื่อ ๗ วันก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ อาฬารดาบสได้เข้าสู่ความเป็นอรูปพรหมในอากิญจัญญายตนภูมิ

๔. เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
เป็นภูมิที่อยู่ของเนวสัญญานาสัญญายตนพรหม ได้อรูปฌานที่ ๔ คือ เนวสัญญานาสัญญา- ยตนฌาน ด้วยการพิจารณาสัญญาที่เข้าไปรู้ในบัญญัติอารมณ์ว่า “มีก็ใช่ ไม่มีก็ใช่” อุปมาเสมือนกับน้ามันที่ทาบาตร จะว่าบาตรนั้นมีน้ามันอยู่ก็ไม่ใช่ หรือไม่มีน้ามันอยู่ก็ไม่ใช่เพราะเทออกมาไม่ได้ ภูมินี้เป็นภูมิที่สูงสุด ตั้งอยู่ห่างจากอากิญจัญญายตนภูมิ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ มีความสุขประณีตละเอียดกว่าอากิญจัญญายตนภูมิ มีอายุ ๘๔,๐๐๐ มหากัป


ผู้ที่ไปเกิดอยู่ในภูมินี้ ได้แก่ อุทกดาบส (อุ-ทะ-กะ-ดา-บด) เป็นครูสอนฌานสมาบัติให้แก่พระโพธิสัตว์ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่นเดียวกับอาฬา-รดาบส เมื่อพระองค์จะเสด็จไปโปรด ก็ทราบด้วยทิพยจักขุว่าได้สิ้นชีพไปแล้วเมื่อพลบค่านี้เอง ได้เข้าสู่ความเป็นอรูปพรหมในเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ


จากหนังสือ บทเรียนชุดที่ ๖.๒ เรื่อง ภพภูมิ ๓๑
หนังสืออ้างอิง
๑. ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
๒. ภูมิจตุกกะและปฏิสนธิจตุกกะ ปริจเฉทที่ ๕ เล่มที่ ๑ ; ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมมัตถสังคหฎีกา ; พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลั

ชีวิตในสังสารวัฏนี้  เมื่อจำแนกออกอย่างหยาบ ๆ  แล้วจะมีอยู่  3  ประเภทใหญ่ ๆ  ด้วยกัน คือ

1.  สัตว์ประเภทที่มีร่างกายอย่างหยาบ ๆ สามารถจับต้องได้ เป็นอยู่ได้ด้วยการบริโภคอาหาร   ลมหายใจ  อุณหภูมิเป็นต้นได้แก่มนุษย์  สัตว์เดรัจฉาน  เป็นต้น  หรือประเภทที่ต้องเกิดเพราะอาศัยบิดามารดาทำให้เกิด  พวกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า  ขันธ์   5  ครบบริบูรณ์

2. สัตว์ประเภทที่มีร่างกายละเอียดกว่าพวกแรก  เป็นสัตว์ที่เกิดด้วยอาศัยผลบุญกรรมที่ตนทำสั่งสมไว้ทำให้เกิด  ไม่มีใครเป็นบิดามารดา  เกิดผุดขึ้นเองเหมือนความฝัน  มีร่างกายโตเต็มที่  มีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์ไม่บกพร่อง  เป็นอยู่ได้ด้วยอาหารทิพย์หรืออาหารที่เกิดจากผลกรรม  เรียกว่า พวกโอปปาติกะ  ได้แก่  พวกเทวดา  พวกรูปพรหม  และพวกสัตว์นรก  พวกนี้ก็มีขันธ์   5  ครบเหมือนกัน

3.  สัตว์ประเภทที่มีร่างกายละเอียดมาก จนไม่มีรูปร่างปรากฏให้เห็น  มีชีวิตอยู่อย่างยืนยาวนานมาก  มีชีวิตดำรงอยู่ได้ด้วยสัญญาเป็นสำคัญ  ได้แก่พวกอรูปพรหม 4 ชั้นพวกนี้มีขันธ์ เพียง 4 เท่านั้น  คือ  ไม่มีรูปขันธ์  คือ  ปราศจากร่างกาย

นอกจากสัตว์เหล่านี้ แล้ว  ก็ยังอีกพวกหนึ่งที่พิเศษกว่าพวกอื่น คือ  เกิดขึ้นมีร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  ไม่มีความทรงจำใด ๆไม่มีการรับรู้ใด ๆ  ได้แก่พวกอสัญญีพรหม  หรือที่เรียกติดปากชาวบ้านว่า  พรหมลูกฟัก  เหตุที่เรียกว่า  พรหมลูกฟัก  ก็เพราะว่าเป็นสัตว์ที่ปราศจากแสดงอาการใด ๆ อยู่นิ่งเฉยไม่ต่างจากลูกฟักแฟงหรือลูกฟักทอง  ดังนั้นจึงนิยมเรียกว่า  พรหมลูกฟัก

พรหมพวกนี้มีเพียงรูปขันธ์  คือ  ร่างกายอย่างเดียวเท่านั้นจิตใจความคิดไม่มี  ความทรงจำไม่มี  ความรู้สึกไม่มี    ถ้าเมื่อใดที่เกิดความรู้สึกขึ้น  เขาก็จะจุติจากอสัญญีพรหมทันที   แล้วไปเกิดในภพใหม่ต่อไป

มีข้อ ที่ควรสังเกตอย่างหนึ่งว่า  ในบรรดาสถานที่เกิดทั้งหมดนั้น  สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาจะไม่ไปเกิดเลย  มีอยู่แห่งเดียว  คือ อสัญญีพรหม ทั้งนี้ก็เพราะหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนาที่มุ่งตรงไปสู่ความดับ (นิพพาน)  ไม่ทำให้ผู้ปฏิบัติหลงติดอยู่ในภาวะปราศจากสัญญาได้

.:: เบญจขันธ์ พระธรรมเทศนาหลวงพ่อวัดปากน้ำ ::. คัดมาเฉพาะพรหมลูกฟัก ดังนี้

กำเนิด นี้แหละล้วนแล้วด้วยขันธ์ทั้ง ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดในมนุษย์หมดทั้งกามภพนี้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดในเทวดา ๖ ชั้น ก็ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ดังนี้แหละ จะเกิดในรูปพรหม ก็ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดในอรูปพรหม ก็ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

แต่ว่าต่างอยู่อีกพวกหนึ่ง คือ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ชั้นเบื้องบนสูงขึ้นไป เกิดแล้วก็สัญญาละเอียดเต็มที่ รู้ก็ใช่ ไม่รู้ก็ใช่ สนฺตเมตํ ปณีตเมตํ ไปเกิดในชั้นนั้นได้รับความสุขในเนวสัญญานาสัญญายตนะ ๘๔,๐๐๐ กัป มหากัป ๘๔,๐๐๐ มหากัป อยู่ในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั่น อ้ายนั่นแปลก ไม่นับเข้าในวิญญาณฐิติ แต่ว่ายังอยู่ในสัตตาวาส ๙ นั่นพวกหนึ่งเกิดแปลก

อีกพวกหนึ่งเกิดแปลกอีก ในชั้นพรหมที่ ๑๑ อสัญญีสัตว์ เบื่อนามติดรูป อ้ายนี่เบื่อนามติดรูป เบื่อว่าอ้ายความรู้นี่แหละ มันได้รับทุกข์ร้อนลำบากนัก พอได้จตุตถฌานแล้ว ปล่อยรู้เสีย นั่งหัวโด่อยู่นั่น ปล่อยรู้เสีย เป็นมนุษย์ก็นั่งหัวโด่ ไปเขย่าตัวก็ไม่รู้เรื่องกัน นานๆ แล้วรู้เสียทีหนึ่ง ฌานนั้นแหละไม่เสื่อม แตกกายทำลายขันธ์ เบื่อนามติดรูป

ไปเกิดในชั้นพรหมที่ ๑๑ ไปนอนอืดอยู่ ที่เขาเรียกว่าพรหมลูกฟักก็เรียก ถ้าว่านั่งตายก็ไปนั่งโด่อยู่นั่น นั่งโด่อยู่นั่น ๕๐๐ มหากัป ไม่ครบ ๕๐๐ มหากัป มาไม่ได้ ติดคุกรูปพรหมแท้ๆ ไม่ได้เป็นไรเลย สุขทุกข์ไม่เอาเรื่องกัน นอนอยู่นั่นแหละไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันล่ะ พระพุทธเจ้ามาตรัสสักกี่ร้อยองค์ ก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ติดอยู่นั่น ๕๐๐ มหากัป อยู่นั่น นี่อีกพวกหนึ่ง นี่พวกเบญจขันธ์ทั้งนั้น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ


ที่มา  http://www.dhammakaya.org/forum/index.php?topic=41.0


พรหมลูกฟัก (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)



ท่านว่า พรหมลูกฟักเทวดานั้น มีจำนวนมากมาย ล่องลอยอยู่ในสวรรค์ชั้นพรหม
เป็นพรหมที่เคยปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพระพุทธศาสนา แต่ไม่ปรากฎว่าด้วยกรรมใด
จึงลงท้ายด้วยการเปลี่ยนแปลง


ไม่ปฏิบัติพระพุทธศาสนาอย่างดีงาม
แต่ปฏิบัติไปตามความพอใจของตน ที่คิดว่าถูกต้อง
เป็นการปฏิบัติผิดต่อพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก
มีผลประการหนึ่งให้ต้องได้เป็นพรหมลูกฟัก

ท่านผู้รู้ผู้เห็นเล่าว่า เทพพรหมที่เป็นมนุษย์เคยปฏิบัติผิด
ต่อพระพุทธศาสนา จะมีโทษหนักประเภทหนึ่ง
คือต้องเปลี่ยนสภาพจากเทวดาชั้นพรหมไปเป็นเทวดาชั้นพรหมลูกฟัก


ท่านอธิบายว่าพรหมลูกฟักมีลักษณะเป็นพรหมเช่นที่ได้เกิดในสวรรค์ชั้นพรหม
ตามกรรมที่ได้ทำ เป็นกรรมดีจึงได้ภพชาติเป็นพรหม
แต่หลังจากเริ่มต้นด้วยการทำดีต่อพระพุทธศาสนา ได้ละเลยในการปฏิบัติกรรมดี

ไปพอใจความคิดความเห็นและการปฏิบัติของตนมีความสำคัญ มีความถูกต้อง
สมควรกว่าการปฎิบัติในพระพุทธศาสนาที่ตนเคยทำมา
จึงเปลี่ยนความคิดเห็นไปตามกรรมตามอำนาจความคิดเห็นความพอใจของตน
ซึ่งเมื่อเป็นการผิดต่อพระพุทธศาสนา ผลร้ายของกรรมประการหนึ่ง
คือต้องเปลี่ยนภพชาติ จากเป็นพรหม ไปเป็นพรหมลูกฟัก
เมื่ออำนาจของกรรมที่ปฎิบัติผิดต่อพระพุทธศาสนาส่งถึง


พรหมลูกฟักนั้น ท่านผู้รู้เล่าว่า จะมีสภาพเป็นพรหมที่กรรมดีนำให้ไปเกิดนั้นเอง
แต่เมื่อกรรมไม่ดีตามมาทัน พรหมลูกฟักยังมีคุณลักษณะเป็นพรหมอยู่เช่นเดิม
แต้จะมีกรรมไม่ดีเป็นผลเข้าห่อหุ้มพรหมเหล่านั้นไว้

ซึ่งท่านว่ามีมากมายนักในสวรรค์ชั้นพรหมแม้จะเป็นเทวดาชั้นพรหมที่งดงาม
แต่เมื่อถึงเวลากรรมให้ผล จะมีโทษของกรรมเข้าห่อหุ้ม พระพรพมซึ่งเป็นหนึ่งในเทวดา ก็จะถูก
กรรมห่อไว้หุ้มไว้ทั้งร่าง ไม่อาจเคลื่อนไหว ออกพ้นเครื่องห่อหุ้มได้ เห็นใครเห็นอะไรก็ไม่ได้
ปิดมิดอยู่ในเครื่องห่อหุ้มนั้นทั้งองค์ ไม่อาจใช้ปากใช้เท้าใช้มือที่มีอยู่พร้อมบริบรูณ์ได้


ต้องเป็นพรหมที่ถูกห้อมล้อมอยู่แน่นหนาภายในเครื่องแวดล้อม
ที่มีลักษณะของ “ลูกฟัก” ที่ทำให้เกิดคำว่า “พรหมลูกฟัก” ขึ้น
เป็นคำเรียกขานผู้เริ่มทำดีต่อพระพุทธศาสนา เป็นบุญเป็นกุศล แต่ลงท้าย
ด้วยการทำผิดทำบาปเป็นอกุศลต่อพระพุทธศาสนา.


: แสงส่องใจ ส.ค.ศ. ๒๕๕๒
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ที่มา  http://www.dhammakid.com/board/ocoaaaad/aeaaun-%28eaacado3encai%29/


พรหมลูกฟัก เป็นพรหมไม่มีสัญญา ไม่เสวยเวทนา อยู่ชั้นที่ ๑๑ คือ อสัญญสัตตภูมิ

เป็นพรหมภายนอกพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ปฏิบัติเพื่อไปเกิดเป็นพรหมพวกนี้

 :s_good: ;) :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 20, 2012, 01:56:52 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

สาวิตรี

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +6/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 148
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 12:57:33 pm »
0
อนุโมทนา คะตอบได้อย่างเป็นที่เข้าใจเลยคะ

แต่ก็ยังไม่เข้าใจตรงที่ว่า ปฏิบัติตามใจตนเองในพระพุทธศาสนา เห็นว่าไม่มีจิต หรือ เห็นว่ามีจิต จุติคะ

 :c017:
บันทึกการเข้า

ฟ้าใหม่แจ่มใส

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 226
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 05:43:02 pm »
0
อ่านเรื่องนี้แจ่ม เลยคะ อยาก เรียนถามคุณ nathaponson ต่อไปนะคะ

 เคยได้ยินมาว่า พรหมลูกฟัก นี้อาจจะจุติ เป็น ศัตราวุธ ของกายสิทธิ์ ที่กำเนิดจากชีวิต ผู้ภาวนาในการเป็นพรหมลูกฟัก จริงหรือไม่คะ เช่น ธาตุกายสิทธิ์ ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนโลกเรานี้ หรือว่า พรมหประเภทนี้ต้องจุติบนสวรรค์ชั้น ที่เป็นอยู่โดยเฉพาะ

 ขอความเห็นด้วยนะคะ

   :c017:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ ถ้าไม่ถูกใจก็ต้องว่า ยายกบ เพราะชวนมาศึกษาธรรมะ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 06:40:01 pm »
0
พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ

 :25:

จตุตถฌานภูมิ มี ๗ ภูมิ
ผู้ที่เจริญสมถกรรมฐานจนบรรลุปัญจมฌาน มีองค์ฌาน ๒ คือ อุเบกขา เอกัคคตา มี ๗ ภูมิ คือ
 
๑.เวหัปผลาภูมิ
๒.อสัญญสัตตภูมิ
๓.อวิหาภูมิ
๔.อตัปปาภูมิ
๕.สุทัสสาภูมิ
๖.สุทัสสีภูมิ
๗.อกนิฎฐาภูมิ


รวมเฉพาะภูมิที่ ๓ – ๗ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สุทธาวาสภูมิ ๕

๒. อสัญญี แปลว่า ไม่มีสัญญาเสียเลย พรหมชั้นนี้เป็นที่เกิดของผู้ได้ปัญจมฌานแบบเพ่งอยู่เป็นนิตย์ว่าจิตไม่มี เห็นโทษของจิตว่าจิตเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ได้รับอารมณ์แล้วก็เป็นทุกข์ก็เพราะมีจิต ราคะ โทสะ โมหะ ล้วนอาศัยจิตเกิดขึ้น มีความเห็นว่าไม่มีจิตเป็นของดีเป็นนิพพานในปัจจุบัน จึงเพ่งอยู่เป็นนิตย์ว่าจิตไม่มีๆ สำรอก ดับนามขันธ์ และเวลาตายจากมนุษย์

ถ้ายืนตายก็ไปเกิดเป็นพรหมในท่ายืน ถ้านั่งก็ไปเกิดเป็นพรหมในท่านั่ง และก็อยู่ในอิริยาบถนั้นจนถึงจุติ หรือเรียกว่า พรหมลูกฟัก ซึ่งมีเพียงรูปขันธ์อย่างเดียวไม่มีนามขันธ์ เมื่อหมดอายุขัยนามขันธ์ก็จะเกิดขึ้นเพื่อนำไปเกิดในภพใหม่ชาติใหม่ต่อไป เป็นพรหมภายนอกพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ปฏิบัติเพื่อไปเกิดเป็นพรหมพวกนี้

  ;)

แต่ก็ยังไม่เข้าใจตรงที่ว่า ปฏิบัติตามใจตนเองในพระพุทธศาสนา เห็นว่าไม่มีจิต หรือ เห็นว่ามีจิต จุติคะ

 :c017:


พระโยคาวจร ผู้หยั่งปัญจมฌานได้ ไม่เจริญรู้ในวิปัสสนาญาณเพื่อความสิ้นอาสวะ หลงในทิฏฐิที่ว่า สุข/ทุกข์ นี้

เกิดแต่จิตมีจิต จึงผละจิต (พินิจจิตเพ่งจิตนี้เป็นโทษ) แต่ไม่หยั่งสมถภาวนาถึงที่สุดอรูปฌาน จึงจุติเพียงพรหมมี

รูปไร้นาม (พรหมลูกฟัก) ท่านนักภาวนาทั้งหลายอย่าหลงเพ่งจิตนี้เป็นโทษกันเลย อสัญญีพรหมเยื่องนี้มิพึงไป

จุติเกิด......ขอให้ทุกท่านศึกษาภาวนาให้ถ่องแท้ในอรรถในพยัญชนะเถิด สวัสดี 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2011, 10:19:42 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

tang-dham

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 98
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 07:46:03 pm »
0
อ่านเรื่องนี้แจ่ม เลยคะ อยาก เรียนถามคุณ nathaponson ต่อไปนะคะ

 เคยได้ยินมาว่า พรหมลูกฟัก นี้อาจจะจุติ เป็น ศัตราวุธ ของกายสิทธิ์ ที่กำเนิดจากชีวิต ผู้ภาวนาในการเป็นพรหมลูกฟัก จริงหรือไม่คะ เช่น ธาตุกายสิทธิ์ ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนโลกเรานี้ หรือว่า พรมหประเภทนี้ต้องจุติบนสวรรค์ชั้น ที่เป็นอยู่โดยเฉพาะ

 ขอความเห็นด้วยนะคะ

   :c017:

เนื้อเรื่อง อ่านเข้าใจง่าย ดีคะ แล้วก็จะระวัง ถ้าภาวนากรรมฐาน จะไม่ปรารถนาเกิดใน อสัญญีพรหมเลยคะ
 :c017:
บันทึกการเข้า
ยินดีที่รู้จัก ทุกท่านฝากตัว เพื่อศึกษาความรู้ กับกัลยาณมิตรทุกท่านครับ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 08:16:17 pm »
0

๒. อสัญญี แปลว่า ไม่มีสัญญาเสียเลย พรหมชั้นนี้เป็นที่เกิดของผู้ได้ปัญจมฌานแบบเพ่งอยู่เป็นนิตย์ว่าจิตไม่มี เห็นโทษของจิตว่าจิตเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ได้รับอารมณ์แล้วก็เป็นทุกข์ก็เพราะมีจิต ราคะ โทสะ โมหะ ล้วนอาศัยจิตเกิดขึ้น

มีความเห็นว่าไม่มีจิตเป็นของดีเป็นนิพพานในปัจจุบัน
จึงเพ่งอยู่เป็นนิตย์ว่าจิตไม่มีๆ สำรอก ดับนามขันธ์

และเวลาตายจากมนุษย์ ถ้ายืนตายก็ไปเกิดเป็นพรหมในท่ายืน
ถ้านั่งก็ไปเกิดเป็นพรหมในท่านั่ง และก็อยู่ในอิริยาบถนั้นจนถึงจุติ
หรือเรียกว่า พรหมลูกฟัก ซึ่งมีเพียงรูปขันธ์อย่างเดียวไม่มีนามขันธ์

เมื่อหมดอายุขัย นามขันธ์ก็จะเกิดขึ้น เพื่อนำไปเกิดในภพใหม่ชาติใหม่ต่อไป เป็นพรหมภายนอกพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ปฏิบัติเพื่อไปเกิดเป็นพรหมพวกนี้


อนุโมทนา คะตอบได้อย่างเป็นที่เข้าใจเลยคะ

แต่ก็ยังไม่เข้าใจตรงที่ว่า ปฏิบัติตามใจตนเองในพระพุทธศาสนา เห็นว่าไม่มีจิต หรือ เห็นว่ามีจิต จุติคะ

 :c017:

ไม่ค่อยเข้าใจคำถามนัก แต่จะพยายามเดาใจคุณสาวิตตรี ขอให้อ่านและทำความเข้าใจข้อความด้านบน

การจุติเป็นพรหมลูกฟัก จุติแต่รูปเท่านั้น จิตหรือนาม(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ไม่ได้จุติ

นั่นคือ ที่มาของคำว่า อสัญญีสัตว์ ซึ่งหมายถึง สัตว์จำพวกไม่มีสัญญา ไม่เสวยเวทนา

ถ้าจะถามว่า แล้วจิตอยู่ไหน ขอตอบว่า จิตถูกเพ่งเอาไว้ ค้างอยู่อย่างนั้น ไม่มีการเกิดการดับ

แต่มีอายุขัยนะครับ พรหมลูกฟักมีอายุ ๕๐๐ กัป เมื่อสิ้นอายุขัยแล้ว จิตจะเกิดและดับดังเดิม

จะไปจุติตามภพต่างๆตามแรงกรรมต่อไป


อ่านเรื่องนี้แจ่ม เลยคะ อยาก เรียนถามคุณ nathaponson ต่อไปนะคะ

 เคยได้ยินมาว่า พรหมลูกฟัก นี้อาจจะจุติ เป็น ศัตราวุธ ของกายสิทธิ์ ที่กำเนิดจากชีวิต ผู้ภาวนาในการเป็นพรหมลูกฟัก จริงหรือไม่คะ เช่น ธาตุกายสิทธิ์ ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนโลกเรานี้ หรือว่า พรมหประเภทนี้ต้องจุติบนสวรรค์ชั้น ที่เป็นอยู่โดยเฉพาะ

 ขอความเห็นด้วยนะคะ

   :c017:

คุณฟ้าใหม่แจ่มใสครับ เท่าที่หาข้อมูลได้ จิตของพรหมลูกฟัก เมื่อสิ้นอายุขัย จะไปจุติตามภพต่างๆ

ไม่ใช่ไปเกิดเป็นศัตราวุธ จิตเป็นธรรมชาติที่มีชีวิต(วิญญาณ) ไม่น่าจะไปเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต

ขอให้อ่านบทความและความเห็นของผมที่ตอบคุณสาวิตตรีด้วยครับ

 :49: ;) :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 20, 2012, 02:10:10 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 02:03:42 pm »
0

   พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ ได้กล่าวว่า ผู้ทำอสัญญีฌาน สมาธิที่ได้จะเรียกว่า "สมาธิหัวตอ"
   สนใจเรื่องนี้ เชิญคลิกลิงค์นี้ได้เลยครับ

   ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
   http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7686.msg28230#msg28230
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ