ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - ธุลีธวัช (chai173)
หน้า: 1 [2] 3
41  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / คนแต้จิ๋ว 潮州人, คนฮากกา 客家人, คนไหหลำ 海南人, คนฮกเกี้ยน 福建人 เมื่อ: เมษายน 09, 2013, 01:29:19 pm
42  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อึ้ง!สาวจีน 27 หน้าแก่เหมือนยาย 70 เมื่อ: เมษายน 05, 2013, 05:36:49 pm
อึ้ง!สาวจีน 27 หน้าแก่เหมือนยาย 70

อึ้ง!พบหญิงชาวจีนในมณฑลเหอหนาน ที่เพิ่งจะมีวัยแค่ 27 พบอาการประหลาด ใบหน้าเหี่ยวย่นเหมือนคนชราอายุ 70 หลังให้กำเนิดลูกชายคนแรก



                24 ม.ค.56 สถานีโทรทัศน์เหอหนาน ในมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของประเทศจีน ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับความผิดปกติของหญิงสาว ที่เปิดเผยเพียงว่า แซ่หู ที่มีผิวหน้าเหี่ยวย่น เหมือนหญิงชราวัยประมาณ 60-70 ปี แต่เมื่อดูจากบัตรประชาชน พบว่า เธอเกิดเมื่อปี 2528

               โดยเธอเปิดเผยว่า หลังจากแต่งงานและคลอดลูกชายเพียงไม่นาน ผิวหน้าของเธอก็เริ่มเหี่ยวย่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งบริเวณหน้าผาก หนังตา แก้ม ริมฝีปากและคาง จนเธอไม่กล้าส่องกระจก ไม่อยากออกนอกบ้าน ไม่กล้าสู้สายตาคน รวมถึงไม่กล้าไปรับลูกที่โรงเรียน และความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ยิ่งแย่ลง ทั้งยังต้องทนฟังเสียงวิจารณ์อันเจ็บปวด ที่ว่า แก่แล้วแต่ยังแต่งตัวเหมือนสาว ๆ เพราะเธอยังใส่ชุดที่เคยใส่ตามปกติ

               ทั้งนี้ หญิงเคราะห์ร้ายคนนี้ ได้ไปพบแพทย์หลายคนแล้ว แต่ไร้ผล โดยเธอแต่งงานกับสามี เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตอนที่อายุเพียง 21 ปี แต่หลังจากคลอดลูกชาย ซึ่งชีวิตช่วงนั้นมีความสุข กลับพบว่าผิวหน้าเริ่มเหี่ยว แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติหลังการคลอดแต่ในระยะเวลาแค่ครึ่งปี รอยเหี่ยวย่นกลับชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนคล้ายคนแก่วัย 60 - 70ปี

               ด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาล เจิ้ง ต้า อีฟู่ วินิจฉัยว่า หญิงคนนี้เป็นโรคผิวหนังที่มีชื่อว่า แกรนูโลมาตัส สแล็ค สกิน (Granulomatous slack skin) ที่พบได้ยาก และอาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

               อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องของเธอถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้มีผู้เห็นใจเธอเป็นจำนวนมาก และมีรายงานว่า คลีนิคศัลยกรรมตกแต่งแห่งหนึ่งในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ได้เสนอให้ความช่วยเหลือและได้ทำการรักษาเบื้องต้นให้เธอแล้ว และการรักษาก็ผ่านไปได้ด้วยดี
   



http://www.komchadluek.net/detail/20130124/150124/%E0%B8%AD%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87!%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%9927%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A270.html#.UQzklRzenFw
43  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / 清明節 /清明节 เมื่อ: มีนาคม 24, 2013, 10:58:40 am


      





http://blog.cnii.com.cn/?40601/viewspace-31620.html
http://www.tucoo.com/vector/f_cleaning%20graves%20day/index.htm
http://news.ouc.edu.cn/news/article/class6/2006-04-04/20060404221018.html
http://sibuericluk.blogspot.com/2012_03_01_archive.html
44  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ธรรมยุติ หรือ มหานิกาย.? เมื่อ: มีนาคม 08, 2013, 06:06:26 pm
สงฆ์ธรรมยุติกับสงฆ์มหานิกาย สังเกตอย่างไร ?

' ธรรมยุติกับมหานิกาย เหมือนต่างกันอย่างไร ? '
      คำถามนี้ยาก เพราะมันมีหลายระดับครับ ถ้าตอบแบบธรรมดาก็


                                 

      1. สีจีวรต่างกัน มหานิกายจะห่มสีส้มทอง แต่ธรรมยุติจะห่มสีเข้ม ที่เรียกว่า สีแก่นขนุน แต่เดี๋ยวนี้ แยกออกมาอีกหลากหลาย มีทั้งแก่นทอง แก่นกรัก แก่นแดงพระป่า ฯลฯ แต่ความต่างอันนี้ก็ไม่จำเป็น อีกแล้วครับ เพราะอย่างสายหลวงพ่อชา พระอาจารย์สุรศักดิ์ เองก็เป็นมหานิกาย ที่ห่มจีวรสีธรรมยุติ อีกประการหนึ่งที่ทำให้สังเกตุยากในพิธีหลวง คือ สงฆ์สองนิกาย จะใช้จีวรสีพระราชนิยม (ที่เรียกบิดเบือนไปว่า สีพระราชทาน) เป็นสีกลางระหว่างสองนิกายครับ เพื่อความเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันเมื่อประชุมพร้อมกัน และไม่ทำให้เกิดความแตกแยกด้วยครับ
      เกร็ด : เล่า ว่าสายพระป่าใช้สีจีวรออกแดง เพราะหลวงปู่มั่นท่านสงสัยว่าในสมัยพุทธกาล พระครองจีวรสีอะไรกัน และสีนี้ก็ปรากฏในสมาธิของท่าน จึงใช้ต่อๆกันมาเป็นอาจาริยวาสครับ
      ประสบการณ์ : ขณะ ที่บวชอยู่ทราบว่าพระป่าท่านจะไม่ค่อยซักจีวรกัน เพราะใช้ด้วยความระมัดระวัง และด้วยข้อจำกัดของการอยู่ป่า ท่านจึงมักครองซักระยะ แล้วใช้ต้มจีวร พร้อมแก่นขนุน หรือสีสังเคราะห์ครับ สีย้อมจีวรนี่คนนึกไม่ถึงกัน จึงไม่ค่อยได้ถวาย ขอแนะนำสีตรากิเลนครับ เพราะจะติดดี ใช้อัตราส่วน สีเหลืองทอง 2 กระป๋อง ต่อสีกรัก(สีอัลโกโซน) 1 กระป๋อง และบวกด้วยสีแดงนิดหน่อย ต่อจีวรหนึ่งผืนครับ ใครอยากถวายของหาได้ยาก งานนี้ได้เลย โมทนาด้วยครับ

      2. ครองจีวรต่างกัน มหานิกายมักจะห่มดอง โดยสังเกตุได้ว่าจะพันผ้ารัดอกทับสังฆาฏิ และมือสองข้างเป็นอิสระ โดยเฉพาะในงานพิธีการ นอกจากนั้น  ก็ จะมีการห่มมังกร โดยหมุนผ้าลูกบวบทางขวาเวลาออกนอกวัด ส่วนเมือถึงเวลาทำสังฆกรรมจะคาดผ้าที่หน้าอก และมีผ้าสังฆาฏิพาดที่ไหล่ซ้าย แต่เหลือน้อยวัดแล้ว เช่นที่วัดสะเกศ เป็นต้น ส่วนธรรมยุติ จะห่มลูกบวบ โดยม้วนๆๆ ใส่ไว้ใต้รักแร้ข้างซ้าย เวลางานพิธีก็เพียงพันผ้ารัดอกทับไปเลย บางทีเรียกกันลำลองว่าห่มดองธรรมยุติ แต่เดี๋ยวนี้ความต่างน้อยลงเพราะ  มีพระบัญชาของสมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระวชิรญาณวโรรส ให้พระภิกษุทั่วสังฆมณฑลห่มผ้าตามแบบของธรรมยุติกนิกายทั้งหมด อีก ประการที่เหมือนกันคือ พระไทยจะห่มคลุมไหล่ทั้งสองข้างเมื่ออยู่นอกวัด และลดไหล่ซ้ายยามอยู่ในวัด ซึ่งแตกต่างจากของพม่าที่ทำตรงข้ามกัน
     
     3. ปัจจัย อย่างที่ทราบกันว่า พระธรรมยุตินั้นจะไม่จับปัจจัย แต่สามารถรับใบโมทนาบัตรได้ ส่วนพระมหานิกายนั้น ไม่ถือในข้อนี้ ในหนังสือบูรพาจารย์เล่าว่า  หลวงปู่มั่น เคยออกปากไล่พระอาคันตุกะ เพราะนำอสรพิษติดตัวมาด้วย ตอนแรกพระท่านก็งง แต่นึกออกภายหลังว่านำเงินติดใส่ย่ามมาด้วย ดร. สนอง วรอุไร ท่านสรุปว่าสองนิกายรับเงินได้ เพียงแต่มีวิธีคนและแบบเท่านั้นครับ แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นนะครับ พระบางรูปท่านถือเรื่องเงินว่า เป็นเรื่องที่ท่านจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย  อย่าง ที่วัดมเหยงคณ์มีพระอาจารย์ที่ผมและทิดทั้งหลายนับถือมากท่านหนึ่ง ท่านไม่รับถวายปัจจัย ไม่ว่าในรูปแบบใดและข้าวของใดๆทั้งสิ้น นอกจากจำเป็นจริงๆ ท่านเป็นมหาเปรียญ ๗ ประโยค ผู้แตกฉานในพระไตรปิฏก แต่เร่งความเพียรในการภาวนา และอยู่อย่างเรียบง่ายยิ่งนัก เป็นพระสุปฏิปัณโณที่แท้จริง และสอนจริงทั้งทฤษฏี และ ปฏิบัติ แต่จะหาตัวยาก เพราะท่านมักออกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆโดยเดินไป และไม่อาจติดต่อได้ ขอออกนามท่าน  'พระอาจารย์มหาสุชาติ สุชาโต' ด้วยความเคารพเหนือเกล้า (จิตตอนนี้นึกถึงพระมหากัสปะผู้เป็นเลิศในธุดงควัตร) แต่ การจับปัจจัย รับปัจจัยหรือไม่ ไม่อาจบ่งชี้ว่าท่านใดบริสุทธิ์หรือไม่นะครับ เพราะเป็นเพียงการแสดงออกของกายบัญญัติ มิใช่เจตนาปรมัตถ์ เช่นที่หลวงปู่แหวนเอาแบ๊งค์ห้าร้อยมามวนบุหรี่สูบ พระธรรมยุติสายป่าเองก็ปรับท่านอาบัติมิได้ โดยหลวงตามหาบัวท่านรับรองไว้
      4. ฉันในบาตร กริยานี้บางท่านก็ว่าเป็นข้อต่างของสองนิกาย เพราะธรรมยุติมักจะฉันในบาตร แต่พระมหานิกายรับบาตรแล้วแยกฉันในจาน ข้อนี้ก็ตอบยากเพราะมีวัดธรรมยุติที่ไม่ใช่สายป่าบางวัดก็ฉันในจาน และพระมหานิกายบางรูปที่ถือธุดงควัตรข้อนี้ก็ฉันแต่ในบาตร
      เกร็ด : ถ้าจะนำบาตรไปถวายพระป่า ควรเลือกปากกว้างซัก 9 นิ้ว และไม่มีขอบเพื่อกันเศษอาหารเข้าไปติดบูดเน่าได้นะครับ

     5. การรับบาตร และเก็บอาหาร พระสายป่าท่านจะเคร่งเรื่องนี้ครับ ว่ารับเฉพาะของที่ฉันได้ทันที ดังนั้นจะไม่รับของแห้งพวกข้าวสาร หรือของที่ฉันไม่ได้เช่น แปรงสีฟัน ใส่ในบาตร แม้เป็นเพียงการรับเชิงสัญลักษณ์ เช่นตักบาตรปีใหม่ ท่านจะเสี่ยงให้ถวายกับมือแทน หรือ ถวายเป็นสังฆทานกองรวมไป และ ก็จะไม่เก็บอาหารพ้นกาล เช่น อาหารทั่วไป ถึงเที่ยง น้ำปานะ หนึ่งวัน เภสัชห้า (น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล เนยใส เนยข้น)เจ็ดวัน พ้นนี้ไปท่านไม่เก็บในกุฏิ แม้ไว้ให้ญาติโยม  และไม่มีการนำมาประเคนใหม่ แต่ก็ไม่ใช่พระทั้งหมดที่ทำตามข้อวัตรนี้ และผู้ที่ถือตามนี้ก็มีทั้งสองนิกายด้วยเช่นกัน
      เกร็ด : พระอาจารย์เปลี่ยนท่านห่วงโยมว่าจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ เลยเมตตาเขียนไว้เป็นคู่มือการถวายของพระครับพุทธศาสนิกชนควรอ่านทำความเข้าใจนะครับ หนังสือมีคุณค่ามากๆเล่มนึง

     6. พระธรรมยุติไม่ทำสังฆกรรมร่วมกับพระมหานิกายครับ เช่น การลงอุโบสถ อย่างที่หลวงปู่มั่นให้หลวงปู่ชาทำ คือ มาบอกบริสุทธิ์ กับท่านหลังจากพระธรรมยุติรูปอื่นๆ ชำระศีลผ่านขั้นตอนปาฏิโมกข์เรียบร้อยแล้วจึงเห็นได้ว่า ลูกศิษย์ที่เคยเป็นสายมหานิกาย ต้องทำการญัตติ หรือบวชเป็นพระ เริ่มนับพรรษาใหม่
   
      สรุป
      การ มองอย่างผิวเผินโดยการนำข้อวัตรของสองนิกายนี้มาเปรียบหาแต่ความแตกต่างกัน ทำได้ยากขึ้นทุกทีๆ เพราะมีการโน้มเข้ามาหากันมากขึ้น หรืออาจจะเกิดจาก perception ที่ตั้งไว้ผิดตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และ อีกอย่างการคิดในการหาข้อต่างอย่างเดียวอาจเสี่ยงให้เกิดการยึดมั่นในศรัทธา ต่อนิกายหนึ่งนิกายใด จนลืมไปว่าธรรมะของพระองค์ไม่มีแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพราะการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายก็คือการมีตัวตนอยู่ในนั้น และสุดยอดของคำสอนคือการละตัวตนเพือมิให้มีกิเลสมาอาศัยเกาะได้ถึงตรงนี้ต้องกราบหลวงปู่มั่นงามๆที่เล็งเห็นในอันตรายนี้จึงห้ามมิให้ลูกศิษย์บางส่วนเช่น หลวงปู่ชาญัตติเข้าธรรมยุติครับ



http://www.watyaichaimongkol.net/articles/135587/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2.html
http://www.watyaichaimongkol.net/index.php?lite=article&qid=135587
http://board.palungjit.com/f14/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3-224994.html
45  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / 新正如意 新年發財/新正如意 新年发财 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2013, 04:48:40 am
新正如意 新年发财

׮

ขอให้ประสบโชคดี ขอให้มั่งมีปีใหม่
46  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ไหว้สาป่าระมีพระเจ้าทันใจรัตนมุงเมือง เมื่อ: มกราคม 17, 2013, 01:43:04 am


ขอเรียนเชิญร่วมงานประเพณีล้านนา

ไหว้สาป่าระมีพระเจ้าทันใจรัตนมุงเมือง

ณ.วัดไทยสามัคคี
บ้านแม่กื้ดหลวง ต.แม่กาษา อ.แม่สอด จ.ตาก

๒๕-๒๖-๒๗ มกราคม ๒๕๕๖

หมายกำหนดการ

วันเสาร์ที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๖

                                            เวลา ๐๗.๐๙ น. พิธีบวงสรวงเทพาอารักษ์
                                           รักษาองค์หลวงพ่อทันใจ
                      เวลา ๐๙.๓๘ น. พิธีสืบชะตาหลวงแบบล้านนา
                                           โดยพระสงฆ์ ๑๐๘ รูป



พระเกจิคณาจารย์ นั่งอธิษฐานจิต

ครูบาบุญทา ยติกโร วัดพระธาตุ ๓ ยอด จ.ลำพูน
ครูบาเจ้าอุ่น อตฺถกาโม วัดโรงวัว จ.เชียงใหม่
ครูบาคำตั๋น เตชธมฺโม วัดย่าพาย จ.เชียงใหม่
ครูบาเจ้าพรรณ พรหมเสโน วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
ครูบาสายทอง กิตติปาโล วัดท่าไม้แดง จ.ตาก
ครูบาบุญยัง ปุญญํกโร วัดห้วยน้ำอุ่น จ.ลำพูน
ครูบาแก้ว กาวิโล วัดพระธาตุดอยทีมู จ.ตาก
ครูบามนตรี ธมฺมเมธี วัดพระธาตุสุโทน จ.แพร่


          

          

     

47  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีประจำปี ณ อัญญาวิโมกข์ฯ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๖ เมื่อ: มกราคม 11, 2013, 11:14:30 pm




http://www.facebook.com/events/401002786649352/
48  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เรียนเชิญพุทธบริษัทร่วมงานบุญเททองหล่อพระประธานประจำอุโบสถ ณ วัดเจริญธรรม เมื่อ: มกราคม 11, 2013, 01:33:50 pm
วัดเจริญธรรม
ต.เจริญธรรม อ.วิหารแดง จ.สระบุรี




กำหนดงาน
เททองหล่อพระประธานประจำอุโบสถ


วันศุกร์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๒)

        เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป   สุมหุ่นหล่อพระประธาน

วันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๒)

        รับบริจาคแผ่น ทองเหลือง, ทองแดง, ทองคำ จากผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป

วันอาทิตย์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๒)

        เวลา ๐๗.๓๑ น.   ทำพิธีบวงสรวงพระประธาน
       เวลา ๑๕.๐๐ น.   เจ้าภาพผู้มีจิตศรัทธาพร้อมกันบริเวณพิธี
       เวลา ๑๖.๐๐ น.   เททองหล่อพระประธานประจำอุโบสถ
                              พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
                              พระเกจิคณาจารย์อธิษฐานจิต ๔ ทิศ
                              ปะพรมน้ำพระพุทธมนต์
                              เจ้าภาพถวายจตุปัจจัยไทยธรรม
                              พระสงฆ์อนุโมทนา เป็นเสร็จพิธี


สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมพิธี ติดต่อสอบถามได้ที่ พระครูวิมลธรรมานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดเจริญธรรม โทร.๐๘๖-๗๙๙-๑๘๐๘




http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcR1rmxVbbi-a-yn8dpO3zOR5-O5OMOPaP4PYGtdVL2gCli4g1SLDnolRZJeAg
http://www.skb.ac.th/~skb/media/media_webnamo/prim/art/art_cul/prapatan.HTM
http://icbbineinberliner.exteen.com/20090213/entry
49  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เรียนเชิญพุทธบริษัทร่วมวางศิลาฤกษ์สร้าง องค์พระปางคันธราช ณ วัดป่าสว่างบุญ เมื่อ: มกราคม 11, 2013, 12:48:48 pm
สังฆทานประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๖



วันอาทิตย์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๖
เรียนเชิญพุทธบริษัทร่วมวางศิลาฤกษ์สร้าง
องค์พระพุทธรูป (ปางคันธราช) ยืนสูง ๘๐ เมตร
ปางเดียวกับที่มาบิยัน ประเทศอัฟกานิสถานซึ่งถูกทำลายแล้ว
ประดิษฐาน ณ.วัดป่าสว่างบุญแผ่นดวงศิลาฤกษ์
แผ่นละ ๕,๐๐๐ บาท  สลัก ๔ ชื่อ
กำหนดวางศิลาฤกษ์ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๖
พร้อมทั้งถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ ๑,๐๐๐ รูป



http://www.watpasawangboon.com/index.php/news/73-sungkhatan-august.html
http://www.luckindiatravel.com/article/1/30/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D-%E0%B8%88-%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5
50  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงปู่ย้า มโนธรรม วัดถ้ำเขาแก้ว ตำนาน "ปี่เซี้ยะ/เทียนลก" เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 06:32:50 am




วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2556 ที่ผ่านมาผมแวะเวียนตั้งใจไปกราบหลวงปู่ย้า ณ วัดถ้ำเขาแก้ว แต่ผิดหวังที่ท่านได้ละสังขารไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2555 จะครบร้อยวันทำบุญท่านในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 นี้ครับ
51  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / คำสอน;โดย สมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เมื่อ: ธันวาคม 09, 2012, 09:57:04 am
ทุกชีวิตมีเวลาจำกัด อย่างมากไม่เกินร้อยปีก็จะต้องละร่างนี้
โดย สมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก



..." ทุกชีวิตมีเวลาจำกัด อย่างมากไม่เกินร้อยปีก็จะต้องละร่างนี้

..ละโลกนี้ไป อย่าผลัดวันประกันพรุ่งที่จะทำความดี

..เพราะถ้าสายเกินไปเมื่อไร ก็ตนเองนั่นแหละ

..จะต้องได้เสวยผลของการไม่กระทำกรรมดี

..ไม่มีผู้ใดอื่นจะรับผลของความดีความชั่วที่ตนเองทำไว้

..เจ้าตัวเองเท่านั้น จักเป็นผู้รับผลของความดีความชั่วที่ตนทำ "...



http://xn--42c6b8bmx5n.blogspot.com/2012/07/blog-post_1717.html
52  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี กับ หลวงปู่เรียบ สุเมโธ วัดโคกกลางแสนสุข จ.อุบลฯ เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2012, 10:33:55 pm
ขอเชิญเป็นเจ้าภาพร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี
กับ หลวงปู่เรียบ สุเมโธ วัดโคกกลางแสนสุข จ. อุบลฯ


วัตถุประสงค์ เพื่อสร้างเมรุให้แล้วเสร็จ

จองร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสามัคคี เจ้าภาพประธาน 999 กอง เจ้าภาพรองประธาน 1,499 กอง รับชุดของขัวญ ดังนี้

เจ้าภาพประธาน รับขุนแผนพรายกรุมารคู่ เนื้อขันธ์ลงหิน หลังอุดผงพรายกรุมารผสมดินเจ็ดป่าช้า ฝังตะกรุดทองคำ 3 ดอก 1 องค์
กองละ 1,000. ค่าส่ง 50 บ.

เจ้าภาพรองประธาน รับขุนแผนพรายกรุมารคู่ เนื้อรัตนสูตร์โบราณ หลังอุดผงพรายกรุมารผสมดินเจ็ดป่าช้า ฝังตะกรุดเงิน 3 ดอก 1 องค์
กองละ 500. ค่าส่ง 50 บ.

รายการวัตถุมงคลเนื้ออื่นที่เปิดจองร่วมบูชา

1. ขุนแผนพรายกรุมารคู่ เนื้อทองคำ นน. 40 กรัม สร้าง 9 องค์ ฝังตะกรุดทองคำ 7 ดอก
บูชา 99,999 บ.

2. ขุนแผนพรายกรุมารคู่ เนื้อเงิน นน. 30 กรัม สร้าง 108 องค์
บูชา 2,500 บ. ค่าส่ง 50 บ.

3. ขุนแผนพรายกรุมารคู่ เนื้อนวะโลหะเต็มสูตร์ สร้าง 599 องค์
บูชา 800 บ. ค่าส่ง 50 บ.

4. ขุนแผนพรายกรุมารคู่ เนื้อผงพรายกรุมารผสมดินเจ็ดป่าช้า ฝังตะกรุดทองคำ สร้าง 999 องค์
บูชา 500 บ. ค่าส่ง 50 บ.

5. ขุนแผนพรายกรุมารคู่ เนื้อผงพรายกรุมารผสมดินเจ็ดป่าช้า สร้าง 5,000 องค์
บูชา 200 บ. ค่าส่ง 50 บ.

เปิดจอง และ ชำระเงินได้ตั้งแต่ 6 พ.ย.55 ถึงปิด 12 ธค. 55



ร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีวันที่ 15 ธค. 55 เวลา 11.45 น.
พิธีมหาพุทธาภิเษก วันที่ 15 ธค. 55 เริ่มเวลา 14.49 น.


รับวัตถุมงคล วันที่ 16 ธค. 55 เป็นต้นไปครับ



http://board.palungjit.com/f15/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9C%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B5-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%98-%E0%B8%88-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A5-371572.html
53  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / อาจารย์ ทิพากร รินไธสงค์ ณ พุทธสถานพระใหญ่ชัยภูมิ เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2012, 10:51:20 pm
พุทธสถานพระใหญ่ชัยภูมิ
และ อาจารย์ ทิพากร รินไธสงค์




ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากริงค์ด้านล่างนี้ ครับ!
http://phrayaichaiyaphum.com/index.php
54  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ผ้าป่ากองทุนสนับสนุนเว็บไซต์ "madchima" โดยคณะกลุ่มศิษย์ภาวนาสระบุรี เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2012, 03:30:07 pm
รายนามผู้ร่วมปัจจัยทุนสนับสนุนเว็บไซต์ "madchima" และจัดสร้างไตรขมาครูอาจารย์



  1. ปราโมทย์, สุชิน  อินทรจันทร์                     1,000.
  2. นงเยาว์, สิบเอกธวัชชัย  แกล้วกล้า                680.
  3. ไพรัตน์  นิลดวง                         500.
  4. ฉลาด  พรมฑัตร์                         300.
  5. นาฏนพิธ  เพชรชาลี                      200.
  6. แม่หลาบ  พรมฑัตร์                      200.
  7. ป้อย้ง  แซ่เลี้ยง, ทองม้วน  สุพันธ์สาย                200.
  8. ธวัชชัย  สุพันธ์สาย                      200.
  9. ศิริพร, เด็กหญิงชัญญาวีร์ และ เด็กหญิงศิรวีร์  พงศ์พิริยะไมตรี       200.
10. นรชัย  ศรีสวัสดิ์เล็ก                      200.
11. คำปัน, ดิ่ง  ชัยแสน                      200.
12. เกษม, ทองสุข, ภูษิต และ ศุภกิจ  พิศงาม             200.
13. กมลพร  คีรี                         200.
14. สุเทพ, ดวงรัตน์, ฤกษ์ชัย, ศุภกร และ กนกวรรณ  ชัยแสน       120.
15. มยุรี  พรมฑัตร์                         100.
16. มนตรี  พรมฑัตร์                         100.
17. เฉลา  หน่ายมี                         100.   
18. เสกสรรค์  คงเกลี้ยง                      100.
19. อรุณ  อึ่งฮวบ                         100.
20. ภพธรรม  ฉายาวาส                      100.
21. อำนวย  จันทรจามร                      100.
22. พูลศักดิ์  เกตุรังสี                         100.
23. ทองใบ  ทองทา                         100.
24. กำธร, ฐาปนี  นาคทิพย์                           100.
25. ธนวัฒน์  แกล้วกล้า                      100.
26. วีรภัทร  แกล้วกล้า                      100.
27. เนติพันธ์  แกล้วกล้า                      100.
28. ชาลี, เด็กหญิงชาลินัน  ดรุณพันธ์ และ สุภาพร  หอมหวล       100.
29. สายพิน  คำอ้าย                         100.
30. เอกพงษ์  แซ่ฟุ้ง, พิมพา  หลวงหนม                100.
31. เสรีรัช  คงวุธ                         100.
32. วิชัย  พูนกอก, สุนิดา  ปฐมวงศ์วุฒิคุณ                100.
33. ลำมูล  อินทรวงศ์, คฑายุทธ์  เพียซ้าย                100.
34. ชินวัตร, วาสนา  สาระวงษ์                   100.
35. ทองเบาะ  เดิมงาม                      100.
36. ธนัชา, วารี  ทาระคำ                      100.
37. รติมา  พรหมมา                         100.
38. บุญชู  เกตุจำปา                         100.
39. สำลี  แก้ววัน                         100.
40. พิมพ์ใจ  อินทรักษ์ พร้อมครอบครัว                100.
41. จรรยวรรธ์, เด็กชายก้าวสู้  สงพิมพ์                100.
42. วารี  แหยมนุช                         100.
43. สมชาย  แก้วทอง, จุรามาศ  สุวิมาย และ ณัฐพล  บุญเกลิม       100.
44. ปรีชา, เด็กชายมงคลชัย  นวนย้อย และ ใหม่  ลูกอินทร์          100.
45. จันทร์เพ็ญ, ถนอม, อัญชลี และ ภานุพงษ์  มูลตรีภักดี          100.
46. เด็กชายวุฒิพงษ์  ปานนท์                           100.
47. ธนากร, เด็กชายวรากร  สวนแฝง และ เพชรรัตน์  จันทร์เยี่ยม       100.
48. ธนชัย, ดรุณี และ มัน  จันทมาตย์                100.
49. วิภาวดี  ลาเหงา                         100.
50. ธวัช  ลาเหงา                         100.
51. มาลี  ลาเหงา                         100.
52. ธนิศร  เข็มลาย                         100.
53. สุดสาย, ตลับ  เปี่ยมพืช                      100.
54. ครอบครัว “ราชนุ้ย”                      100.
55. ครอบครัว “อินทรัตน์”                      100.
56. ชนิศา  สวัสดิโรจน์, นภดล  อินทรัตน์                100.
57. ศรวรรษ  สวัสดิโรจน์                      100.
58. ร.ต.สมพงษ์, เยาวรัตน์  สวัสดิโรจน์                100.
59. วัยริน  อินนพคุณ และ ครอบครัว                        100.
60. จันจิรา  สุวัฒนกุล                              100.
61. วชิรพร, อรพินท์, มิตรภาพ และ ธนิตตา  บรรณเภสัช          100.
62. อุเทน  ศรีสันดา                         100.
63. ทองหล่อ  บุตรอ่อน                      100.
64. ท้องกี  เชื้อกุลา                         100.
65. บุษดี, เด็กชายจักรภัทร  เชื้อกุลา                100.
66. สีไทย  เชื้อกุลา (เสียชีวิตแล้ว)                   100.
67. ชาญณรงค์  แก้วเกลี้ยง                      100.
68. รมิตา  ชัยเจริญ                         100.
69. วิภาวรรณ  ศรีอนันต์                      100.
70. เด็กหญิงภาวินี  ศรีอนันต์                           100.
71. วิทวัส  กองแก้ว                         100.
72. กนกพร  บุณยาภรณ์                      100.
73. ชานุ  สวนไผ่                         100.
74. สยามรัฐ  สุขุม                         100.
75. สังสิทธิ์  สร้อยสนธิ                      100.
76. พิมพ์ลดา  สร้อยสนธิ                      100.
77. ภัทราพร  สร้อยสนธิ                      100.
78. กิตติภัค  พลเรือง                              100.
79. ภัทรวดี  พลเรือง                         100.
80. ธงชัย  คำชมภู                         100.
81. มานะ  เที่ยงตรง                         100.
82. เยียมโซ๊ะ  พอล                         100.
83. ทรัสตรี  ศิริพัฒนกุล                      100.
84. วุฒิภัทร  ติรณะประกิจ                      100.
85. เมธาวรรณ  เหรียญภิญญวัฒน์                   100.
86. พิมพ์มาศ  เหรียญภิญญวัฒน์                   100.
87. สุกฤษฏิ์  เหรียญภิญญวัฒน์                   100.
88. ธีรศักดิ์  เหรียญภิญญวัฒน์                   100.
89. พจนีย์  เหรียญภิญญวัฒน์                   100.
90. ศศิกาญจน์  เหรียญภิญญวัฒน์                   100.
91. กำพล  เหรียญภิญญวัฒน์                           100.
92. เด็กชายพชร  เหรียญภิญญวัฒน์                        100.
93. เพ็ญนภา, เด็กชายชนพัฒน์  เดชชาย                  80.
94. สมสวย, สำรวย  ลาลำโกน                     60.
95. สมรส, บุญมา, พรชัย และ เด็กชายธวัชชัย  ศรีสวัสดิ์            50.
96. อินทิรา  แซ่จ้าว                           50.
97. พิมพ์พันธ์  แซ่พ่าน                        50.
98. พีระรัชน์  ชพีรัชน์                                50.
99. ธนิต  ชนชนะ                           50.
100. มณีรัตน์  ทัพวงศ์                        50.
101. จักรกฤษ, เศกศักดิ์, นัฐพล และ จิรดา  โพธิ์ศรี            50.
102. เภ้า, ประสาน, ตรีวิทย์  สุพันธ์สาย                  40.
103. แสงจันทร์, เด็กหญิงนุชตรา  เพ็ชอินทร                  40.
104. วิชุดา  เบ้ากวางทอง, อรรถพล  ปั่นเมืองปัก               40.
105. มาลัย, มัชธิชา และ เด็กชายธนดล  เหมือนสิงห์            40.
106. เหลือ  สวนแผง, บุญโฮม, อัมพร, เจนจิรา  เงี้ยงขันทอง
        อนันตชัย และ เด็กชายชุติพล  พรหมทัต                40.
107. สมปอง  ปัตตะแวว                        40.
108. สงัด  ไพรี                           30.
109. สนิท  ถือมั่น                           20.
110. สมหมาย  นุชอ่อง                        20.   
111. เด็กชายพรรษา  ธรรมจักร                     20.
112. สุพรรณ  เคลือศิริ                        20.
113. สายหยุด  พุทธิ                           20.
114. จ.ส.อ.อร่าม, สำอาง, อารีรัตน์ และ เด็กกัญญาพัชร  เจริญขำ         20.
115. สมชาติ, เด็กหญิงสรัญญา  โพธิชาติ และ ศันสนีย์  พุทธิ         20.
116. จินตนา  พันธ์เผือก                        20.
117. ธเนศ  ทองมา                           20.
118. เกษม  ประตา                           20.
119. สุรเสกช์  แก้วเกลี้ยง                        20.
120. พรนภา  ต้นแก้ว                           20.
121. สมบูรณ์  คำนวณชอบ                        20.
122. บุญไห้  คำนวณชอบ                        20.
123. ชญานิศ  ไทยศิริ                        20.
124. รัชนีย์  ไทยศิริ                           20.
125. นิศาชล  ยากองโต, สมฤทัช  จันทร์นิมิตร               20.
126. เกษร  ประยูรวงษ์                        20.
127. ฉอ้อน, อภิชาติ และ สมพงษ์  สันเสนาะ               20.
          
       ยอดเงินรวมทั้งสิ้น                       13,340.





55  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / 10 ปี หลวงพ่อผินะ ปิยธโร ละสังขาร เมื่อ: ตุลาคม 15, 2012, 04:09:47 pm


             ย้อนหลังกลับไป เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2545 ชาวบ้านต่างเดินทางไปที่วัดสนมลาว หมู่ที่ 2 ต.โคกแย้

อ.หนองแค จ.สระบุรี ด้วยเกิดเหตุปรากฏการณ์ความมหัศจรรย์ ภายหลังการมรณภาพลงอย่างสงบของ "หลวงพ่อผินะ

ปิยธโร" สิริอายุ 89 ปี เจ้าอาวาสวัดสนมลาว ร่างหลวงพ่อผินะนั่งหมดลมหายใจในท่านั่งขัดสมาธิอย่างสงบ เหตุที่ไม่

ปกติเพราะท่านมรณภาพเวลาประมาณ 05.14 น. แต่เวลาล่วงเลยกว่า 12 ชั่วโมงแล้วร่างกายเนื้อตัวท่านยังอ่อนนิ่ม

ไม่คล้ายดังคนที่หมดลมหายใจแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้หลวงพ่อผินะได้ทำหนังสือเขียนสั่งไว้ มีใจความว่า "เมื่อฉันละ

สังขาร ขอให้ปฏิบัติตามนี้ คือ ห้ามฉีดยาศพโดยเด็ดขาด ให้เก็บศพไว้ในสภาพนั่งขัดสมาธิ ให้บรรจุศพไว้ในที่เตรียม

ไว้ ณ สุสานผินะ ไม่ต้องมีการสวดศพ ไม่ต้องบอกคนมาก ห้ามเผาศพโดยเด็ดขาด" สั่ง ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2545

ลงชื่อ พระผินะ ปิยธโร พระอาจารย์ใหญ่ประธานคณะปฏิบัติธรรม วัดสนมลาววรวิหาร

          พระพิศาลมงคลวัตร เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี (ธรรมยุต) กล่าวว่า ได้ทำการบรรจุศพในวันที่ 16 ตุลาคม 2545

และทำตามที่ท่านสั่งไว้ โดยสั่งช่างทำโลงแก้ว บรรจุศพในท่านั่งขัดสมาธิ และนำไปตั้งไว้ที่สุสานผินะ ที่ท่านสั่งให้

สร้างไว้แล้ว
 
          ประวัติหลวงพ่อผินะ ปิยธโร มีนามเดิมว่า ทวาย หาญสาริกิจ 

บิดาชื่อ เทศ           มารดาชื่อ ตุ้ย

เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4  ปีกุน วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2465 

ที่บ้านดอนลำโพง ม. 1   ต. หนองยายดา   อ. ทัพทัน  จ. อุทัยธานี

การศึกษา              ประถมปีที่ 4  วุฒินักธรรมตรี

อาชีพ                  รับราชการครู และทำงานการไฟฟ้า

บิดามีอาชีพ            รับราชการทหาร ทำนา ค้าขาย

มารดามีอาชีพ          ค้าขาย

บิดาและมารดา         สมรสกันเมื่อปี พ.ศ. 2465

มีพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันทั้งหมด 5 คน คือ

          1.นายผินะ  หาญสาริกิจ

          2.นายเสริมเกียรต์  หาญสาริกิจ

          3.นางสาวสุรัตน์      หาญสาริกิจ

          4.นายสงวน          หาญสาริกิจ

          5.นายสุนทร          หาญสาริกิจ

          วัยเด็กหลวงพ่อมีโรคประจำตัวรักษาไม่หาย หลังการร้องไห้ทุกครั้ง จะต้องมีอาการชัก จนหน้าเขียว

โยมมารดาพาไปหาหมอรักษาโรค แต่อาการไม่ดีขึ้น ครั้นพอหมดหนทางจึงได้พาบุตรชายไปหาหลวงพ่อสิน เจ้า

อาวาสวัดหนองเตา ต.โนนขี้เหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี

          หลวงพ่อสินระบุว่า ชื่อทวาย เป็นกาลกิณี ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นผินะ มาจากคำว่าผิน แปลว่า หันหน้า,

หันหลัง, เปลี่ยนทิศทาง, ไม่แยแส, หรือเลิกคบกัน นับแต่นั้นอาการดังกล่าวได้ทุเลาลง

          พ.ศ.2481 บิดาได้ล้มป่วยและเสียชีวิต จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เพื่ออุทิศส่วนกุศล พออายุครบบวช

จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดหนองเต่า ต.โนนขี้เหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยมีพระครูอุดมคุณาภรณ์ เจ้าคณะ

อำเภอทัพทัน เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาอำนวย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ให้นามฉายา พระภิกษุผินะ ว่า

“ ปิยธโร ”

          ในระหว่างเป็นพระภิกษุพระผินะได้ขออนุญาตเจ้าอาวาสออกไปจำพรรษาที่วัดเกาะ เทโพ อ.มโนรมย์

จ.ชัยนาท ได้ศึกษาพระธรรมจากหลวงตาคำ ให้รู้ถึงสังขารร่างกายมนุษย์และสัตว์ ล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ร่าง

กายเน่าเปื่อย

          พ.ศ.2481 ท่านสอบได้นักธรรมตรี และออกธุดงค์ ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐาน ณ วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา

อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ก่อนจะเดินธุดงค์ไปในหลายจังหวัด ในภาคเหนือ ใต้ ประเทศพม่า ลาว เขมร อินเดีย

          พ.ศ.2485 พระผินะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่น วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร, หลวงปู่ฝั้น

อาจาโร, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และพระอาจารย์อีกหลายรูปที่ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์

          พ.ศ.2527 หลวงพ่อผินะจาริกธุดงค์ผ่านมาถึงวัดโบราณ บ้านสนมลาวเขาโบถส์ ต.โคกแย้ อ.หนอง

แค จ.สระบุรี เป็นวัดร้าง แต่มีสถานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้จำพรรษาที่วัดแห่งนี้

ปัจจุบันกลายเป็นวัดสนมลาว และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ

หลวงพ่อผินะเคยปรารภกับคณะศิษยานุศิษย์ว่า สถานที่แห่งนี้มีความเหมาะสมใช้เป็นที่ละสังขาร และได้มอบ

หมายให้จัดสร้างเตรียมไว้ล่วงหน้า เป็นอ่างน้ำด้านล่าง ที่ใส่สังขารอยู่ด้านบน อันเป็นปริศนาธรรม หมายถึงการ

อยู่เหนือพ้นน้ำ ดังเช่น บัวสี่เหล่าที่พระพุทธองค์ได้ทรงกล่าวเทศนาไว้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เหนือการตาย เวียน

ว่ายตายเกิด

           สำหรับที่เก็บสังขารหลวงพ่อผินะ คณะศิษยานุศิษย์ได้จัดสร้างเจดีย์ ลักษณะคล้ายองค์พระปฐมเจดีย์

ครอบไว้ สูงประมาณ 10 เมตร ด้านหน้ามีรูปหลวงพ่อผินะ ใต้ฐานเจดีย์เป็นน้ำ มีปลาแหวกว่าย

           ทุกวันจะมีสาธุชนที่ศรัทธาเลื่อมใสเดินทางมากราบไหว้สังขารหลวงพ่อผินะที่บรรจุในโลงแก้วอยู่เป็น

ประจำ
 
           หลวงพ่อผินะ ท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญา มีฤทธิ์ทางใจเป็นอัศจรรย์ ท่านสำเร็จกสิณ 10 สามารถ

แสดงฤทธิ์ต่างๆได้ ตามประสงค์ รู้วาระจิตของคนอื่น ปลุกเสกวัตถุมงคลขึ้นมาเหมือนมีชีวิตจิตใจ สามารถบน

บอกได้ ขอได้ พูดกันรู้เรื่อง ขอให้มีของท่าน อะไรก็ได้ ใช้ได้เหมือนกัน
 
คำบูชาหลวงพ่อผินะ ปิยธโร
 
จุดธูป 5 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ
 
อะหัง สุขโต ผินะ ปิยะธะโร นามะเต อาจาริโยเม ภันเต โหหิ (ว่า 3 จบ)
 
 
คาถาบูชาวัตถุมงคลของพ่อผินะ
 
" นะเตสุเต " สวดเท่าอายุ ปิดท้ายด้วย "มหาสุเตนะชา"
 
อธิษฐาน ตามจิตปรารถนา



อ้างอิงที่มา  http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=26055
http://www.puttawet.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=puttawetcom&thispage=10&No=1383684
http://www.wisonin.com/index.php/section-table/132-2011-10-11-10-55-57
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B0_%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B9%82%E0%B8%A3
http://www.pujaw.com/product-th-588907-2719953-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B0+%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7+%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html
http://www.love-amulets.com/article-th-32845-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B0+%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2.html
http://www.baanmaha.com/community/thread39682.html



วัตถุมงคลหลวงพ่อผินะ...พิจารณาได้จากริงก์นี้

http://www.pantipmarket.com/items/12438948
http://www.sereechai.com/demo/news.php?no=8348
http://www.khalong.com/board2/viewthread.php?action=printable&tid=21185
56  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / กินเจ 10 วัน คุณทำได้ เมื่อ: ตุลาคม 12, 2012, 12:11:47 pm


          เทศกาลกินเจ ถือเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาวจีนที่มีการปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล  ซึ่งเทศกาลกินเจนั้น จะเริ่มขึ้นเมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน) ของทุกปี โดยเมื่อถึงวันดังกล่าวประชาชนจะนำธงพื้นสีเหลืองซึ่งมีตัวอักษรจีนสีแดงโดดเด่นมาประดับตามร้านอาหาร หรือสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ได้เข้าร่วมเทศกาลกินเจนี้ และสำหรับเทศกาลกินเจ ปี 2555 จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15  -23 ตุลาคม 2555 ซึ่งบางคนอาจกินเจล่วงหน้า 1 วัน หรือที่เรียกว่า "ล้างท้อง" นั่นเอง
 
          สำหรับใครที่ไม่เคยกินเจมาก่อน แล้วอยากทราบประวัติความเป็นมาของเทศกาลกินเจ รวมถึงต้องการเรียนรู้การกินเจอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ผลดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ อย่างแท้จริงนั้น วันนี้ทีมงานได้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลกินเจมาฝากแล้วครับ


ความหมายของเจ
 
          คำว่า "เจ" ในภาษาจีนทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีความหมายว่า "อุโบสถ" เดิมหมายความว่า "การรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน" ตามแบบอย่างของชาวพุทธที่รักษาอุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 ที่จะไม่รับประทานอาหารหลังเที่ยงวันไปแล้ว แต่สำหรับพุทธนิกายมหายานนั้น การรักษาอุโบสถศีลจะรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วย เราจึงนิยมเรียกการไม่ทานเนื้อสัตว์รวมไปกับการกินเจ ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่า "กินเจ" ดังนั้นความหมายของคนกินเจ ไม่เพียงแต่ไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ
 
          "การกินเจ" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง การถือศีลอย่างญวนและจีนที่ไม่กินของสดคาว แต่บริโภคอาหารประเภทผักที่ไม่มีของสดของคาวผสม ซึ่งมาจากรากศัพท์คำภาษาจีนที่ว่า "เจียฉ่าย" หมายถึง การกินอาหารผัก อาหารที่มาจากพืชผักธรรมชาติ ไม่มีเนื้อสัตว์ปะปน และไม่ปรุงด้วยผักฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ และงดเว้นน้ำนมสด นมข้นด้วย เพราะถือว่าเป็นของสดของคาว
 
ช่วงเวลากินเจ
 
          ประเพณีกินเจที่ชาวจีนเรียกกันว่า "เก้าอ๊วงเจ" หรือ "กิ้วอ๊วงเจ" แปลว่า "เจเดือน 9" เริ่มต้นในวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน รวม 9 วัน 9 คืน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย (ตามปฏิทินสากล) สำหรับในปี พ.ศ. 2555 นี้ เริ่มวันที่ 15 - 23 ตุลาคม
 
          คำว่า "เก้าอ๊วง" หรือ "กิ้วอ๊วง" แปลว่า "พระราชา 9 องค์" หรือนพราชา หมายถึงผู้เป็นใหญ่ทั้ง 9 ซึ่งเป็นที่มาของประเพณีกินผักกินเจ

 
ความหมายของ "ธงเจ"
 
          ในช่วงเทศกาลกินเจ เราจะสังเกตเห็นธงประจำเทศกาล โดยมีพื้นธงเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่อนุญาตให้ใช้กับคนสองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มกษัตริย์ ราชวงศ์ และกลุ่มอาจารย์ปราบผี ดังจะเห็นจากยันต์สีเหลืองตามภาพยนตร์จีน ดังนั้นสีเหลืองจึงเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล บนธงจะเขียนตัวอักษรสีแดง อ่านว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" เหตุที่ใช้สีแดง เพราะชาวจีนเชื่อว่า เป็นสีมงคล สร้างความเจริญให้แก่ชีวิต
 
          ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตนถือศีลกินเจได้ตระหนักถึงการไม่ เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน


กินเจเพื่ออะไร
 
          จุดประสงค์หลักของการกินเจ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
 
           1. กินเพื่อสุขภาพ เพราะอาหารเจเป็นอาหารชีวจิต เมื่อกินติดต่อกัน จะทำให้ร่างกายสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้ และปรับระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้มีเสถียรภาพ
 
           2. กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากทุก ๆ วัน อาหารที่เรากินประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้ที่มีจิตใจดีงามจึงไม่สามารถกินเนื้อของสัตว์เหล่านั้นได้
 
           3. กินเพื่อเว้นกรรม เพราะการฆ่าเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้จะไม่ได้ลงมือฆ่าเองก็ตาม เพราะการซื้อผู้อื่นเท่ากับการจ้างฆ่า ถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย ผู้ที่เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมจึงหยุดกิน หันมารับประทานอาหารเจแทน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ให้อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น




http://hilight.kapook.com/view/76601
57  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมบุญในโครงการสร้าง พระสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิประทับยืนปางเปิดโลก เมื่อ: กันยายน 07, 2012, 05:14:46 pm
พระสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ์
ประทับยืนปางเปิดโลก



       

พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (พระเดชพระคุณหลวงตาม้า)
ท่านมีดำริจัดสร้าง พระสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ
ประทับยืนปางเปิดโลก
ประดิษฐาน:กลางแจ้งหน้าดอยหลวงเชียงดาว
พุทธลักษณะ:ทรงเครื่องจักรพรรดิล้านนา ปางเปิดโลก
วัสดุ:ปูนปั้น คอนกรีตเสริมเหล็ก
ความสูง:59 เมตร


27 มีนาคม 2554 พิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม
20 พฤศจิกายน 2554 พิธีลงเสาเข็มเอกการก่อสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม ความสูง 59 เมตร และดำเนินการก่อสร้างไปเรื่อยๆ



...บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย...


http://www.watthummuangna.com/home/community/index.php?topic=165.250
http://www.konmeungbua.com/forum/post101527.html
58  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ซื้อปูนเทลานปฏิบัติธรรม ณ วัดป่าสุวรรณคูหา เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 12:44:51 pm
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี
ซื้อปูนเทลานปฏิบัติธรรมรอบพระประธานองค์ใหญ่
95 กอง กองละ 1,500 บาท
(ปูนคิวละ 1,500 บาท)

ณ วัดป่าสุวรรณคูหา (ถ้ำอริยสัจสี่)
ซอย 9 สาย 2 ตำบลช่องสาริกา อำเภอพํฒนานิคม จังหวัดลพบุรี 15220
วันอาสาฬหบูชาที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2555 (ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8/8)




       เนื่องด้วยวัดป่าสุวรรณคูหาได้สร้างพระประธานองค์ใหญ่ หน้าตัก 5.59 เมตร สูง 9 เมตร น้ำหนัก 80 ตัน และทางวัดกำลังดำเนินการให้ช่างตกแต่งองค์พระประธานใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ค่าใช้จ่ายในการตกแต่งและทาสี 130,000 บาท ค่าปูนเทลานปฏิบัติธรรมประมาณ 95 คิว คิวละ 1,500 บาท เป็นเงิน 142,500 บาท
       ฉะนั้นจึงขอบอกบุญมายังพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญใจกุศลทั้งหลาย ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีกองละ 1,500 บาทหรือตามกำลังทรัพย์กำลังศรัทธาโดยพร้อมเพรียงกัน
       ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย จงมีแต่ความสุขความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุข พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติตลอดกาลนานเทอญ.



กำหนดการ

วันอาสาฬหบูชาตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2555 (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8/8)
         เวลา 08.00 น.   ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์
         เวลา 09.00 น.   ตั้งองค์ผ้าป่าและเทศนา 1 กัณฑ์
         เวลา 12.00 น.   ถวายผ้าป่าสามัคคี กรวดน้ำ - รับพร เสร็จพิธี

ประธานฝ่ายสงฆ์
พระครูสมุห์ไสว ปญฺญาทีโป

ผู้ดำเนินการ
พระพาราดล ติกฺขมงฺคโล          พระจิระวัฒน์ อภโย          พระดวงเดือน มหาวีโร
คณะกรรมการ วัดป่าสุวรรณคูหา (ถ้ำอริยสัจสี่) และสาธุชนทุกท่านร่วมกันเป็นเจ้าภาพ

หมายเหตุ ; ต้องการจองเป็นเจ้าภาพ ติดต่อสอบถามได้ที่
พระครูสมุห์ไสว ปญฺญาทีโป เจ้าอาวาสวัดป่าสุวรรณคูหา โทร.086-5369439
59  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / สำนักปฏิบัติอัญญาวิโมกข์โพธิรังษี เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 01:42:39 am
ขอเชิญร่วมเวียนเทียน สวดมนต์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา
เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
ณ สำนักปฏิบัติอัญญาวิโมกข์โพธิรังษี วัดป่ากล้วยไม้ดิน
บ้านหนองฟักทอง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา



กำหนดการ

วันพฤหัสบดีที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๕

เวลา ๑๙.๐๐ น.   พิธีเวียนเทียน
เวลา ๒๐.๐๐ น.   ร่วมสวดมนต์เจริญเมตตาพรหมวิหาร และฟังพระธรรมเทศนาจากพ่อแม่ครูอาจารย์หลวง                                       พ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน




http://www.g-pra.com/auctionc/view.php?aid=2065920
http://www.kubajaophet.com/kubajaophet_website/hna_hlak.html
60  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2012, 10:36:37 am



ประวัติ

       ในอดีตเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม และ เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และเป็นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ มีนามตามจารึกในสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระมหาธีราจารย์ พรหมวิหารวราธิมุต วิสุทธศีลาจารนิวิฐ พิพิธกิจจานุกิจโกศล วิมลหิตานุหิตดิลก ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญญวาสี

ชาติภูมิ

       นามเดิม นิยม จันทนินทร บิดาชื่อ นายโหร่ง มารดาชื่อ นางฮิ่ม เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๖ ตรงกับวันขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน ณ บ้านท่าหิน ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

บรรพชาและอุปสมบท

       เมื่อจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ อายุได้ ๑๓ ปี บิดาได้นำไปฝากให้เรียน นักธรรมบาลี ณ สำนักเรียนวัดตองปุ ตำบลบ้านเกาะ อำเภอกรุงเก่า จังหวัด พระนครศรีอยุธยา พออายุ ๑๔ ปีได้บรรพชาสามเณร ณ วัดกระสังข์ ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ โดยมีพระเทพวงศาจารย์ (แกร สุมโน) เจ้าอาวาสวัดตองปุ ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูโบราณคณิสสร เป็นพระอุปัชฌาย์ พออายุได้ ๒๑ ปี อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดพระญาติการาม ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ โดยมีพระเทพวงศาจารย์ (แกร สุมโน) เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระโบราณคณิสสร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสาธุกิจการี (ขม) เจ้าอาวาสวัดประดู่ทรงธรรม เป็น พระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุทัยคณารักษ์ (ใหญ่ ติณฺณสุวณฺโณ) เจ้าอาวาสวัดสะแก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐานิสฺสโร”

การศึกษานักธรรมและบาลี

       ขณะเป็นสามเณรสอบได้นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๐ - ๒๔๘๖ และสอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยคและ ๔ ประโยค ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๒ - ๒๔๘๕ เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้ศึกษาบาลีต่อจนสอบได้ เปรียญธรรม ๙ ประโยค ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘

สมณศักดิ์

    พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญ ที่ พระปริยัติโสภณ
    พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นพระราชาคณะ ชั้นราช ที่ พระราชโมลี
    พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นพระราชาคณะ ชั้นเทพ ที่ พระเทพโสภณ
    พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็นพระราชาคณะ ชั้นธรรม ที่ พระธรรมปิฎก
    พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นหิรัญบัฏ ที่ พระธรรมวโรดม
    พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ ที่ สมเด็จพระมหาธีราจารย์


งานสาธารณูปการ

       ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๘ จนถึง พ.ศ. ๒๕๕๔ เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ได้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์ พระอารามตั้งแต่ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดชนะสงครามเป็นต้นมา สาธุชนที่เคยมีโอกาสไปที่วัดชนะสงคราม จะพบเห็นสภาพภายในวัด แลดูสะอาดตา จัดวางสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นระเบียบ วัดชนะสงครามที่งดงามแก่ส ายตาคนทั่วไปในเวลานี้ ล้วนเกิดจากวิริยะอุตสาหะ และมันสมองของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ เป็นที่ตั้ง ด้านการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนนั้น ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ จะแสดงพระธรรมเทศนาในพระอุโบสถทุกวันพระเป็นประจำมิเคยขาด โดยในวันพระ จะไม่รับกิจนิมนต์ข้างนอก ยกเว้นงานพระราชพิธี เพียงอย่างเดียว

       ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ไม่เคยปิดกั้น สำหรับญาติโยมที่ขอเข้าพบ ท่านไม่เคยถือตัว ใครมาก่อนพบก่อน ใครมาทีหลังต้องนั่งรอพบทีหลัง ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ สนทนาธรรมกับญาติโยมทุกคน อย่างไม่ถือยศถือองค์ วางตัวปกติสำรวมสง่างามเป็นบุญตา และบุญใจของผู้พบเห็น ใครมากราบไหว้ได้ทั้งนั้นท่านวางตัวอย่างเท่า เทียมกันหมดทุกชนชั้นวรรณะ

การปกครองคณะสงฆ์     

       ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ท่านถือหลักให้ผู้อยู่ในปกครองทุกคนสำนึกในหน้าที่ ประพฤติดี ถูกต้องยกย่องสรรเสริญ ผู้ประพฤติผิดต้องลงโทษตามแต่กรณี ไม่มีละเว้นท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ได้กล่าวปรารภ เป็นข้อคิดเตือนใจสาธุชนว่า หลวงพ่อเชื่อว่า “ถ้าเราทำอะไรอย่างบริสุทธิ์ใจแล้วก็จะเจริญงอกงาม แต่ถ้าไม่บริสุทธิ์ใจ ต้องดูกันต่อไปว่า จะเป็นอย่างไรในผลสุดท้าย เราต้องเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์เป็นสำคัญ”



http://www.phrabuddhametta.com/
61  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ประวัติความเป็นมาของวิปัสสนากรรมฐาน วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2012, 05:49:25 pm
62  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ฉลองมณฑปพระพุทธรัตนะมหามงคลและร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี สมทบทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2012, 06:51:15 pm


                                     



http://www.nongkhae.net/
https://plus.google.com/104686349771884107704/photos?hl=th
63  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / ไหว้พระไกลบ้าน (วันพืชมงคล 9 พฤษภาคม 2555) เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2012, 05:44:58 pm
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
จ.พิษณุโลก



                           





หลวงพ่อพระพุทธชินราช ผมได้มีโอกาสไปกราบครั้งแรกเห็นแล้วผิดไปจากความคาดหมาย เนื่องจากองค์ท่านไม่ใหญ่โตอย่างที่คิด เพ่งพิจารณาแล้วให้รู้สึกต่างจากรูปถ่ายมากเสมือนมิใช่องค์จริง ในภาพผู้คนบางตาไม่มากเดินสบายๆ ครับ!
64  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / "วันแรงงาน" 1 พฤษภาคม ไปหล่อพระสร้างบารมี ณ วัดป่าดำรงค์ธรรม เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2012, 04:19:06 pm
ธรรมธวัช ฝากรูป     พระภูริปั องค์พระปฏิมาประธานในพระอุโบสถ
                                                                            สร้างเมื่อ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
                         

ธรรมธวัช ฝากรูป          ธรรมธวัช ฝากรูป         

หลวงพ่อสนิท วัดไผ่ล้อม อ.เสาไห้ จ.สระบุรี (งานนี้บอกบุญรวมปัจจัยมาถวายท่านได้ 3,920 บ. ครับ!)


ธรรมธวัช ฝากรูป          ธรรมธวัช ฝากรูป

สำหรับผ้าป่าสามัคคีในงาน รวมยอดปัจจัยได้ทั้งสิ้น 105,999 บ. ครับ!


ธรรมธวัช ฝากรูป          ธรรมธวัช ฝากรูป 

ธรรมธวัช ฝากรูป          ธรรมธวัช ฝากรูป

ธรรมธวัช ฝากรูป          ธรรมธวัช ฝากรูป

ธรรมธวัช ฝากรูป          ธรรมธวัช ฝากรูป 

ธรรมธวัช ฝากรูป     งานวันนี้ตั้งใจมาเพื่อหล่อสร้างพระพุทธปฏิมา ๓ องค์ จึงนำภาพมา                                                                                               ฝากเพื่อนๆชาวเว็บ ครับ!           
65  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / มุทิตาอาลัย แด่ ครูอาจารย์ พระครูพิศาลสรธรรม (คำร้อย ปภสฺสโร) เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 07:29:00 pm

ประวัติโดยสังเขป

         พระครูพิศาลสรธรรม (คำร้อย ปภสฺสโร) สกุลเดิม “ปัญญาแก้ว” เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๒

(ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๕) ปีมะเส็ง เป็นบุตรคนที่ ๓ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๕ คน บิดาชื่อนายโฮม มารดาชื่อนางจูน

ปัญญาแก้ว อุปสมบทเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๒ (แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖) ณ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

มาจำพรรษาอยู่ ณ วัดศรีบุรีรตนาราม (วัดปากเพรียว) อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๔ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ใน

สมณะเพศได้ประกอบคุณงามความดีแก่พระศาสนาดำรงตำแหน่งพระสังฆาธิการเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลปากเพรียว

จังหวัดสระบุรี ก่อนที่จะละสังขารด้วยวัย ๘๒ ปี ๑๑ เดือน ๖ วัน ๖๒ พรรษา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ เมษายน

พ.ศ.๒๕๕๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี จ.สระบุรี



         พระครูพิศาลสรธรรม (คำร้อย ปภสฺสโร) ท่านเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของพระอาจารย์สนธยา ธมฺมวํโส อีกทั้ง

เป็นอาจารย์ผู้สอนสั่งศึกษาธรรมแก่กระผม(ธรรมธวัช)ด้วย ดังนั้นด้วยกิจอันเนื่องด้วยกตัญญูกตเวทิตานี้ วันจันทร์ที่ ๑๖

เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ (แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๕) เวลา ๑๖.๓๐ น. ณ เมรุ วัดศรีบุรีรตนาราม (วัดปากเพรียว) กระผมได้ไป

ร่วมไว้อาลัยฌาปนกิจครูอาจารย์และนำภาพมาฝากให้ได้ยล ครับ!




http://www.mahathera.org/detail.php?module=mati&id=255208190501&title=10
66  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / หิ้งพระบูชาวางอย่างไร..? เมื่อ: เมษายน 11, 2012, 07:04:51 pm


การจัดวางหิ้งพระบูชา


       มีหลายประเด็นที่หลายท่านสงสัยเกี่ยวกับการจัดตั้งหิ้งพระบูชา เช่น ตำแหน่งที่จะจัดตั้ง ทิศทาง ความสูง และลำดับการจัดวางองค์พระ ผมได้ลองค้นหาข้อมูลจากหลายๆแหล่ง ทั้งจากอินเทอร์เน็ต หนังสือ สอบถามครูบาอาจารย์ และคนเฒ่าคนแก่ ก็พอสรุปโดยอาศัยเหตุและผล ตามหลักพุทธศาสนามาทำการวิเคราะห์ และประกอบกับความคิดเห็นส่วนตัว

       ก่อนที่จะเข้าสู่ การจัดตั้งหิ้งพระ มาทำความรู้จักกับธาตุทั้ง 6 ในหลักของพระพุทธศาสนากันก่อน โดยธาตุทั้ง 6 นั้นประกอบด้วย ธาตุไฟ ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุดิน ธาตุอากาศ และธาตุวิญญาณ โดยมี 4 ธาตุมหาภูติ คือ ไฟ น้ำ ลม และดิน เป็นรูป (กรรมเก่า) ส่วน อากาศ และวิญญาณ เป็นนาม (กรรมใหม่) จะคอยควบคุม 4 ธาตุมหาภูติอีกที ซึ่งถ้าขาด 2 ธาตุหลังนี้จะถือว่าเป็นสิ่งไม่มีชีวิต ทำให้ร่างกายคนเราประกอบไปด้วย 6 ธาตุนี้ โดยเริ่มจากในครรภ์ ร่างกายขณะนั้นจะประกอบด้วยธาตุ ไฟ น้ำ ดิน อากาศ และวิญญาณ โดยอาศัยธาตุไฟจากผู้เป็นแม่เป็นตัวช่วยในการเจริญเติบโต พอคลอดออกมา ทารกจะได้ ธาตุลม ทำให้การประชุมธาตุครบตามองค์ประกอบ เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้น

       โดยที่ ธาตุวิญญาณ ก็คือตัวเรา จะเป็นอมตะและมั่นคงตลอดไป ไม่ว่าจะตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่หนก็ตาม ส่วนธาตุอากาศ คือความเปลี่ยน สิ่งใดมีอยู่ก็จะไม่มี สิ่งใดไม่มี ก็จะมี จะหมุนวนสลับกันไปไม่สิ้นสุด กล่าวคือเป็นเรื่องของจิตในมนุษย์ล้วนๆ ซึ่งมีความอยากนั่นอยากนี่ไปหมด เป็นความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ พระที่บรรลุอรหันต์ จะสามารถกำจัดความเปลี่ยนในอากาศธาตุทั้งหมดได้ เมื่อความอยากทั้งหมดดับลงไปแล้ว ธาตุวิญญาณ ก็จะไม่เรียกประชุมธาตุมหาภูติ ทั้ง 4 อีก คือการไม่กลับมาเกิดอีกนั่นเอง

       จากบทความนี้ จะเห็นความสัมพันธ์ของธาตุในตัวเรา ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา โดยมี ไฟ น้ำ ลม และดิน เป็นองค์ประกอบ ฉะนั้นในการจัดตั้งหิ้งพระเราจะใช้หลักความสัมพันธ์ของธาตุต่างๆ โดยจะเน้นไปที่ ไฟ กับ ลม เป็นหลัก (ส่วนน้ำและดิน จะไม่ขอกล่าวในโอกาสนี้)

ตำแหน่งเหมาะสมในการตั้งหิ้งพระในบ้าน

       หิ้งพระ ในหลายๆศาสตร์ได้ถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของ ธาตุไฟ ส่วนเหตุผลนั้นใช่แต่เพียงว่า มีการจุดธูป จุดเทียน แล้วทำให้เกิดลักษณะที่เป็นไฟขึ้นมา ถ้าพิจารณาให้ลึกลงไปจะพบว่า หิ้งพระเป็นที่ประดิษฐาน หรือที่ประทับตัวแทนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์เทพเทวะ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แต่ละท่านเคารพนับถือ ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังที่กล่าวมานั้น คือผู้นำความสว่างมาให้กับชีวิต เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ละอายต่อบาปและการทำชั่ว เปรียบเหมือนไฟส่องทางให้แสงสว่างและเดินทางที่ถูกที่ควร จึงถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของ ธาตุไฟ

       ส่วนธาตุที่จะมาช่วยให้ ธาตุไฟ ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพได้นั้นคือ ธาตุลม เพราะลมเป็นอาหารของไฟ ลองนึกถึงตอนที่เราก่อไฟ ไฟจะลุกติดได้เพราะมีลมเข้ามาปะทะ หรือตอนที่เด็กคลอดออกมา ถ้าไม่ได้ลม ไฟในร่างกายจะไม่ทำงาน

       คราวนี้ลองมาดูว่าที่บ้านของเรา มีตรงจุดไหนที่เกิดลมบ้าง ก็จะมี ประตู หน้าต่าง เป็นต้น แต่จุดที่เกิดลมบ่อยที่สุดคือประตู (ให้พิจารณาประตูหลักที่ใช้เข้าออกเป็นประจำ) เพราะฉะนั้นตำแหน่งที่จะทำให้ ลม เข้าไปเสริม ไฟ ได้ดีที่สุดคือ ตำแหน่งตรงข้ามประตู ในตำแหน่งนี้ถ้าเราเปิดประตูเข้ามาให้หยุดยืน แล้วมองตรงไปข้างหน้า สิ่งที่ปะทะสายตาในแนวตรงนั้นคือ ตำแหน่ง ธาตุไฟต้น ซึ่งคนจีนรู้ความลับนี้มานานแล้ว จะเห็นได้จาก “ตี่จู้เอี้ย” ตรงตำแหน่งนี้เองเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการตั้งหิ้งพระบูชา แต่ถ้าไม่สะดวกในตำแหน่งนี้อาจเป็นเพราะ ตำแหน่งนี้เป็นประตู เป็นส่วนที่แคบไม่เหมาะกับการตั้งหิ้งพระ ให้หารูปภาพพระมาติดแทน แล้วนำหิ้งพระไปจัดตั้งในตำแหน่ง ธาตุไฟปลาย ถ้าไม่สะดวกอีกก็ย้ายมาตำแหน่ง ธาตุไฟกลาง






       ตามคติความเชื่อของคนโบราณ หิ้งพระหรือองค์พระ ต้องหันไปทาง ทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศเหนือ ส่วนทิศอื่นหันแล้วไม่เป็นมงคล จากความเชื่อนี้สันนิษฐานได้ว่า ชื่อของทิศที่มีคำว่า “ใต้” กับ “ตก” ปนอยู่ในคำว่าทิศ จะฟังดูแล้วไม่เป็นมงคล จึงไม่หันหน้าพระไปยังทิศที่ว่านี้

       ส่วนข้อมูลจากพุทธประวัติ ในช่วงที่พระพุทธเจ้ากำลังจะตรัสรู้ ได้ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ในอริยาบถนั่งขัดสมาธิ โดยหันพระพักตร์ไปยัง ทิศตะวันออก ติดกับแม่น้ำเนรัญชรา หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็ยังทรงประทับที่เดิมอีก 1 สัปดาห์ ในสัปดาห์ที่ 2 พระพุทธเจ้าทรงอริยาบถยืนสงบนิ่งทางด้าน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เยื้องจากบัลลังก์ที่ประทับตอนนั่งเล็กน้อย สถานที่นี้เชื่อว่า “อนิมิสเจดีย์” พระพุทธองค์ทรงพิจารณาธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้โดยชอบด้วยพระองค์เองจนครบ 7 สัปดาห์ ก่อนที่จะเสด็จไปเพื่อโปรดแก่ปัญจวัคคีย์

       จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น สันนิษฐานว่า คนสมัยก่อนอ้างอิงทิศจากในพุทธประวัติด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ ทิศตะวันออก และ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยลืมให้ความสำคัญกับคำว่า “ติดกับแม่น้ำเนรัญชรา” นั่นหมายความว่าพระพุทธเจ้าหันพระพักตร์ไปทางแม่น้ำ และมีวัดจำนวนไม่น้อยที่มีพระประธานหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเบื้องหน้าก็คือแม่น้ำ ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมหรือใช้สัญจรในสมัยก่อนนั่นเอง บางวัดถ้าไม่ติดแม่น้ำก็จะหันหน้าพระประธานเข้าหาถนน

       มาถึงตรงนี้เรื่องทิศในการจัดตั้งหิ้งพระคงจะชัดเจนขึ้นแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับตำแหน่งที่ตั้งหิ้งพระซึ่งต้องหันพระพักตร์มายังทางที่ใช้สัญจรนั่นก็คือ ประตูทางเข้าออกนั่นเอง




http://www.banlangchok.com/index.php?option=com_content&view=article&id=25:buddha-throne-installation&catid=6:2011-09-19-13-38-37&Itemid=21
67  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพในงานพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปปางประจำวัน ณ วัดพัชรบรรพต เมื่อ: เมษายน 01, 2012, 10:28:05 pm
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี
“ในงานพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปปางประจำวัน”
ณ วัดพัชรบรรพตวราราม
ตำบลห้วยทราย  อำเภอหนองแค  จังหวัดสระบุรี
วันที่ ๒๐ – ๒๑ – ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕


       ด้วยว่าวัดพัชรบรรพตวราราม ได้จัดงานพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปปางประจำวันหน้าตัก ๒๙ นิ้ว จำนวน ๙ องค์ เพื่อประดิษฐานไว้รอบกำแพงพรพอุโบสถทั้ง ๘ ทิศ วันที่ ๒๐ – ๒๑ – ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ จึงเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี และร่วมพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปปางประจำวัน ทั้ง ๙ องค์ โดยพร้อมเพรียงกัน

กำหนดการ

วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
เวลา ๑๖.๐๙ น.   พระสงฆ์ ๙ รูป เจริญพระพุทธมนต์ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
เวลา ๑๗.๓๐ น.   ประกอบพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลและแผ่นทองเหลืองทองแดง

วันศุกร์ที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
เวลา ๑๐.๐๙ น.   พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๙ รูป เจริญพระพุทธมนต์เปิดงาน
เวลา ๑๑.๐๐ น.   ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์
ถวายผ้าป่าสามัคคี ปิดทอง ตลอดทั้งคืน
เวลา ๒๐.๐๙ น.   ประกอบพิธีเททองหล่อพระประจำวันอาทิตย์ (ปางถวายเนตร), วันจันทร์ (ปางห้ามญาติ), วันอังคาร (ปางไสยาสน์)

วันเสาร์ที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
เวลา ๐๘.๓๐ น.   ถวายผ้าป่าสามัคคี ปิดทอง ตลอดทั้งคืน
เวลา ๒๐.๐๙ น.   ประกอบพิธีเททองหล่อพระประจำวันพุธ (ปางอุ้มบาตร / ปางป่าเลไลยย์), วันพฤหัสบดี (ปางสมาธิ)

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
เวลา ๐๘.๓๐ น.   ถวายผ้าป่าสามัคคี ปิดทอง ตลอดทั้งคืน
เวลา ๒๐.๐๙ น.   ประกอบพิธีเททองหล่อพระประจำวันศุกร์ (ปางรำพึง), วันเสาร์ (ปางนาคปรก), พระเกตุ (ปางพระเกตุ)

จึงขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมเป็นเจ้าภาพถวายผ้าป่าสามัคคี และร่วมบริจาคทองเหลือง ทองแดง ฯ หล่อ
สร้างองค์พระพุทธปฏิมาประจำวัน แจ้งความประสงค์ได้ที่ สำนักงานวัดพัชรบรรพตวราราม โทร. ๐๘ - ๙๐๒๗
- ๑๘๐๙


คณะสงฆ์ พร้อมด้วยทายก - ทายิกา และ คณะกรรมการวัดพัชรบรรพตวรารามร่วมกันจัดงาน ฯ
68  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / "ชิง หมิง เจี๋ย" เทศกาลเช็งเม้ง 2555 เมื่อ: เมษายน 01, 2012, 07:09:41 pm
เทศกาลไหว้สุสาน




     สำหรับชาวจีน และคนไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย ช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึง ต้นเดือนเมษายน จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาของการกราบไหว้บรรพบุรุษ อันแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติยึดถือกันมาช้านาน ดังที่คนทั่วไปจะรู้จักกันที่เรียกว่า เทศกาลเช็งเม้ง

     วันเช็งเม้ง (เป็นภาษาแต้จิ๋ว) ภาษาจีนกลางออกเสียงว่า ชิง หมิง เจี๋ย หรือ "เฉ่งเบ๋ง" (ในสำเนียงฮกเกี้ยน) "เช็ง"หรือ "เฉ่ง" หมายถึง สะอาด บริสุทธิ์ และ "เม้ง" หรือ "เบ๋ง" หมายถึง สว่าง รวมแล้วหมายความถึง ช่วงเวลาแห่งความแจ่มใส รื่นรมย์   เนื่องจาก เช็งเม้งในประเทศจีน เริ่มต้นประมาณ 5 - 20 เมษายน เป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศจะคลายความหนาวเย็น เริ่มเข้าสู่ความอบอุ่น มีฝนตกปรอย ๆ มีบรรยากาศสดชื่น ท้องฟ้าใสสว่าง (เป็นที่มาของชื่อ เช็งเม้ง)
     สำหรับในประเทศไทยเทศกาลเช็งเม้ง ถือวันที่ 5 เมษายนของทุกปีเป็นหลัก แล้วนับวันก่อนถึง 3 วัน และเลยไปอีก 3 วัน รวมเป็น 7 วัน (2 - 8 เมษายน) แต่ในปัจจุบันเนื่องจากมีปัญหาการจราจรคับคั่ง เลยขยายช่วงเวลาเทศกาลให้เร็วขึ้นอีก 3 สัปดาห์ (ประมาณ 15 มีนาคม - 8 เมษายน) แต่ในภาคใต้บางพื้นที่ เช่น จังหวัดตรังจะจัดเร็วกว่าที่อื่น 1 วัน ประมาณวันที่ 4 เมษายนของทุกปี

     ตำนานการเกิดเช็งเม้ง  ใน ยุคชุนชิว องค์ชายฉงเอ่อ แห่งแคว้นจิ้นหนีภัยออกนอกแคว้น ไปมีชีวิตตกระกำลำบากนอกเมือง โดยมีเจี้ยจื่อทุย ติดตามไปดูแลรับใช้  เจี้ยจื่อทุย มีจิตใจเมตตาถึงขนาดเชือดเนื้อที่ขาของตนเป็นอาหารให้องค์ชายเสวยเพื่อประทังชีวิต ภายหลังเมื่อองค์ชายฉงเอ่อเสด็จกลับเข้าแคว้นและได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น เจ้าผู้ครองแคว้น นาม จิ้นเหวินกง และได้สถาปนาตอบแทนขุนนางทุกคนที่เคยให้ความช่วยเหลือตน แต่ลืม เจี้ยจื่อทุยไป นานวันเข้าจึงมีคนเตือนถึงบุญคุณเจี้ยจื่อทุย   จิ้นเหวินกงเพิ่งนึกขึ้นไป จึงต้องการตอบแทนบุญคุณเจี้ยจื่อทุย โดยจัดหาบ้านให้เขาและมารดาให้เข้ามาอยู่อย่างสุขสบายในเมือง แต่ทว่าเจี้ยจื่อทุยปฏิเสธ จิ้นเหวินกงจึงได้คิดแผนเผาภูเขา โดยหวังว่าเจี้ยจื่อทุยจะพามารดาออกมาจากบ้าน แต่ผลสุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด สองแม่ลูกกลับต้องเสียชีวิตในกองเพลิง......
     ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงเจี้ยจื่อทุย จิ้นเหวินกงจึงมีคำสั่งให้วันนี้ของทุกปี ห้ามไม่ให้มีการก่อไฟ และให้รับประทานแต่อาหารสด ๆ และเย็น ๆ จนกลายเป็นที่มาของเทศกาลวันกินอาหารเย็น หรือ เทศกาลหันสือเจี๋ย  ซึ่งเป็นวันสุกดิบก่อนวันเช็งเม้ง 1 วัน
     ต่อมาเนื่องจากคนโบราณนิยมถือปฏิบัติกิจกรรมตามประเพณีวันหันสือเจี๋ย ต่อเนื่องไปจนถึงวันเช็งเม้ง นานวันเข้าเทศกาลทั้งสองก็รวมเป็นวันเช็งเม้งวันเดียว การไหว้เจี้ยจื่อทุยจึงค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นการไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษแทน


     ประเพณีการทำความสะอาดฮวงซุ้ย
     เริ่มมาจากการที่พระเจ้าฮั่นเกาจู ปราบดาภิเษกและสถาปนาราชวงศ์ฮั่น ขึ้นแล้ว เกิดระลึกถึงบุญคุณบิดา มารดาที่เสียชีวิตไปแล้วที่บ้านเกิด จึงเร่งรัดกลับบ้านเกิด แต่ทว่าป้ายชื่อของฮวงซุ้ยแต่ละที่เลือนลางเต็มทน เนื่องจากผลของสงคราม ทำให้มิสามารถทราบได้ว่าฮวงซุ้ยไหนเป็นของบิดามารดา  พระเจ้าฮั่นเกาจูจึงอธิฐานต่อสวรรค์ด้วย การโปรยกระดาษสีขึ้นบนฟ้าแล้วให้ลมพัดปลิวไป ถ้ากระดาษตกที่ฮวงซุ้ยไหน ถือว่าเป็นฮวงซุ้ยของบิดา มารดาพระองค์ และเมื่อดูป้ายชื่อชัด ๆ แล้วก็พบว่าเป็นฮวงซุ้ยของบิดา มารดาพระองค์จริง ประเพณีการทำความสะอาดฮวงซุ้ยและโปรยกระดาษสีบนหลุ่มศพก็เริ่มมาจากตรงนี้เอง



     เทศกาลเช็งเม้ง นอกจากจะเป็นวันที่แสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ แสดงถึงคุณธรรมอันดีงามแล้ว ก็ยังเป็นวันครอบครัวด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ลูกหลานที่อยู่ห่างไกลสามารถเดินทางกลับมาไหว้บรรพบุรุษที่สุสานหรือวัดที่มีบัวบรรจุกระดูกบรรพบุรุษ ซึ่งการกราบไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน ก่อนวันไหว้ต้องมีการไปทำความสะอาดบริเวณฮวงซุ้ย ทาสีฮวงซุ้ยใหม่ เขียนตัวหนังสือให้ชัดเจน ซึ่งเราสามารถสั่งให้ทางสุสานทำการปัดกวาดทำความสะอาด ดายหญ้า และกางเต็นท์ไว้ให้ได้ โดยเสียค่าบริการให้กับเจ้าหน้าที่ประจำสุสาน  ส่วนลูกหลานต้องมีการเตรียมเครื่องสำหรับเซ่นไหว้ ได้แก่

     1. อาหารคาวหวานสำหรับเซ่นไหว้ เช่น
          -  หมูต้ม ไก่หรือเป็ดต้มทั้งตัว (อาจจะมี กุ้งต้ม ปูต้ม ) เส้นบะหมี่เหลือง ปลาหมึกแห้ง
          -  ไข่ต้มที่จะทำการเซ่น ต้องอยู่ในเปลือกและทำการผ่าครึ่งโดยทั้งสองชิ้นนั้นจะต้องเท่าๆ กัน  ,หมูย่างที่ทำการหั่นเป็นชิ้น ๆ ,หมูอบที่ทำการหั่นเป็นชิ้น ๆแต่ยังมีหนังติดอยู่และกรอบ
          -  ซาลาเปา ติ่มซำ ขนมจีบชนิดต่าง ๆ
          -  ของหวาน ขนมถ้วยฟู ขนมเต่า ข้าวเหนียวกวน ขนมจันอับ(แต่เหลี่ยง) ซึ่งเป็นขนมแห้งจีนแบบโบราณ มี 5 อย่างได้แก่ ถั่วตัด งาตัด ถั่วเคลือบน้ำตาล ฟักเชื่อมและข้าวพอง ขนมเปี๊ยะไหว้พิเศษ ที่เรียกว่า "จูชังเปี้ย" แปลว่า ขนมเปี๊ยะต้นหอม ทั้งนี้เพราะเป็นช่วงที่ต้นหอมคุณภาพดี เป็นการแสดงให้เห็นว่า ลูกหลานจะพยายามเลือกเอาของดีของฤดูกาลไปไหว้บรรพบุรุษ
          -  ผลไม้มงคลชนิดต่างๆ เช่น แอปเปิ้ล ส้ม สับปะรด
          -  เหล้าและน้ำชา
               อย่างไรก็ตามคนจีนส่วนใหญ่ก็จะเอา "หอยแครงลวก" ไปไหว้ด้วย และจะช่วยกันกินหอยแครงตรงฮวงซุ้ยนั่นเอง ส่วนเปลือกหอยที่เหลือจะโปรยไว้บนเนินดิน ที่ตีความหมายจากวิธีกิน ที่ต้องแกะเปลือกเพื่อกินเนื้อ ดั่งหนึ่งว่า กระดูกและเลือดเนื้อได้เจอกัน กระดูกคือเปลือกหอยแครง อุปมาเป็นพ่อแม่ที่เหลือแต่กระดูกอยู่ในหลุม เลือดเนื้อ คือ เลือดหอย เนื้อหอย อุปมาเป็นลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข และยังมีเลือดมีเนื้อมีชีวิต เป็นต้น ซึ่งอาหารคาวหวานนี้จะต้องแบ่งออกเป็น 3 ชุดโดยอาจจะแบ่งเป็นขนาดน้อยใหญ่ได้ตามสะดวก
               ชุดแรก สำหรับใช้ไหว้เจ้าที่แป๊ะกง
               ชุดที่สอง สำหรับไหว้ โท้วตี่ซิ้ง คือ เทพยดาผืนดิน บริเวณหลุมบรรพบุรุษ และ
               ชุดที่สาม สำหรับไหว้บรรพบุรุษ ทั้งนี้จะต้องมีอุปกรณ์ที่ต้องใช้จัดวางอยู่เหนืออาหารและอยู่ใกล้กับหินฝั่งศพ สำหรับบรรพบุรุษ ได้แก่  ตะเกียบหนึ่งชุด, แก้วไวท์แบบจีน 3 แก้ว

     2. เครื่องตกแต่งฮวงซุ้ย (บ่องจั้ว)   เป็นกระดาษสีต่าง ๆ กระดาษเงิน กระดาษทอง กระดาษสายรุ้ง สำหรับตกแต่งฮวงชุ้ยก่อนการเซ่นไหว้ โดยการโปรยไว้บนเนินดินเหนือหลุม ถ้าไหว้เป็นปีแรก จะใช้สายรุ้งสีแดงโดยเฉพาะ ปีต่อ ๆ มา จึงเล่นหลายสีได้ แต่มีบางบ้านลูกหลานเอาธงหลายสีไปปักไว้เต็มไปหมด ฟังมาว่าเรื่องการปักธงนี้ หลายบ้านจะถือมากว่าห้ามปักเด็ดขาด เพราะถือว่าการมีของแหลมทิ่มแทงเข้าใส่บนหลุม อาจทำให้หลังคาบ้านบรรพบุรุษในอิมกัง (โลกของคนตาย) รั่วได้

     3. จากนั้นจึงไหว้บรรพบุรุษ อันดับแรก จัดกระถางธูป ที่ปักเทียน จัดเครื่องไหว้ อาหารคาวหวาน ถ้วยเหล้า ถ้วยน้ำชา ตะเกียบ ฯลฯ  ให้เสร็จสรรพ  ไหว้ด้วยธูป 3 ดอก และต้องไหว้ 3 รอบ (เฉพาะบรรพบุรุษ) โดยผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวจะเป็นคนนำ ทำการรินไวท์ หรือ น้ำชา ใส่ถ้วยที่ได้ทำการเตรียมไว้นั้นสามครั้ง โดยทุกครั้งนั้นเขาจะต้องคำนับต่อหลุมฝั่งศพ สมาชิกแต่ละคนในครอบครัวนั้นจะทำการเคารพสามครั้งต่อหน้าหลุมฝั่งศพ โดยที่มือซ้ายนั้นจะต้องทำการถือถ้วยไวท์ ระหว่างนั้นมีการเติมน้ำชา และเหล้าเพิ่มเติม 2-3 ครั้ง โดยมีการเสี่ยงทายว่าบรรพบุรุษอิ่ม หรือยัง โดยการโยนเหรียญ 2 อัน ถ้าขึ้นหัวหรือก้อยทั้งสองอัน แสดงว่ายังไม่เรียบร้อย ให้เติมน้ำชาและเหล้าอีก แต่ถ้าเสี่ยงทายขึ้นหัวและก้อยแสดงว่าอิ่มแล้ว

     4. เมื่อบรรพบุรุษอิ่มแล้ว จะมีการลาของเซ่นไหว้ บางครอบครัวนั้นจะทำการรับประทานอาหารร่วมกัน ในหน้าหลุมฝั่งศพนั้นเลย การที่กินอาหารที่ได้ทำการถวายต่อบรรพบุรุษนั้นจะนำมาสู่ความโชคดี หลังจากที่ทุกคนอิ่มแล้ว จะทำการไหว้ครั้งที่ 3 เพื่อทำการเผากงเต็กกระดาษเงิน กระดาษทอง เพราะเป็นความเชื่อที่ว่า ผู้ตายนั้นสามารถที่จะนำไปใช้ได้หลังชีวิตการตาย จาก นั้นจึงจุดประทัดส่งท้าย เพื่อให้เสียงอันดังช่วยขับไล่สิ่งไม่ดี ไม่ให้เข้าใกล้กวนบรรพบุรุษ และเพื่อเป็นการบอกกับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วว่า พวกเขายังระลึกถึงอยู่เสมอ ซึ่งประทัดยิ่งดังยิ่งดี ถือว่าจะทำให้ลูกหลานยิ่งรวย เมื่อสิ้นเสียงประทัดลูกสุดท้ายแล้ว เป็นอันเสร็จพิธี





http://thai.chinese.cn/
http://www.mscs.nu.ac.th/webmscs/index.php?name=news&file=readnews&id=362
http://www.khaoyaizone.com/blogs_show.php?uid=1350&bid=90
69  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 03:45:20 pm
ขอเชิญร่วมการกุศลเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี



ในงานประจำปีและปิดทองรูปเหมือน หลวงปู่เสาร์ สุวณฺณโชโต (อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านลาด)
เพื่อสมทบทุนก่อสร้างศาลาอบรมและปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ

   
ขอเชิญร่วมเททองหล่อพระประธานประจำศาลา
และร่วมเททองรูปเหมือน หลวงปู่บุญชู พุทฺธสโร (อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านลาด)


ทอด ณ วัดบ้านลาด (หินกอง)
ตำบลห้วยขมิ้น อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี


กำหนดงาน

วันเสาร์ที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ (ตรงกับวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔)

เวลา ๑๗.๐๐ น.  พระสงฆ์ทรงสมณะศักดิ์ ๑๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
เวลา ๑๘.๐๐ น.  เริ่มพิธีบวงสรวงเทพนพเคราะห์ และสวดนพเคราะห์ ประจำปี ๒๕๕๕
เวลา ๑๙.๐๐ น.  เททองหล่อพระประธานประจำศาลาอบรมและปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ปิดทอง และถวายผ้าป่าสามัคคีตลอดทั้งวัน


วันอาทิตย์ที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ (ตรงกับวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๔)

เวลา ๑๙.๓๙ น.  เททองหล่อรูปเหมือน หลวงปู่บุญชู พุทฺธสโร (อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านลาด) ปิดทอง และถวายผ้าป่าสามัคคีตลอดทั้งวัน
70  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / www.madchima.net ลงไฟล์ภาพไม่ได้ เมื่อ: มกราคม 23, 2012, 12:28:32 am
เรียน เว็บมาสเตอร์

          เนื่องจากมีปัญหา www.madchima.net ลงไฟล์ภาพไม่ได้ แก้ไขอย่างไรได้ ครับ.?
71  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / วันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ (ซิ้งเจียที) 2555 เมื่อ: มกราคม 17, 2012, 01:30:58 pm
วันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ (ซิ้งเจียที) 2555



นับเนื่องแต่โบราณมา "ซิ้งเจียที" คนจีนเชื่อว่าวันนี้เป็นวันที่เหล่าเทพทุกองค์เสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เพื่อไปรายงาน

ความประพฤติของเจ้าบ้าน และพฤติกรรมความดีของมนุษย์บนโลก จึงยึดถือเอาวันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ เป็นวันที่ 24

เดือน 12 ของจีนตายตัว โดยหลักการจะนับถอยหลังจากวันชิวอิก 6 วัน ดังนั้นหากเดือน 12 ของจีนในเดือนนั้นมี

29 วัน ก็จะเป็นวันที่ 24 ของจีน แต่หากเดือนนั้นมี 30 วัน ก็จะตรงวันที่ 25 ของจีน



วันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ปีนี้ พุทธศักราช 2555 ตรงกับวันอังคารที่ 17 มกราคม ช่วงเช้า (วันที่ 24 เดือน 12 ของจีน)วันนี้

ให้จัดของไหว้ให้มากกว่าปกติ ได้แก่ผลไม้ 5 อย่าง น้ำชา หรือ น้ำเปล่าอย่างละ 5 ถ้วยกระดาษไหว้ และชุดเสื้อผ้าเทพ

หรือที่นิยมจัดเตรียมไหว้อย่างง่ายเพียงขนมแป้งทอดโรยงา พร้อมน้ำชา ก็สามารถใช้ได้



การขอพรเพียงกล่าวว่า "ขอท่านเหล่าเทพทั้งปวงเดินทางไปกลับโดยสวัสดิภาพ หากข้าพเจ้ากระทำผิดพลาดประการใด

ขอเหล่าเทพทั้งปวงจงงดซึ่งโทษนั้นแก่ข้าพเจ้าในความไม่รู้ เมื่อท่านกลับขอจงนำความเป็นสิริมงคลมาสู่บ้าน"
แล้วนำ

เสื้อผ้า กระดาษไหว้ ไปเผาส่งให้เจ้า หลังจากนั้นจะทำความสะอาดที่ตัวองค์ และกระถางธูป



ฤกษ์ทำความสะอาด

1.หากปีที่ผ่านมามีการทำความสะอาดในช่วงนี้ ให้ถือฤกษ์สะดวก

2.หากกระทำเป็นครั้งแรกให้ใช้ฤกษ์ คือ วันที่ 22 มกราคม 2555 เวลา 7.15 น. - 8.45 น.

(ใช้ได้กับทุกคน ทุกทิศ) ให้เริ่มทำความสะอาด และสิ่งที่ต้องให้เสร็จสิ้นภายในฤกษ์ ได้แก่ ตัว

เรือน ตัวองค์ และกระถางธูป
นอกนั้นเสร็จสิ้นนอกเวลาฤกษ์ได้




http://www.oknation.net/blog/sawangtungsong/2011/01/31/entry-1
http://travel.giggog.com/133161
http://www.fengshuihut.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=423347&Ntype=5
72  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมโมทนาบุญทอดผ้าป่าสามัคคี สำนักปฏิบัติธรรม อัญญาวิโมกข์โพธิรังษี เมื่อ: มกราคม 14, 2012, 12:43:41 pm
ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญทอดผ้าป่าสามัคคี
ณ สำนักปฏิบัติธรรม อัญญาวิโมกข์โพธิรังษี (วัดป่ากล้วยไม้ดิน)
หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ.2555 เวลา.10:00 น.
เพื่อจัดซื้อที่ดิน
สร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นวัดป่า ที่ธุดงค์กรรมฐาน
สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมภาวนา
บ้านหนองฟักทอง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา




http://www.kubajaophet.com/kubajaophet_website/hna_hlak.html
73  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / สำนักปฏิบัติธรรม "อัญญาวิโมกข์โพธิรังษี" เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2011, 11:21:23 am
อัญญาวิโมกข์โพธิรังษี  (วัดป่ากล้วยไม้ดิน)
บ้านหนองฟักทอง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา





74  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระอมิตาภะพุทธเจ้า มีจริงหรือ เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 04:56:01 am
พระอมิตาภะพุทธเจ้า



75  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดมหาธาตุ (ท่านาจันทร์เดิม) เชียงคาน เมื่อ: กันยายน 08, 2011, 10:49:52 am
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี
ณ วัดมหาธาตุ (บ้านท่านาจันทร์เดิม)
เลขที่ 22 บ้านเชียงคาน หมู่ที่ 2 ถ.ศรีเชียงคาน ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย



วัดมหาธาตุ

               วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ที่บ้านเชียงคาน ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคาน ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.๒๑๙๗ พร้อมกับการสร้างเมืองเชียงคาน เคยเป็นที่ว่าการงานเมืองของเจ้าเมืองเชียงคานมาหลายสมัย มีบัลลังก์เจ้าเมือง และฆ้องชัยอยู่ที่วัดนี้ เจดีย์มหาธาตุเป็นที่สักการะบูชา พระอุโบสถเก่าแก่ และศาลาการเปรียญมีภาพเขียนฝาผนังดั้งเดิมมาแต่โบราณ จนภาพค่อนข้างเลือนไปมากแล้ว องค์พระประธานศักดิ์สิทธิมาก เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเชียงคานตลอดมา ในบริเวณวัดมีอาคารส้วมโบราณเก่าแก่ซึ่งหาชมได้ยาก
            ชาวบ้านเรียกวัดหลวงพ่อใหญ่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.๒๒๑๙  เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร
            อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย อุโบสถ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๒๐๒  ศาลาการเปรียญ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก หอสวดมนต์ กุฎิสงฆ์ ศาลาเอนกประสงค์ ศาลาบำเพ็ญกุศล ซุ้มประตู ปูชนียวัตถุมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย (หลวงพ่อใหญ่) พระพุทธรูปไม้ศิลปะล้านช้าง พระพุทธรูปปางประทานพร ๙ องค์ ตู้พระธรรมไม้ลงรัก ปิดทอง หีบพระธรรมไม้ลงรักปิดทอง
            ในด้านการศึกษา มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม เปิดสอนเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกบาลี เปิดสอน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ เปิดสอนเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๑  ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เปิดสอนเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัดเปิดสอน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐




http://itomorn.blogspot.com/2011/01/blog-post.html
http://www.welovechiangkhan.com/%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0-9-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%93-%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1299472160&grpid=&catid=52&subcatid=5200
http://www1.mod.go.th/heritage/nation/oldcity/loei10.htm
http://www.chiangkan.com/wp/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8/
http://chiangkhan.wordpress.com/2009/07/26/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD/
http://www.welovechiangkhan.com/chiang-khan-histrory
76  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรียนรู้ตัวละครจากซี่รี่ย์ดัง เมื่อ: สิงหาคม 29, 2011, 12:21:02 am
ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์





ผมใคร่อยากให้คุณผู้หญิงทั้งหลายดูซี่รี่ย์เรื่องนี้ และกล่าวบอกสอนลูกให้คิดสู้ดูแบบอย่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่

ชื่อ "ชอน-ทงอี" ได้ทั้งแบบอย่างบทเรียนชีวิต แง่มุมประวัติศาสตร์โชซอน(เกาหลี) ซี่รี่ย์ละครดีที่สามารถเรียน

รู้ประยุกต์นำมาใช้ได้กับชีวิตในวิถีคนตะวันออกอย่างเราเรา


ซี่รี่ย์เรื่องนี้ออกอากาศทุกเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.55 น.- 19.55 น. ทางช่อง 3





http://www.gotoknow.org/blog/phongphan/103141?page=5
77  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ตามเทศกาลไหว้ "วันสารทจีน ซิกง่วยปั่ว" เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 12:02:02 pm
สารทจีน หรือ วันสารทจีน ปี พ.ศ.2554 นี้ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2554 ตามปฏิทินจีนโบราณ เดือน 7 ถือเป็นเดือนสำคัญที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และยังเป็นเวลาที่ประตูนรกเปิดให้บรรดาภูตผีออกเร่ร่อนตามสถานที่ต่างๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้อาถรรพ์ ชาวจีนจึงมีการเซ่นไหว้ด้วยของไหว้ สารทจีน หลากความหมาย ที่ปฏิบัติสืบกันมาเนิ่นนานใน..เทศกาลวันสารท!!


          ทั้งนี้ ในรอบหนึ่งปี คนจีนจะมีไหว้เจ้าใหญ่ 8 ครั้ง เรียกว่าไหว้ 8 เทศกาลโป๊ะโจ่ย การไหว้เจ้า สารทจีน หรือ วันสารทจีน ถือเป็นการไหว้ครั้งที่ 5 ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งถือกันว่าเป็นเดือนผี เป็นเดือนที่ประตูนรกปิดเปิดให้ผีทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้

          ตำราจีนหนึ่งกล่าวไว้ว่า วันที่ 15 เดือน 7 เป็นวันที่เช็งฮีไต๋ตี๋จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์ และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้าย จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ นรก!!..จึงเปิดประตู เพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญได้ ในวัน สารทจีน นั่นเอง


          การไหว้ในเทศกาล สารทจีน ต่างจากการไหว้ในเทศกาลอื่นๆ ตรงที่แบ่งการไหว้ สารทจีน ออกเป็น 3 ชุด ดังนี้

 :13:ของไหว้ สารทจีน ชุดแรก สำหรับไหว้เจ้าที่ จะไหว้ในตอนเช้า มีอาหารคาวหวาน ขนมไหว้ สารทจีน ก็ใช้ ถ้วยฟู กุ้ยไช่ ซึ่งต้องมีสีแดงแต้มเป็นจุดเอาไว้ ส่วนขนมไหว้พิเศษที่ต้องมีซึ่งเป็นประเพณีของ  สารทจีน คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงิน กระดาษทอง

 :13:ของไหว้ สารทจีน ชุดที่สอง สำหรับไหว้บรรพบุรุษ คล้ายของไหว้เจ้าที่ พร้อมด้วยกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียม สารทจีน ต้องมีน้ำแกง หรือขนมน้ำใสๆ วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชา จัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ และที่ขาดไม่ได้ในเทศกาล สารทจีน ก็คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง

 :13:ของไหว้ สารทจีน ชุดที่สาม สำหรับไหว้วิญญาณพเนจร ซึ่งไม่มีลูกหลานกราบไหว้ เรียกว่า ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋ จะต้องไหว้นอกบ้าน ของไหว้ สารทจีน มีทั้งของคาวหวานกับผลไม้ตามต้องการ และที่พิเศษคือ มีข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทองจัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้ ในวัน สารทจีน




http://www.thaiblogonline.com/bhakbhinya.blog?PostID=39543
78  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ทศพิธราชธรรม กรรมพินิจ จิตขจร ภมรมาศ อาสนะเทวา เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 12:09:48 am
วัดป่าภูก้อน : Watpaphukon



http://www.youtube.com/watch?v=pGNuaVbYark#ws (Embedding disabled, limit reached)



http://www.oknation.net/blog/arexander/2010/11/28/entry-1
79  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงปู่สรวง : ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง เมื่อ: มิถุนายน 23, 2011, 06:21:01 pm
หลวงปู่สรวง     (ลูกตาเบ๊าะ) ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง


                   

       ผู้เขียนเองเคยได้ยินคำร่ำลือมาแต่เด็กว่าตามตะเข็บชายแดนไทยกัมพูชานั้นเต็มไปด้วยป่าดิบ มีอันตายทั้ง

จากกับดักระเบิด สัตว์ร้าย โรคภัยไข้เจ็บ ภูตผีปีศาจ แต่กระนั้นก็เต็มไปด้วยผู้มีวิชาอาคม พระผู้วิเศษ ฤาษีชี

ไพร ที่หลีกเร้นซ่อนกายบำเพ็ญตบะณานอันแรงกล้า พระผู้วิเศษ และฤาษีชีไพร โยคีที่กล่าวถึงเหล่านั้น หลาย

ท่านมีอายุเกินกว่าร้อยปีขึ้นไปทั้งนั้น อำนาจจิตจากการบำเพ็ญตบะณาน ประกอบด้วยอิทธิบาทสี่ ทำให้ฤาษีโยคี

และพระผู้วิเศษทั้งหลายสามารถชนะกาลเวลา รักษาสังขาร มีอายุยืนนานนับร้อยนับพันปี หลวงปู่แหวน สุจินโณ

แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ศิษย์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เล่าว่าสมัยที่ท่านเดินธุดงค์ไปยังภูเขา

ควายและป่าลึกแถบจำปาศักดิ์นั้นท่านเคยพบโยคีบางตนมีอายุหลายร้อยปีนั่งนิ่งจิตดิ่งอยู่ในฌานสมาบัติ มีต้น

โพธิ์ต้นไทรขึ้นโอบ บางตนก็มีจอมปลวกขึ้นหุ้มตัว บางตนเล่าก็มีหินงอกหินย้อยขึ้นตามร่างกายหุ้มไว้กลายเป็น

หิน ท่านว่ามหาโยคีฤาษีเหล่านี้ไม่ตายนะ แต่จิตอยู่ในฌานบางตนถอดจิตไปชั้นพรหมโลก ที่เป็นฤาษีโพธิสัตว์ก็

มี ท่านเหล่านี้มีฤทธิ์มากแม้ต้องการออกโปรดสัตว์ก็ใช้อำนาจจิตสลายสิ่งห่อหุ้มร่างกายออกเป็นจุลมหาจุล เที่ยว

ออกโปรดสัตว์ได้ตามสบาย ท่านเหล่านี้หลวงปู่แหวนกล่าวว่าแม้ได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็

จะบรรลุไม่ตกต่ำ

       เรื่องที่หลวงปู่แหวนเล่านั้นดุจดั่งนิทานปรำปะรา แต่สำหรับชาวชนบทห่างไกล อย่างเมืองสุรินทร์ศรีษะเกษ

นั้น ชาวบ้านแถบนั้นกลับมีพระผู้วิเศษที่มีวัตรปฏิปทาดุจดั่งมหาฤาษีโยคีที่หลวงปู่แหวนเคยเล่าไว้ไม่มีผิดนั่นคือ

หลวงปู่สรวง ผู้วิเศษแห่งภูตะแบงนั้นเอง ด้วยว่าวัตรปฏิบัติและความเป็นมาของหลวงปู่สรวงนั้นลี้ลับ ไม่มีใครรู้ว่า

แท้จริงท่านคือใคร บางคนร่ำลือว่าท่านเป็นพระเจ้าชัยวรมันพระองค์หนึ่ง บ้างก็ว่าสันณิฐานไปต่างๆนาๆ บางคน

เชื่อว่าท่านคือขรัวขี้เถ้าหนึ่งในคณะโลกอุดรที่ร่ำลือกัน แต่ที่แน่ๆคือหลวงปู่สรวงนั้นมีอายุยืนยาวมาหลายร้อยปี

แล้ว เห็นกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายยาย มีอายุเฉลี่ยอย่างต่ำก็ไม่น้อยกว่า ๒๗๕ ปีอย่างแน่นอน ทั้งยังมีฤทธิ์์

ปาฏิหาริย์เป็นที่อัศจรรย์อีกด้วย เช่นหุงข้าวหม้อเล็กนิดเดียวแต่แจกจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่หมด สามารถเดินหนย่น

ระยะทางได้ มีความสามารถแบบผู้ทรงอภิญญาสมาบัติอย่างน่าอัศจรรย์ รู้เห็นมิติต่างๆ เข้าออกดินแดนลี้ลับไป

มาอย่างอัศจรรย์ยิ่ง

       ในอดีตที่ผ่านมาเคยมีทั้งพระและฆราวาสที่ได้ร่วมเดินทางเข้าสู่ดินแดนลี้ลับแห่งเขมรและเป็นประจักษ์

พยานถึงสิ่งลี้ลับในโลกที่ซ่อนเร้นสายตามนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย เช่นดินแดนที่มีทองคำและเพชรพลอยงอกออก

มาจากดินอยู่ตามลำธารอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อลองเอามือไปหยิบจับดู ทองคำที่งอกออกจากดินนั้นก็อ่อนนิ่ม

คล้ายเทียนโดนไฟลน แต่กลับไม่สามารถดึงให้ขาดออกมาได้ เป็นเรื่องน่าแปลกอย่างยิ่ง หลวงปู่สรวงจะบอกกับ

คณะที่ติดตามท่านไปนั้นว่ามันเป็นของเขา เพียงคำเดียวเท่านี้ ซึ่งหมายความว่าไม่ใช่ของๆเรา คำว่าของเขา อาจ

หมายถึงมันเป็นของธรรมชาติ เป็นสมบัติแผ่นดิน เป็นของผู้มีบุญญาธิการเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ไปกับท่านจึงได้แต่ดู

และเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในความทรงจำเท่านั้น ถือว่าเพียงเท่านี้ก็เป็นบุญวาสนาของชีวิตที่ได้เห็นของจริง ว่าใน

โลกนี้ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นอีกมากมายนัก

       ในชั่วระยะเวลาที่หลวงปู่สรวงได้โปรดลูกหลานทั้งหลายนั้น ท่านได้แสดงตัวอย่างของผู้ละโลก พร้อมทั้ง

แสดงความจริงในศักยภาพของจิตอันเป็นไปตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดาได้เป็นอย่างดีที่สุด แม้ว่า

ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลวงปู่จะพูดน้อยที่สุด แต่การกระทำของท่านนั้นยิ่งกว่าคำพูดเป็นหมื่นเป็นแสนคำ

หลวงปู่สรวง พระผู้พ้นไปจากโลกและความนึกคิดของปุถุชน ผู้มีจิตเมตตาไม่มีประมาณ และเป็นแสงสว่างให้

สรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นที่พึ่งให้กับผู้ที่ยังเวียนว่ายในสังสารวัฏฏ์ ผู้เขียนเชื่ออย่างยิ่งว่าพระผู้พ้นโลกย่อมเป็นผู้ที่

มัจจุราชไม่เห็นตัว มัจจุราชย่อมไม่อาจทำอันตรายแก่ผู้พ้นโลกไปแล้วได้ฉันใด หลวงปู่สรวงย่อมเป็นพระผู้อยู่

เหนือสมมุติทางโลกรวมทั้งความตายด้วยฉันนั้น




ศึกษาหาอ่านได้จากริงค์นี้ครับ

http://superkreang-variety.blogspot.com/2011/02/blog-post_02.html



http://www.suriyanchantra.com/catalog.php?idp=197
80  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระเจ้ามิลินท์และพระนาคเสน เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 07:22:05 pm
บุพพกรรมพระเจ้ามิลินท์และพระนาคเสน



กล่าวเมื่อครั้งศาสนาของสมเด็จพระพุทธกัสสปโน้น
มีพระราชาพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่าพระเจ้าวิชิตาวีเสวยราชอยู่ในสาครนครราชธานี

พระองค์ทรงอนุเคราะห์มหาชนด้วยสัคหวัตถุ ๔สร้างมหาวิหารลงไว้แม่น้ำคงคา ถวายพระเถระทั้งหลายที่ทรงคุณธรรมต่าง ๆ กันมีทรงพระไตรปิฎก เป็นต้นทั้งบำรุงด้วยปัจจัย ๔

เมื่อพระองค์ทรงสิ้นแล้วก็ได้ขึ้นไปบังเกิดเป็น พระอินทร์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ด้วยอานิสงกส์นั้นและมหาวิหารที่ท้าวเธอทรงสร้างไว้ ถึงพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้วก็ดีก็มีพระภิกษุอาศัยอยู่เป็นอันมาก

ในพระภิกษุสงฆ์เหล่านั้นพระภิกษุทั้งหลายผู้สมบูญด้วยข้อวัตรเป็นอันดี เช้าขึ้นก็ถือเอาไม้กวาดด้ามยาวแล้วนึกถึงพระพุทธคุณ แล้วจึงพากันกวาดบริเวณพระเจดีย์กวาดเอาหยากเยื่อไปรวมเป็นกองไว้

มีพระภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยศีลองค์หนึ่งเรียกสามเณรองค์หนึ่งว่า

"จงมานี้...สามเณร ? จงหอบเอาหยากเยื่อไปทิ้งเสีย"

สามเณรนั้นก็เฉยอยู่ เหมือนไม่ได้ยินพระภิกษุองค์นั้นเรียกสามเณรนั้นถึง ๓ ครั้งเห็นสามเณรนั่งนิ่งเฉยอยู่เหมือนไม้ได้ยินก็คิดว่า สามเณรองค์นี้หัวดื้อจึงไปตีด้วยด้ามไม้กวาด สามเณรก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดแล้วหอบเอาหยากเยื่อไปทิ้งด้วยความกลัว

เมื่อหอบเอาหยากเยื่อไปทิ้งนั้นได้ปรารถนาว่า
“ ด้วยผลบุญที่เราได้หอบหยากเยื่อมาทิ้งนี่หากเรายังไม่ถึงนิพพานเพียงใดเราจะเกิดในภพใด ๆ ก็ตาม ขอให้เรามีเดชเหมือนกับดวงอาทิตย์เที่ยงวันฉะนั้นเถิด"

สามเณรตั้งความปรารถนาดังนี้แล้วก็เดินไปอาบน้ำที่แม่น้ำคงคา ดำผุดดำว่ายเล่นตามสบายใจ

เมื่อสบายใจแล้วก็ได้เห็นละลอกคลื่นในแม่น้ำนี้มากมายนักหนาก็ยินดีปรีดาจะใคร่มีปัญญาเฉลียวฉลาดไม่รู้สุดรู้สิ้น ดุจลูกคลื่นในแม่น้ำนั้นและได้คิดว่าอาจารย์ได้ใช้ให้เราหอบเอาหยากเยื่อมาทิ้งนี้ ไม่ใช่เป็นกรรมของเราทั้งไม่ใช่เป็นกรรมของอาจารย์แต่เป็นการอนุเคราะห์เราให้ได้บุญเท่านั้น

ครั้นคิดดังนั้นแล้ว จึงปรารถนาขึ้นอีกเป็นครั้งที่ ๒ ว่า
“ข้าพเจ้ายังไม่ถึงนิพพานตราบใดไม่ว่าข้าพเจ้าจะไปเกิดในชาติใด ๆ ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญาไม่รู้สิ้นสุดเหมือนกับลูกคลึ่นในแม่น้ำคงคานี้เถิด”

ส่วนพระภิกษุผู้เป็นอาจารย์นั้นเมื่อเอาไม้กวาดไปเก็บไว้ที่โรงเก็บไม้กวาดแล้ว ก็ลงที่ท่าน้ำคงคาเพื่อจะอาบน้ำก็ได้ยินเสียงสามเณรตั้งความปรารถนา จึงคิดว่า
ความปรารถนาของสามเณรนี้เป็นความปรารถนาใหญ่ จะสำเร็จได้เพราะอาศัยพระพุทธคุณ

คิดดังนี้แล้วจึงหัวเราะขึ้นด้วยความดีใจว่า สามเณรนี้ถึงเป็นผู้ที่เราใช้ก็ยังปรารถนาอย่างนี้ความปรารถนาของสามเณรนี้ จักสำเร็จเป็นแน่แท้ คิดดังนี้แล้ว จึงตั้งความปรารถนาว่า
“ข้าพเจ้ายังไม่สำเร็จนิพพานตราบใดขอให้ข้าเจ้ามีปัญญาหาที่สุดมิได้เหมือนกับฝั่งแม่น้ำคงคานี้ ให้เป็นผู้สามารถแก้ไขปัญหาปฎิภาณทั้งปวงที่สามเณรนี้ไต่ถามได้สิ้น
ให้สามารถชี้แจงเหตุผลต้นปลายได้เหมือนกับบุรุษที่ม้วนกลุ่มด้ายสางด้ายอันยุ่งให้รู้ได้ว่า ข้างต้นข้างปลายฉะนั้นด้วยอำนาจบุญที่ข้าพเจ้าได้กวาดวัด และใช้สามเณรให้นำหยากเยื่อมาเททิ้งนี้เถิด"

เมื่อบุคคลทั้งสองนั้นท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในเทพยดาและมนุษย์ ก็ล่วงมาถึง ๑ พุทธันดรพระพุทธเจ้าเราทั้งหลายผู้เป็นที่พึ่งของโลกได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่า
ความเกิดขึ้นแห่งพระเถระ มีพระโมคคลีบุตรติสสเถระและพระอุปคุตตเถระเป็นต้นจักปรากฎฉันใด ความเกิดขึ้นแห่งบุคคลทั้งสองนั้น ก็จะปรากฎฉันนั้น

เมื่อเราปรินิพพานล่วงไปได้ ๕๐๐ ปีแล้ว บุคคลทั้งสองนั้นจักเกิดขึ้นธรรมวินัยอันใด อันเป็นของสุขุมที่เราแสดงไว้ ธรรมวินัยอันนั้นบุคคลทั้งสองนั้นจักแก้ไขให้หมดฟั่นเฝื่อด้วยการไต่ถามปัญหากัน ดังนี้

ต่อมาสามเณรนั้น ก็ได้มาเกิดเป็น พระเจ้ามิลินท์ ในสาคลนครอันมีในชมพูทวีปพระเจ้ามิลินท์นั้นเป็นบัณฑิต เป็นผู้ฉลาดมีความคิดดีสามารถรู้เหตุการณ์อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบันได้

เป็นผู้ใคร่ครวญในเหตุการณ์ถี่ถ้วนทุกประการ เป็นผู้ได้ศึกษาศาสตร์ต่าง ๆไว้เป็นอันมาก ถึง ๑๘ ศาสตร์ด้วยกัน รวมเป็น ๑๙ กับทั้งพุทธศาสตร์

ศิลปศาสตร์ ๑๘ ประการคือ

๑. รู้จักภาษาสัตว์มีเสียงนกร้อง เป็นต้นว่าร้ายดีประการใดได้สิ้น
๒. รู้จักกำหนิดเขาและไม้ เป็นต้นว่า ชื่อนั้น ๆ
๓. คัมภีร์เลข
๔. คัมภีร์ช่าง
๕. คัมภีร์นิติศาสตร์รู้ที่จะเป็นครูสั่งสอนท้าวพระยาทั้งปวง
๖. คัมภีร์พาณิชยศาสตร์รู้ที่จะเลี้ยงฝูงชนให้เป็นสิริมงคล
๗. พลศาสตร์ รู้นับนักขัตฤกษ์รู้ตำราดวงดาว
๘. คันธัพพศาสตร์ รู้เพลงขับร้องและดนตรี
๙. เวชชศาสตร์รู้คัมภีร์แพทย์
๑๐. ธนูศาสตร์ รู้ศิลปะการยิงธนู
๑๑. ประวัติศาสตร์
๑๒. ดาราศาสตร์ รู้วิธีทำนายดวงชะตาของคน
๑๓. มายาศาสตร์ รู้ว่านี่เป็นแก้วนี่มิใช่แก้ว เป็นต้น
๑๔. เหตุศาสตร์ ผลศาสตร์ รู้จักเหตุรู้จักผลจะบังเกิด
๑๕. ภูมิศาสตร์รู้จักที่จะเลี้ยงโคกระบือรู้จักการที่จะจะหว่านพืชลงในนาไร่ให้เกิดผล
๑๖.ยุทธศาสตร์ รู้คัมภีร์พิชัยสงคราม
๑๗. ลัทธิศาสตร์ รู้คัมภีร์โลกโวหาร
๑๘.ฉันทศาสตร์ รู้จักคัมภีร์ผูกบทกลอนกาพย์โคลง

พระเจ้ามิลินท์นั้นมีถ้อยคำหาผู้ต่อสู้ได้ยาก ปรากฎยิ่งกว่าพวกเดียรถีทั้งปวงไม่มีใครเสมอเหมือนในทางสติปัญญา ทั้งประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ คือ

๑. มีเรียวแรงมาก
๒. มีปัญญามาก
๓. มีพระราชทรัพย์มาก




http://www.dhammakid.com/board/acaaaxeiaeeaaa/ooaaai-adaeoaoao1i-aad-ad1oae1/
http://www.watsomanas.com/thai/milinpanha/milinpanha2.php
หน้า: 1 [2] 3