ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การถวาย ดอกไม้ ธูปเทียน ในใจ ได้บุญหรือไม่  (อ่าน 7804 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

nimit

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 117
  • เรามาเพื่อจรรโลงพระกรรมฐาน
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
ผมไปวัด ทำบุญถวายอาหารพระ แต่ถ้าเป็นเรื่องดอกไม้ ธูป เทียน แล้วผมไม่ค่อยใส่ใจ แบบว่าไม่ค่อยถวายกราบอยากเดียวเท่าน้น เพราะอาจารย์ที่ผมนับถือ ท่านสอนไว้ว่า ไหว้พระพุทธระวังสะดุดทองคำ ไหว้พระธรรมระวังสะดุดใบลาน ไหว้พระสงฆ์ระวังสะดุดลูกชาวบ้าน ผมคิดอย่างนี้เลยไม่ค่อยใส่ใจกับพวกวัตถุนิยม

ผิดหรือป่าวครับ ความคิดแบบนี้ วันนี้เรามาจับเข่าคุยกันหน่อย ถ้าผมพิจารณาแล้วผิดจะได้เปลี่ยนใหม่
บันทึกการเข้า
ธรรมจักรสถิตอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นมีแต่ความร่มเย็น

ทินกร

  • ถวายชีวิตเพื่อพุทธศาสน์
  • ผู้บริหารเว็บ
  • มีเหตุมีผล
  • *
  • ผลบุญ: +17/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 365
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: การถวาย ดอกไม้ ธูปเทียน ในใจ ได้บุญหรือไม่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2009, 10:40:56 pm »
0
ผมไปวัด ทำบุญถวายอาหารพระ แต่ถ้าเป็นเรื่องดอกไม้ ธูป เทียน แล้วผมไม่ค่อยใส่ใจ แบบว่าไม่ค่อยถวายกราบอยากเดียวเท่าน้น เพราะอาจารย์ที่ผมนับถือ ท่านสอนไว้ว่า ไหว้พระพุทธระวังสะดุดทองคำ ไหว้พระธรรมระวังสะดุดใบลาน ไหว้พระสงฆ์ระวังสะดุดลูกชาวบ้าน ผมคิดอย่างนี้เลยไม่ค่อยใส่ใจกับพวกวัตถุนิยม

ผิดหรือป่าวครับ ความคิดแบบนี้ วันนี้เรามาจับเข่าคุยกันหน่อย ถ้าผมพิจารณาแล้วผิดจะได้เปลี่ยนใหม่

สำหรับ ผม ยึด พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็น สรณะ ไม่ปรามาส พระรัตนตรัย เป็นพอ
ส่วนอย่างอื่นที่เป็น อมิสบูชา แล้วแต่จิตใจ ของแต่ละคนครับ
ส่วนมาก จะเน้น การปฏิบัติบูชา มากกว่า
หวังว่าคงพอตอบโจทย์ได้บางนะครับ
บันทึกการเข้า
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

www.madchima.org
http://saraburisat.ps-satcom.com รับติดตั้งจานดาวเทียมครับ
http://www.yutyaplaza.com ลงประกาศฟรี ของชาวอยุธยา

utapati

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: การถวาย ดอกไม้ ธูปเทียน ในใจ ได้บุญหรือไม่
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 03:31:01 am »
0
มีชาดกอยู่ตอนหนึ่ง ตอนที่พระพุทธเจ้าเป็น พระโพธิสัตว์ได้ไปถวายดอกไม้แก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ผมจำไม่ค่อยได้ ให้ผู้ดูแลช่วยต่อให้ดีกว่า
บันทึกการเข้า

nimit

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 117
  • เรามาเพื่อจรรโลงพระกรรมฐาน
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: การถวาย ดอกไม้ ธูปเทียน ในใจ ได้บุญหรือไม่
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 12:16:10 am »
0
 ;) ;) รออ่านอยู่นะ
บันทึกการเข้า
ธรรมจักรสถิตอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นมีแต่ความร่มเย็น

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บอกกล่าวเล่าธรรมในหมู่มิตร
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 02:30:27 am »
0
บุญนั้นสำเร็จด้วยเจตนาก็จริงแต่วัตถุเป็นสื่อของเจตนานั้น การแสดงซึ่งการสักการะบูชาใดใดเพียงตั้งไว้ในใจแต่ท้ายที่สุดก็ต้องกลับสู่การกระทำเป็นรูปธรรมเพราะเจตนาหวังไปสู่สิ่งที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นก็ควรมีดอกไม้เป็นอามิสบูชาเถิดไม่เสียหลายครับ
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
อานิสงฆ์ของการถวาย ดอกไม้
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 11:53:47 am »
0
ชาดกในพระไตรปิฎก มี ๕๐๐ กว่าเรื่อง ที่คุณ utapati กล่าวถึงนั้น

ผมก็ได้ฟังมาจาก อาจารย์สนธยา แต่ยังหาไม่เจอ

ส่วนคำถามของคุณนิมิต นั้น ขอตอบว่า

การถวายวัตถุทานทุกอย่าง(อามิสบูชา) มีอานิสงฆ์ทั้งนั้น

ส่วนการถวายโดยจินตนาการไว้ในใจ โดยไม่มีของสิ่งนั้นอยู่เลย

อันนี้ตอบยาก แต่ผมมีสมมุติฐานมาให้คิด คือ

หากขณะนั้น จิตเป็นกุศล มันอาจจะได้อานิสงฆ์ ก็ได้นะครับ


แต่ขอแนะนำคุณนิมิตว่า หากไม่ค่อยชอบที่จะถวาย ดอกไม้ ธูป เทียน (เหมือนผมเลย)

อนุโมทนา กับ ดอกไม้ ธูป เทียน ของคนอื่นก็ได้นะครับ ไ้ด้บุญแน่นอน

ทุกคน มีจริต นิสัย ความชอบ ไม่ชอบ ที่ต่างกันไป

มันเป็นเรื่องปรกติ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เป็นเรื่องที่สั่งสมมาในอดีตชาติ

แต่ปัจจุบันชาติ ลองเอาศรัทธานำดูบ้าง จะดีไหม




จากนี้เป็น ชาดก ว่าด้วยอานิสงฆ์ของการถวายดอกไม้

เชิญหาความสำราญกันได้เลยครับ

นิทานชาดก...พระสุมนปัจเจกพุทธเจ้า

 




สมัยที่องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนมชีพอยู่นั้น มีชายยากจนเข็ญใจคนหนึ่ง มีอาชีพขายดอกไม้ให้แก่สำนักพระราชวังแห่งกรุงราชคฤห์มหานคร โดยมีสัญญาผูกพันว่า เขาจะต้องส่งดอกมะลิ ๘ ทะนาน ให้แก่สำนักพระราชวังแต่เช้าตรู่โดยคิดเป็นมูลค่าทะนานละ ๑ กหาปณะ เป็นประจำทุกวัน จักขาดเสียมิได้ ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งสิ้น เขาได้อาศัยอาชีพขายดอกไม้นี้เลี้ยงดูบุตรและภรรยา ให้ได้รับความสุขตามอัตภาพนี้เรื่อยมา เช้าวันหนึ่งขณะที่เดินทางออกจากบ้านเพื่อนำเอาดอกมะลิไปส่งสำนักพระราชวัง ตามปกตินั้น พอย่างเท้าเข้าเขตพระบรมมหาราชวังก็พลันได้พบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งแวดล้อมไปด้วยหมู่พระอริยสงฆ์สาวกเป็นจำนวนมาก กำลังเสด็จโคจรบิณฑบาตอยู่ด้วยพุทธลีลาอันงามเลิศเพริศแพร้วด้วยฉัพพัณ ณรังสีเข้าพอดี ตามธรรมดานั้นองค์พระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านย่อมทรงปกปิดพระฉัพพัณณรัง สีอันสร้านออกจากพระวรกาย ไม่มีพุทธประสงค์จักให้ใครเห็น ทรงแสดงองค์เหมือนพระภิกษุธรรมดารูปหนึ่ง ซึ่งมีปกติบิณฑบาตเป็นวัตร แต่ในบางคราว พระองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งพระรัศมีย่อมทรงเปล่งฉัพพลัณณรังสีให้ซ่านออกจากพระ วรกายงามเพริศพริ้งพรรณรายสุดพรรณนา ดุจในคราที่เสด็จไปสู่กรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อโปรดพระญาติทั้งหลาย และในเช้าวันนี้ก็เช่นกัน พระองค์ทรงเปล่งฉัพณณรังสีแผ่ซ่านอยู่ท่ามกลางเหล่าอริยสงฆ์หมู่ใหญ่เพื่อ เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ ด้วยพุทธานุภาพอันยิ่งใหญ่



เมื่อชายขายดอกไม้ได้ยลโฉมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันงามบริสุทธิ์แพรวพราวด้วยรัศมีประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ และด้วยพระอสีตยานุพยัญชนะ ๘๐ ประการเช่นนั้น ก็พลันงงแลตะลึงครุ่นคิดคำนึงอยู่ว่า



"เราจักทำการบูชาพระพุทธองค์ด้วยอะไรดีหนอ จึงจักสมกับความเลื่อมใสอันเกิดขึ้นมากมายแก่เราในบัดนี้" เมื่อไม่เห็นสิ่งใดที่จะพึงหยิบฉวยเอาในขณะนั้นได้ทันเวลา จึงตัดสินใจว่า


"เราจักทำการบูชาพระพุทธองค์ด้วยดอกมะลิที่เราถืออยู่ในมือนี้ ถูกแล้ว! ดอกไม้เหล่านี้ เป็นดอกไม้ที่เรามีสัญญาผูกพันต้องส่งให้สำนักพระราชวัง เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าถวายสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประจำทุกวัน จะขาดเสียไม่ได้ และหากทรงไม่ได้ดอกไม้เหล่านี้ จักทรงพระพิโรธโกรธเคือง แล้วจักมีพระราชดำรัสสั่งให้ขังเราไว้ในคุก หรืออาจสั่งให้ประหารชีวิตเราเสียหรืออาจจักให้เนรเทศเราเสียก็เป็นได้ สุดแล้วก็ตามแต่เวรกรรมของเราเถิด เราเกิดความเลื่อมใสขึ้นในดวงใจแล้ว จักต้องถวายดอกไม้เหล่านี้เพื่อเป็นพุทธบูชาให้ได้ คงจักมีอานิสงส์แก่เรามากมายเพราะแม้เราเอาดอกไม้ที่เรามีอยู่เพียงเท่านี้ ไปให้แก่สำนักพระราชวัง อย่างดีก็คงได้ทรัพย์เพียงเล็กน้อยสำหรับเลี้ยงชีวิตในชาตินี้เท่านั้น แต่การที่เราจักถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาในครานี้ย่อมจะเกิดประโยชน์โสตถิผล อำนวยความสุขความเจริญแก่เราเป็นเวลานาน ประมาณหลายแสนโกฏิกัปนัก เป็นไรเป็นกัน เราจักถวายบุปผทาน แด่องค์อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในกาลบัดนี้!"



เมื่อคิดสละชีวิตเพื่อจักถวายบุปผทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่น นี้เล้ว ก็มีจิตผ่องแผ้วโสมนัส เกิดปีติซึมซาบเอิบอาบใจขึ้นเป็นทับทวี แล้วก็เริ่มถวายบุปผทานเพื่อเป็นการบูชาพระพุทธองค์



ชายเข็ญใจน้อมกายถวายนมัสการเฉพาะพระพักตร์แล้ว จึงซัดดอกมะลิ ๒ ทะนาน ขึ้นไปในอากาศเบื้องบนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว บัดนั้น เกิดอัศจรรย์ขึ้นทันใด บรรดาดอกมะลิทั้งหลายเหล่านั้น ได้พากันคลี่คลายขยายกลีบบานสะพรั่งแล้วเรียงรายขยายแถวเสมอกัน เป็นเพดานกั้นอยู่บนอากาศเบื้องพระเศียรแห่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยมิได้ล่วงหล่นลงมายังพื้นพสุธาเหมือนดั่งดอกไม้ธรรมดาที่บุคคลขว้างปา ทั่วไปไม่ เมื่อเขาได้เห็นความอัศจรรย์ดังนั้น ก็ซัดดอกมะลิเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาไปอีก ๒ ทะนาน ดอกไม้เหล่านั้นลอยขึ้นไปในอากาศตามกำลังโยนซัดแล้ว ก็ค่อยๆ ขยายกลีบบานและลอยลงมา เรียงแถวประดิษฐานอยู่ ณ ข้างพระหัตถ์เบื้องขวาแห่งสมเด็จพระพุทธองค์อีกเช่นกัน เขาจึงซัดดอกไม้เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอีก ๒ ทะนาน ดอกไม้เหล่านั้นก็พลันลอยขึ้นไปในอากาศ แล้วค่อยๆ ขยายกลีบบานสะพรั่งและลอยลงมาเรียงแถวประดิษฐานอยู่ข้างหลังพระพุทธองค์ และเมื่อเขาซัดดอกมะลิไปเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเป็นครั้งสุดท้ายอีก ๒ ทะนาน ดอกมะลิเหล่านั้นก็ขยายกลีบคลี่บานสะพรั่ง ลอยขึ้นไปในอากาศตามกำลังซัดและลอยต่ำลงมาเรียงแถวประดิษฐาน ณ ข้างพระหัตถ์เบื้องซ้ายแห่งองค์พระชินสีห์ และลอยอยู่อย่างนั้นเป็นระเบียบด้วยดี หาได้หล่นลงสู่พื้นปฐพีไม่ และเมื่อพระองค์เสด็จพุทธดำเนินไปที่ใดดอกมะลิเหล่านั้นก็ห้อมล้อมลอยตามไป ด้วย เมื่อพระองค์หยุดดอกไม้ก็หยุดตาม ความงามแห่งพุทธลีลาเมื่อโคจรบิณฑบาตในเช้านี้ เป็นทัศนียภาพอันนำมาซึ่งความเลื่อมใสศรัทธาแห่งประชาชนผู้ได้พบเห็น ทั้งยังทรงเปล่งพระฉัพพัณณรังสีออกซ่านทั่วพระวรกายยังความอัศจรรย์ใจแก่ ประชาชนทั้งหลายเป็นยิ่งนัก



ฝ่ายนายมาลาการผู้เข็ญใจ ผู้ถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาสำเร็จเป็นทิฏฐธัมมเวทนียกรรมฝ่ายกุศลแล้ว ก็มีจิตผ่องแผ้วปีติยิ่งกว่าผู้อื่น เดินน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจตามสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าไปอย่างไม่รู้ ตัว พอได้สตินึกขึ้นได้ว่าตนลืมกระเช้าดอกไม้ไว้ก็รีบวิ่งกลับมาถือเอากระเช้า เปล่ากลับไปบ้านตน เมื่อถูกภรรยาถามว่า



"ข้าแต่สามี! เหตุไฉนวันนี้ท่านจึงกลับมาเร็วเหลือเกินไม่เหมือนวันก่อนๆ ท่านเอาดอกไม้ไปส่งสำนักพระราชวังเรียบร้อยแล้วหรือประการใด?" จึงตอบขึ้นด้วยความภาคภูมิใจว่า



"ดูกรภรรยาที่รัก! วันนี้เราไม่ได้ไปส่งดอกไม้ยังพระราชวังดังเคย เพราะเราเกิดความเลื่อมใสจึงได้ถวายดอกมะลิเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าจนหมดสิ้นจนไม่มีเหลือแม้แต่ดอกเดียว"



"อ้าว! แล้วกัน ทำไมทำเช่นนั้นเล่า เจ้าก็รู้อยู่ว่าจักต้องมีความผิด เพราะเรามีสัญญาว่าจะต้องมีดอกไม้ส่งถวายพระราชาทุกวันเป็นประจำ หากเป็นเช่นนี้จักต้องได้รับโทษประหารชีวิตอาจต้องถึงคอขาด ๗ ชั่วโคตร ก็เป็นได้"



"ผิดก็ผิดๆ ไป! จะทำอย่างไรได้เล่า เพราะเราเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหลือเกิน จึงได้ถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชา เมื่อในหลวงไม่ได้รับดอกไม้จากเราแล้ว จักทรงพิโรธรับสั่งให้เรารับโทษอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตเราก็ยอม! นี่แน่ะ! ดอกไม้ที่เราถวายแด่องค์พระชินสีห์ผู้เป็นองค์อรหันต์ มีอาการประหลาดน่าอัศจรรย์ ผู้คนได้พบเห็นต่างก็แซ่ซ้องก้องเป็นที่โกลาหลด้วยความปีติยินดีเจ้าไม่ได้ ยินบ้างหรือ? ขอเจ้าจงยังจิตให้ปสันนาการเลื่อมใสในทานร่วมกันกับเราด้วยเถิด"



ภรรยาของนายมาลาการผู้มีสันดานอันธพาลหาได้ยินดีด้วยไม่ กลับออกเสียงด่าลั่นตวาดว่า



"ร่วมยินดีกับเจ้าให้ข้าคอขาดด้วยนะซี่ ใครจะไปยอมร่วมด้วย เจ้าโง่! เจ้าจงรอความตายอยู่คนเดียวเถิดเจ้างั่ง! xxxคนไม่มีเงาหัวเอ๋ย เรายังไม่อยากตายและจะไม่ยอมตายกับเจ้าในครั้งนี้เป็นอันขาด"



ว่าแล้วก็รีบเก็บข้าวของเสื้อผ้าอันเป็นสมบัติแห่งตนจนหมดสิ้น ด้วยความประสงค์ว่าจะไปแจ้งความแก่พระราชาให้ทรงทราบไว้ก่อนว่า ตนหย่าขาดมิได้เกี่ยวข้องเป็นภรรยาแห่งสามีผู้หน้าโง่ผู้จักต้องเป็นนักโทษ ประหารในอนาคตแล้ว ครั้นไปถึงราชสำนักและเมื่อถูกพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระราชาซักถามก็กราบ บังคมทูลว่า

 

"ข้าแต่องค์ราชา! สามีของหม่อมฉันซึ่งมีหน้าที่ต้องเอาดอกไม้มาส่งยังพระราชสำนักเป็นประจำทุก วัน เช้าตรู่วันนี้ เขามีจิตโมหันธ์บ้าศรัทธาเอาดอกไม้สำหรับทูลเกล้าถวาย ไปทำการบูชาพระศาสดาสมณโคดมเสียจนหมดสิ้น ไม่สามารถที่จะหาดอกไม้ที่ไหนมาทูลเกล้าถวายพระองค์ได้อีก หม่อมฉันมีความเสียใจและเกรงต่อราชภัยจึงได้ด่าว่าเขาอย่างหนัก แต่เขากับตอบว่า ขอยอมตายแม้จักต้องราชภัยก็ตามเพียงขอให้เขาได้ถวายดอกไม้เพื่อเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นก็พอใจแล้ว ฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การกระทำของเขาไม่ว่าจะเป็นการกระทำดีหรือชั่วก็ตาม ก็ขอจงเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเถิด หม่อมฉันไม่ยอมรับผิดชอบด้วย ขอพระองค์จงรับทราบด้วยเถิด หม่อมฉันกับสามีได้หย่าขาดจากกันแล้ว"



อันสมเด็จพระเจ้าพิมพิสารราชาธิบดี ซึ่งเป็นพระบรมมหากษัตริย์แห่งกรุงราชคฤห์มหานครนี้ พระองค์ทรงได้บรรลุพระโสดาปัตติผล สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบันในพระบวรพุทธศาสนาตั้งแต่ครั้งที่ พระองค์ได้พบเห็นและสดับฟังพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น ครั้งแรก ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงมีจิตเลื่อมใสคงมั่นในพระรัตนตรัยอย่างไม่หวั่นไหว สั่นคลอน ยิ่งกว่าปุถุชนคนธรรมดาสามัญ เมื่อสดับฟังคำกราบบังคมทูลของหญิงผู้เข็ญใจไร้ปัญญาเช่นนั้น ก็พลันเกิดความสังเวชสลดพระทัยเป็นยิ่งนักด้วยว่า นายมาลาการผู้ยากเข็ญอุตส่าห์ประกอบกรรมดีอันเป็นมหากุศล โดยได้ถวายบุปผทานแด่องค์สมเด็จพระทศพลเป็นอัศจรรย์ปานนี้ แทนที่จะยินดีอนุโมทนากลับเห็นว่าเป็นโทษเป็นผิด เพราะคิดเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวมากไป อีกนานสักเท่าใดหนอ สันดานของหญิงนี้จึงจักดีขึ้น ทรงสังเวชพระทัยแล้วแกล้งทำเป็นอากัปกิริยาดั่งว่าโกรธเคือง แล้วตรัสถามด้วยสุรเสียงอันดังว่า



"ไฉน! สามีเจ้าจึงทำเช่นนั้น ดีแล้วเจ้าทอดทิ้งไม่เกี่ยวข้องกับคนเช่นนี้เป็นการดีแล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของเราเอง ที่จะได้พิจารณาว่าจักทำประการใด แก่เจ้าคนซึ่งมีน้ำใจขบังอาจเอาดอกไม้ของข้าไปทำการบูชาแด่องค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า เอาล่ะเจ้าไปได้แล้ว"



เมื่อรับสั่งแล้วพระเจ้าพิมพิสารก็รีบเสด็จไปยังถนนที่สมเด็จพระชินสีห์ กำลังเสด็จบิณฑบาตอยู่พร้อมกับหมู่อริยสงฆ์ทั้งหลาย เมื่อได้ทรงทอดพระเนตรเห็นพระพุทธองค์ซึ่งทรงดำเนินไปด้วยพุทธานุภาพอันมี เหล่าดอกมะลิลอยตามรายล้อม ดังนั้นก็ให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ครั้นสมเด็จพระพิชิตมารเสด็จไปยังประตูพระบรมมหาราชวังจึงเสด็จเข้าไปรับ บาตรจากพระหัตถ์แล้วทรงอาราธนาให้เสด็จเข้าไปในปราสาท แต่สมเด็จพระพุทธองค์หาได้เสด็จเข้าไปตามที่ทูลไม่ หากแต่ทรงแสดงอาการว่าจะประทับที่พระลานหลวงด้วยว่าองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทรงดำริว่า ถ้าจักเสด็จเข้าไปในปราสาทแล้วไซร้ ประชาชนทั้งหลายผู้ติดใจใคร่จะดูซึ่งพระพุทธานุภาพ จักไม่ได้เห็นพระองค์ และอีกประการหนึ่งดอกไม้ที่ลอยเด่นอยู่รอบพระวรกายเป็นอัศจรรย์ ที่นายมาลาการผู้เข็ญใจถวายเป็นพุทธบูชานั้น บัดนี้ก็ยังปรากฎอยู่ หากพระองค์เสด็จเข้าไปในปราสาทที่รโหฐานแล้วประชาชนจะไม่ได้เห็นความ อัศจรรย์ เพราะพระพุทธองค์ต้องการให้ชื่อเสียงแห่งนายมาลาการผู้ถวายดอกไม้ปรากฎขจร ขจายไป ประชาชนจักได้ร่วมอนุโมทนาในมหากุศลครั้งนี้ของเขา ครั้นสมเด็จพระเจ้าพิมพิสารถวายภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มีรับสั่งให้นำ นายมาลาการมาเข้าเฝ้า



"เจ้าผิดสัญญา และนำดอกไม้ของเราไปบูชาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะเหตุใด?"



เจ้าคนผู้เข็ญใจผู้เกรงความผิดตอบด้วยอาการตัวสั่นงันงกว่า "เพราะข้าพระองค์เกิดความเลื่อมใสศรัทธาจนอดใจไว้ไม่ได้ จึงได้ถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาไป พระเจ้าข้า" เมื่อได้สดับฟังพระเจ้าพิมพิสารจึงตรัสขึ้นว่า



"ตอนที่เจ้าถวายเจ้าไม่เกรงกลัวต่อราชภัยเลยหรือไรเล่า?"



"ข้าพระองค์คิดว่า พระเจ้าข้า! หากแม้นองค์ราชาไม่ได้รับดอกไม้แล้ว มาตรว่าพระองค์จักประหารชีวิตของข้าพระองค์หรือจักลงอาญาแก่ข้าพระองค์โดย ประการใดก็ตาม ข้าพระองค์ก็ยินดีที่จักรับโทษทัณฑ์นั้น ด้วยความเต็มใจ ข้าพระองค์ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจักขอถวายชีวิตบูชาองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ด้วยการถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาให้ได้ในครั้งนี้ พระเจ้าข้า"



"เจ้าเป็นมหาบุรุษ เจ้าควรได้รับการยกย่องเพราะเป็นผู้มีจิตศรัทธา องอาจกล้าหาญในการบริจาคทานยิ่งนัก สมควรที่จักได้รับรางวัลจากเราผู้เป็นพระราชาในกาลบัดนี้" พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย์อริยบุคคลโสดาบันตรัสขึ้นด้วยความพอพระทัย แล้วทรงมีพระบรมราชโองการให้เจ้าพนักงานจัดหาสิ่งของให้ โดยมี ช้าง ๘ เชือก ม้า ๘ ตัว เครื่องประดับอันมีค่าและเสื้อผ้า ๘ ชุด ทาส ๘ คน ทาสี ๘ คน นารีซึ่งประดับด้วยสรรพอลังการ ๘ นาง พร้อมพระราชทานบ้านส่วย ๘ ตำบล ให้เขาดูแลจัดหาผลประโยชน์เอาเองและพระราชทานทรัพย์อีก ๘,๐๐๐ กหาปณะ



เมื่อข่าวของนายมาลาการผู้เข็ญใจรู้ไปถึงหมู่พระภิกษุสงฆ์แล้ว พระอานนทเถรเจ้าจึงกราบทูลถามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า



"ข้าแต่พระพุทธองค์ผู้มีพระภาค! ชายเข็ญใจผู้ถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาในวันนี้ได้รับพระราชทานลาภยศจากพระ ราชาธิบดีเป็นอันมากในปัจจุบันชาตินี้เท่านั้นหรือพระเจ้าข้า!" สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพุทธฎีกาตรัสว่า



"ดูกรอานนท์! เธออย่าได้กำหนดว่า กุศลกรรมที่นายมาลาการกระทำในวันนี้ เป็นกรรมกุศลเพียงน้อยนิด หากแต่เขาได้ถวายบุปผทานเป็นพุทธบูชา ด้วยการเอาชีวิตเข้าเป็นเดิมพัน เหตุนี้ทานของเขาจึงมีอานิสงส์มากคือ นอกจากเขาจะได้รับลาภยศมากมายในปัจจุบันชาติทันตาเห็นแล้ว เมื่อเขาดับขันธ์สิ้นชีวิตจากมนุษยโลกนี้ไป เขาจักไม่ไปเกิดในทุคติภูมิเป็นเวลานานถึง ๑๐๐,๐๐๐ มหากัป ในชาติสุดท้ายจักได้บรรลุปัจเจกโพธิญาณสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า มีนามว่า พระสุมนปัจเจกพุทธเจ้า อย่างแท้จริง"



หากแม้นสาธุชนผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธามั่นในพระรัตนตรัย มีความตั้งใจในการถวายดอกไม้หอมนานาชนิดเป็นพุทธบูชาดั่งนายมาลาการผู้เข็ญ ใจ แม้นดอกหญ้าเพียงดอกเดียว ก็ส่งผลให้เกิดความสุขทั้งใจกายให้แก่ตนเองและยังความปลื้มปีติใจแก่ผู้ที่ ได้พบเห็น ซึ่งนับว่าเป็นการประกอบกุศลกรรมดี ผู้เขียนขออนุโมทนาบุญกับสาธุชนผู้นำดอกบัว ดอกไม้หอมนานาชนิด ถวายแด่องค์สมเด็จพระบรมพุทธเจ้า และพระเจดีย์ อันจักเป็นการนำมาซึ่งวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของผู้ที่ได้ชื่อว่า พุทธศาสนิกชน ทั้งยังเป็นตัวอย่างการปฏิบัติตนอันทรงคุณค่าแห่งความเป็นพุทธศาสนิกชนไว้ ให้แก่ลูกหลานและเยาวชนของชาติสืบต่อไป



________________________________________
เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย
ชมรมพัฒนาจริยธรรมและคุณธรรม พระจอมเกล้าลาดกระบัง
http://patji.net/patji-club/index.php?option=com_wrapper&Itemid=40
www.dhammajak.net/forums
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2009, 11:56:34 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

axe

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 187
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: การถวาย ดอกไม้ ธูปเทียน ในใจ ได้บุญหรือไม่
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 02:46:22 pm »
0
 ;D ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณบทความ กับคำถามดีๆ อย่างนี้โดนใจ
บันทึกการเข้า
หนุ่มหล่อ ใจดี AXE

ทินกร

  • ถวายชีวิตเพื่อพุทธศาสน์
  • ผู้บริหารเว็บ
  • มีเหตุมีผล
  • *
  • ผลบุญ: +17/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 365
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: การถวาย ดอกไม้ ธูปเทียน ในใจ ได้บุญหรือไม่
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2009, 04:53:02 pm »
0
เป็นประโยชน์ดีแท้  อนุโมทนา ครับ
บทความนี้ดีมากๆ
บันทึกการเข้า
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

www.madchima.org
http://saraburisat.ps-satcom.com รับติดตั้งจานดาวเทียมครับ
http://www.yutyaplaza.com ลงประกาศฟรี ของชาวอยุธยา

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: การถวาย ดอกไม้ ธูปเทียน ในใจ ได้บุญหรือไม่
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 01:27:56 am »
0
 :25:
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม