แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
11721
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ศิษย์แห่ส่งร่างหลวงพ่อมานิตย์ เจ้าตำรับราหูอมจันทร์ ไปเป็น‘อาจารย์ใหญ่’ศิริราช
|
เมื่อ: มกราคม 17, 2016, 09:24:03 am
|
ศิษย์แห่ส่งร่างหลวงพ่อมานิตย์ เจ้าตำรับราหูอมจันทร์ ไปเป็น‘อาจารย์ใหญ่’ที่ศิริราช ลูกศิษย์หลั่งไหลมาที่วัดศีรษะทอง ต้นตำรับราหูอมจันทร์ หลั่งน้ำตาส่งร่าง "หลวงพ่อมานิตย์" ที่เขียนพินัยกรรมมอบร่างให้ รพ.ศิริราช เพื่อเป็น "อาจารยใหญ่" ให้นักศึกษาแพทย์ ไม่ต้องนำเถ้ากระดูกกลับมาที่วัด...
เมื่อตอนบ่ายวันที่ 16 ม.ค.59 ที่วัดศีรษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม วัดดังต้นตำรับราหูอมจันทร์แห่งแรก บรรดาศิษยานุศิษย์ทั่วสารทิศ ได้เดินทางมาส่งร่างไร้วิญญาณ พระครูศรีโรตม์สุวรรณรักษ์ หรือหลวงพ่อมานิตย์ รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดศีรษะทอง ที่เสียชีวิตจากอาการวูบล้มศีรษะฟาดพื้น ขณะเดินตรวจความเรียบร้อยในการก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ ภายในวัด ถูกนำส่ง รพ.คริสเตียน นครปฐม แพทย์ทำการตรวจพบว่ามีเลือดคั่งในสมองก้อนโต จึงย้ายส่งตัวไปทำการผ่าตัดต่อที่ รพ.ศูนย์นครปฐม เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา แพทย์ได้ทำการผ่าตัดแต่ปรากฏว่า มีโรคแทรกซ้อนเนื่องจากเป็นโรคไตอยู่ก่อน ทำให้มรณภาพด้วยวัย 62 ปี เมื่อวันที่ 10 ม.ค.59 เวลา 08.22 น.สร้างความเศร้าสลดให้กับบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ทราบข่าว ต่างเดินทางมาร่วมอาลัยกันอย่างเนืองแน่น
ทั้งนี้ ก่อนมรณภาพ พระครูศรีโรตม์สุวรรณรักษ์ เจ้าอาวาสวัดศีรษะทอง ได้ทำพินัยกรรมไว้ พร้อมกับทำหนังสือมอบศพให้เป็นอาจารย์ใหญ่ กับคณะวิชากายวิภาคศาสตร์ รพ.ศิริราชพยาบาล โดยจะไม่ให้เอาเถ้าหรือกระดูกกลับวัด เพราะไม่ต้องการให้เป็นภาระญาติพี่น้องและวัด ซึ่งหลังจากมรณภาพไป ทางวัดและศิษยานุศิษย์ได้ทำหนังสือถึง รพ.ศิริราช ขอนำศพมาตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดศีรษะทอง เป็นเวลา 7 วัน ก่อนที่จะมอบศพให้ศิริราชมารับศพไป ซึ่งทาง รพ.ศิริราชไม่ขัดข้อง จึงนำศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 16 ม.ค.59 นี้ จึงได้เดินทางมารับศพเพื่อนำไปให้คณะวิชากายวิภาคศาสตร์ใช้ในการศึกษาตามความประสงค์ที่พระครูศรีโรตม์สุวรรณรักษ์ ที่ได้ทำหนังสือ และทำพินัยกรรมไว้
เจ้าหน้าที่และแพทย์ พยาบาลจาก รพ.ศิริราช ได้เดินทางมารับศพพระครูศรีโรตม์สุวรรณรักษ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (16 ม.ค.58) ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนด 7 วันตามที่คณะกรรมการวัดได้ขอไว้ เจ้าหน้าที่และแพทย์ พยาบาลจาก รพ.ศิริราช ได้เดินทางมารับศพ โดยจัดเป็นขบวนรถมีรถทางหลวงนำ และรถตู้จาก รพ.ศิริราช เดินทางถึงในเวลา 11.00 น. เพื่อทำการย้ายศพจากสถานที่ตั้งศพของพระครูศรีโรตม์สุวรรณรักษ์ บริเวณศาลาการเปรียญ 198 ปี มีประชาชนแต่งชุดดำรอส่งศพกันแน่นศาลา ก่อนจะนำศพขึ้นรถ ได้มีพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศล พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเพลโดยพระเทพศานาภิบาล รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงพระอารามหลวง เป็นประธาน โดยมีเจ้าอาวาสวัดทุกวัดใน จ.นครปฐม ร่วมพิธีเจ้าหน้าที่ รพ.ศิริราช ทำการย้ายศพของพระครูศรีโรตม์สุวรรณรักษ์ บริเวณศาลาการเปรียญ 198 ปี ขึ้นรถตู้ไปยังมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา นครปฐม เพื่อรักษาสภาพศพ ก่อนนำไปเป็นอาจารย์ใหญ่ จากนั้นในเวลา 12.00 น.ก่อนที่จะนำศพออกไป ได้เปิดให้ประชาชนและบรรดาศิษยานุศิษย์ ได้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย โดยเปิดให้ถวายดอกไม้ ซึ่งทางวัดได้เตรียมดอกกุหลาบสีขาว นำขึ้นวางถวายหน้าหีบศพ มีประชาชนจำนวนมากเข้าแถวยาวเหยียด จนกระทั่งเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้ช่วยกันนำหีบศพลงจากศาลาเพื่อไปขึ้นรถตู้ของ รพ.ศิริราช ประชาชนศิษยานุศิษย์ที่มาส่งร่างพระครู ต่างเข้าห้อมล้อมอาลัย บางคนถึงกับหลั่งน้ำตา บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
จากนั้นขบวนรถบรรทุกร่างพระครูได้เดินทางออกจากวัด โดยร่างของพระครูศรีโรตม์สุวรรณรักษ์ จะถูกนำไปไว้ยัง มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา นครปฐม เป็นการชั่วคราวเพื่อรักษาสภาพศพ ก่อนจะนำไปมอบให้ รพ.ศิริราช ต่อไป.
ขอบคุณภาพข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/563762
|
|
|
11727
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เคราะห์ร้ายจงหายไป รวม5วัดดัง 'ไหว้ราหู' แก้เคล็ด ผ่อนร้ายกลายเป็นเฮง
|
เมื่อ: มกราคม 16, 2016, 09:31:24 am
|
เคราะห์ร้ายจงหายไป รวม5วัดดัง 'ไหว้ราหู' แก้เคล็ด ผ่อนร้ายกลายเป็นเฮง ช่วงนี้กระแสเรื่องดวงมาแรงมากๆ โดยเฉพาะมีข้อมูลจากหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดังเมืองไทย ระบุว่า 'ดาวราหู' หรือ 'พระราหู' จะมีการโยกย้าย ในวันที่ 16 มกราคม 2559 นี้ และหลังจากนั้น 4 ราศี ได้แก่ ราศีมีน ราศีกันย์ ราศีสิงห์ และราศีกุมภ์ จะได้รับผลกระทบหลังจากนี้ทันที
สำหรับใครที่มีความกังวลเรื่องนี้ หมอช้างก็แนะนำให้ไปไหว้รับ-ส่ง 'พระราหู' โดยไปสักการะ 'พระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู' (พระพุทธรูปปางปราบราหู) เพื่อให้ชีวิตผ่านเคราะห์ร้าย (อ่านเพิ่มได้ที่ ฮือฮา 4 ราศีมีหนาว! 16 ม.ค. ราหูย้ายใหญ่) และเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสให้ดวงดีตลอดระยะ 1 ปีครึ่ง ที่ดาวราหูจะโคจรมาอยู่ตำแหน่งนี้ด้วย วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จึงมีวัดแนะนำสำหรับการไหว้พระราหูมาฝากกัน
ส่วนจะมีที่ไหนบ้าง ตามมาเช็กกันเลย
1. วัดท่าไม้
วัดท่าไม้ ตั้งอยู่ที่ถนนเศรษฐกิจ 1 ซอย 8 ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ในวัดมีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2532 ภายในวัดมีพระอุโบสถสวยงาม ซึ่งด้านในมีพระพุทธรูปปางชินราช ขนาดหน้าตัก 69 นิ้ว ประดิษฐานอยู่รอบๆ วัด บรรยากาศร่มรื่น มีต้นไม้ปลูกล้อมรอบ มีสระน้ำยาวประมาณ 40 เมตร
ส่วนใหญ่ผู้คนจะนิยมไปวัดแห่งนี้เพื่อทำบุญไหว้พระ และไฮไลต์สำคัญที่โด่งดังสุดๆ ก็คือ การไหว้สักการะพระราหู เพื่อขอพรให้โชคดี พ้นภัย และเป็นการสะเดาะเคราะห์ ช่วยให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ขับรถมาทางถนนเพชรเกษม ผ่านพุทธมณฑลสายต่างๆ จากนั้นจะมีทางแยก มีป้ายบอกทางไปวัดท่าไม้ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางหลวง 3091 ขับตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นซอยเข้าวัดท่าไม้จะอยู่ขวามือพระราหูอมจันทร์ 2. วัดสามพระยา
วัดสามพระยา เดิมมีชื่อว่า วัดบางขุนพรหม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ มีอายุเก่าแก่ สร้างตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในแขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ และสร้างกุศลผลบุญอุทิศให้แก่ ขุนพรหม จุดสำคัญภายในวัดที่ผู้คนให้ความสนใจ คือ การมากราบไหว้สักการะ พระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหูยักษ์ เป็นพระประจำวันของคนที่เกิดวันอังคาร เป็นตัวแทนของการขจัดความมัวเมาลุ่มหลง เห็นผิดเป็นชอบที่เป็นลักษณะของราหู
การเดินทาง : วัดสามพระยา ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 8 แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ สามารถขึ้นรถเมล์สาย 23 ปรับอากาศ ไปลงป้ายเทเวศร์ จากนั้นเดินไปยังถนนสามเสน ข้ามคลองกรุงเกษม ตรงไปจนถึงแยกบางขุนพรหม (แบงก์ชาติ) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิสุทธิกษัตริย์ หรือจะนั่งแท็กซี่ก็ได้มีหลายวัด ให้เดินทางไปกราบไหว้ 3. วัดศรีษะทอง
วัดศีรษะทอง เดิมชื่อ วัดหัวทอง สร้างขึ้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสมัยรัชกาลที่ 1 พระองค์ได้ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตจากเวียงจันทน์ มาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ และได้อพยพชาวเวียงจันทน์มาตั้งหลักแหล่งอยู่หลายที่ด้วยกัน เช่น ริมแม่น้ำท่าจีน (แม่น้ำนครชัยศรี) ฝั่งตะวันตก มีเจ้าอาวาสคือ หลวงพ่อน้อย
หลวงพ่อน้อย ได้สร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังไว้หลายชนิด แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก คือ พระราหูอมจันทร์ และ พระโคสุลาภหรือวัวธนู โดยเฉพาะ สำหรับพระราหูอมจันทร์ ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในชุดเบญจเครื่องรางที่ได้รับการยอมรับมาช้านาน ผู้คนจึงศรัทธา และนิยมเดินทางมากราบไหว้กันมาก
การเดินทาง : วัดนี้ตั้งอยู่ที่ถนนเพชรเกษม ต.ห้วยตะโก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จากกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี ให้ขับรถไปถนนบรมราชชนนี (หมายเลข 338) ตรงไปจนผ่านแยกถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก) จากนั้นตรงไปอีกสักพัก ผ่านพุทธมณฑลแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรเกษม จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทาง และเลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าวัดศรีษะทอง สามารถมาไหว้พระราหูได้ทุกวัน (ยกเว้นวันพระ)4 ราศี ควรไหว้พระราหูเสาร์นี้ 4. วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
วัดไตรมิตรวิทยาราม หรือ วัดสามจีน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของสถานีรถไฟหัวลำโพง บนถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ สำหรับที่นี่ก็เป็นวัดอีกแห่งที่ผู้คนให้ความสนใจ นิยมไปไหว้พระนารายณ์ทรงครุฑประทับยืนบนพระราหู ซึ่งตั้งอยู่ในบนวิหารหลังเก่าของวัดไตรมิตรวิทยาราม เพื่อเสริมสิริมงคลชีวิต โดย วัดไตรมิตรฯ เปิดให้ไหว้บูชาพระราหูที่พระวิหารหลังเก่า ตั้งแต่เวลา 17.00-21.00 น. เปิดทำการทุกวัน
การเดินทาง : โดยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ไปยังสถานีหัวลำโพง จากนั้นสามารถเดิน หรือต่อรถแท็กซี่ไปยังวัดได้ง่ายๆ ใกล้นิดเดียวภาพสลักนูนพระราหู 5. วัดขุนจันทร์
วัดวรามาตยภัณฑสาราราม หรือ วัดขุนจันทร์ เป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2370 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อคราวที่เกิดขบถเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ในปี พ.ศ.2369 พระองค์ได้ส่งแม่ทัพยกทัพไปปราบ แล้วนำตัวเชลยเวียงจันทน์มามากมาย แล้วได้สร้างวัดขึ้นเป็นการสร้างกุศล ชื่อว่า วัดขุนจันทร์
จุดเด่นของวัด ก็คือ พิธีการสวดมนต์นพเคราะห์-ราหู มีประชาชนเดินทางมาร่วมงานกันอย่างหนาแน่น โดยสามารถเข้าร่วมพิธีสวดนพเคราะห์-พระราหู ณ บริเวณลานหลวงพ่อใหญ่วัดขุนจันทร์ ทางวัดมีเครื่องบูชาราหูให้ซื้อได้สะดวกสบาย หรือจะนำไปเองก็ได้เช่นกัน
การเดินทาง : วัดนี้ตั้งอยู่ที่ถนนเทอดไท แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร สามารถขับรถเข้ามาทางเทอดไท 26 จะเจอแยกซ้ายมือ เลี้ยวเข้าวัดขุนจันทร์ได้เลย
ขอบคุณภาพแะลบทความจาก https://www.thairath.co.th/content/563290
|
|
|
11729
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "พุทธศาสนา" เป็นศาสนาประจำชาติ "อิตาลี"...แล้วครับ
|
เมื่อ: มกราคม 16, 2016, 09:04:49 am
|
"พุทธศาสนา" เป็นศาสนาประจำชาติ "อิตาลี"...แล้วครับ ราวสิบกว่าปีมาแล้ว สื่อมวลชนในยุโรปได้แถลงกันยกใหญ่ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่จะเติบโตเร็วที่สุดในสมัยศตวรรษที่ 21 เพราะเห็นว่ากระแสผู้นับถือเติบโตเร็วมากทั้งในทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ ไม่ว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, อังกฤษ, สเปน, ออสเตรเลีย ฯลฯ วัดวาอารามผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการนำพระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศฝรั่งเหล่านี้แต่ไหนแต่ไรมาส่วนมากแล้วนับถือศาสนาคริสต์มาก่อน และกระแสชาวคริสต์หันมานับถือพระพุทธศาสนานี้ก็ก่อตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 ประเทศยุโรปบางแห่ง เช่น อิตาลีได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ยกพระพุทธศาสนาให้เป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของชาติ ไม่ต่างอะไรกับศาสนาคริสต์
สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่สองซึ่งเป็นประมุขของคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ทรงมองเห็นกระแสดังกล่าว ครั้งได้ประทานสัมภาษณ์แก่วิตโดริโอ เมสซุรี่ นักเขียนและนักสื่อมวลชนที่มีชื่อของอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 2536 อันเป็นช่วงที่มีการเฉลิมฉลองครบ 15 นับแต่ที่พระองค์ได้ ทรงรับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตปาปา จึงทรงตั้งพระทัยวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาพระพุทธศาสนาอย่างตรงๆ
ต่อมาบทประทานสัมภาษณ์ซึ่งมีหลายตอนนี้มาพิมพ์รวมเล่มในรูปหนังสือชื่อ Crossing the Threshhold of Hope (London, Jonathan Cape, 1994) มีทั้งหมด 244 หน้า (รวมดรรชนีคำศัพท์) ตอนที่ทรงวิพากษ์วิจารณ์คำสอนพระพุทธเจ้า (ซึ่งทรงเข้าพระทัยผิดๆ อยู่มาก) อยู่ในบทที่ 12 มีทั้งหมด 7 หน้า (ตั้งแต่หน้า 84-90)
สาเหตุที่ทรงวิจารณ์พระพุทธศาสนา มีกล่าวชัดในบทประทานสัมภาษณ์ กล่าวคือทรงต้อง การเตือนสติชาวคริสต์ทำนองว่าไม่ควรด่วนเข้าไปนับถือคำสอนพระพุทธศาสนา แต่ควรใช้วิจารณญาณ (For this reason, it is not inappropriate to caution those Christians who enthusiastically welcome certain ideas originating in the religious traditions of the Far East, pp.89-90) ที่เป็นดังนี้ เพราะกระแสคนหันมานับถือพระพุทธศาสนา และช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแข็งขันในยุโรป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักเป็นชาวคริสต์มาก่อน หลายคนเคยเป็นบาทหลวงระดับสูง
ต่อมาก็มีฝรั่งนักวิชาการชาวพุทธหลายคนทั้งพระ ทั้งฆราวาส ซึ่งเคยเป็นชาวคริสต์มาก่อน ได้เขียนตอบโต้พระองค์ลงวารสารต่างๆ มากมาย ที่โดดเด่นก็ คือ กลุ่มพระสงฆ์ชาวอิตาเลี่ยนในอิตาลี นำโดย พระฐานวโร ได้เข้าเฝ้าเพื่อทูลชี้แจงให้สมเด็จพระสันตปาปาทรงทราบด้วยซ้ำว่าทรงอธิบายพระพุทธศาสนาผิดๆ
ยุโรปตอนนี้จึงเหมือนอินเดียครั้งพุทธกาล ศาสนาเดิมที่ผู้คนนับถือคือศาสนาพราหมณ์ แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาก็มีผู้เคยนับถือศาสนาพราหมณ์มานับถือ และขวนขวายเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นการใหญ่ ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเดือดเนื้อร้อนพระทัยว่าใครจะหันมานับถือศาสนาของพระองค์หรือไม่ ทรงสอนให้ผู้ฟังเทศน์ของพระองค์รู้จักไตร่ตรองหาเหตุผลให้รอบคอบก่อนถึงจะเชื่อ หลายคนที่หันมานับถือคำสอนของพระองค์เคยให้ความอุปถัมภ์ศาสนาอื่นมาก่อนก็มี พระองค์ก็ทรงแนะให้คนเหล่านี้กลับไปคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ มิหนำซ้ำพระองค์ยังคงแนะให้บรรดาผู้หันมานับถือพระพุทธศาสนาเหล่านี้ยังคงอุปถัมภ์บำรุงศาสนาอื่นๆ ที่ตนเคยนับถือตามปกติไปด้วย
แต่เดิมศาสนาคริสต์ถูกลัทธิมาร์กซ์โจมตีอย่างรุนแรงมาร์กซ์ได้ประณามศาสนาว่า คือยาเสพติด เพราะสอนให้ประชาชนศรัทธาแบบหัวปักหัวปำโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง หลายอย่างขัดแย้งหลักวิทยาศาสตร์ เช่น โลกแบน, โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ฯลฯ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความจริงใหม่ ๆ หลายคนถูกศาสนจักรลงโทษจนตายในคุก
แต่เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าสู่ยุโรป พระพุทธศาสนาได้สอนให้ปัญญาชนชาวยุโรปได้เข้าใจความหมายของ Religion เสียใหม่ว่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าคือคำสอน ซึ่งทรงสอนให้ผู้ฟังใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถ่องแท้ก่อนจะปลงใจเชื่อ ไม่ใช่เทวโองการ (Gospel)จากพระเจ้าซึ่งแย้งไม่ได้ พระสงฆ์หรือพุทธสาวกก็มิใช่มิชชันนารี ซึ่งมีภารกิจหลักคือ จาริกไปชี้ชวนให้ใครต่อใครมานับถือพระศาสนา
พระสงฆ์หรือพุทธสาวกมีหน้าที่เพียงอธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ คนที่สนใจฟังเท่านั้น ใครไม่สนใจฟัง ชาวพุทธก็ไม่เคยใช้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญบังคับให้นับถือ ไม่เคยตั้งกองทุนให้การศึกษาฟรี แล้วสร้างเงื่อนไขให้ผู้รับทุนเปลี่ยนมาเป็นชาวพุทธ ไม่เคยสร้างที่พักอาศัยให้หรือแจกทานให้อาหารฟรีๆ แล้ววางเงื่อนไขให้คนมาขออาศัยตนต้องหันมานับถือศาสนาในภาวะจำยอม
ขณะที่ศาสนาคริสต์ต้องใช้ความพยายาม อย่างหนักเพื่อดึงศรัทธาชาวยุโรปให้นับถือเหมือนเดิม ในเวลาเดียวกันก็พยายามแสวงหาผู้นับถือใหม่ๆ ในประเทศเอเชียให้มากยิ่งขึ้น การเผยแพร่หนังสือ “พลังชีวิต” ซึ่งจัดพิมพ์โดยมูลนิธิอาร์เธอร์ เอส เดอมอส ในประเทศไทยคือหนึ่งในความพยายามดังกล่าวนี้
ความใจกว้างและมีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรม เชิญชวนให้มาพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเองและเน้นให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนนับถือ ทำให้พระพุทธศาสนาได้รับการยอมรับจากวิญญูชนไปทั่วโลก นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ดัง ๆ ระดับโลกจำนวนมาก เช่น โซเพน ฮาวเออร์, ไอน์สไตน์ ต่างหันมานับถือพระพุทธศาสนา นับแต่พระพุทธศาสนาเข้ายุโรปสมัยศตวรรษที่ 19 ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงสถิติว่าคนยุโรปและอเมริกาชาติต่าง ๆ หันมาเข้าวัดในพระพุทธศาสนามากขึ้นบ้าง ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมากขึ้นบ้าง สถานปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาซึ่งรวมทั้งวัดวาอารามเพิ่มขึ้นที่นั่นที่นี่ประจำบ้าง
เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาอีกว่า ดาราฮอลลี้วูดอังกฤษ ชื่อ ออร์นันโด บลูม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แสดงนำในหนังเรื่อง The Lord of the Rings ได้ทำพิธีประกาศตนเป็นพุทธมามกะต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างทหารอเมริกันพยายามไล่บี้ทหารอิรักอย่างเมามันตามคำสั่งของประธานาธิบดีบุชไม่นานมานี้ ทหารอเมริกันคนหนึ่งนามว่า เจเรมี่ ฮินซ์แมน วัย 26 ปี ได้ตัดสินใจหนีทัพอเมริกาในอิรักไปปักหลักลี้ภัยในแคนาดา เขาให้เหตุผลว่าสงครามที่อเมริกาทำกับชาวอิรักเป็นสงครามผิดกฎหมาย ประเด็นที่น่าสนใจก็คือเขาเป็นชาวพุทธที่สนใจปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เขาให้สัมภาษณ์ว่าคำสอนพระพุทธศาสนาสอนให้เขาไม่อยากทำสงคราม เขาตั้งปฏิญาณว่าจะรับใช้ชาติหรือพิทักษ์ชาติจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู แต่มิใช่ไปทำสงครามแบบก้าวร้าวต่อชาติอื่นดังที่ทหารอเมริกันกำลังทำอยู่ในอิรักเวลานี้
ผมได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ Lanka Daily News ในลังกาตั้งแต่ 23 ต.ค. ที่แล้วว่าปัจจุบันพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในแคนาดา ประเทศแคนาดาเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างที่สุดในอเมริกาเหนือ พระพุทธศาสนาเข้าแคนาดาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และมาบูมขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2503-2513 (1960s) เป็นต้นมา ช่วงนั้นมีการสำรวจพบว่า วัดชาวพุทธมีแค่ 18 วัด มีชาวแคนาดาปฏิบัติธรรมราวๆ 10,000 คน แต่เมื่อสำรวจผู้นับถือพระพุทธศาสนาอีกครั้งในพ.ศ. 2528 ชาวพุทธมีเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน
หกปีหลังจากนั้นคือ พ.ศ. 2534 รัฐบาลสำรวจคร่าวๆ อีกครั้งพบว่าผู้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมีเพิ่มเป็น 163,415 คน รัฐมาสำรวจครั้งล่าสุดอีกครั้ง เมื่อพ.ศ. 2544 พบว่าพุทธมามกะแท้ ๆ มีไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน แซงหน้าจำนวนผู้นับถือศาสนาฮินดูและศาสนาซิกข์ ซึ่งเคยตามหลัง จำนวนผู้นับถือยังเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ทุกปี
ผลสำรวจยังบอกว่าวัด, สถานที่ปฏิบัติธรรม หรือศูนย์กลางของชาวพุทธในแคนาดาตอนนี้มีเกือบๆ จะถึงหนึ่งพันแห่งทั่วประเทศ เมืองที่มีชาวพุทธมากที่สุดคือ ออนตาริโอ, บริติชโคลัมเบีย และควิเบก ข่าวยังลงด้วยว่าแม้จำนวนคนนับถือจะยังอยู่เรือนแสน แต่จำนวนผู้แสดงความสนใจและเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนาบ้างแล้วมีหลายล้านคนทั่วประเทศ
เมื่อ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา โฆษกประจำรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กระพือข่าวว่า องค์ทะไลลามะจะได้รับอนุญาตให้เข้ารัสเซีย หลังจากถูกแบนเพราะเกรงจะกระทบความสัมพันธ์กับจีน หลังจากรัสเซียเซ็นสัญญามิตรภาพกับจีน เมื่อ พ.ศ. 2544 แต่ชาวรัสเซียก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่า องค์ทะไลลามะจะมาเยือนด้วยภารกิจศาสนา เมื่อกระแสประชาชนเรียกร้องหนักขึ้น รัสเซียก็ยอมอนุญาตให้ท่านเข้ารัสเซียแต่โดยดี ปลาย พ.ย.ที่ผ่านมา
ท่านทะไลลามะจึงมีโอกาสแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทและประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่เมืองกัลมิเกีย ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกประมาณหนึ่งพันไมล์ ชาวรัสเซียหลายคนในเมืองนี้มีบรรพบุรุษเป็นชาวมองโกลซึ่งอพยพจากทางตะวันตกของจีนเข้าสู่รัสเซียเมื่อราว 4 ร้อยกว่าปีมาแล้ว พระพุทธศาสนาที่นำเข้ามาจึงเป็น พระพุทธศาสนาแบบทิเบต
ผลปรากฏว่า มีชาวพุทธและผู้สนใจทั่วๆ ไปชาวรัสเซียแห่กันมาฟังธรรมล้นหลามเป็นจำนวนหลายพันคน ผู้สื่อข่าวรายงานลงใน Ireland Online ว่าจากจำนวนประชากรของเมืองนี้ ทั้งหมดราว 3 แสนคน ประมาณครึ่งหนึ่งนับถือพระพุทธศาสนา รัสเซียมีประชากรราว 144 ล้านคน ในจำนวนนี้มีราว 1 ล้านคน ที่ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ
ผมดูภาพรวมพระพุทธศาสนาจากข่าวสารต่างๆ แล้วก็รู้สึกได้ว่าวัฒนธรรมแบบพุทธกำลังเติบโตและเบ่งบานในหลายๆ ประเทศของทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาบางแห่ง เช่น รัสเซียแม้จะเติบโตช้า แต่ปีที่กำลังจะผ่านไปนี้ก็เริ่มมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ผมคิดว่าปัญญาชนในประเทศทุนนิยมทั่วโลกเวลานี้คงเอือมระอากับ “ทุนนิยมเสรี” หรืออีกชื่อหนึ่งว่า กระแสโลกาภิวัตน์กันไม่น้อย และก็คงเห็นชัดเจนแล้วว่า มีแต่ศาสนาเท่านั้นที่จะช่วยเปลี่ยนให้มนุษย์มีความเป็นผู้เป็นคน(ใจสูง) มากขึ้น ท่ามกลางกระแสสังคมที่มีแต่นายทุนจอมตะกละตะกรามแสวงหากำไรสูงสุดอยู่ทุกแห่ง ดังนั้น จึงเริ่มผ่อนปรนให้ผู้นำศาสนาทำงานได้สะดวกขึ้นที่มา : ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.siamrath.co.th/Education.asp?ReviewID=89725http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=buddhiststudies&id=61ขอบคุณเว็บ http://www.vcharkarn.com/vcafe/120279
|
|
|
11734
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สธ.อึ้ง ตรวจสุขภาพพระสงฆ์ พบโรคเพียบ-ประจำตัวเรื้อรัง เสี่ยงอันตรายเสียชีวิตได้
|
เมื่อ: มกราคม 15, 2016, 09:15:11 pm
|
สธ.อึ้ง ตรวจสุขภาพพระสงฆ์ พบโรคเพียบ-ประจำตัวเรื้อรัง เสี่ยงอันตรายเสียชีวิตได้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 15 มกราคม เวลา 10.30 น. กระทรวงสาธารณสุขและคณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดกิจกรรมโครงการของขวัญปีใหม่ 2559 สำหรับพระภิกษุสงฆ์ และประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่หอประชุมใหญ่วัดพนัญเชิงวรวิหาร โดยมีนายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งมีพระสงฆ์และประชาชน คนชรา มาเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 500 คน ในงานมีการตรวจสุขภาพฟรี อาทิ ตรวจความดันโลหิต พบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา ตรวจโรคตาและวัดสายตา
ซึ่งนพ.พิทยา ไพบูลย์ศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ เปิดเผยว่า ผลการตรวจพบว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคไขมันในเส้นเลือด โรคหัวใจ และโรคไขข้อเสื่อม รวมถึงคนชราส่วนใหญ่ ก็มักจะเป็นโรคในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งถึงจะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงแบบเฉียบพลัน แต่ก็เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นจึงแนะนำวิธีการปฏิบัติตัว เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโรค รวมถึงแนวทางสร้างสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับโรคต่างๆ เหล่านี้อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขประสงค์ให้คนทั้งประเทศมีสุขภาพดี จึงจัดทำโครงการนี้ เน้น 5 กิจกรรมหลัก ปะกอบด้วย 1.กวาดล้างเชื้อโรคโปลิโอ 2.ตรวจวัดสายตาในเด็กนักเรียน 3.ดูแลสุขภาพพระภิกษุสามเณร 4.ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ และ 5.มอบแขนขาเทียมแก่คนพิการ ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1452834123
|
|
|
11736
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระร้อง กรธ. ขอโทษ "กล่าวหากระทบพุทธศาสนา"
|
เมื่อ: มกราคม 15, 2016, 09:07:02 pm
|
พระร้อง กรธ. ขอโทษ กล่าวหากระทบพุทธศาสนา พระบุกที่ประชุมกรธ.เรียกร้องขอโทษใน 7 วันหลังกล่าวหาบัญญัติ"พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ"จะเป็นภัยระยะยาว
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. เวลา 16.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าห้องประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ภายในโรงแรมเลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟคลับ ชะอำ จ.เพชรบุรี องค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ(อพช.) นำโดยพระสิทธิศักดิ์ สิรินันโท รองประธานอพช. เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยมีนายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรธ. เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือ
ทั้งนี้ พระสิทธิศักดิ์ กล่าว่า อพช.ต้องการเรียกร้องให้กรธ.ออกมาชี้แจง พร้อมกับแสดงหลักฐานว่าการบัญญัติพระพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญจะเป็นภัยในระยะยาวอย่างไร อาทิ จะเป็นภัยต่อการปกครอง เป็นภัยต่อเศรษฐกิจ และเป็นภัยต่อการพัฒนาชาติอย่างไร พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้กรธ.ถอนถำพูดต่อกรณีดังกล่าว และขอโทษต่อประชาชนภายใน 7 วัน.ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/politics/373391
|
|
|
11738
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ด่วน DSIเตรียมเข้าตรวจรถหรูวัดปากน้ำ เจ้าคุณประสารชี้ เจตนาสร้างมลทิน สมเด็จช่วง
|
เมื่อ: มกราคม 15, 2016, 08:54:43 pm
|
พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) ด่วน!! DSIเตรียมเข้าตรวจรถหรูวัดปากน้ำฯ เจ้าคุณประสารชี้เจตนาสร้างมลทินสมเด็จช่วง พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ.) เปิดเผยกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะเข้าตรวจสอบรถโบราณ และรถหรู ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
หลังจากมีผู้ร้องเรียนว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สะสมรถหรู และรถโบราณ รวมถึงกล่าวหาว่าอาจมีรถจดประกอบไม่ถูกกฎหมายปะปนอยู่ ว่า ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่หวังดีว่าเร็วๆ นี้ ดีเอสไอจะนำสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบรถโบราณ และรถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ อาตมาตั้งข้อสังเกตว่าการออกมาตรวจสอบรถหรูของดีเอสไอ ทำไมถึงทำในช่วงที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ หรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังมีเจตนาสร้างมลทินให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพื่อหาเหตุผลให้รัฐบาลชะลอการเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1452849186
|
|
|
11739
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ตีความมาตรา 7 ใคร.? มีอำนาจเสนอตั้ง ′สังฆราช′
|
เมื่อ: มกราคม 15, 2016, 08:52:03 pm
|
′ไพบูลย์′ มาแล้ว ลุยยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินตีความมาตรา 7 ใคร.? มีอำนาจเสนอตั้ง ′สังฆราช′ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 มกราคม จะเข้าพบกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อเร่งให้ตรวจสอบรถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และสัปดาห์หน้าจะเข้าพบผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อยื่นคำขอให้ตรวจสอบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะที่เป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) กรณีการเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ระบุว่า
พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่งในกรณีที่สมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกฯ โดยความเห็นชอบ มส.เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
โดย พศ.ตีความหมายมาตรา 7 ว่าให้ มส.เป็นต้นเรื่อง ดังนั้น จึงต้องร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจวินิจฉัยว่า มส.ทำตามขั้นตอนถูกต้องหรือไม่ เพราะนักกฎหมายอีกฝ่ายมองว่าการตีความกฎหมายมาตรา 7 ต้องให้นายกฯ เป็นต้นเรื่องไม่ใช่ มส. ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1452852255
|
|
|
11740
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาวบ้านแห่เช่า 'เสือหลวงพ่ออุทัย' หลังทีมชาตินำไปแขวนไว้ที่ประตู
|
เมื่อ: มกราคม 15, 2016, 08:47:47 pm
|
ชาวบ้านแห่เช่า 'เสือหลวงพ่ออุทัย' หลังทีมชาตินำไปแขวนไว้ที่ประตู ชาวบ้านแห่เช่า เสืออุ้มทรัพย์หลวงพ่ออุทัย ราชบุรี หลังผู้รักษาประตูทีมชาติไทย นำไปแขวนไว้ที่ประตูแล้วเซฟจุดโทษได้ ในการแข่งขันศึกยู23 ไทยปะทะซาอุดีอาระเบีย เมื่อคืนที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 14 ม.ค. 59 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ วัดศรีมฤคทายวัน (เกาะตาพุด) ม.4 ต.ธรรมเสน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลังทราบข่าวว่า มีชาวบ้านแห่ไปเช่าเสืออุ้มทรัพย์ ของหลวงพ่ออุทัย ปภังกโร เจ้าอาวาส ได้จัดสร้างขึ้นเพื่อนำรายได้ไปสร้างโบสถ์ หลังจากเมื่อกลางดึกวันพุธที่ผ่านมา (13 ม.ค. 59) ในแมตช์แรกของศึก ยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย 2016 กลุ่มบี ที่โดฮาร์ ประเทศกาตาร์ ทีมชาติไทย–ซาอุดีอาระเบีย ผลเสมอ 1-1 มีการเปิดเผยว่า มีเครื่องรางของขลังที่ห้อยอยู่หลังประตู เป็นเสืออุ้มทรัพย์ ของ หลวงพ่ออุทัย และเมื่อ สมพร ยศ ผู้รักษาประตูของทีมชาติไทย ช่วยเชฟจุดโทษให้กับทีมไม่เสียประตูในครึ่งแรก ทำให้ประชาชนที่ทราบข่าวต่างก็พากันไปขอเช่าเสืออุ้มทรัพย์กันจำนวนมาก แต่ไม่ได้พบกับหลวงพ่ออุทัย เนื่องจากท่านอาพาธเสืออุ้มทรัพย์ หลวงพ่ออุทัย วัดศรีมฤคทายวัน (เกาะตาพุด) ม.4 ต.ธรรมเสน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี นางสนิท นุตตะโร อายุ 77 ปี ลูกศิษย์ของหลวงพ่ออุทัย เผยถึงถึงประวัติการสร้างเสืออุ้มทรัพย์ รุ่นสร้างโบสถ์ ให้ฟังว่า หลวงพ่อสร้างเสือ เมื่อปี พ.ศ.2553 สร้างแค่เพียง 10,000 องค์ เพื่อต้องการนำเงินที่ได้จากการเช่าเสือไปบูชามาเป็นกองทุนในการสร้างโบสถ์ ซึ่งตั้งงบประมาณไว้ 30 ล้านบาท โดยให้เช่าองค์ละ 2,000 บาท ส่วนที่ต้องสร้างเสือเพราะเสือเป็นสัตว์ใหญ่และมีอำนาจ หลวงพ่อก็อยากให้เรามีอำนาจและร่ำรวย โดยสร้างมาจากแร่ทองพิจิตร ซึ่งในวันนี้มีคนมาเช่าไปแล้วเกือบ 300 องค์ และหลวงพ่อก็จะไม่มีการสร้างเสือรุ่นต่อไป เพราะสร้างแล้วสร้างเลยจะไม่ทำอีกเสืออุ้มทรัพย์ เชื่อว่า มีพลังและอำนาจ ส่วน นายสุรศักดิ์ เพ็ญธำรงรัตน์ อายุ 35 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ต.วัดแก้ว อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้เดินทางมาที่วัด และขอเช่า เสืออุ้มทรัพย์ จำนวน 50 องค์ เป็นเงิน 100,000 บาท โดยบอกว่า มีเพื่อนฝากมาเช่าด้วย และจะไปมอบให้กับญาติๆ ด้วย เพราะเคยมาให้ หลวงพ่ออุทัย ได้เคาะหัว และพรมน้ำมนต์บ่อยๆ และทราบมานานแล้วว่าหลวงพ่อสร้างเสืออุ้มทรัพย์ เพราะต้องการหาเงินไปสร้างโบสถ์ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดจะเช่า จนมีข่าวออกมาจึงได้รีบเดินทางมาขอเช่าทันทีดังเพียงชั่วข้ามคืนหลัง แฟนบอลเห็นแขวนอยู่หลังประตู ฟุตบอลทีมฟุตบอลไทย คู่ไทย-ซาอุฯ ในการถ่ายทอดสด สำหรับหลวงพ่ออุทัย ตาทิพย์ ท่านตาบอดทั้งสองข้าง เป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากในภาคตะวันตก มีลูกศิษย์ที่เป็นคนมีชื่อเสียงทั้งดารานักแสดงจำนวนมาก ที่ให้ความนับถือศรัทธาต้องเดินทางมาให้ท่านพรมน้ำมนต์เคาะศีรษะ จนท่านสามารถสร้างวัดราคากว่า 200 ล้าน ด้วยน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของท่าน
เครื่องรางของคลังของ เกจิอาจารย์ จากอ .โพธาราม ราชบุรี ประชาชน แห่มาเช่า อย่างล้นหลาม ขอบคุณภาพข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/562894
|
|
|
11741
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาวบ้านบึงกาฬ ฮือฮา เห็ดงอกออกหูหลวงพ่อตะเคียนทอง คอหวยรุมตีเลขเด็ด
|
เมื่อ: มกราคม 15, 2016, 08:43:15 pm
|
ชาวบ้านบึงกาฬ ฮือฮา เห็ดงอกออกหูหลวงพ่อตะเคียนทอง คอหวยรุมตีเลขเด็ด ชาวบ้านบึงกาฬ ฮือฮา! ดอกเห็ดหลินจือ งอกออกมาจากหูพระพุทธรูป ที่แกะสลักมาจากไม้ตะเคียนทอง เซียนหวยตีเลขเด็ด ซื้อลอตเตอรี่ลุ้นรางวัลตามระเบียบ
เมื่อเวลา 11.00 วันที่ 15 ม.ค. 59 ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬ ได้รับการบอกเล่าว่า ที่วัดหอคำเหนือ บ้านหอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ มีเห็ดเกิดงอกออกมาจากใบหูพระพุทธรูป ที่ประดิษฐานไว้ในศาลาวัด จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบพระอาจารย์ พรทวี เมธิโก เจ้าอาวาส เปิดเผยว่า เมื่อวันพระที่ผ่านมา ได้มีคุณตาวันดี นิลเกตุ อายุ 70 ปี พร้อมด้วยญาติโยม ที่มาทำบุญตักบาตรในศาลาวัด ได้เห็นว่า มีอะไรยื่นออกมาจากซอกใต้ใบหูด้านขวาของหลวงพ่อตะเคียนทอง เข้าไปดูใกล้ๆ พบว่า เป็นเห็ดหลินจือ จึงได้มาแจ้งให้ตนได้ทราบ เมื่อไปดูก็เห็นเป็นเห็ดจริงๆ จึงได้บอกกับญาติโยมว่า ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ ห้ามไปเด็ดออกให้ดูแลรักษาไว้เกรงจะมีคนมือบอนเด็ดดอกเห็ดออกไปดอกเห็ดหลินจือ งอกใบหูขวา"หลวงพ่อตะเคียนทอง" พระอาจารย์ พรทวี ได้เล่าต่อไปว่า ประวัติ “หลวงพ่อตะเคียนทอง” องค์นี้ สร้างขึ้นด้วยไม้ เป็นหนึ่งในจำนวนหลายสิบองค์ ที่สร้างจากไม้ต่างๆ เช่น ตะเคียน พะยูง โดยเจ้าอาวาสรูปก่อนได้นำเอาตอไม้ตะเคียนทองมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูป ที่มีขนาดหน้าตักกว้าง 1.69 เมตร สูง 2.79 เมตร และสร้างมานานกว่า 15 ปีแล้ว โดยประดิษฐานไว้ในศาลาวัดตลอด ไม่ถูกแสงแดดและสายฝน แต่จู่ๆ ก็เกิดมีเห็ดงอกออกมาจากซอกใต้ใบหูพระพุทธรูป มีความยาวยื่นออกมาเกือบ 4 นิ้ว หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างแห่กันมาดู ต่างก็ตีเป็นเลขเด็ดไปหาซื้อลอตเตอรี่ไว้ลุ้นรางวัลในงวดวันที่ 17 ม.ค.นี้ อย่างตื่นเต้น ไม่พ้น!คอหวย ที่บึงกาฬ ตีเลขเด็ด
ขอบคุณภาพข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/563291
|
|
|
11745
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บอกญาติซื้อหวย '145' ก่อนมรณภาพ! พระวัดโคราชสิ้นลมกลางดึก
|
เมื่อ: มกราคม 14, 2016, 10:25:15 pm
|
บอกญาติซื้อหวย '145' ก่อนมรณภาพ! พระวัดโคราชสิ้นลมกลางดึก พระวัดโนนระเวียง อายุ 51 ปี มรณภาพกลางดึกคากุฏิ พบมีเลือดทะลักออกจมูก ญาติคาดโรคเครียด-กรดไหลย้อนกำเริบ ไม่คิดว่าจะสิ้นลมกะทันหัน พร้อมเผย ช่วงบ่ายยังโทรให้ซื้อเลขท้าย "145" บอก เผื่อมีโชค
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 59 ร.ต.อ.ดำรง ปุราชะโก พงส.สภ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งว่า พระบุญชู สนฺตจิตฺโต อายุ 51 ปี พระลูกวัด วัดโนนระเวียง ม.8 ต.หนองบัวตะเกียด อ.ด่านขุนทด มรณภาพภายในกุฏิ จึงเดินทางไปชันสูตรพลิกศพ พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ด่านขุนทด และหน่วยกู้ภัยปริสุทฺโธ (ฮุก 31) ภายในกุฏิชั้น 2 พบ พระบุญชู สภาพนอนมีผ้าห่มคลุมถึงอก เลือดทะลักทางจมูก ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง ในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ตรวจดูทรัพย์สินยังอยู่ครบ มีทั้งเงินสด 17,000 บาท โทรศัพท์ 1 เครื่อง พระเครื่องและเครื่องรางอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบยาบำรุงเลือดของ รพ.มหาราชนครราชสีมา จึงนำส่ง รพ.ด่านขุนทด เพื่อชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการมรณภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง คาดว่ามรณภาพไม่ต่ำกว่า 5 ชม.จากการสอบสวนเบื้องต้น พระครูสุนทรกิจวิมล เจ้าอาวาส ให้การว่า พระบุญชู บวชมาแล้ว 16 พรรษา เดิมจำวัดยู่ที่วัดสีมุมบูรพาราม อ.เมืองนครราชสีมา และญาติเพิ่งจะพามาฝากให้จำพรรษาที่วัดโนนระเวียง ได้เพียง 2 เดือน ปกติ พระบุญชู จะเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยพูดคุยกับพระในวัด แต่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ตามปกติ ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นวานนี้ หลังสรงน้ำก็เข้าห้องจำวัด จนกระทั่งเช้าพระในวัดกลับจากบิณฑบาตจะมาเรียกฉันเช้า พบว่ามรณภาพแล้ว
ขณะที่ ร.ต.อ.ดำรง เปิดเผยว่า ญาติมาติดต่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านเกิด โดยบอกว่า พระบุญชู มีโรคประจำตัวคือเป็นโรคเครียด และกรดไหลย้อน สงสัยว่าคงเกิดอาการกำเริบ ทำให้ถึงแก่มรณภาพ โดยเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับญาติเป็นปกติ และยังบอกให้ซื้อเลขท้ายสลากกินแบ่งรัฐบาล 145 ไว้ด้วย เผื่อว่าจะมีโชค ไม่คิดว่าจะมรณภาพกะทันหันเช่นนี้.ขอบคุณภาพข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/562744
|
|
|
11746
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขนลุก! หญิงสาวกรีดร้องลั่น หน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อ้างผีปอบเข้าสิง
|
เมื่อ: มกราคม 14, 2016, 10:22:38 pm
|
ขนลุก! หญิงสาวกรีดร้องลั่น หน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อ้างผีปอบเข้าสิง ขนลุก!หญิงก่อสร้าง อ้าง ผีปอบเข้าสิง ขึ้นวิหารเซืยนซือสัตหีบ ชลบุรี จู่ๆ ก็กรีดร้องลั่นว่า "ช่วยยายด้วย ยายทรมานเหลือเกิน" หน้าองค์พระและเทพแปดเซียน ร้อนถึงจนท.ต้องนำน้ำมนต์ มาให้ดื่มจนฟื้น รู้สึกตัวและเป็นปกติ
เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 14 ม.ค.59 เจ้าหน้าที่ศูนย์กู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรม อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ยินเสียง กรีดร้องลั่นลงมาจากบนวิหารเซืยนซือสัตหีบ จึงได้วิ่งขึ้นไปดูพร้อมคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย
พบว่ามีหญิงทราบชื่อต่อมา นางจงกลพรรณ อยู่มี อายุ 41 ปี เป็นคนงานก่อสร้าง ในพื้นที่สัตหีบ กำลังนั่ง ตัวสั่น อ้วกอยู่ตลอดเวลา และร้องไห้ส่งเสียงกรีดร้องลั่นไปทั่ว พร้อมกับตะโกน ว่า ยายทรมานเหลือเกินช่วยยายด้วย บริเวณหน้าองค์พระพุทธรูป และเทพเจ้าแปดเซียน เจ้าแม่กวนอิม ก่อนที่คณะฝ่ายทรงเทพเจ้าแปดเซียน โป๊ยเซียนโจวซือของมูลนิธิ จะเดินไปยกมือไหว้เทพเจ้าพร้อมหยิบน้ำมนต์ ที่ทำพิธีแล้ว มาพรมทั่วร่าง และให้ดื่ม จนทำให้หญิงคนดังกล่าวสงบและนอนลงไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็แสดงอาการมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกใจกับเรื่องเกิดขึ้นอย่างมาก
ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี สถานที่เกิดเหตุการณ์ น่าขนลุก สอบถาม นางจงกลพรรณ ทราบว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ไปกินมะขาม จากเพื่อนร่วมงานที่มาทราบตอนหลังว่า มีเชื้อสายผีปอบ ก่อนจะมารู้สึกเหมือนมีผีปอบมาเข้าสิง และมีความรู้สึกอยากจะมากราบไหว้ที่นี้ จึงได้เดินทางมากราบไหว้ขอพร เทพเจ้าแปดเซียน โป๊ยเซียนโจวซือ ก่อนที่จะขอพรให้เทพเจ้า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ช่วยลูกด้วย ลูกไม่รู้เป็นอะไรใจไม่ดี ก่อนจะไม่รู้สึกตนว่า ได้ทำอะไรลงไปก่อนจะตื่นขึ้นมาดังกล่าว ซึ่งตอนนี้รู้สึกตัวดีแล้ว หลังจากได้ดื่มน้ำมนต์เข้าไป ก่อนจะเอาน้ำมนต์ไปอาบน้ำกลางแจ้งเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปจากตัวไประทึก! หญิงสาวถึงกับดิ้น เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมร้องว่า"ช่วยยายด้วย ยายทรมานเหลือเกิน" ด้านคณะกรรมการฝ่ายทรง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์เราก็ช่วยเหลือตามพิธีกรรมของคนฝ่ายทรงคืนใช้น้ำมนต์พรมทั่วร่างกาย และดื่มน้ำมนต์ เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกจากร่างกาย พร้อมกับแนะนำหญิงคนดังกล่าวควรทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย สำหรับเซืยนซือสัตหีบ เป็นวิหารที่ประทับรูปปั้น ของเทพเจ้าแปดเซียน หรือ โป๊ยเซียนโจวซือ ที่มูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประชาชน ให้ความเคารพ นับถือ เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ โดยจะมีชาวบ้านต่างพากันมากราบไหว้ตลอดทั้งวัน เพื่อขอพร โชคลาภและและขับไล่สิ่งชั่วร้ายและยังสร้างปาฏิหาริย์ในอีกหลายเหตุการณ์ ที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่ นับถือและเคารพบูชา และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นอย่างมากอีกด้วยจนท.มูลนิธิฯ เข้าช่วยหญิงสาว กรีดร้องลั่น ที่ถูกระบุว่าผีปอบเข้าสิง ขอบคุณภาพข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/562885
|
|
|
11747
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฮือฮา พระครูเจ้าคณะนครพนม นำตะเคียนยักษ์ 2,000 ปี แกะสลักแฝงปริศนาธรรม(คลิป)
|
เมื่อ: มกราคม 14, 2016, 10:19:03 pm
|
ฮือฮา พระครูเจ้าคณะนครพนม นำตะเคียนยักษ์ 2,000 ปี แกะสลักแฝงปริศนาธรรม(คลิป) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคม ได้เกิดข่าวฮือฮา เป็นที่สนใจของประชาชนและนักท่องเที่ยว ภายหลังจากพระครูปิยคามเขตคณาภิรักษ์(ดร.) (จอ.ชพ.) หรือพระอาจารย์จินดา อายุ 45 ปี เจ้าคณะอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม เจ้าอาวาสวัดปทุมมาราม บ้านนาเข หมู่ 1 ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม ได้มีไอเดียนำต้นไม้ตะเคียนทองยักษ์ อายุราว 2,000 ปี ขนาดความยาวประมาณ 20 เมตร เส้นรอบวงโคนต้น ประมาณ 5 เมตร ซึ่งเป็นไม้ตามความเชื่อว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาอารักษ์ปกปักรักษา รวมถึงมีนางตะเคียนสิงสถิตย์ มาเก็บรักษาไว้ภายในวัด พร้อมออกแบบจากแนวความคิด ให้ช่างแกะสลักไม้มาแกะสลักเป็นภาพนูนสูง ตลอดลำต้นไม้ตะเคียนยักษ์
โดยประกอบด้วย รูปพระพุทธเจ้าปางปรินิพพาน 2 ด้าน รวมไปถึงภาพพุทธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการออกผนวช แสดงธรรมเทศนาโปรดมนุษย์ ผสมผสานกับภาพสัตว์ในวรรณคดี รวมถึงหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ไปจนถึงการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ สอดแทรกด้วยภาพสัจธรรมของชีวิต ที่ปัจจุบันกำลังยึดติดกับเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า ที่จะเป็นสื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้มากราบไหว้ เพราะยังเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของต้นตะเคียน ควบคู่กับการชื่นชมลวดลายแกะสลัก แฝงสั่งสอนด้วยปริศนาธรรมในตัว ที่สำคัญยังเป็นการสร้างจิตสำนักให้คนเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนา เนื่องจากปัจจุบันคนในสังคมกำลังหลงอยู่กับอบายมุข โดยในการแกะสลักจะเน้นให้มีความสวยงามแบบธรรมชาติ และลงตัวกับสภาพของต้นตะเคียนทองยักษ์ให้มากที่สุด ซึ่งจะมีการแกะสลักแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ ด้านที่มีการลงสีสันความสวยงาม อีกด้านจะเน้นความเป็นธรรมชาติของไม้ตะเคียนให้มากที่สุด สื่อถึงสัจธรรมของชีวิต เมื่อเกิดมาแล้ว สุดท้ายไม่มีอะไร นอกจากความดี
โดยจากการสอบถาม พระสุเทพ ธรรมวโร อายุ 39 ปี พระลูกวัดที่ดูแลวัด เล่าถึงที่มาของต้นตะเคียนยักษ์ว่า เดิม พระครูปิยคามเขตคณาภิรักษ์ หรือพระอาจารย์จินดา ซึ่งเป็นพระที่มีความรู้ความสามารถ ชาวบ้านศรัทธาเคารพนับถือ อุปสมบทศึกษาเล่าเรียน มานานกว่า 26 พรรษา จนได้รับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม ก่อนได้มาพัฒนาดูแลวัดแห่งนี้ ที่เป็นบ้านเกิด ต่อจากเจ้าอาวาสองค์เดิม จนกระทั่งมีความตั้งใจว่าจะสร้างอุโบสถ แต่ต้องการทำด้วยไม้ เพื่อให้เกิดความสวยงาม หาดูได้ยาก ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม กราบไหว้ทำบุญ และเป็นที่มาของการเกิดนิมิต มีผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่า ต้องการที่จะมาอยู่อาศัยในวัด ช่วยพัฒนาวัดทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ต่อมาไม่นานได้เกิดความบังเอิญ ได้มีชาวบ้านมาบอกว่า มีคนพบไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ที่ห้วยบางทราย จ.มุกดาหาร เมื่อปี 2554 จึงเกิดความแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามนิมิต และมีความคิดว่าจะไปดูและอยากได้ไม้ตะเคียนต้นดังกล่าวมาไว้ที่วัด เพราะเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในนิมิต แต่หลังจากการไปดูแล้วพบว่าไม้มีขนาดใหญ่มาก ความยาวประมาณ 20 เมตร ขนาดความกว้างรอบลำต้นประมาณ 5 เมตร เชื่อว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี จึงได้พยามขอรับสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธา เคลื่อนย้ายไม้ตะเคียนยักษ์ต้นนี้มาไว้ที่วัด ซึ่งต้องมีการผ่านกระบวนการทางกฎหมายหลายขั้นตอน ถึงนำมาไว้ที่วัดได้
ภายหลังทางพระครูเจ้าอาวาส จึงได้เกิดความคิดว่าการนำไม้ตะเคียนมาไว้ที่วัดเพียงอย่างเดียวคงไม่เกิดจุดสนใจ จึงเกิดความคิดที่จะทำการแกะสลักไม้ตะเคียน เพื่อให้เกิดความขลังศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น จึงได้หารือกับช่างแกสลักมาลงมือแกะสลัก โดยเป็นคนออกแบบด้วยตนเอง ให้ช่างลงมือแกะสลัก เนื่องจากมีความรู้พื้นฐาน และชอบศึกษาเกี่ยวกับงานศิลปะมาอยู่แล้ว ซึ่งได้กำหนดแกะสลักให้ต้นตะเคียนเป็นรูป พระพุทธเจ้าปางปรินิพพาน 2 ด้าน รวมไปถึงภาพพุทธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการออกผนวช แสดงธรรมเทศนาโปรดมนุษย์ ผสมผสานกับภาพสัตว์ในวรรณคดี รวมถึงหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ไปจนถึงการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ สอดแทรกด้วยภาพสัจธรรมของชีวิต ด้านหนึ่งจะมีการลงสีให้สวยงาม ส่วนอีกด้านจะคงเป็นสภาพเดิมให้เห็นลักษณะความสวยงามของเนื้อไม้ และแก่นแท้ของไม้ตะเคียน สื่อความหมายระหว่างความสำคัญของพระพุทธศาสนา กับสังคมยุคปัจจุบัน ให้ประชาชนที่ได้มาเยี่ยมชมเกิดความคิด มีความหมายในตัว แฝงด้วยปริศนาธรรม
โดยเป้าหมายที่แกะสลักภาพลงบนไม้ตะเคียนต้นนี้ ต้องการที่จะสร้างจุดสนใจให้กับผู้ที่มาพบเห็นได้สำนึกในหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเข้าใจถึงสัจธรรมของชีวิต ที่จะนำไปปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน ให้มีความสงบสุข และช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ภายใต้ความขลังของไม้ตะเคียนทอง ที่เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงได้มากราบไหว้บูชาเป็นสิริมงคลตามความเชื่อ นอกจากนี้ยังจะได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่สำคัญของ จ.นครพนม ต่อไปอนาคต จึงขอเชิญชวนญาติโยม ได้เดินทางมาเที่ยวชม กราบไหว้บูชา เป็นสิริมงคล ชมคลิปได้ที่ https://youtu.be/QzySn-1EqsYขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1452740676
|
|
|
11760
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วัดทะเลบก ขาดปัจจัย ขุดไหฝังพระนานกว่า 42 ปี ให้เช่าบูชา สร้างมณฑป
|
เมื่อ: มกราคม 13, 2016, 08:58:18 pm
|
วัดทะเลบก ขาดปัจจัย ขุดไหฝังพระนานกว่า 42 ปี ให้เช่าบูชา สร้างมณฑป วัดทะเลบก จ.นครปฐม ขุดไหบรรจุพระฝังดิน หน้าอุโบสถ มายาวนานกว่า 42 ปี ขึ้นมา ให้ประชาชนได้เช่าบูชา นำเงินมาสมทบทุนสร้างมณฑปหลวงปู่แสง หลวงปู่วิเชียร หลวงปู่เบี้ยว ล่าสุดเจอแค่ไหเดียวจาก 3 ไหที่ฝังไว้...
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ม.ค. 2559 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดทะเลบก ต.กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลังทราบว่ามีการนำรถแบ็กโฮ มาขุดไหที่ภายในบรรจุพระฝังดินไว้มายาวนานกว่า 42 ปี บริเวณหน้าอุโบสถ โคนต้นโพธิ์ พบชาวบ้านจำนวนมาก มาเฝ้าดูการขุดอย่างใกล้ชิด
พระครูสุมนสุนทรกิจ สุมโน เจ้าคณะตำบลห้วยม่วง เจ้าอาวาสวัดทะเลบก 42 พรรษา เปิดเผยว่า ทางวัดทะเลบก มีความประสงค์สร้างมณฑปหลวงปู่แสง หลวงปู่วิเชียร หลวงปู่เบี้ยว อดีตเจ้าอาวาส มูลค่า 10 ล้านบาท แต่ยังขาดจตุปัจจัย เพื่อให้ประชาชนได้กราบสักการบูชา กระทั่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาได้นึกขึ้นได้ว่า เมื่อ พ.ศ. 2517 ขณะนั้น เป็นพระลูกวัด หลวงปู่เบี้ยว อดีตเจ้าอาวาส ได้ใช้ให้ นำไหจำนวน 3 ไหไปฝังดิน ภายในบรรจุ พระวันทา อภิวาท เนื้อดินผสมว่าน พระปางลีลาขนาด 10 นิ้ว เนื้อดินเผา ที่อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้รับมาจาก หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน จ.สุพรรณบุรี เคยมอบให้ทางวัดทะเลบก จากนั้นได้นำไปขุดฝังดินไว้จำนวน 3 ไหทั้งนี้ ภายหลังนำรถแบ็กโฮมาขุด โดยขณะนี้พบเพียง 1 ไห เป็นไหดินเผาขนาด สูง 80 ซม. กว้าง 1 ฟุต ด้านบนปิดด้วยปูน เขียนภาษาขอม “ทอน สุวโน” และเลข 17 ซึ่งเป็นปี พ.ศ. ที่ฝัง ส่วนที่เหลืออีก 2 ไหกำลังดำเนินการขุดหาอยู่ ต่อมาได้เรียกคณะกรรมการร่วมมาเป็นสักขีพยาน ทำการเปิดไหออกมาพบพระวันทา อภิวาท เนื้อดินผสมว่าน จำนวน 1,080 องค์ และพระปางลีลาขนาด 10 นิ้ว เนื้อดินเผา จำนวน 50 องค์ ซึ่งยังไม่ได้กำหนดราคาให้ประชาชนมาเช่า ต้องดำเนินการประชุมกับกรรมการวัดก่อน ส่วนงบประมาณในการสร้างมณฑป ต้องรอรวบรวมปัจจัยให้ได้ครบ ถึงเริ่มมีการก่อสร้างต่อไป.ขอบคุณภาพข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/562229
|
|
|
|