ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปลงอาบัติกันดีไหม  (อ่าน 984 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28441
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ปลงอาบัติกันดีไหม
« เมื่อ: กันยายน 19, 2014, 08:08:34 pm »
0
 

ปลงอาบัติกันดีไหม
บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสฺสโร

ก่อนมีการสวดปาติโมกข์ทุกครั้ง จะมีการปลงอาบัติ (สารภาพความผิด) ที่เป็นความผิดเล็กๆ น้อยๆ ถึงความผิดกลางๆ ในทางพระวินัยหรือสิกขาบท เพื่อเป็นการปล่อยตัวเองจากยึดมั่น ถือมั่นในตัวเรา ของเราที่ยังหลงใหลในรูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัส ด้วยการสารภาพต่อหน้ากัลยาณมิตร ที่ได้ล่วงละเมิดหรือกระทำผิด และเริ่มต้น ตั้งต้นใหม่ที่จะไม่กระทำความผิดนั้นอีก ตั้งใจพากเพียรที่สร้างพลังแห่งสติสัมปชัญญะในทุกอิริยาบถแห่งการกระทำ เพื่อให้ก่อเกิดพลังแห่งสมาธิ ที่สร้างความสว่างชัดเจน ทำลายอวิชชา (ความไม่รู้) ที่ส่งผลให้เรากระทำผิดเพราะความยึดหลง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้หลายๆ ครั้งเราไม่ได้อยากทำหรือตั้งใจที่จะกระทำผิดก็ตาม แต่เพราะพลังแห่งสติ สมาธิ ปัญญา แห่งเราไม่เพียงพอนั้นเอง         

การสวดปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือน (๒ อาทิตย์ต่อครั้ง) เพื่อเป็นการทบทวน เตือนตนในความบริสุทธิ์ของศีลสิกขาในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นดั่งรากฐานแห่งการนำสู่อิสรภาพ ความสุขสงบอย่างแท้จริง


 :25: :25: :25: :25:

เมื่อเรามีเวลาอยู่กับตัวเอง ไม่เสพ บริโภค อุปโภคสิ่งที่เป็นพิษภัย นำความไม่สงบสุข เดือดร้อนต่อภาวะทางกายและใจ รับสิ่งเหล่านั้นเพียงเพื่อการดำรงอยู่แห่งสังขาร (ร่างกายและจิตใจ) อย่างรู้พอประมาณในการเสพ รับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้งหก ไม่ปล่อยให้อำนาจแห่งความเพลิดเพลิน หลงใหลบงการชีวิต  สัมผัสกับธรรมชาติบริสุทธิ์ หล่อเลี้ยงความสงบเงียบทั้งภายในและภายนอก สร้างพลังแห่งสติทุกๆ วัน เราจะค่อยๆ เห็นความไม่น่ารักตัวเองมากมาย จนบางครั้งเรารู้สึกกลัว รังเกียจ เกลียดชังความไม่น่ารักเหล่านั้น ที่เรายึดมั่นถือมั่นว่าดี ใช่ ด้วยความมืดบอดแห่งอวิชชา (ความไม่รู้) แต่เราจะเริ่มเรียนรู้ค่อยๆ ยอมรับความไม่น่ารักเหล่านั้น สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีแม้ยังทำไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม     
     


ความอดทน พากเพียรจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อทุกชีวิต โดยเฉพาะผู้ต้องการปฏิบัติหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ความตั้งใจดีที่หลายครั้งไม่สามารถเป็นความจริง เพราะเรายังไม่เข้มแข็ง พลังแห่งสิ่งดีๆ ในตัวยังไม่เพียงพอ ทำให้เราเหนื่อยล้า หมดกำลังใจเมื่อต้องกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และโทษตัวเอง เพราะสิ่งที่ปรากฏ เกิดขึ้นหลายครั้งไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ เราไม่ยอมให้อภัยตัวเอง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เราก็เคยทำผิดหลายๆ ครั้ง แต่เรากลับไม่รู้สึกสำนึกผิด เพราะยังเต็มไปด้วยความไม่รู้ เราจึงไม่เสียใจอย่างแท้จริงในความผิดเหล่านั้น แต่เมื่อเราค่อยๆ สร้างพลังแห่งสติอย่างสม่ำเสมอ เราจึงรู้เท่าทันในสิ่งที่ปรากฏทั้งทางจิตใจ ร่างกายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเราต้องยอมรับความจริงของจิตใจที่ยังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ทั้งหมด

พลังแห่งสติที่มากขึ้นจะทำให้เราไม่คิด พูด กระทำในสิ่งที่ไม่ดีที่เคยกระทำอีกต่อไป เพราะเห็นรู้แท้จริงแห่งโทษ พิษภัยจากสิ่งเหล่านั้น และมีพลกำลังที่จะกระทำในสิ่งที่ดีงดงามยิ่งๆ ขึ้นไป     
   

 :25: :25: :25: :25:

ในทุกครอบครัวผู้นำครอบครัวอย่างน้อยควรเป็นแบบอย่างที่ประพฤติรักษาศีลห้าเป็นปรกติ และเพิ่มรักษาศีล ๘ ในวันสำคัญหรือวันที่พร้อมใจจะปฏิบัติ ความสุขสงบ ร่มเย็นแห่งการอยู่ร่วมจะค่อยๆ ปรากฏเป็นรูปธรรม และถ้ายังทำไม่ได้ในข้อใด ควรมีสารภาพอย่างซื่อสัตย์ จริงใจกับสมาชิกในครอบครัว อย่างน้อยเดือนละสองครั้ง เพื่อความเจริญก้าวหน้าพัฒนาสู่ความสุขสงบที่แท้จริง

การเกิดมาในชีวิตนี้จึงมีคุณค่าและมีความหมายที่ถูกต้องงดงาม เราจะไม่เหนื่อย หมดพลัง กำลังใจอีกต่อไป ภาวะภายในจิตใจจะค่อยๆ เข้มแข็งและสุขสงบเย็น เพราะการประพฤติรักษาศีล คือ การรักษาตัวเองให้ปลอดภัยจากความยึดมั่น ถือมั่น มัวเมาเพลิดเพลิน สร้างความเมตตา กรุณา เคารพต่อตัวเองและสรรพสิ่งที่อาศัยอยู่ร่วมกัน

โลกกำลังสู่ความหายนะ เพราะไม่รักษาศีล


ขอบคุณบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140916/192173.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ