ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เส้นทางของ ผู้มีบุญ ที่แท้จริงเป็นอย่างไร.?  (อ่าน 544 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



เส้นทางของ ผู้มีบุญ ที่แท้จริงเป็นอย่างไร โดย ส.ชิโนรส

ท่าน ส.ชิโนรส หรือ พระอาจารย์มหาสุภา ชิโนรโส ได้บอกเล่าถึง ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เข้าใจเรื่อง ผู้มีบุญ ผิด ซึ่งท่านได้ให้ความกระจ่างเรื่องเส้นทางของผู้มีบุญพึงเป็นอย่างไร

@@@@@@

หน้าที่การงานเครื่องบ่งชี้ความเป็นผู้มีบุญ

ขอเรียกว่า “ท่าน” ท่านเคยรับราชการอยู่ในกรมกรมหนึ่ง ตำแหน่งสูงสุดคือ เลขานุการกรม ช่วงอยู่ในตำแหน่งนั้น มีบารมีมาก ลูกน้องบริวารมากมาย การเงินคล่องตัว ชีวิตช่างมีความสุข ท่านเล่าให้ฟังว่า เคยเป็นประธานทอดกฐินและผ้าป่าหลายครั้ง คงเป็นเพราะบุญกุศลนี้กระมัง จึงทำให้ได้นั่งตำแหน่งเลขานุการ

ชีวิตมนุษย์ไม่มีเหตุบังเอิญ ความสำเร็จและสุขล้วนเกิดจากบุญที่เคยทำไว้ บุญที่มนุษย์แต่ละคนเคยทำเป็นผู้เปิดสะพานให้มนุษย์เดินไปสู่จุดสูงสุดที่ตนต้องการ


@@@@@@

เส้นทางของผู้มีบุญเป็นอย่างไร

เส้นทางของผู้มีบุญเป็นดังนี้ มีผู้หนุนให้เข้าสู่วงการที่ทำให้แจ้งเกิดได้ วงการส่งเสริมความสามารถของบุคคลผู้นั้นให้เป็นที่ประจักษ์ เขาได้พบปะและคลุกคลีกับคนที่เป็นมืออาชีพในวงการนั้น ได้รับการศึกษาและอบรมจากผู้รู้หรือกูรูในวงการที่อยู่ จนกระทั่งมีความสามารถและประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ ประสบความสำเร็จด้านต่าง ๆ เช่น การเงิน ชื่อเสียง และอื่น ๆ



เส้นทางประสบความสำเร็จของผู้มีบุญทั้งทางโลกและทางธรรม

เส้นทางผู้ที่เคยทำบุญไว้ดังกล่าว เป็นเส้นทางประสบความสำเร็จทางโลก ส่วนเส้นทางธรรมสำหรับผู้เคยทำบุญไว้ก็คล้าย ๆ กัน บุญที่เคยทำจะเป็นสะพานให้บุคคลผู้นั้นเข้าไปสู่สถานที่ที่เปลี่ยนจิตใจให้สูงขึ้น สูงจนกระทั่งหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง หลุดพ้นจากบ่วงกรรมได้ทั้งหมด

เส้นทางผู้มีบุญในการเดินทางสายธรรมเป็นดังนี้ มีผู้หนุนให้ไปอยู่ในสถานที่ดี สถานปฏิบัติที่มีครูบาอาจารย์ ผู้ได้ธรรมะระดับสูง ได้รับการอบรมให้รู้เส้นทางเดินจิตที่ถูกต้อง จนมีศีลและข้อวัตรที่สมบูรณ์

ผู้มีศีลและข้อวัตรสมบูรณ์จะมีความสบายใจ โล่งใจ เกิดความเอิบอิ่ม เป็นสุข จิตก็จะสงบโดยอัตโนมัติ จิตที่สงบได้แล้ว จะทำให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามเป็นจริง มองนอกมองในได้อย่างทะลุปรุโปร่่ง จิตหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง พ้นจากบ่วงกรรมที่เคยทำไว้ได้


@@@@@@

ความสำเร็จของผู้เดินทางทั้งทางโลกและทางธรรมจึงเป็นของผู้ที่เคยทำบุญไว้เท่านั้น ผู้ไม่เคยทำบุญไว้ แม้อยากได้ขนาดไหนก็ไม่สมหวัง ดังนั้นอย่าประมาทในบุญ

เรื่องเส้นทางของผู้มีบุญที่ท่าน ส.ชิโนรสได้ถ่ายทอดนี้ เป็นธรรมะลึกซึ้งในเรื่องบุญกุศล แต่สำหรับกรณีตัวอย่างที่ท่านกล่าวถึงผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ทำให้อดนึกถึงเรื่องในทำนองเดียวกันนี้ไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์เหลียงของจีน

พระเถระรูปหนึ่งเดินทางจากชมพูทวีปมาถึงเมืองกวางตุ้งในปัจจุบัน แต่เดิมท่านเป็นเจ้าชายแห่งแคว้นคันธราษฎร์ เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงตัดสินพระทัยเสด็จออกผนวชเป็นศิษย์ของพระปรัชญาตาเถระ ผู้เชี่ยวชาญในการทำสมาธิอย่างยิ่งยวด จึงได้ฝึกปฏิบัติฌานภาวนาจนแก่กล้า ได้ดำรงตำแหน่งเป็นสังฆปรินายกแห่งพุทธศาสนานิกายฉาน (เซน) ท่านแยกออกมาเผยแผ่พระพุทธศาสนานิกายนี้ที่ประเทศจีน



พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ทรงเป็นฮ่องเต้ผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก พอทรงทราบว่ามีพระเถระมาจากชมพูทวีปก็ทรงนิมนต์เข้าวังเพื่อถวายภัตตาหาร ฮ่องเต้สนทนาธรรมกับพระเถระโดยทรงมีพระราชปุจฉาว่า “ข้าพเจ้าสร้างวัดวาอารามในพระพุทธศาสนามากมาย อนุญาตให้กุลบุตรและกุลธิดาบวชในบวรพระพุทธศาสนา บริจาคให้ทานแก่ผู้ทุกข์ยาก ไม่ทราบว่าข้าพเจ้าจะได้รับอานิสงส์อย่างไรบ้าง”

พระเถระวิสัชชนาถวายทันทีว่า “การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นหนทางแห่งกุศล”

คำตอบของพระเถระทำให้พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ทรงไม่พอพระทัย พระองค์จึงไม่สนใจพระเถระรูปนี้อีกต่อไป พระเถระจึงเดินทางต่อไปยังอีกสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วสอนศิลปะการป้องกันตัวให้กับพระภิกษุเพื่อใช้ป้องกันตัว ต่อมากลายเป็นวัดเส้าหลิน


@@@@@@

หลังจากนั้นผ่านไปหลายปี ข้าหลวงคนหนึ่งในราชสำนักได้จัดภัตตาหารเจถวายพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิง และถามถึงสาเหตุที่พระเถระชาวอินเดียวิสัชชนาถวายพระเจ้าเหลียงตี้ไปเช่นนั้น

พระธรรมจารย์ตอบว่า ” พระโพธิธรรมตอบไว้ดีและถูกต้องแล้ว การสร้างวัดวาอาราม การอนุญาตให้พสกนิกรบวช บริจาคทาน ไม่ได้เป็นหนทางแห่งกุศล แต่ได้เพียงความปีติเท่านั้น การเข้าถึงธรรมต่างหากที่จะเป็นกุศล ”

เรื่องของพระโพธิธรรม หรือ อรหันต์ตั๊กม้อ กับ พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ ถูกยกเป็นกรณีตัวอย่างอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้ตระหนักถึงหนทางแห่งกุศลที่แท้จริงว่าพึงเป็นอย่างไร ซึ่งพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงได้ทำให้กระจ่างแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากการทำบุญคือปีติ หรือความรู้สึกเอิ่บอิ่มจากการทำบุญ

คัมภีร์วิมานวัตถุ คัมภีร์ที่รวบรวมเรื่องผลบุญของเทวดาไว้มากมาย ก่อนที่จะเกิดเป็นเทวดา ในขณะที่กำลังจะสิ้นใจ ได้ระลึกถึงความรู้สึกที่เป็นปีติอันเกิดจากการทำบุญ เช่น หญิงนางหนึ่งถวายข้าวตอกแด่พระมหากัสสปะ ระหว่างเดินกลับบ้านถูกงูกัด นางสิ้นลมเพราะพิษงู แต่จิตที่มีปีติได้ส่งจิตของนางไปสู่ภพภูมิใหม่คือเกิดเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ เรื่องนี้ชาวพุทธรู้จักในชื่อเรื่อง “เทพธิดาข้าวตอก” เป็นต้น



ที่มา :  กรรมรหัสลับที่แก้ได้ โดย ส.ชิโนรส ,เทพธิดาข้าวตอก , https://th.wikipedia.org/จักรพรรดิเหลียงอู่  , https://th.wikipedia.org/พระโพธิธรรม
ภาพ : https://pixabay.com , http://siempretoy.blogspot.com
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/158384.html
By nintara1991 ,11 June 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ