ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - ISSARAPAP
หน้า: 1 2 [3] 4
81  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ชมพูทวีป คือที่ไหน ? อยากรู้ต้องอ่านครับ เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2010, 03:05:20 am
มีพระสูตร กล่าวเรื่องนี้ หรือครับ

หรือว่า เอามาจาก คัมภีัร์ ของ พราหมณ์


ผมเองก็ตั้งการรู้เหมือนกัน ?

 :c017: :25:
82  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เป็นพุทธมามกะ แล้วไม่กราบไหว้ พวก ผี เจ้าที่ พระภูมิ มีความผิดด้วยหรือ ? เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2010, 03:04:07 am
ผมเ็ป็นผู้กล่าว ถึงพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่ง

คือ ถือเอา พระพุทธเ้จ้่า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง

นอกจาก เคารพ ในพระรัตนตรัย และ ผมก็ให้ความเคารพ ต่อ ผู้ใหญ่ เสมอ

แต่ที่บ้านผม มีธรรมเนียม ทุกปี จะมีการไหว้ศาลพระภูมิ เจ้าที่ หรือบางครั้ง ก็พากันไปกราบ ต้นไม้ เจ้าพ่อ เจ้าแม่

แต่ทุกครั้ง ผมก็ไปร่วมงานด้วย แต่ไม่เคยแสดงความเคารพ ด้วยการกราบไหว้ สิ่งเหล่านี้

จนทำให้ บรรดาคนในครอบครัว และ บรรดาญาติ ทั้งหลาย กล่าวหาผมว่าเป็นคนขวางโลก




เพื่อน สมาชิก มีความเห็นอย่างไร กับเรื่องนี้ครับ

ที่จริง ผมมองเห็นเรื่องนี้เป็น สมมุติ ไม่ใช่ ของแท้

ถ้าจะพูดให้หนัก ๆ ก็มองเห็นเป็นเรื่อง หลอกลวง ใจตนเองเท่านั้น ขาดเหตุผล เป็นเรื่องงมงาย


 :25: :25:
83  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระอรหันต์ ไม่ตั้งอยู่ในเพศคฤหัสถ์ เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2010, 02:58:24 am
ผมได้ฟัง ได้อ่าน และศึกษา แม้ผู้รู้หลายท่าน

ก็มักจะพูดขึ้นว่า

   พระอรหันต์ อยู่ในเพศคฤหัสถ์ ได้ไม่เกิน 7 วัน

อยากทราบมีพระพุทธพจน์ กล่าวถึงเรื่องนี้บางหรือป่าวในพระไตรปิฏก ?
84  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เป็นผู้ชาย บวชทดแทนคุณ และ เป็นผู้หญิง ทำยังไง ? เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2010, 02:56:44 am
ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ต้องการบวช แต่วัดที่ผมเลือกไปบวช เป็นวัดเสียวลิ้มยี่ ที่ประเทศจีน

คุณพ่อ คุณแม่ ผมเป็นคนไทย ผมเองก็เป็นคนไทย ทั้งสองท่านเลือกวัดให้ผมบวชก็คือวัดสามพระยา ใกล้บ้านครับ

แต่ผมก็ไม่ทำตามความต้องการ

จนกระทั่งน้องสาวผมคงรำคาญ มาก จึงพูดขึ้นว่า

"เป็นผู้ชายถึงบวชทดแทนคุณได้ ถ้าเป็นผู้ชายบวชให้พ่อกับแม่ ไปตั้งนานแล้ว"

ผมก็เลยมาคิดว่า นั่นสินะ

การทดแทนคุณพ่อแม่ด้วยการบวช ของผู้ชายมีได้

แล้วผู้หญิงละ ไม่มีวิธีหรือครับ ?
85  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / คนต่างลัทธิ ศาสนา สามารถ สำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลได้หรือไม่ เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2010, 02:51:59 am
เพื่อนผมคนหนึ่ง ตอนผมไปอยู่ที่สิงค์โปร์ เป็นเพื่อนรักกันมากคบเป็นเพื่อนกันมาประมาณ 10 กว่าปี
ตั้งแต่เรียน มัธยมจนจบ ปริญญาตรี

เพื่อนผมคนนี้ เป็น คริสต์ศาสนิกชน จะไปที่โบสถ์ทุกว้ันเสาร์ และวันอาทิตย์
คุณพ่อที่โบสถ์ ก็สนับสนุนจนกระทั่งเขาตัดสินใจเป็น บาทหลวง

ส่วนผมเป็นพุทธ นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง แต่เวลาเพื่อนชวนไปโบสถ์ ก็ไปแต่ไม่ร่วมกิืจกรรม กับเขาเพียง
แต่นั่งเล่น เดินเล่น เพื่อนผมคนนี้ก็พยายามเอาทั้งหนังสือ และ แผ่นซึดี เกี่ยวกับคริสต์มาให้ผม บางครั้ง

ก็เชิญผมไปนั่งดู วีดีทัศน์ ในห้องโสต ( ลงทุนพยายามทำให้ผมเ้ปลี่ยนศาสนาให้ได้ )

ในขณะเดียวกัน ก็มีการโต้ วาทะ ด้วยหลักธรรมกัน

แต่ก็จนแต้ม ด้วยวาทะผม เพราะหลักการของ พระพุทธศาสนาเป็น อิสระจากพระเจ้า เป็นหลักการ วิถีจิต

ด้วยความเป็นเพื่อน ก็ไม่มีปัญหาในด้านศาสนา เพราะศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี

จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้เห็น และ ได้ยิน ด้วยการไปแอบมองเพื่อนผม สอนนักเรียนในวันหนึ่ง

ซึ่งหลักการสอนทำให้จิตสงบนั้น กับเป็นการสอนแบบอานาปานสติ แบบของพุทธ แต่ไม่ใช้คำว่า พุทโธ

เพียงแต่ใช้ สติ ตามลม และผมก็ได้ยินการสอน ออกไปทางพุทธ แต่ไม่กล่าวนาม พระรัตนตรัย

เกริ่นเรื่องพอแค่นี้ นะครับ


คำถามเพื่อช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ

1.คนต่างลัทธิ ศาสนา สามารถ สำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลได้หรือไม่

2.การนำคำสอนของศาสนาอื่น เข้าไปประสานกับหลักศาสนาของตน ถือว่าเป็นการปฏิรูปศาสนาหรือไม่

3.ผมควรเตือน เพื่อนผมคนนี้ในเรื่อง หลักศาสนาหรือไม่

 ??? ??? :17: :17:
86  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำอย่างไร เมื่อสหายธรรม ของเราอยู่ในสภาพนี้ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 11:23:37 pm
:67:

ผมว่า เมื่ออยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น สำหรับเราที่เป็นแค่ผู้เยี่ยม แล้วย่อมไม่สามารถหยั่งลงไปในใจของคนป่วย
ได้หรอกครับ ก็คงต้องเยี่ยมกัน แต่ควรน้อมใจกับมาที่เรา ว่าถ้าเป็นเราบ้างจะทำอย่างไร ? ผมว่าเราก็จะได้คำตอบ

เพราะชีวิตเป็นของใคร ของมัน

การอนุเคราะห์ ก็ต้องดูความเหมาะสม

เหมือนเราเห็นคนขาขาด ถามว่าเราสงสารเขาไหม ? ก็คงตอบสงสารครับ ? แล้วเราจะช่วยอะไรเขา

ถ้าไม่ใ่ช่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท จะมีสักกี่คนที่จะลงไปช่วยครับ

ในโลกนี้ มีคนที่น่าสงสารมากมาย จริง ๆ ครับ แต่เราจะช่วยคนเเหล่านั้นได้สักกี่คนครับ

ดังนั้น บรรดาพุทธสาวก จึงต้องเลือกว่าอย่ามาเกิดอีกเลย เพราะถ้ามาเกิดอีก ก็จะมีแต่ความทุกข์ มากมาย

ส่วน บรรดาโพธิสัตว์ นั้นก็ต้องช่วยครับ ช่วยคนนี้ ช่วยคนนั้น ช่วย ๆ แต่หาเหตุผล ไม่ได้หรอกครับ

เหมือนชาวนากับงูเห่า ก็ประมาณนั้นละครับ



ข้อแนะนำนะครับ
 เมื่อเราไปเยี่ยมคนป่วย อย่างนี้ครับ

1.เจริญ พรหมวิหาร 4 ครับ  เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ครับ
2.พยายามอย่าพูดมากครับ นั่งนิ่ง ๆ ยิ้มด้วยการเจริญแผ่เมตตา
3.รับปากในเรื่องที่ควรทำครับ
4.ถ้าเป็น สหายธรรม จริง ๆ ควรไปเยี่ยมอย่างน้อย อาทิตย์ ละครั้ง
5.ช่วงแรก ๆ ผมว่า นิมนต์ พระอาจารย์ ที่สหายธรรม เคารพไปด้วยจะดีครับ
6.หลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่ง แล้ว สื่อธรรมะ ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ครับ

 :25: :25:
87  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระอรหันต์ ที่เลิศทางฤทธิ์ ทำไมจึงป้องกันตัวเองไม่ได้ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 11:12:01 pm
ผมได้ศึกษา ประวัติ พระอนุพุทธ แล้ว

ก็เกิดความสงสัย กับ พระที่เลิศทางฤทธิ์ ว่าทำไม ? why ?

ยกตัวอย่าง

1. ทำไม  ? พระโมคคัลลานะเถระ เป็นผู้เลิศด้วยฤทธิ์ สามารถกำหราบได้ พญานาค ยักษ์ อสูร

     แต่ต้องมาพ่ายแก่โจรธรรมดา

2. ทำไม ? พระสารีบุตร ที่มีฤทธิ์ ต้องกระโดดข้ามคูด้วย ทำไมไม่ใช้ฤทธิ์ เดินข้ามไป

3. ทำไม ? พระอุบลวรรณาเถรี นั้น ก็เลิศทางฤทธิ์ กับโดนมานพข่มขืน

และ อีก หลาย ๆ ทำไม ?

 :smiley_confused1:
88  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 10:57:29 pm
ผมเพียงแค่ยกตัวอย่าง ให้เห็นว่า ที่แท้จริง การเป็น อุบาสิกา หรือ แม่ชี นั้นก็สามารถช่วยงานพระศาสนาได้

อยู่แล้ว ถ้าสตรีไทยเคารพในพุทธดำรัส ของพระพุทธเจ้า ก็ไม่ต้องไปดิ้นรนเรื่องเป็น ภิกษุณี ผมว่าถ้าปล่อยให้มี

ศาสนา พุทธ ในประเทศไทยต้องเสื่อมลงเร็วแน่ครับ


 ;) ;) ;)
89  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 10:54:53 pm


คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย

กับผลงานทางศาสนา แล้ว คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัยนั้น มีสานุศิษย์เรียนธรรมะ กับท่านเยอะมาก
90  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 10:52:18 pm


แม่ชีศันสนีย์

แม่ชีนั่งในท่ามกลาง ภิกษุณีต่างชาติ จะเห็นว่า สีขาวเด่นมากครับ

91  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 10:49:52 pm

แม่ชีโนรา
92  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 10:48:41 pm


แม่ชีทศพร

กับหนังสือ ที่วางอยู่ในร้าน ซีเอ็ด นั้นมีภาพเยอะมากครับ
93  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 10:47:21 pm


ภาพใส ของ อุบาสิกาแก้ว อย่างวัดธรรมกาย ก็งดงามประทับใจ

อุบาสิกาหน่ออ่อน ที่มารวมตัวปฏิบัติกันนับแสน ภาพนี้ก็ไปทั่วโลกครับ
94  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 10:46:17 pm

อุบาสิการัญจวน อินทรกำแหง
95  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 10:44:41 pm
แม่ชีในสายตาผม ก็งดงามแล้วครับ ผ้าขาว ๆ นี้ดูงาม มาก ๆ

ถ้ามาใช้ผ้าสีส้ม ๆ แล้ว หรือ สีหมาก แล้ว ผมว่าดูไม่ค่อยงาม

96  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 10:41:31 pm
ถ้ามองตามความเป็นจริงแล้ว การบวชเป็นแม่ชี ก็น่าจะเพียงพอ ถ้าผู้หญิงไม่ต้องการสิทธิสตรี เหมือนอย่างพระ

แต่ ถึงแม้เป็นพระภิกษุณี แล้ว ลำดับพรรษานั้น ภิกษุณี ก็ต้องไหว้พระบวชใหม่ในวันเดียว

ภิกษุณี ที่ผมรู้จักในประเทศไทย ก็มีหลายองค์ แต่ท่านเหล่านี้ไม่ไหว้พระสงฆ์ ครับ ส่วนใหญ่จะเดินหนี

ผมเคยตามอยู่ สองรูป เรียกว่าสิกขมานา เปิดสำนักสอนธรรมะ ด้วย


แต่ในส่วนของสำนักแม่ชี ที่ดัง ๆ นั้นก็มีมาก

ถ้าขั้นแนวหน้า ก็แม่ชีทศพร แม่ชีโนรา แม่ชีศันสนีย์ จะเห็นในรายการทีวีบ่อย ๆ

ลพบุรี ก็มีสำนักแม่ชี ล้วน เป็นที่อยู่ของแม่ชีโดยเฉพาะ ผมเคยพบที่ ซอย 6



ในแง่ของการปฏิบัติ แล้ว หญิง ชาย ก็ต่างกันบ้าง

แต่ในแง่ สิทธิสตรีโลก แล้ว ผู้หญิง ในปัจจุบัน ค่อนข้างจะทำตัวเป็นผู้ันำมากกว่า ผู้ตาม

ผมว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์คงมองการณ์ไกลไว้ จึงให้ยุติ การมี ภิกษุณี



ความงามของพระสงฆ์ไทย นั้นงดงามกว่า พระศรีลังกาอีก ระเบียบปฏิบัติก็เป็นไปในทางขัดเกลากิเลส

พระสงฆ์ ฝ่ายมหายาน ฝ่ายศรีลังกา ผมยังเคยเห็นจูงมือสีกา ก็บ่อย เล่นหยอกกับสตรี

เหมือนผมไปที่ พม่า พระนั่งชิดกับผู้หญิง หรือ จูงมือส่งของกันได้

นึกภาพดูครับ ผมเองก็ยังเคารพกับข้อวัตรของพระไทยเลยครับ ยังงดงาม กว่า นานาประเทศ



ในวงการสงฆ์ของไทย ซึ่งชาวโลกยอมรับกันว่า ปฏิบัติตามครั้งพุทธกาล ฝ่ายหินยาน เถรวาท นั้น

ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พระพุทธดำรัส



แต่ผมไปอินเดียกับ พ่อแม่ ผมมีคราวหนึ่งผมก็เห็น พระไทย นี่ละครับที่พยายามปฏิบัติตามพระมหายาน

ต่อหน้าพวกผมเลยครับ เพราะเข้าใจว่าพวกผมเป็นชาวญี่ปุ่น มีการโอบกอดอย่างอารยธรรมตะวันตก

เห็นแล้วก็อนาถ ครับ



สำหรับเรื่อง พระภิกษุณี นั้นในฐานะ พุทธบริษัท แล้วผมย่อมไม่คัดค้านพุทธดำรัส ที่ทรงประกาศยกเลิก

พระภิกษุณี ถึงแม้จะอยู่ในพุทธบริษัท

ถึงแม้ผมจะเข้าไปดูวีดีโอ ที่เว็บนั้นแล้วแต่ผมก็ยังเห็นว่า ไม่สมควรอยู่ดีในประเทศไทย

แต่ถ้ามองกันอย่าง ประชาธิปไตย ( ไม่ใช่ัธรรมาธิปไตย ) แล้วอาจจะไม่ยุติธรรมกับ สตรี

ผมคิดว่า ในประเทศนั้น มีแค่ แม่ชี ก็พอครับ ( คณะสงฆ์ไทย เปิดโอกาสให้ผู้หญิงแล้วครับ )



แต่สำหรับ คุณ สายฝน นั้นผมว่าตอนนี้ บวชใจ ก่อนครับ

มองเห็นตามความเป็นจริง แล้วเราก็โชคดี จะได้ไม่ต้องไปติดสมมุติ ครับ

เพราะการปฏิบัติธรรม แท้จริงนั้น ต้องข้ามสมมุติ เพื่อลด มานานุสัย ครับ


  :13: :13: :13: :13:
97  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / มาวิจารณ์ ให้แล้วนะครับ เมื่อ: มิถุนายน 14, 2010, 12:16:05 am
แท้ที่จริง แล้ว ก็ไม่อยากจะวิจารณ์ อะไรครับ เพราะการวิจารณ์ ก็เป็นสังขตธรรม มโนสังขาร วจีสังขาร กายสังขาร

ที่เป็นรูปแบบแห่งสมมุติ หลุมดำ และ หลุมพราง ของเจ้ากิเลสตัวอ้วน ที่อิ่มหมี พีมัน ไปด้วย ราคะ โทสะ และโมหะ

แต่เวทีความคิด ก็เป็นแค่การนำเสนอ และ อธิบายไขข้อข้องใจกันครับ

เวทีธรรมะ ไม่ใช่ เวทีนักโต้วาที

เวทีธรรมะ เป็น เวทีที่นักภาวนา มาแนะนำสหธรรมิก ด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ

ผมเห็นจุดนี้ คุณเห็นจุดนั้น

ผมนั่งรถยนต์ไป คุณนั่งรถไฟมา

ผมมาจากทิศเหนือ คุณมาจากทิศใต้

ถ้าเป้าหมาย เป็นที่เดียวกันแล้วไซร้่

ก็จะไม่มีอะไรที่ขัดข้อง กันหรอกครับ

ขึ้นอยู่ที่ วิธีการ ที่จะไปถึง สะดวก เร็ว ช้า ต่างกัน ตามอุปนิสัย และ บารมี

ถ้าเป็นนักภาวนาจริง ก็น่าจะเป็นอย่างนี้ครับ



แต่ถ้าเป็นนัก โต้วาทีแล้ว ควรอ่านสิ่งที่คุณ nathaponson โพสต์ให้อ่านนะครับว่าคืออะไร

อ่านแล้วอย่าเลือดขึ้นหน้า เพราะมิฉะนั้น แล้วก็เป็นทาส ตัวอ้วน นะครับ

นักโต้วาทีชี้แจงประเด็นได้สวยหรู เหมือน ยก เรื่อง ทอง กับ อุจจาระ อันไหนดีกว่ากัน

สุดท้ายด้วยวาทะแล้ว อุจจาระ ดีกว่า ทอง

แต่พอเอา ทอง กับ อุจจาระ มาให้เลือกเพื่อจะให้เอากับบ้าน เข้าจริง ๆ นักโต้วาทีที่ว่า อุจจาระ ดีกว่าทอง ก็ไม่

เอาอุจจาระกลับบ้าน หรอกครับ ต้องถือ ทอง กลับบ้านแน่ ๆ

ดังนั้น ถ้าเราเข้าใจ ในเรื่อง สมมุติ บัญญัติ เข้า ถึง สภาวะ แห่ง สัจจะ ก็จะเห็นเรื่องนี้อย่างเข้าใจ

ผมไปในวัด มักจะได้ยินสำนวนนี้บ่อย ๆ ว่า

คนรู้ธรรมะ ชอบเอาชนะผู้อื่น

คนมีธรรมะ ชอบเอาชนะตัวเอง



จะให้เข้าใจ ง่าย ๆ นะครับ ว่าการศึกษาหลักปฏิบัติในทางศาสนาพุทธ แล้วเป็นการศึกษาเพื่อหยุดการศึกษา

เป็นการหยุด ยั้งตัวเองออกจาก สภาวะแห่งจิต และ สภาวะแห่งภพ

มีเป้าหมาย คือ นิพพาน

มีตัวเราเป็น ผู้ไป

มีกัลยาณมิตร เป็น ผู้บอก

มีพระธรรม เป็น ระบบ

มีพระพุทธ เป็น ผู้นำมาเปิดเผย

มีพระสงฆ์ เป็น ตัวอย่าง




การใช้ วิธีการ เป็นเครื่องชี้นำนั้น ทางเดียวไม่ได้ ต้องมองตามจริต ผู้ปฏิบัติ

ถึงแม้ผมจะเห็นความสำคัญของ พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ว่าเป็นกรรมฐานที่ควรฝึก

แต่พื้นฐานการภาวนาของผมนั้น ก็ออกไปทางเซ็น ซึ่งระบบการฝึกสมาธิ ของพระมหายาน นั้นผมว่าไม่ธรรมดาครับ เท่าที่ผมได้ไปสัมผัสเช่นที่ประเทศจีน ที่เจดีย์ เมืองโซกาย ผมได้เข้าไปกราบไหว้ พระอาจารย์เว่ยหล่าง

ซึ่งสังขารของท่าน ที่นั่งมรณะภาพมา 1200 กว่าปีมานี้ ท่านก็ยังนั่งยิ้มอยู่ในท่าเดิม

===================================================

ดังนั้นถ้า เราเคารพองค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วจริง ๆ ก็ปฏิบัติ ตามที่พระองค์ทรงสอน

แต่วิธีการสอน ของพระองค์ ก็ไม่เหมือนกันทุกกลุ่ม

=====================================================
เช่น เวลาพระองค์ ไปสอน ปัญจวัคคีย์ ท่านก็ไปแสดงธรรม เรื่อง อริยสัจจะ 4 ( พระสูตรนี้ ได้พระโสดาบัน )

เวลาแสดงธรรม ให้เป็นพระอรหันต์ พระองค์ แสดง อนัตตลักขณสูตร

ตอนที่พระองค์ได้โปรด พระยส พระองค์ก็ทรงแสดงฤทธิื์ื กำบัง ให้ลูกไม่เห็น พ่อ และ พ่อ ก็ไม่เห็น ลูก และแสดงหัวข้อธรรมเดียวกัน

ตอนที่พระองค์ ไปโปรด ชฏิล 3 พี่น้อง พระองค์ก็แสดง ฤทธิ์ 2500 กว่าวิธี

ตอนที่พระองค์ โปรด องคุลีมาล ก็ใช้ ฤทธิ์

ตอนที่พระองค์ ทรงโปรด พระคิริมานนท์ พระองค์ก็สอน สัญญา 10 แทน

ตอนไปโปรดชาว กุรุ ก็สอน มหาสติปัฏฐาน

ตอนโปรด พระจูฬปันถก ก็ให้ภาวนาแต่ ผ้าขี้ริ้ว ๆ ( รโช หรณัง )

ตอนโปรด พระอดีตช่างทอง ก็ให้ เพ่งดอกบัว

นี้แค่ยกตัวอย่างให้ฟัง และพิจารณาว่า พระพุทธเจ้า องค์เดียวกันท่านสอนการภาวนาหลากวิธี

ทำไม พระองค์ไม่สอนวิธี เดียวกัน เพื่อให้เกิดมาตรฐานของผู้ปฏิบัติ

ผมว่าเพื่อน สมาชิก ก็คงคิดได้นะครับว่า ต้องเป็นไป จริต การสั่งสม บารมี ทางธรรม ของผู้ภาวนาด้วย


ดังนั้น สำหรับความคิดเห็น ที่หนึ่งนั้น ข้อความหมายความตามความคิดผมนั้น ต้องการให้ท่านไปเชื่อที่ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม สอนอย่างเชื่อ พระอาจารย์สนธยา ผู้ที่โพสต์อย่างนี้มี อคติ กับผู้ภาวนาผู้อื่น ๆ เหมือนจะบอกว่ามีแต่ที่นี่เท่านี้ที่ฝึกสำเร็จ ผู้อื่นฝึกไม่สำเร็จหรอก ถ้าไม่มาฝึกที่นี่ ผมได้ไปที่ คณะ 5 วัดราชสิทธารามมาัแล้ว อ่านหนังสือ ประวัติหลวงพ่อสุก มีการแต่งตั้ง วัดตามหัวเมือง ต่าง ๆ ตามพระราชคำสั่งจากในหลวง ให้วัดนั้นเป็นผู้แจ้งห้องนี้ วัดนี้เป็นผู้รับภาระห้องนี้ ซึ่งมีจำนวนศิษย์ กรรมฐานจากรายชือ ทั้งวัดและ พระ มากมาย เลย

ผมลองไปตามที่รายชื่อวัดปรากฏ ในเขตอยุธยา ลพบุรี และคุยสนทนา กับเจ้าอาวาส

เป็นเรื่องที่แปลกใจเหมือนกันว่า มีตำนานคำสั่งแต่งตั้งขนาดนี้ ทำไมวัดที่ได้รับการแต่งตั้งถึงปัจจุบัน ไม่มี

พระรูปไหน รู้จักพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ กันเลย

พระที่ผมเจอส่วนใหญ่ จะแนะนำกรรมฐาน ให้ผมอยู่ 3 พวกเลยครับ

1.แนะนำให้ภาวนา พุทโธ กับ ลมหายใจ เข้า และ ออก ท่านก็อธิบายว่าแค่นี้ก็พอ
2.แนะนำให้ภาวนา อานาปานสติ ก็อธิบายให้ตามดู ลมหายใจเข้า และ ออก
3.แนะนำให้ภาวนา มหาสติปัฏฐาน ก็อธิบายกันเป็นคุ้ง เป็นแคว


ดังนั้น ผมเห็นความแตกต่างในเรื่องการฝึกภาวนาแล้ว หลักการออกไปทาง ปริยัติ คือ ให้สมมุติ บัญญัติ กับผมใหม่ บางท่าน บางรูป บอกต้องศึกษา พระอภิธรรม จะได้ไม่โดนใครหลอกง่าย ๆ ( ก็งง เหมือนกันว่ายังห่วงโดนหลอกอีก )

ดังนั้น ความคิดเห็นที่ 1 ผมอ่านแล้วผมคิดว่าใจคับแคบ ไม่ประกอบด้วยความหวังดีจริง เพียงต้องการปกป้องในสิ่งที่ตนเองคิด ผมไปวัดราชสิทธาราม ผมเดินคุยกับพระวัดราชสิทธารามแล้ว ไม่เห็นรูปไหนจะสนใจการปฏิบัติ พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีแต่คุยเรื่อง อภิธรรม องค์หนึ่งละที่เห็น นอกนั้นผมเห็นคุยกันแต่เรื่องโลก

ผมนั่งกรรมฐาน อยู่บนห้องหน้ารูป หลวงปู่ทองในห้องเล็กอยู่ ร่วมชั่วโมง ก่อนลงมาบูชา หนังสือกับมาอ่าน
คุยกับพระที่นั่น ท่านก็บอกว่า แค่ ตจปัญจกะ กรรมฐานก็พอแล้ว ( อืม น่าคิด )

ผมคิดว่า ถ้าใจกว้างสักนิด พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ จะไม่สูญ

ถ้าผู้ฝึกกรรมฐาน มีปณิธาน เป้าหมายที่ พระนิพพาน จริง ๆ

เฮ้อ ร่ายมากไปแล้ว ในวันนี้ ทุกอย่างก็เป็น สมมุติสัจจะ

 ;)

ที่จริงผมรอ คุณ natthaponson วิจารณ์ก่อน แต่เห็นนำของคนอื่นมาโพสต์แล้ว ก็ถือว่า วิจารณ์ แล้วก็แล้วกันนะ

ส่วนตัวผมนับถือว่า คุณ natthaponson นั้นเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ ดูแลกระทู้มาได้ดีจริง ๆ เป็นกลางด้วย

นับถือมากกับความรู้

 :015: :015: :015: 
98  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สมาชิก ที่โพสต์แบบนี้ ไม่สมควร เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2010, 01:44:09 pm
ผมเองเป็นไม่ได้เป็นศิษย์ ในสายกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

แต่กำลังเริ่มมีความสนใจ ในการภาวนา ตามแบบนี้

วันนี้ได้ไปอ่านที่หน้าข่าวสารครั้งแรก และได้เจอหน้าข่าวสารตรงนี้

เพื่อน ๆ สมาชิก คลิ๊กไปอ่านดูได้

http://www.madchima.org/madchima/index2.php?name=news&file=readnews&id=13


อ้างถึง
ความ คิดเห็นที่ 1
พุธ ที่ 12 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2553 เวลา 21:53:10
เท่าที่ทราบที่วัดพลับมีการสอนและสอบอารมณ์และมีการยืนยัน
ว่าไค รผ่านขั้นไหนๆลองย้อนกลับไปถามว่าที่นี่มีไครสอบผ่านบ้าง
จะได้มั่นใจว่า สามารถส่งอารมณ์เราได้ เรื่องพวกนี้อย่าหลงเชื่อไคร
ง่ายๆ ในพระไตรปิฏกไม่มีกล่าวอย่าเพิ่งเชื่อนะครับ
โดย : อ    ไอพี : 125.26.7.88

ความคิดเห็นที่ 2
เสาร์ ที่ 29 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2553 เวลา 20:40:42
คห.ที่ 1 มันเกี่ยวกับอะไรกับหัวข้อ ด้านบน
โพสต์ให้มันถูกห้อง ด้วย
โดย : ฮ    ไอพี : 222.123.221.234

ความคิดเห็นที่ 3
อาทิตย์ ที่ 30 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2553 เวลา 09:31:47
เรา ว่า คห.ที่ 1 น่าจะไปโพสต์ในบอร์ด เลยนะจะได้ร่วมแสดงความจริงใจ ของจริง ไม่ต้องโฆษณา ของแท้ไม่ต้องกลัวโดนต้ม ไม่มีในพระไตรปิฏก ยิ่งโง่ใหญ่ เราเห็นหนังสือเล่มสีน้ำเงิน ที่หลวงพ่อพระครู ท่านพิมพ์มาให้อ่าน ล้วนอ้างกับพระไตรปิฏกทั้งเล่ม
โดย : ก    ไอพี : 222.123.204.198

แต่เกรงว่า เพื่อน ๆ สมาชิก จะไม่ได้อ่าน ก็ขอนำวางไว้ให้อ่านกันก่อนเดี๋ยวผมจะเข้ามาวิจารณ์ให้ฟัง
ในฐานะที่ไม่ได้เป็นศิษย์ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ


99  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ที่มาของการภาวนาแบบ “พองหนอ ยุบหนอ” เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2010, 10:38:22 am
 :smiley_confused1:

ตำนานจาก พม่า   .....

พระสงฆ์ ที่ประเทศพม่า เทียบกับพระสงฆ์ไทย แล้ว .....

ถึง พม่า และ ไทย จะเป็นสมมุติบัญญัติ ก็เถอะ

----------------------------------------------------------
ผมว่าน่าจะมี  ตำนานของไทย ด้วยนะ

แต่ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นี่เป็นตำนานไทยด้วยหรือป่าว .....

===============================================

อ้างถึง
นแคว้นสุวรรณภูมิมีพระโสณะอรหันต์ และพระอุตตระอรหันต์ นำพระพุทธศาสนามา
ประดิษฐานที่เมืองตะโทง (Thaton) หรือสุธรรมนครในประเทศสหภาพพม่า ตามประวัติได้มีการ
สืบทอดวิปัสสนาวงศ์พระอรหันต์เรื่อยมาไม่ขาดสาย จนถึงสมัยของวิปัสสนาจารย์ติรงคะ สะยาดอ
พระมโน อรหันต์ พระมิงกุลโตญ สะยาดอ และพระมิงกุล เชตวัน สยาดอ ตามลำดับ
พระอาจารย์มิงกุล เชตวัน สะยาดอ หรือภัททันตะนารทเถระแห่งเมืองมะละแหม่ง เป็นผู้ที่
มีชื่อเสียงมากในการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 จนกิตติศัพท์ของท่านขจรไป
ไกลในประเทศสหภาพพม่า
--------------------------------------------------------------------------
ในตำนานไทย ที่จังหวัด พระนครศรีธรรมราช มีบันทึกอยู่ที่วัดพระธาตุ ในการเดินทางพระโสณะ และ พระอุตระ
ทั้งสองรูป ในยุคทราวดี ซึ่งมีบรรทึกการเดินเรือสำเภา เมืองท่า ศรีทราวดี แล้วทำการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา ขึ้นไปที่ ประเทศพม่า จีน ลาว เวียตนาม มาเลเซีย อินโดนิีเซีย กัมพูชา


=========================================================

อ้างถึง
ฉะนั้นวิปัสสนาขณิกสมาธิจึงมีกำลังเท่ากับสมถอุปจารสมาธิ
และเมื่อวิปัสนาญาณสูงขึ้นถึงระดับหนึ่ง เช่น อุทยพยญาณ ภังคญาณ
แล้วก็จะมีกำลังมากคล้าย ๆ กับอัปปนาสมาธิ

ความเชื่อ ในวิปัสสนากรรมฐาน ตอนที่ผมได้ลองไปที่อาศรม วิเวกชลบุรี และ ที่ปากช่องนั้น

ทางพม่า มีความเชื่อใน ขณิกะสมาธิ ว่ามีญาณเป็นญาณหยั่งลงในวิปัสสนา่

สำหรับ ทางการศึกษาหลักธรรม ในสายประเทศไทย ส่วนใหญ่ 80 % แม้พระไตรปิฏก ก็กล่าวถึง ในส่วนพระอธิธรรม ก็แสดงถึงอุปจาระสมาธิ จึงเข้าวิปัสสนา

============================================================
ผมอาจจะยังไม่เข้าใจ อะไรดี เพราะมุ่งแต่ เข้าถึงธรรมชาติ ในวิธีแบบเซ็น เพราะผมได้ปฏิบัติตามแนวพระจีน
ตอนตาม พ่อ กับ แม่ ไปราชการที่ประเทศจีน 2 ปี

ผมชอบ โดยเฉพาะวัดเสียวลิ้มยี่ มีการฝึกสมาธิ แบบเข้าถึงธรรมชาต จิตเดิมแท้ ทำให้ตาสว่างใน สมมุติ และ
ปรมัตถ์ กลับมาประเทศไทย ก็ำไำ่้ด้คุยสนทนากับ ดร.สุวินัย ภรณวลัย ผมยอมหนังสือของ ดร.ก็หลายเล่ม
ในวิถีแห่งเซ็น นั้น

วิปัสสนา ขณิกะไม่ได้ แต่ พื้นฐานบารมีที่สั่งสมมาจากอดีตชาติ ย่อมเปิดวิถีจิตโดยธรรมชาติ ระดับ อุปจาระสมาธิ จึงมองเห็นธรรม ได้

============================================================

พอหอมปาก หอมคอ นะครับ
 :25:
100  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อสุภะกรรมฐาน พอดีไปอ่านเรื่องนี้เจอใน บันทึกภาวนาพุทโธ ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2010, 10:00:44 am
 :88: :88: :s_laugh: :s_laugh: :85: :85:

ที่สุดหนอ ที่รักหนอ  :57:
101  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ใครถนัด บรรยาย ตีิความ ภาพปริศนาธรรม มาช่วยกันครับ เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2010, 09:57:46 am
ถ้ามองที่ความหมาย ของภาพ แล้ว ผู้วาดเขียน ต้องการกล่าวถึงการแจก ดวงตาเห็นธรรม

สังเกตุว่า ในภาพนะครับ

1.คนแจกตัวใหญ่ นุ่งผ้าลาย มีผ้าสไบพาดบ่า
2.ดวงตาที่แจกมีเพียงดวงเดียว
3.การแจกมี 2 มือ
4.มือหนึ่งกำลังให้
5.อีกมือหนึ่งชู โชว์ไว้
6.กำลังมีผู้รับด้วยอาการนั่ง นุ่งผ้า สีชมพู
7.กำลังมีสวมด้วยอาการยืน นุ่งผ้า สีชมพู
8.มีผู้สวมด้วยการพนมมือ นุ่งผ้า สีขาว
9.ดวงตาที่สวมนั้น มีรัศมี
10.มีกลุ้มที่วิ่งหนีอยู่ 2 กลุ่ม
11.กลุ่มที่วิ่งหนีไม่มี ฝุ่นหมอก สี มีจำนวน 5
12.กลุ่มที่วิ่งหนีที่มี หมอกสี มีจำนวน 5 แบ่งเป็น สีดำ 4 สีแดง 1
13.มีภาชนะสีขาว ใส่ดวงตา มีนับได้แน่นอน ชัดเจน 9 ดวง เป็นภาชนะฐานกลม ซึ่งความเป็นจริงฐานแบบนี้ตั้งไม่ได้
14.แท่นรองฐาน มี 3 ชั้น มี 3 สีส้ม สีชมพู และ สีขาว
15.พื้นรอบบริเวณ เป็นสีเขียว จาง ๆ

การวิเคราะห์ โดยรวม คร่าว ๆ ของผมก็เห็นเท่านี้

ที่นี้ ถ้าบอกภาพ นี้เป็นภาพปริศนาธรรม สำหรับผม ก็เป็นสมมุติภาพหนึ่ง ปรมัตถ์แท้หาไม่ได้ เพราะไม่สิ้นกิเลส

สำหรับการวิเคราะห์เชิงธรรม

ภาพนี้คงหมายว่า ถึงพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์มาเปิดเผยโลกให้กลับสรรพสัตว์ ที่เวียนว่ายตายเกิด
การมอบดวงตา หรือการเห็นธรรม ระดับนี้หมายถึงพระโสดาบัน ( ผู้มีดวงตาเห็นธรรม )

แต่การแจกดวงตา นั้น ผู้รับ ต้องมีศรัทธา หมายถึงการนอบน้อม ลักษณะการนั่งรับ

และต้องมีความเพียรบากบั่น มั่นคง หมายถึงการยืน

และต้องมีการสำรวม หมายถึงการเคารพ

แต่ก็มีชนอีกจำนวน อีก 2 กลุ่ม คือ ฝ่าย กามสุขัลลิกานุโยค กลุ่มที่เป็นสี ซึ่งถ้าเร่าร้อนและทุกข์มาก ๆ ก็มีโอกาสเห็นธรรม
 และอีกกลุ่ม น่าจะเป็น อัตตกิลมถานุโยค กลุ่ม ฤษี พวกทรมานตน ซึ่งก็มีการปฏิบัติ ที่มีโอกาสเห็นธรรมได้มากกว่า กลุ่มแรก

ดวงตาทั้ง 9 น่าจะหมาย โลกุตรธรรม 9 มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1

ส่วนกระบะกลมนั้น หมายถึงองค์แห่งธรรม ย่อมไม่กวัดแกว่ง ไปใน นิฏฐารมณ์ แล อนิฏฐารมณ์

ฐานของกระบะ มีรากฐานมาจาก ศีล หมายถึงสีเหลือง สมาธิ หมายถึง สีิชมพู และปัญญา หมายถึง สีขาว


ถ้าจะวิเคราะห์ จริง ๆ แล้วน่าจะอธิบายได้มากกว่านี้

แต่ อธิบายไปมาก ๆ ก็เป็นเพียงสมมุติ อยู่ที่เราจะเข้าถึงธรรมชาติ ได้อย่างไรมากกว่า

ภาวนา ยึดอารมณ์ ปัจจุุบัน เป็นหลัก ยึดคุณธรรม ปัจจุบัน เป็นหลัก


 ;) ;)
102  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2010, 09:36:20 am
อ้างถึง
2. บรรยา่ยแบบ สภาวะ คือ เป็นธรรมะล้วน ๆ ผมเคยได้ยินในคณะศิษย์ สวนโมก ฯ ส่วนใหญ่เลยจะมีความเห็นว่าเป็นวันเดียวกัน

แต่การบรรยาย ทั้ง  2 แบบ โดยเฉพาะมีการบรรยายหักล้าง ในที่สุดพระสัทธรรม ก็จะต้องหายสาปสูญแน่ ๆ
โดยเฉพาะ คุณ ISSARAPAP คงชอบแบบที่ 2 แน่  :85:


แบบ สภาวะ นั้นสามารถเห็นได้ รู้ได้ ในปัจจุบัน ครับ แบบ ภพ ชาติ ที่เป็นแต่ตาย แล้วนั้นเห็นไม่ได้ครับ
สำหรับผม ยังคิดว่าไม่มีจริง ด้วยซ้ำไป การเรียน พระพุทธศาสนา นั้น พระพุทธองค์ ทรงเน้นย้ำที่ปัจจุบัน
ครับ การบรรลุธรรม ก็เป็นปัจจุบัน

การเข้าถึงธรรม ก็เป็นปัจจุบัน

ปัจจุบันดี อนาคตก็ดี
ปัจจุบันไม่ดี อนาคต ก็ไม่ดีครับ

สำหรับ การถือ ภพ ชาติ ภูมิ 4 ได้แก่ มนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พระอริยะ นั้นเป็นสภาวะทั้งหมดครับ ไมได้เป็นแต่ตาย ไม่ได้เป็นด้วยฤทธิ์ เป็นได้ที่สภาวะจิต ที่เข้าถึง หรือ เสวยด้วยอำนาจ กิเลส หรือ ธรรมะ

ดีใจ จังที่ลุง kittisak กล่าวถึงชื่อผม คอมเม้นต์ได้นะครับ

 :25:
103  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: เมื่อวานผมได้ฟัง RDN ตอนทุ่มหนึ่ง ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2010, 07:52:03 am
การภาวนาจริง ๆ ไม่มีกระบวนท่า เหมือนที่คุณปุ้ม บอกไว้ครับ

มัวแต่ตั้งกระบวนท่า ก็ไม่ทัน กิเลส ครับ

 :)
104  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ภาวนา พุทธานุสสติ ใช้คำอื่นนอกจากคำว่า พุทโธ ได้หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2010, 07:50:18 am
 :85:

พระท่านว่าไว้ ผมจำมาฝาก คุณนภา

โกรธ คือ โง่

โมโห คือ บ้า

อยากได้นักหนา ก็ทุกข์ เท่านั้นซิโยม

 :88:
105  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ภาวนา พุทธานุสสติ ใช้คำอื่นนอกจากคำว่า พุทโธ ได้หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2010, 04:20:26 pm
ความเชื่อ เป็นเรื่องส่วนบุคคล ครับ

แต่สัจจะธรรม ความจริง เป็นเรื่องของธรรมชาติ

เมื่อใจวาง ก็ ว่าง

เมื่อใจวุ่น ก็ เต็ม

 :bedtime2:

คุณปุ้ม ตอบดีครับ

 :08:
106  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เมื่อ “พระสารีบุตรไม่เชื่อพระพุทธเจ้า” และ “พระอานนท์ไม่เห็นด้วยกับพระเถระ" เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2010, 04:18:18 pm
ถ้าใจเข้าถึง สัจจะธรรม แล้วก็ข้ามพ้น สมมุติบัญญัติ

มองเห็น แท้ที่จริงก็มีแต่เพียงสมมุติ เท่านั้น

ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น

ปรมัตถ์ แท้พูดไม่ได้

 :104: :104:
107  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระผู้เป็นองค์แทน สังคายนาฝ่าย พระอภิธรรม คือใครครับ เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2010, 09:57:07 pm
อ้างถึง
ของพระคันธสาราภิวงศ์  วัดท่ามะโอ จ.ลำปาง  http://www.wattamaoh.com

มาแสดงบางส่วน เพื่อยืนยันว่า
พระอานนท์ และพระมหากัสสปะ เป็นผู้สังคายนาพระอภิธรรม

อ้างถึง
พระอาจารย์สนธยา ธัมมวังโส ท่านก็ยืนยันรับรองเยื้องนี้แก่เหล่าบรรดาศิษย์ทั้งหลาย.


จะเชื่อใคร ดี ต้องมี องค์หนึ่ง ต้องมั่ว แล้ว

จากสาระที่ได้อ่าน ของคณปุ้มแล้ว น่าเชื่อถือมาก เพราะพระอภิธรรม มีการเผยแผ่ในสายพม่ามาก ๆ  แต่พระพม่ามีจำนวนเยอะกว่า พระประเทศไทยอีก ตัวผมเองกับเคารพ พระไทยมากกว่า ด้วยจริยาวัตร เคยตาม พ่อแม่ ไป ที่พม่า อยู่เกือบ 2 ปี

แต่ผมเอง ก็ยังมีความเห็นในใจว่า ทั้งสองอัน ก็ยังมั่ว อยู่ดี
เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว พระไตรปิฏก ทำไมจึงไม่มีบันทึก ลงไปตรง ๆ เลย

ในส่วนของพระอภิธรรม ก็มีการแบ่งไม่ตรงกับการเรียบเรียงในพระไตรปิฏก ในหลักสูตร แบ่งเป็น จูฬ ขึ้นไป
แยกออกเป็นปริจเฉท ผมลองเทียบเคียงกับพระไตรปิฏก แล้ว การดำเนินเรื่องในพระไตรปิฏก กับ หลักสูตร ของพม่า ก็ต่างกัน ผมว่าในส่วนของพม่าเป็นการรจนาเรียบเรียงตามอาจารย์ครับ อ่านของแท้ ก็ต้องในพระไตรปิฏก





ในส่วนสุดท้าย นั้น ผมว่าให้เราเข้าถึงธรรมชาติ ตามความเป็นจริง ใจก็ว่าง และ ว่างจากกิเลส ก็พอครับ
ไม่ต้องไปกำหนดอะไรให้มาก กับพิธีการ เราไปสมมุติกันเกินไปครับ

พระแท้ สว่างแล้วในใจ พระจริง ก็เ้กิดขึ้นภายในใจ กิเลสนั้นก็ดับแล้ว ภายในใจ
หากใจรู้เห็นตามความเป็นจริง ผมว่านี่แหละครับชื่อว่า อภิธรรม

 :smiley_confused1: :smiley_confused1:
108  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ภาวนา พุทธานุสสติ ใช้คำอื่นนอกจากคำว่า พุทโธ ได้หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2010, 09:46:57 pm
 :smiley_confused1:

จะภาวนาจริง ก็ไม่ต้องท่อง หรอก

แค่ ระลึกให้ได้ว่า มีแต่สมมุติ ......
อ้างถึง
วิธีการฝึกแบบนี้ไม่มีในพระไตรปิฏก หรอกครับ
อาจจะเป็นการเพิ่มเติมมาเองของอาจารย์ ที่มาสอน

เห็นด้วย เพราะวิธีการฝึกแบบนี้ น่าจะเป็นการเพิ่มเติม ขึ้นมาของอาจารย์เอง

ส่วนสัจจะ ความจริง ก็คือการเข้าถึงธรรมชาติ


109  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ภาวนา พุทธานุสสติ ใช้คำอื่นนอกจากคำว่า พุทโธ ได้หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2010, 09:46:26 am
อ้างถึง
ผมเคยใช้คำบริกรรม "พุทโธ" ในการนั่งสมาธิเมื่อครั้งเริ่มฝึกใหม่ๆ

หลายปีมาแล้ว พอเริ่มไปสักพัก "พุทโธ" จะหายไปเอง

ถึงแม้จะพยายามบริกรรม "พุทโธ" ก็ทำไม่ได้ เนื่องจาก

รู้สึกว่าคำว่า"พุทโธ" เป็นส่วนเกิน



ผมเห็นด้วย ในส่วนนี้ครับ เพราะแท้ที่จริง คำภาวนานั้น ก็เป็นเพียง สมมุติ

ในส่วนปรมัตถ์สัจจะ แท้จริง แล้วก็ไม่มีครับ

การภาวนาจริง ๆ แล้ว ก็ไม่ต้องกำหนดอะไร ทำใจ เราให้เข้ากับธรรมชาติ

มองเห็นธรรมชาติ และเข้าไปสู่ธรรมชาติ

ไม่มีสมมุติ มีแต่ สัจจะ คือไม่ม่ ไม่ม่ และ ไม่มีอะไรทั้งนั้น ครับ


 ;)
110  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขอบริจาค คอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นเครื่องเปิด radio net เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2010, 11:21:13 am
มองกลับมาที่ตนเอง จะเห็นความจริง ว่าทุกสิ่งเป็นสมมุติ
สัจจะ คือไม่ต้องไปทำอะไรหรอกครับ
 ??? ??? ???

ผมว่าไม่ต้องทำ rda หรอกครับ เพราะจะทำให้เดือดร้อนเรื่องหาทุนปัจจัย
ผมดูตั้งแต่ประกาศมาก็ 2 อาทิตย์ ยังไม่เห็น rda ขึ้นเลยครับ

เว็บธรรมะมีเยอะนะครับ

ในห้อง camfog เองก็มีเยอะ ก็เงียบเหงา ทั้งหมดมี userเข้าฟังเต็มที ก็ 2 คน
พวกที่ใช้ อินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่จะสนใจเรื่องข่าวมากกว่า ไม่ก็เกมส์ หรือไม่ก็เรื่องโปรแกรม

เพื่อน ๆ ผม ที่เก่งคอม และพวกที่ใช้เน็ตบ่อย

ผมได้ไปถามว่า จะให้เข้ามาอ่านในเว็บธรรมะ นั้น ทุกคนต่างส่ายหน้า กันหมด
น่าจะไปทำเป็น สถานีวิทยุ เลยนะครับ เพราะจะได้คนที่ไม่เก่งคอม หรือ ใช้คอม มาฟังเท่านั้น
ค่าใช้จ่ายน่าจะพอกัน หรือใกล้เคียงกัน

ยาย ผมชอบฟัง am ซึ่งเป็นคลื่นมาจาก กทม. ผมก็เลยได้ฟังไปด้วย

 :smiley_confused1:

ขอโทษนะครับ ถ้าความเห็นผมออกจะไปทางไม่สนับสนุน
111  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: ไหว้พระ 9 วัด ที่สระบุรี เมื่อ: เมษายน 30, 2010, 12:41:48 am
ผมเองก็อยากประวัติ ครับ คุณธรรมธวัช สนับสนุนด้วยนะครับ
 :c017:
112  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ต้องการชนะความกลัว เมื่อ: เมษายน 02, 2010, 03:53:31 pm
ความกลัว เกิดจากจิต รับสมมุติ ว่านี่อันตราย นี่เป็นภัย นี่เป็นสิ่งมีค่า

ถ้าต้องการข้ามพ้นความกลัว ก็ต้องเข้าถึง ธรรมชาติ แห่งจิต คือไม่มีอะไร

เหมือนเด็กแบเบาะ เกิดมาไม่ต้องรับรู้สมมุติ ว่านี่มี นี่เป็น ครับ...

======================

ใจเข้าธรรมชาติ แห่งจิต ก็จะเห็นพุทธะ
113  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เวลาไ่ม่คอยท่า สายน้ำไม่รอใคร เมื่อ: เมษายน 02, 2010, 03:50:21 pm
หาที่ไหน ก็ไม่เจอนอกจากหาที่ตัวเรา

เหมือนเพชร ติดบนหมวก แล้วควานหาทั่วไป

เข้าถึงธรรมชาติ ข้ามพ้น บัญญัติ ก็ไม่มีเวลา...... ;)
114  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อัตตา ตัวตนอันนี้ มีความหมายอย่างไรคะ เมื่อ: มีนาคม 25, 2010, 10:25:31 pm
 :c017:

คำตอบกระจ่าง
อาจจะเป็นเพราะว่ายังอ่านกระทู้ไม่หมด เข้ามาอ่านไม่ค่อยทัน มีทุกวันเลยครับเว็บนี้

 :25:
115  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: มิจฉาสมาธิ และ สัมมาสมาธิ ต่างกันอย่างไร ? เมื่อ: มีนาคม 25, 2010, 10:21:06 pm
อ้างถึง
มิจฉาสมาธิ คือ ความตั้งใจมั่นที่ไม่เป็นเพื่อการละกิเลส

ส่วน
     
    สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งใจมั่นที่เป็นไปเพื่อละกิเลส

     สำหรับผม ในสติปัฏฐาน 4 สมาธิมีโดยธรรมชาติ แห่งจิต  จะเป็น มิจฉา ( ผิด ) หรือ สัมมา ( ถูก ) ไม่ได้
 ขึ้นอยู่กับ บัญญัติ สมมุติ ว่าให้เป็นถูกหรือผิด สำหรับ สมาธิโดยธรรมชาตินั้น เป็นประำัภัสสรแห่งจิตเดิมแท้ ว่างจากสมมุติ พ้นจากบัญญัติ
116  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ฝึกสมาธิ จะช่วยอำนวยชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ? เมื่อ: มีนาคม 25, 2010, 10:17:19 pm
อ้างถึง
1. การภาวนาเบื้องต้น ใน สติปัฏฐาน 4

กำหนด สติ รู้ ด้วยความไม่ประมาท ไม่มีท่าทางครับ มองเห็นความเกิด ความดับ

ตา กระทบกับ รูป กำหนดว่านั่นคือ รูป จิตรู้เป็น นาม ( เป็นปรมัตถ์สมมุติ )
หู กระทบกับ เสียง กำหนดว่านั่นคือ รูป จิตรู้เป็น นาม ( เป็นปรมัตถ์สมมุติ )
ลิ้น กระทบกับ รส กำหนดว่านั่นคือ รูป จิตรู้เป็น นาม ( เป็นปรมัตถ์สมมุติ )
จมูก กระทบกับ กลิ่น กำหนดว่านั่นคือ รูป จิตรู้เป็น นาม ( เป็นปรมัตถ์สมมุติ )
กาย กระทบกับ สัมผัส กำหนดว่านั่นคือ รูป จิตรู้เป็น นาม ( เป็นปรมัตถ์สมมุติ )
ใจ กระทบกับ อารมณ์ กำหนดว่านั่นคือ รูป จิตรู้เป็น นาม ( เป็นปรมัตถ์สมมุติ )

ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวเป็น ตน ยึดมั่น ถือมั่น มิได้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป

 :88:
117  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ทำไมพระสงฆ์ในปัจจุบันไม่รู้จัก เมื่อ: มีนาคม 25, 2010, 10:12:52 pm
 :014: สมมุติ ๆๆๆ
118  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: บารมี 10 ประการ เพื่อความเป็น พุทธะั เมื่อ: มีนาคม 25, 2010, 10:09:31 pm
อ้างถึง
๔.   พระเนมิราช   ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี   คือ ความมีจิตที่แน่วแน่สมบูรณ์

ผมอยากอ่านเรื่องนี้ ครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

:c017:
119  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การปฏิบัติธรรม ทำไมต้องแบ่งว่าเป็นกรรมฐาน นั้น กรรมฐานนี้ ครับ เมื่อ: มีนาคม 10, 2010, 11:13:46 pm
การปฏิบัติธรรม ทำไมต้องแบ่งว่าเป็นกรรมฐาน นั้น กรรมฐานนี้ ครับ

การภาวนานั้น ไม่น่าจะต้องมีรูปแบบอะไร ?
ยิ่งเราภาวนา ก็ควรอยู่ในท่าไหน ๆ ก็ได้ ไม่ใ่ช่หรือครับ ?
ทำไมต้องนั่งหลับตา ภาวนาครับ ?
ความสำคัญของการภาวนา อยู่ที่การวิป้สสนา ไม่ใช่หรือครับ ?
การวิปัสสนา ก็คือ พิจารณา ความจริง ใน กาย ใน จิต ใน เวทนา ในธรรม ไม่ใช่ หรือครับ ?

ผมว่า ทุกวันนี้ เราติดเพียงรูปแบบภายนอก ไม่ได้พิจารณา ในธรรม ตามความเป็นจริง หรือป่าว
ยังติด สมมุติ เรื่อง สำนัก โน้น สำนัก นี้
แท้ที่จริง เป็นสำนักอะไรครับ ?

พระพุทธเจ้า สอนให้เราพิจารณาตามความจริงไม่ใช่หรือครับ ?
มัวแต่มานั่งหลับตา แล้วเมื่อไร จะเข้าถึง ธรรมชาติ ล่ะครับ ?

ลองพิจารณา สติปัฏฐาน 4 ให้ดีนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา..... ;)
120  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / ภรรยา 4 คน เมื่อ: มีนาคม 10, 2010, 11:06:38 pm
เรื่องนี้ เพื่อนผมส่งเมล์ มาให้ผมอ่านแล้วเห็นว่าดี เลยขอโพสต์บ้างครับ
===========================================
ภรรยา 4 คน

ชายคนหนึ่งมีภรรยา อยู่ 4 คน

ภรรยาคนที่ 1 เขารักที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตามใจตลอดอยากได้อะไร 
เขาหาให้ทุกอย่าง 

ภรรยาคนที่ 2 เขารักมาก เขาจะทำทุกสิ่ง
ทุกอย่างเพื่อภรรยาคนนี้ 
และจะไปหาภรรยาคนนี้เสมอ 

ภรรยาคนที่ 3 เขารักรองลงมา ดูแลเอาใจใส่พอควร แวะไปหาบางเป็นครั้งคราว 

ภรรยาคนที่ 4 เขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ ไม่เคยไปหา ไม่คิดถึงเลย ด้วยซ้ำ

ต่อมาชาย คนนี้ไปกระทำความผิดร้ายแรง
และถูกจับ ต้องถูกประหารชีวิต ก่อนที่จะถูกประหาร เขาขอร้องว่า เขาขอกลับบ้าน
เพื่อไปร่ำลาภรรยาสุดที่รักซักครั้ง 
ผู้คุมเห็นใจจึงอนุญาต 
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขารีบตรงไปหาภรรยาคนที่ 1 
เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง 
และถามภรรยา คน ที่ 1 ว่า

" ถ้าเขาต้องตายภรรยาคนที่ 1 
จะทำอย่าง ไร? " 

ภรรยาคนที่ 1 ตอบน้ำเสียงที่เย็นชาว่า 
“ถ้าเธอตาย เราก็จบกัน” 
คำตอบที่ได้รับ 
เหมือนสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยง!! ลงมาที่เขาอย่างจัง 
เขารู้สึกเจ็บปวด และเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
นึกเสียดาย ว่าเขาไม่ควรทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เลย

จากนั้นเขาก็ ไปหา ภรรยาคนที่ 2 
ด้วยอาการเศร้าโศก เล่า เรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง 
และถามคำถามเดิมกับภรรยาคนที่ 2 ว่า 


" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 2 
จะทำอย่างไร? "

ภรรยาคนที่ 2 ก็ ตอบอย่างหน้าตาเฉย ว่า 
" ถ้าเธอตาย ฉันจะมีใหม่ " 
เหมือนสายฟ้า!! ผ่าลงมาซ้ำที่เขา อย่างจัง 
เขารู้สึกเสียใจมาก และนึกเสียดายว่าที่ผ่านมา
เขาไม่ควร ทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เช่นกัน 

เขาเดินคอตกมาหาภรรยาคนที่ 3 
เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง 
และถาม ภรรยา คนที่ 3 ว่า 

"ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 3 
จะทำอย่างไร? "

ภรรยาคนที่ 3 ตอบว่า 
"ถ้าเธอตาย ฉันจะไปส่ง " 
ทำให้เขาคลายความ เศร้าโศกขึ้นมาได้บ้าง 
อย่างน้อยก็ ยังมีภรรยาที่จริงใจกับเขา 

ก่อนกลับไปรับโทษ
เขานึกขึ้นมาได้ว่ามีภรรยาอีกคน ซึ่งไม่เคยไปหาเลย จึงไปหา ภรรยาคนที่ 4 และถามว่า 

" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ 4 
จะทำอย่าง ไร?" 

ภรรยาคนที่ 4 ตอบว่า 
" ถ้าเธอตาย ฉันจะตามไป ด้วย " 
แทนที่เขาจะดีใจกลับนึกเสียใจหนักขึ้นไปอีก 
เพราะ...มัน สายเกินไปเสียแล้ว ช่วงที่เขามีชีวิตอยู่
เขาไม่เคยเห็นค่าของภรรยาคนนี้ แต่ภรรยาคนนี้ไม่คิดที่จะทิ้งเขา จะติดตามเขาไปอยู่ด้วย 
แล้วชายคนนี้ก็กลับไปรับโทษประหาร
และเมื่อเขาตาย ภรรยาคนที่ 4 ก็ตายตามไป ด้วย.....

เราทุกคนก็ มีภรรยา 4 คน นี้

มีคำถามว่า ภรรยาทั้ง 4 คนเป็นใคร? คิดกันก่อนนะ แล้วค่อยเฉลย...

ทีนี้เรามาดูกันว่า 
ภรรยาคน ที่ 1, 2, 3 และ 4 
เป็นใครกันบ้าง

ภรรยาคน ที่ 1 

ร่างกายของเรา เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่ 
เราจะบำรุงบำเรอด้วยของสิ่งทุกอย่าง 
อยากได้อะไรก็หาให้ 
แต่พอเราตายมันกลับไม่ไปกับเรา 
เมื่อเราตาย ร่างกายมันก็มีค่าเท่ากับท่อนไม้
ท่อนหนึ่งเท่านั้น

ภรรยาคน ที่ 2 

ทรัพย์สมบัติ เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่ 
เราจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มันมา 
แต่พอเราตาย มันกลับไม่ไปกับเรา 
แต่ไปเป็นของคนอื่น 

ภรรยาคนที่ 3 

พ่อแม่ ลูกเมีย ญาติ พี่น้อง เพราะพอเราตาย 
เขาจะทำศพให้เรา ทำบุญไปให้
แปลว่า เขาแค่ไปส่งเราเท่านั้น 

ภรรยาคนที่ 4 

บุญกับบาป เมื่อเราตายไป 
เราไม่สามารถเอาอะไรไปด้วยได้ 
มีเพียงแค่บุญกับบาปเท่านั้น
ที่จะตามเราไป ..... 

ความเห็นผู้ส่ง
เห็นไหมว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต
แต่เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งคิดว่าเงินไม่สำคัญ 
สำคัญ … แต่
ไม่สำคัญที่สุดเท่านั้นเอง
อย่าลืม…ยังมีเรื่องอื่น
ที่สำคัญกว่าเงินอีกเยอะ 
หน้า: 1 2 [3] 4