ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - จ่าวิโรจน์
หน้า: [1] 2
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนาวิป้สสนา แบบ ง่ายที่สุด ควรทำอย่างไร คร้า.. เมื่อ: กันยายน 21, 2012, 11:17:17 pm
ขอบคุณพระอาจารย์ ครับที่ได้มาตอบ ครับ
 :25: :c017:
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฝนตกหนักที่นครพนม 14 ส.ค. 16.30 ( น้ำท่วมถนน ตามภาพ) เมื่อ: สิงหาคม 14, 2012, 08:37:46 pm
ฝนตกหนักที่นครพนม 14 ส.ค. 16.30 ( น้ำท่วมถนน ตามภาพ)
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 14 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝนตกอย่างหนักในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองนครพนม ส่งผลให้มีน้ำท่วมฉับพลัน ฝนที่เทตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักแค่ 30 นาที ทำให้ถนนหลายสายมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะช่วงถนนศรีเทพตัดกับถนนราชวงศ์ ช่วงหน้า ร.ร.เทศบาล 3 ทำให้การสัญจรไปมาเป็นไปด้วยความยากลำบาก



ที่มาข่าว
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=434448023264231&set=a.177710988937937.35246.100000971114547&type=1&theater
3  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สมาธิ กับ อุเบกขา เป็นองค์เดียวกันหรือไม่ครับ. ? เมื่อ: สิงหาคม 14, 2012, 08:00:16 pm
คุณ vongoleX 2 ภาพที่ยกมานั้น ผมไม่เข้าใจครับ ทำไม ? ภาพคนแก่เป็น สมาธิ แล้วภาพผู้หญิง เป็นอุเบกขา ครับ

   :s_hi: :smiley_confused1: :smiley_confused1:

สำหรับ คุณ nathaponson นับว่าเป็นบัณฑิต จริง ๆ ครับ ยังสามารถแยกประเด็น อุเบกขา ให้เห็นว่า มีหลายระดับ

     ที่จริง ในสมาธิ ก็มี อยู่ 3 ระดับ

       คือ ขณิกะสมาธิ  อุปจาระสมาธิ อัปปนาสมาธิ ครับ
   
    สมาธิ ที่เจริญจาก กรรมฐาน ของพระพุทธศาสนา นั้นล้วนเป็นปัญญา หมดครับ เพราะไปหน่วงที่ วิปัสสนา ทั้งหมดครับ

   :49:
4  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าผ่าสามัคคี สร้างศาลาทำบุญตักบาตร วัดแก่งขนุน 12 ส.ค.55 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2012, 09:57:22 am
อนุโมทนา สาธุ ครับ อยู่ลพบุรีครับ ไม่ไกลครับ จะไปทำบุญด้วยครับ
อยากได้รับวัตถุมงคล ที่พระอาจารย์จัดทำบ้างครับ ต้องลงชายแดนใต้อีกครับ

ไม่ทราบยังมีตะกรุดปลอกกระสุน เหลือให้บูชาอีกหรือไม่ครับ

 :s_hi: :25: :25: :25:
5  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: บูรณะสถานที่ประสูติ อีกครั้ง เมื่อ: สิงหาคม 04, 2012, 09:56:04 am
อนุโมทนา ครับ ที่ประเทศไทยเราคนไทยเรา ชาวพุทธไทยไปร่วมบูรณะ สังเวชนียสถาน ครับ
สาธุ สาธู สาธุ

 
อ้างถึง
ระหว่างวันที่ 9-16 สิงหาคมนี้ ทุกท่านก็สามารถไปร่วมบุญใหญ่กันได้ ในงาน “ลุมพินีแห่งศรัทธา ถวายแม่” เวลา 10.00-20.00 น. ณ ลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ (ฝั่งอิเซตัน) ได้เช่นเดียวกัน

   มีรายละเอียดการจัดงาน ใด ๆ หรือไม่ครับ ส่วนนี้

  :25: :c017: :c017:
6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: คนไทยจุกพ.ค.ขึ้นค่าไฟ38สตางค์ ไฟเขียวลดดีเซลอีก 1 เดือน เมื่อ: เมษายน 28, 2012, 01:40:42 pm
กรรมของเราครับ ที่ทุกสมัย ก็จะมีแต่ แบบนี้ ..... คิดว่า น่าจะแย่ลงไปเรื่อย ๆนะครับ

  :015: :015: :015:
7  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ธรรมะสาระวันนี้ "รู้จัก วิปัลลาส 4 เพื่อ รับมือกับความวิปัลลาสทั้งหมด " เมื่อ: เมษายน 28, 2012, 01:39:11 pm
เป็นบทความที่อ่านง่ายครับ ประกอบพระสูตร ครับ ผมชอบอ่านแนวนี้เช่นกันครับ

 สาธุ สาธุ สาธุ

  :25: :25: :25:
8  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อยากทราบว่า การฝึกอานาปานสติ ต้องผ่านขั้นตอนตามลำดับหรือไม่ ครับ เมื่อ: เมษายน 22, 2012, 11:29:48 pm
อัสวาตะ ปัสสวาตะ นิสสวาตะ อาตมัน สุญญัง เป็นต้น คืออันเดียวกัน

เพราะการปฏิบัติ ทั้งหมดอยู่ที่ลม ตั้งอยู่ที่ลม ดับแล้วที่ลม


อยากให้ช่วยขยายความ ในคำทั้งหมดนั้น หน่อยครับ ไม่ค่อยจะเข้าใจ ครับ

ขอบคุณมากครับ

 
 :25: :25: :25: :c017:
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ส่วนที่ ลพบุรี ตอนนี้ความเสียหายเป็นวงกว้าง ครับ ติดตามจาก.... เมื่อ: ตุลาคม 06, 2011, 09:00:26 pm
ลพบุรี ตอนนี้ดูเป็นทะเล เลยครับ

  :03: :03: :03:
10  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อความทุกข์ ลำบากเข้ามาถึง ทุกคนต่างก็ไม่ยอมกัน เพราะ... เมื่อ: กันยายน 16, 2011, 07:39:31 pm
เห็นใจครับ ตอนนี้ ที่ลพบุรี ก็เป็นทะเล อยู่หลายจุด อยู่นะครับ

 :41:
11  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ด่วน!เฮลิคอปเตอร์แบบเบล 212ลาดตระเวนป่าแก่งกระจานตกซ้ำ เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 07:56:40 am
http://pacbf1.fsanook.com/album/files/flv/348/1743017.flv




เท่านี้ครับคือ ชีวิต ของผู้ปฏิบัติหน้าที่ และ อีกหลาย ๆ ท่านที่ยังปฏบัติหน้าที่ตามชายแดนครับ

 :25: :25: :25:
12  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ด่วน!เฮลิคอปเตอร์แบบเบล 212ลาดตระเวนป่าแก่งกระจานตกซ้ำ เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 07:53:33 am
สดุดี กับเพื่อนที่จากไป
วีิีรกรรม ในหน้าที่ เป็นสิ่งที่เรารู้ดี
  ขอให้ท่านทั้งหลาย จงไปสู่ สุคติ เถิด

    ด้วยความเคารพ
      จ่าวิโรจน์
13  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / วันนี้เป็นวันครู หลังเข้าพรรษา ( อันที่จริงยังเข้าใจว่าขึ้นกรรมฐาน ใหญ่ วันนี้ ) เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 07:50:40 am
วันนี้เป็นวันครู หลังเข้าพรรษา ( อันที่จริงยังเข้าใจว่าขึ้นกรรมฐาน ใหญ่ วันนี้ )
ได้รับจดหมายแจ้งจากพระอาจารย์ เรื่อง ขึ้นกรรมฐานประจำปี
ที่เคยอธิบาย ว่าหลังเข้าพรรษา วันพฤหัสบดี ที่ 2 ของเข้าพรรษาไปแล้ว

ก็น่าจะเป็นวันนี้ แต่รู้สึกอ่านในประกาศของเว็บ แล้ว ว่าทำการขึ้นกรรมฐานใหญ่ไปแล้วในวันเข้าพรรษา
ผมก็เลย งง ๆ อยู่ ที่จริงก็ลางานไว้ เตรียมไปวัดราชสิทธาราม ( แต่ยังไงก็ไปครับ )

ขอให้ทุกท่านได้ภาวนาสำเร็จในกรรมฐานโดยไว ทุกท่าน ทุกคน เทอญ

 :25: :25: :25:
14  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระพุทธเจ้า โปรดพุทธมารดา 1 พรรษาเต็ม ไมทราบว่าพรรษาที่เท่าไหร่คะ เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 07:55:20 pm
เป็นเรื่องที่น่าสนใจ มาก ๆ ครับ

เพราะในพรรษา พระพุทธเจ้าแสดง พระอภิธรรม อยางเดียว 3 เดือน เลยนะครับ

 :character0029:
15  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: อ่านกระทู้ไม่ได้ ครับ คลิ๊กเข้าไปแล้ว เป็นหน้า ว่าง ๆ ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 07:41:49 pm
น่าจะใช้ได้แล้วนะครับ เห็นเป็นถึง บ่าย 3 นะครับ
ผมเองก็เข้าอ่านไม่ได้ แต่ดูจากหน้าหนึ่ง ที่ประกาศไว้
แสดงว่า ทางทีมงานก็ดำเนินการแก้ปัญหา อยู่

http://www.madchima.org/madchima/index2.php?name=news&file=readnews&id=192

ประกาศนี้อ่านกัน มากกว่า 250 ครั้ง ในไม่กี่ชั่วโมง แสดงว่าทุกคนสนใจในข่าวด้วยครับ

16  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / Re: http://www.watnongpahpong.org/buddha.php วัดหนองป่าพง เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 07:18:46 pm
อนุโมทนา ด้วยครับ
 :25:
17  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ขอคำแนะนำเรื่องกำหนดยุบ พอง ด้วยคะ เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 02:51:28 pm
ถ้าคุณไม่ถูกจริตกับ ยุบหนอ พองหนอ ก็ให้ทิ้งมันซะ

แล้วใช้วิธีรับรู้สัมผัส ลมหายใจเข้าออก แบบนี้คือวิธีตรงที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเลย
แล้วจะพัฒนาไปสู่รู้ลักษณะของลมหายใจด้วยก็ได้ ซึ่งมันจะพัฒนาของมันไปเอง

ส่วนยุบหนอพองหนอนั้น เป็นวิธีที่คนไทยเอามาประยุกต์อีกทีหนึ่ง ถ้าถูกจริตก็ไม่เป็นไร



ผมอยากแนะนำเพิ่มว่า เมื่อรู้ว่าคิด แล้วคุณไปดูความคิดนั้น ไม่ต้องไปบริกรรมว่า คิดหนอๆหรอกครับ


เพราะในเมื่อคุณสามารถจับความคิด หรือจับสภาวะต่างๆได้แล้ว คุณก็ย่อมจะรู้แล้วว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น สติคุณเกิดขึ้นแล้วในตอนนั้น
เมื่อคุณมีสติแล้ว และรู้จักแล้วว่าอะไรคือสติ อะไรคือสมาธิ คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปบริกรรมช่วยแล้ว

ผม ให้คุณสังเกตอย่างนี้ ถ้าคุณรู้ว่าคิด แล้วคุณบริกรรมว่าคิดหนอๆ ให้คุณสังเกตุลมหายใจของคุณตอนที่คุณบริกรรมว่า  จังหวะการหลายใจของคุณสัมพันธ์กับการบริกรรมเป็นจังหวะหรือไม่  และลองเปรียบเทียบกับในกรณีที่เราคิดฟุ้งซ่านว่า ตอนเราคิดจังหวะลมหายใจเราสำพันธ์กับตอนที่คิดหรือไม่

ถ้าใช่ นั่นแสดงว่าการบริกรรมของคุณคือความคิด ไม่ใช่สติที่รู้เท่าทันจริง   ในส่วนของคุณนั่นสติจริงๆจะอยู่ที่แว๊ปแรก  แต่ขณะที่บริกรรมอาจจะเป็นความคิดตามไปแล้ว ไม่ใช่สติแล้ว

ฉนั้นแนะนำว่า ให้ใช้สติล้วนๆในการรับสัมผัสไปเลยก็ได้ และสำหรับผมถือว่าดีที่สุด แถมยังเป็นสายตรง ไม่ใช่สายประยุกต์ใหม่
ถ้าคุณรู้จักแล้วว่าอะไรคือสติ อะไรคือสมาธิก็ไม่ต้องเอาบริกรรมมาเข้าช่วยก็ได้ คุณจะได้ไม่หลง

สติ เพียวแบบนี้แหละครับ คือสบายที่สุด เมื่อมีสติแล้วคุณจะสบาย ไร้ตัวตน แต่มีสัมปชัญญะครบถ้วน เหมือนเมื่อตอนที่คุณทำอาณาปาณสติอยู่นั่นแหละ

ตอน คุณทำอาณาปาณสติ นั้น สติ กับสมาธิจะทำงานร่วมกัน อย่างชัดเจน ตรงนี้จะมีความละเอียดระดับต่างๆลงไปอีก แต่ถ้าทำถุกต้องสิ่งต่างๆมันจะเกิดของมันเองไม่ต้องไปกังวลอะไร


ยกตัวอย่างตอนฝึกสติหรือวิปัสสนา เพื่อรับรู้ สมมติว่าฐานกาย สมมติคุณเอามือไปจับหม้อร้อนๆ
คุณ จำเป็นต้องท่องว่า ร้อนหนอๆก่อนหรือไม่มือคุณถึงจะร้อนถึงจะร้อน  คุณจำเป็นต้องท่องว่า ร้อนเหลือเกินหนอๆหรือไม่คุณถึงจะรู้สึกร้อนที่มือ

ตอบ ว่าไม่เลย ถึงแม้คุณไม่ท่องว่าร้อนหนอๆ มันก็ร้อน และคุณก็รู้สึกแล้วว่ามันร้อนและกำลังร้อนอยู่  นั่นแหละคือสติ คือการรู้ขระนั้น คุณไม่ต้องท่องคุณคุณก็รู้แล้วว่าร้อน และคุณก็สามารถพิจารณาความรู้สึกร้อนตอนนั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องท่องอะไร นี่แหละคือสติล้วนๆ

สติล้วนๆตรงๆแบบนี้ คือทางสายตรง และไม่ต้องกลัวว่าจะไปหลงว่า อะไรคือสติ อะไรคือความคิด เพราะตอนมีสติจะไม่มีความคิด

สติ นี้จึงมีประโยชน์มาก ทั้งในคนที่ชอบคิดฟุ้งซ่าน ทั้งในคนที่เป็นโรคซึมเศร้า ทั้งในคนที่เป็นโรคเพราะเครียด หรือไมเกรน เพราะเมื่อมีสติก็จะไม่มีความคิด เมื่อไม่มีความคิดก็คือการอยู่กับปัจจุบัน

และเป็นฐานของวิปัสสนา ถ้าจับหลักให้ได้ว่าอะไรคือสติ ก็จะรู้ว่าสามารถฝึกสติได้ยังไง ฝึกได้ทุกที่ทุกเวลาแล้วมันจะง่ายมากให้การทำวิปัสสนา

แค่จับหลัก ให้ได้ แล้วผลมันจะเกิดไปตามเหตุและปัจจัยของมันเอง ไม่ต้องไปกังวลว่าจะเกิดผลอะไรตามมา เพราะมันจะเกิดเองถ้าสร้างเหตุถูกต้อง

และ เมื่อคุณทิ้งแนวบริกรรมได้แล้ว และฝึกแนวสายตรงจนเข้าใจแล้วว่าอะไรคืออะไร คุณก็สามารถกลับไปฝึกแนวบริกรรมได้อีกครั้ง ในอนาคตถ้าคุณชอบ

แนว บริกรรม ถ้ายังจับหลักไม่ได้ ว่า ทำไปเพื่ออะไร กำลังจะทำอะไร และอะไรคือสติ อะไรคือสมาธิ อะไรคือความคิด ระวังจะหลงได้ และระวังจะได้แต่สมถะ  และระวังจะหลุดโลกแบบเพี้ยนในบางคน เห็นเห็นนั่น เห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เพราะเค้าหลุดจากปัจจุบันไปหลุดไปอยู่ในห้วงแห่งความคิด หรือจินตนาการแบบไม่รู้ตัว

ถ้าคุณอยู่กับสติ คุณจะสงบและเบิกบาน ตื่นตัว

แต่ถ้าคุณมีแต่สมถะเฉยๆ คุณอาจจะได้แต่ความสงบ และโปรดระวังเรื่องความเกียจคร้าน และเอื่อยเฉื่อย เชื่องช้า

จากคุณ : มังกรจักรวาล
18  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: 30 กว่าปีกับการฝึกกรรมฐาน อานาปานสติ และ กายคตาสติ เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 02:49:23 pm
วิปัสสนาญาณ
           1) คำว่า วิปัสสนา แปลว่า รู้แจ้งเห็นจริง เป็นบทที่ใช้ปัญญาโดยเฉพาะใช้ปัญญาจริง ๆ นี่ไม่ได้พื้นฐานเดิมจริง ๆ ต้องมีศีลมาก่อน เมื่อจิตมีศีลแล้ว ก็ต้องทรงสมาธิ ถ้าไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีวิปัสสนาญาณ ไม่มีผล กำลังใจจะไม่สามารถตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหานได้ ฉะนั้นคำว่า วิปัสสนาญาณก็ต้องบวกศีลกับสมาธิด้วย หรือที่เรียกว่าบวกศีลกับสมถะพร้อมวิปัสสนาญาณ
           2) วิปัสสนาญาณที่พิจารณากันมานั้น ท่านสอนไว้เป็น 3 นัยคือ
               2.1 พิจารณาตามแบบ วิปัสสนาญาณ 9 ตามนัยวิสุทธิมรรค
               2.2 พิจารณาตามนัย อริยสัจ 4
               2.3 พิจารณาขันธ์ 5 ตามใน พระไตรปิฎก ที่มีมาใน ขันธวรรค
           ทั้ง 3 นัยนี้ความจริงก็มีอรรถ คือ ความหมายเป็นอันเดียวกัน โดยท่านให้เห็นว่าขันธ์ 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาเหมือนกัน ท่านแยกไว้เพื่อเหมาะแก่อารมณ์ของแต่ละท่าน เพราะบางท่านชอบค่อยทำไป ๆ ตามลำดับตามนัย วิปัสสนาญาณ 9 เพราะเป็นการค่อยปลดค่อยเปลื้องตามลำดับทีละน้อย ไม่หนักอกหนักใจ บางท่านก็ชอบพิจารณาตามแบบ อริยสัจ นี่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบเองและนำมาสอน ปัญจวัคคีย์ เป็นครั้งแรก ท่านเหล่านั้นได้มรรคผลเป็นปฐม ก็เพราะได้ฟัง อริยสัจ แต่ทว่าทั้งสามนี้ก็มีความหมายอย่างเดียวกัน คือ ให้เห็นอนัตตาในขันธ์ 5 เหมือนกัน ท่านกล่าวไว้ใน วิสุทธิมรรค และใน ขันธวรรค ใน พระไตรปิฏก ว่า ผู้ใดเห็นขันธ์ 5 ผู้นั้น ก็เห็นอริยสัจ ผู้ใดเห็น อริยสัจ ก็ชื่อว่าเห็นขันธ์ 5
           3) เวลาปฏิบัติวิปัสสนาญาณจริง ๆ ให้เริ่มต้นด้วยการสมาทานศีล แล้วก็ทำจิตเป็น สมาธิ โดยกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกก็ใช้คำภาวนาตามพอจิตเริ่มเป็นสุขเป็นสุข ต่อไปก็ใช้ปัญญาพิจารณา การใช้ปัญญาพิจารณานี่จะไม่ทรงตัวนาน ประเดี๋ยวจิตก็เริ่มฟุ้งซ่าน ถ้าจิตเริ่มฟุ้งซ่านก็ทิ้งวิปัสสนาญาณเสีย จับสมถภาวนาใหม่ คือรู้ลมหายใจเข้าออกใหม่ ต้องสลับกันไปสลับกันมาแบบนี้ ถ้าจิตของบรรดาท่านพุทธบริษัท สามารถทรงตัวถึงปฐมฌานเพียงใด เวลานั้นเวลานั้นการกำจัดกิเลสขั้นพระโสดาบันและพระสกิทาคามีก็มีขึ้น ก็ขอแนะนำเท่านี้นะ เอาแต่เพียงว่า ถ้าจะทำวิปัสสนาญาณ ให้เริ่มจับลมหายใจเข้าออกก่อน กับคำภาวนา พอจิตเริ่มเป็นสุขพอใจเริ่มสบาย ๆ ก็ใช้ปัญญา ทิ้งภาวนาเสีย ใช้ปัญญาพิจารณา แต่ยังรู้ลมเข้าออกอยู่ ขณะใดที่ยังรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก และพิจารณาไปด้วย เวลานั้นจิตเป็นสมาธิ มีกำลังที่จะต่อสู้กับนิวรณ์ได้
           4) ก่อนที่จะคำนึงถึงวิปัสสนาญาณ ก็จงทำใจให้มีความสุขด้วยอำนาจของสมาธิจิตก่อน เมื่อจิตมีสมาธิดีแล้ว ก็ใช้ปัญญาพิจารณาให้ปรากฏ เมื่อพิจารณาไปแล้ว ถ้าหากยังเห็นไม่พอ เพราะจิตมันซ่าน ก็ดับความรู้สึกในการพิจารณาเสีย กลับมาภาวนาและทรงจิตให้หยุดในอารมณ์เดิมก่อน ให้จิตสบายเป็นสมาธิ ทำสลับกันไปสลับกันมา
           5) ถ้าใครสามารถทรงฌานได้ดี เวลาเจริญวิปัสสนาญาณนี่มันรู้สึกว่าง่ายบอกไม่ถูก เมื่อถึงฌาน 4 เต็มอารมณ์แล้ว เราจะใช้วิปัสสนาญาณก็ถอยหลังมาถึงอุปจารสมาธิ เราจะต้องตัดตัวไหนละ ตัดราคะ ความรักสวยรักงาม เราก็ยก อสุภกรรมฐาน ขึ้นมาเป็นเครื่องเปรียบ ยก กายคตานุสสติกรรมฐาน ขึ้นมาเป็นเครื่องเปรียบ เปรียบเทียบกันว่าไอ้สิ่งที่เรารักน่ะ มันสะอาดหรือมันสกปรก กำลังของฌาน 4 นี่เป็นกำลังที่กล้ามาก ประเดี๋ยวเดียวมันเห็นเหตุผลชัด พอตัดได้แล้วมันไม่โผล่นะ รู้สภาพ ยอมรับสภาพเป็นจริงหมด เห็นคนปั๊บไม่ต่างอะไรกับส้วมเดินได้ จะเอาเครื่องหุ้มห่อสีสันวรรณะขนาดไหนก็ตาม มันบังปัญญของท่านพวกนี้ไม่ได้
           6) เราจะเข้าถึงความดีได้เพราะอาศัยการฝึกฝนตน คือ จิต คำว่า ตน ในที่นี้ได้แก่ จิต ไม่ใช่ร่างกาย คือ เอาจิตของเราเข้าไปเกาะความดีเข้าไว้ ธรรมส่วนใดที่จะทำให้เราเข้าถึงพระนิพพานได้เราก็ทำส่วนนั้น ธรรมส่วนสำคัญที่เราจะเห็นได้ง่าย คือ ตัดรากเหง้าของกิเลส ก็ได้แก่ โลภะ ความโลภ เราตัดด้วยการให้ ทาน ทำจิตให้ทรงอยู่เสมอว่าเราจะให้ทานเพื่อทำลาย โลภะ ความโลภ แล้วความโลภจะได้ไม่เกาะใจ อีกประการหนึ่งรากเหง้าของกิเลสก็ได้แก่ ความโกรธ เมื่อ จิตเราทรง พรหมวิหาร 4 เป็นปกติ เพื่อเป็นการหักล้างความโกรธ เมื่อจิตเราทรง พรหมวิหาร 4 ความโกรธความพยาบาทมันก็ไม่มี ประการที่ 3 โมหะ ความหลง ตัวนี้เป็นตัวสำคัญ เป็นรากเหง้าใหญ่ เป็นตัวบัญชาการให้เกิดความรัก ความโลภ ความหลง ถ้าหลงไม่มีเสียอย่างเดียว เราตัดความหลงได้อย่างเดียว เราก็ตัดได้หมด การตัดตัวหลง ตัดอย่างไร ตัดตรง มรณานุสสติกรรมฐาน ก็คิดเสียว่าคนและสัตว์เกิดมาแล้ว ก็มีความตายไปในที่สุด วัตถุต่าง ๆ ที่เป็นสมบัติของโลก มันมีการเกิดก่อตัวขึ้นในเบื้องต้น แล้วก็สลายตัวไปในที่สุด เหมือนกัน วัตถุเรียกว่า พัง คนและสัตว์ เรียกว่า ตาย
           7) จงอย่าลืมว่า ก่อนพิจารณาทุกครั้งต้องเข้าฌานก่อน แล้วถอยจากฌานมาหยุดอยู่เพียงอุปจารฌาน แล้วพิจารณาวิปัสสนาญาณจึงจะเห็นเหตุเห็นผลง่าย ถ้าท่านไม่อาศัยฌานแล้ว วิปัสสนาญาณก็มีผลเป็นวิปัสสนึกเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งนึกนอนนึก แล้วในที่สุดก็เลิกนึก และหาทางโฆษณาว่า ฉันทำมาแล้วหลายปี ไม่เห็นได้อะไรเลย จงจำระเบียบไว้ให้ดี และปฏิบัติตามระเบียบให้เคร่งครัด วิปัสสนาไม่ใช่ต้มข้าวต้ม จะได้สุขง่าย ๆ ตามใจนึก
           8) ทุกครั้งที่จะเจริญวิปัสสนา ท่านให้เข้าฌานตามกำลังสมาธิที่ได้เสียก่อน เข้าฌานให้ถึงที่สุดของสมาธิ ถ้าเป็นฌาน 4 ได้ยิ่งดี ถ้าได้สมาธิไม่ถึงฌาน 4 ก็ให้เข้าฌานจนเต็มกำลังสมาธิที่ได้ เมื่ออยู่ในฌานจนจิตสงัดดีแล้ว ค่อย ๆ คลายสมาธิมาหยุดอยู่ที่อุปจารฌาน แล้วพิจารณาวิปัสสนาญาณทีละขั้น อย่าละโมบโลภมาก ทำทีละขั้น ๆ นั้นจนเกิดเป็นอารมณ์ประจำใจไม่หวั่นไหว เป็นเอกัคคตารมณ์ เป็นอารมณ์ที่ไม่กำเริบแล้วจึงค่อยเลื่อนไปฌานต่อไปเป็นลำดับ ทุกฌานปฏิบัติอย่างเดียวกัน ทำอย่างนี้จะได้รับผลแน่นอน ผลที่ได้ต้องมีการทดสอบจากอารมณ์จริงเสมอ อย่านึกคิดเอาเองว่าได้ เมื่อยังไม่ผ่านการกระทบจริง ต้องผ่านการกระทบจริงก่อน ไม่กำเริบแล้วเป็นอันใช้ได้
           9) การพิจารณาวิปัสสนาญาณควรมุ่งตัดกิเลสเป็นตอน ๆไป ถ้าตอนใดคิดว่าจะละให้เด็ดขาด ก็ยังละไม่ได้ ก็ไม่ย้ายข้อที่ตั้งใจจะละต่อไปในข้ออื่นต้องย้ำ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยู่ในข้อนั้น จนเห็นว่าตัดได้เด็ดขาดไม่กำเริบแล้ว จึงเลื่อนไปพิจารณาละข้อต่อไป อย่าทำแบบสุกเอาเผากินคราวเดียวมุ่งละทั้ง 10 หรือ คราวละหลาย ๆข้อ ถ้าทำอย่างนั้น จะกลายเป็นพวก โมฆกรรม คือ ทำไม่ได้ผลไป จงอย่าใจร้อน เพื่อผลแน่นอนในการปฏิบัติ
                        11) ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็น ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ นึก เห็นตามความจริง เราเรียนหาความจริงกันในหลักพระพุทธศาสนา ไม่ใช่จะมานั่งโกหกมดเท็จตนเอง ถ้าเห็นตัวเราแล้วก็เห็นบุคคลอื่น ดูหาความเป็นจริงให้พบจนกระทั่งจิตสลดคิดว่า
           ร่างกายของคนและสัตว์เต็มไปด้วยความสกปรกจริง ๆ
           ร่างกายของคนและสัตว์มีทุกข์จริง ๆ
           ร่างกายของคนและสัตว์หาความเที่ยงไม่ได้จริง ๆ
           มันมีการสลายตัวไปในที่สุด
           ไม่มีใครจะบังคับบัญชาร่างกายให้มีสภาพทรงตัว
           ไม่มีใครกล้าจะแสดงว่าเราเป็นเจ้าของร่างกายจริงจัง โดยการบังคับให้ทรงตัวได้
           ในเมื่อร่างกายมันไม่ดีอย่างนี้ เราจะไปเมามันเพื่อประโยชน์ในโลกีย์วิสัยทำไม
           12) จงคิดไว้เสมอว่าเรามีร่างกายที่ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีการสลายตัวไปในที่สุด ร่างกายเป็นเรือนเช่าชั่วคราวเท่านั้น เราจะไม่ติดในใจร่างกาย จะไม่เมาในร่างกาย เราจะไม่หวังในร่างกายต่อไปอีก ขึ้นชื่อว่าความเกิดจะไม่มีสำหรับเรา และก็ตั้งใจตัดความโลภด้วยการให้ทาน ตัดความโกรธด้วยการเจริญพรหมวิหาร 4 ตัดความหลงด้วยการยอมรับนับถือกฎของธรรม ไม่หวั่นไหวในเมื่อร่างกายมันจะเป็นอะไรเกิดขึ้น และจงมีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ คือ เป็นที่พึ่งอย่างแท้จริงด้วยความจริงใจ เมื่อเคารพแล้วก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของท่าน
           13) จงคิดว่าสิ่งใดที่เราได้มาแล้วนี้
           อันดับแรก ประการที่ 1 อนิจจัง มันเป็นของไม่เที่ยง ได้มาใหม่ไม่ช้ามันก็เริ่มเก่า เก่าไปทีละน้อย ๆ ในที่สุดมันพัง จำเอาไว้
           ประการที่ 2 ทุกขัง ทุกสิ่งที่เราจะได้มา มันได้มาด้วยความทุกข์ ของที่เราจะได้มาทุกอย่างต้องใช้กำลังกาย กำลังใจเหนื่อยยาก ต้องใช้ทรัพย์สมบัติมาก ต้องออกแรงกายแรงใจและทรัพย์สิน นี่กว่าจะได้มาจริง ๆ ด้วยความเหนื่อย การเหนื่อยเป็นอาการของความทุกข์ ไม่ใช่อาการของความสุข ถ้าเราติดมันเกินไป คิดว่ามันจะไม่พัง ก็ทุกข์ใหญ่
           จำเอาไว้เถอะว่าไอ้สิ่งที่เราได้มา จะเป็นคนก็ดี จะเป็นสัตว์ก็ดี จะเป็นวัตถุก็ดี คิดว่าคนทั้งหลายเหล่านี้ ทรัพย์สินทั้งหลายเหล่านี้ มันจะต้องจากกันระหว่างมันกับเรา หรือเขากับเรา คิดไว้เสมอว่าถ้าเขากับเราจากกัน ทรัพย์สมบัติทั้งหลายต้องจากกัน ทำใจอย่างไร ทำใจไว้ก่อน จะได้ไม่เสียใจ
           แล้วต่อมาสุดท้าย องค์สมเด็จพระชินวรกล่าวว่า มันเป็นอนัตตา ทุกอย่างจำไว้เสมอ เห็นคนก็ดี เห็นสัตว์ก็ดี เห็นวัตถุก็ดี คิดว่าคนทั้งหลายเหล่านี้แม้แต่เราด้วยไม่ช้าต่างคนต่างจะต้องตาย เราก็จะตาย เขาก็จะตาย
           หลังจากนั้นก็คิดต่อไปว่าร่างกายนี่ถ้ามันดีจริง ถ้ามันดีจริง ๆ มันต้องไม่ตาย มันต้องทรงสภาพอยู่ มันต้องทรงความเป็นหนุ่มเป็นสาว ต้องมีกำลังดี ต้องไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แล้วมันต้องไม่ตาย แต่นี่มันไม่เป็นอย่างนั้น มันมีความเสื่อม ต้องมีโรคภัยไข้เจ็บ ต้องทรมานกาย และตายไปในที่สุด คือ รวมความว่าร่างกายประเภทนี้ไม่เป็นของดีสำหรับเรา เราเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน ก็มีสภาพอย่างนี้ ถ้าเราจะเกิดต่อไปอีกกี่ครั้ง อีกกี่ปี ก็จะปรากฏมีแต่ความทุกข์ หาความแน่นอนไม่ได้อย่างนี้ รวมความแล้วก็ตัดใจตามที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงแนะนำว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายที่ประกอบไปด้วยธาตุ 4 มีขันธ์ 5 จะไม่มีสำหรับเรา สิ่งที่เราต้องการนั่นคือพระนิพพาน
           14) ถ้าเราจะเปลื้องความทุกข์จากจิต คือ เราจะเปลื้องอาการของความทุกข์ ที่เรียกว่าทุกข์ในอริยสัจทุกข์ตัวนี้ถ้าเปลื้องได้ มันก็เปลื้องหมด เปลื้องไม่เหลือ ขณะที่มีชีวิตอยู่ จิตก็เป็นสุข ตายไปแล้วก็มีสุขที่สุด คือ พระนิพพาน
           นี่เราจะเปลื้องทุกข์กันได้แบบไหน ต้องยอมรับนับถือและคิดไว้เสมอทุกขณะจิตว่า ร่างกายของเราก็ดี ร่างกายของบุคคลอื่นก็ดี วัตถุธาตุทั้งหลายก็ดี ไม่เที่ยง เห็นของใหม่ก็มีความรู้สึกไว้เสมอว่ามันจะเก่า เก่าแล้วผลที่สุดก็ทรุดโทรมแล้วก็พัง
           มีความรู้สึกว่าร่างกายของเรา ร่างกายของเขาทั้งหมดเป็นร่างกายที่ไม่มีอะไรทรงตัว
           ความป่วยไข้ไม่สบายเป็นของธรรมดา
           ความแก่เฒ่าเป็นของธรรมดา ผมหงอก ฟันหัก ตาฝ้า หูฟาง เป็นของธรรมดา
           ความตายที่เข้ามาถึงเราเมื่อไรเป็นของธรรมดา
           ถ้าจิตยอมรับนับถือธรรมดา มันก็หมดความทุกข์ชื่อว่าเป็นจิตของบุคคลที่มีความฉลาด ไม่ฝืนกฎธรรมชาติและไม่ฝืนกฎธรรมดา
           นี่การที่พระพุทธเจ้าทรงอบรมเรา ต้องการเท่านี้ ต้องการให้จิตของเรามีความรู้สึกนึกคิดว่า นี่มันเป็นธรรมดาอย่างนี้ เมื่อสภาวะความรู้สึกว่าเป็นธรรมดาเกิดขึ้น เราก็ไม่รู้สึกสะเทือนใจที่เรียกว่า สังขารุเบกขาญาณ
           สังขารุเบกขาญาณ แปลว่า ญาณเป็นเครื่องรู้ รู้ตามความเป็นจริง แล้วก็วางเฉย ในเมื่ออาการอย่างนั้นปรากฏ อารมณ์จิตไม่ทุกข์ มีอารมณ์จิตเป็นสุข
           15) ใช้ สังขารุเปกขาญาณ เฉยทั้งอาการที่เข้ามากระทบกระทั่งจิตในด้านของโลกีย์วิสัย เฉยทั้งคำชม เฉยทั้งคำนินทา เฉยทั้งได้มา เฉยทั้งเสื่อมไป เฉยหมด ไม่มีอะไรสนใจ คำนินทาว่าร้ายเกิดขึ้นกระทบใจแผล็บปล่อยหลุดไปหมด ช่างมัน ฉันไม่ยุ่งกับอารมณ์อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย จะป่วยไข้ไม่สบายมันจะแก่ มันจะจะตายก็ช่างมัน แต่การรักษาพยาบาล การบริหารร่างกายเป็นของธรรมดา ถือว่าทำตามปกติ ถ้าเขาจะถามว่า ถ้าทำจิตได้ยังนี้ยังสูบบุหรี่ไหม ยังกินหมากไหม ยังจะต้องใช้ของที่เคยใช้กับร่างกายตามปกติไหม ก็ต้องตอบว่าใช้ตามปกติ เขาไม่ได้ติด แต่ร่างกายต้องการ เหมือนกับพระพุทธเจ้าที่เป็นพระพุทธเจ้าแล้วยังฉันภัตตาหาร เรื่องอะไรที่ประสาทต้องการเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องบำรุงโดยประสาท เพื่อเราจะเอาไว้ใช้ประโยชน์ เหมือนกับคนที่ลงเรือรั่วเพื่อหวังจะข้ามฟาก ถ้าขณะใดที่ยังอาศัยเรืออยู่ เมื่อน้ำมันรั่วขึ้นมาเราก็ต้องอุด มันผุตรงไหนก็ต้องทำนุบำรุงซ่อมแซม ไม่ใช่ว่าปล่อยให้มันรั่วมันพังไปจนกว่าเราจะขึ้นฝั่งได้
           16) นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอจงถือกำลังใจ สังขารุเปกขาญาณ เป็นอารมณ์ อะไรจะเกิดขึ้นแก่ร่างกาย ก็ถือว่าเฉยไว้ เขาจะชมก็เฉย เขาจะด่าก็เฉย แล้วร่างกายจะเจ็บไข้ไม่สบายก็ทำใจสบายเฉย ๆ ยอมรับนับถือกฎของธรรมดา ธรรมดามันเป็นอย่างไร คิดว่าร่างกายขิงเรา เราต้องเป็นอย่างนั้น อย่าใช้อารมณ์ฝืนกฎของธรรมดา แล้วอารมณ์จิตของเธอจะเป็นสุข
           17) จงวางอารมณ์เสีย ใครเขาจะอย่างไรก็ช่างเขาจะดี เขาจะชั่ว เขาจะเลว เขาจะอย่างไรก็ตามเถอะ ไม่สนใจ เห็นหน้าคนเราคิดไว้เสมอว่า เป็นคนที่เราควรแก่การปราณี เห็นหน้าสัตว์ก็คิดว่าเป็นสัตว์ควรแก่การปราณี พยายามไม่ถือตน คนและสัตว์ก็ตามถือว่ามีธาตุ 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ เสมอกัน มีอาการ 32 เหมือนกัน มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเปลี่ยนแปลงในท่านกลาง มีการสลายตัวไปในที่สุดเหมือนกัน สร้างอารมณ์ให้เป็น สังขารุเปกขาญาณ ในวิปัสสนาญาณอย่างนี้ การระวังถือตัวถือตนย่อมเป็นของไม่ยาก
           18) ขอพูดย่อ ๆ อารมณ์ทำนี่ ไม่ใช่ต้องนั่งหลับตา ท่านเดินไปเดินมานั่งทำอะไรอยู่ นอนอยู่ ยืนอยู่ แล้วก็เดินอยู่ ทำอะไรก็ตาม มองดูสภาพของความจริง เห็นต้นหญ้าที่มันร่วงโรยลงไป ก็คิดว่า โอหนอ ชีวิตของคนเราก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ก็คิดมันวนไปวนมา ถอนกำลังใจให้มันติด คือ ว่าเมื่อมีอาการอย่างนี้เกิดขึ้น เราเห็นอะไรขึ้น ถ้าอาการของความทุกข์เกิดขึ้น ความขัดข้องเกิดขึ้นเราก็เฉย ที่เรียกว่า สังขารุเปกขาญาณ มันอะไรจะมาก็ช่างมัน มันจะแก่ก็เชิญแก่ ใจสบาย ๆ ถือว่าหนีความแก่ไม่ได้ ถ้าความป่วยไข้ไม่สบายมันเกิดขึ้น ทุกขเวทนามันมีกับเราก็ต้องรักษา ใจเราก็เฉย รักษาหายไม่หายก็ช่างมัน อยากจะตายเมื่อไหร่ก็เชิญ เกิดมาเพื่อตาย ใครเขาด่าใครนินทาเราก็เฉย ไอ้การชมการสรรเสริญก็ดี การด่าการนินทาก็ดี เราไม่ได้เป็นไปตามปากของเขา เราจะดีหรือจะชั่วมันอยู่ที่กำลังใจของเราเท่านั้น รวบรวมกำลังใจไว้อย่างนี้นะขอรับ เราก็เฉยต่ออาการทั้งหมด หนุ่มก็เฉย ไม่ดีใจในความเป็นหนุ่ม แก่ก็เฉย ไม่เสียใจในความเป็นคนแก่ มันจะตายก็เฉย เพราะว่าเราจะต้องตาย ตายแล้วไปไหน เราภูมิใจได้ว่าตายแล้วเราไปนิพพาน

เครดิต จากคุณ: sirnitfi
19  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://watsansuk.igetweb.com/ วัดแสนสุข เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2011, 05:28:24 pm


http://watsansuk.igetweb.com/
วัดแสนสุข


 :s_good:
20  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญร่วมบริจาคเข้า"โครงการอุทยานธรรม" บูชาคุณ "หลวงพ่อพุธ ฐานิโย" เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 11:22:17 pm
สาธุ

 ;) :25:
21  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: RDN ( Radio net online ) ทดสอบสถานีวิทยุ มัชฌิมา อาร์ดีเอ็น เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 11:21:53 pm
มาดึกวันแรก ครับยังไม่ได้รับฟัง แต่อยู่ภาคใต้ก็ฟังผ่านเน็ต เสียงดีครับ

 :25: :25:
22  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: ขึ้นพระกรรมฐาน ใหญ่ ครั้งที่ ๒๒๘ ณ คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 11:21:03 pm
อนุโมทนา เสียดายเป็นวันทำงานครับ

 :25: :25:
23  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: สีจิต แสงจิต คืออะไร เกี่ยวข้องกับ กรรมฐาน หรือป่าวคะ เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 11:20:08 pm
ไม่เข้าใจคำว่า สีจิต หมายถึงอะไร ใช่ นิมิต หรือป่าวครับ

  ???
24  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: สมาธิ กับ ปัญญา อะไร ควรจะมาก่อนคะ เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 11:19:30 pm
ถ้าไล่ตามนี้นะครับ หนังสือประกอบของพระอาจารย์ฺ เล่มอุปสมบถ นะครับ มีกล่าวเรื่องนี้อยู่บ้างครับ

ศีล

1.ศีล ปุถุชน

2.ศีล กัลลยาณชน

3.ศีล พระอริยะชน

สมาธิ

1. ขณิกะสมาธิ

2. อุปจาระสมาธิ

3. อัปปนาสมาธิ

ปัญญา

1.สุตามยปัญญา

2.จินตามยปัญญา

3.ภาวนามยปัญญา


ถ้าจากที่แสดงแล้ว ต้องแบ่งระดับของบุคคลด้วยครับ


คือถ้าเป็น ปุถุชน นั้น การมีศีลต้องมีก่อน เพราะมีเป้าหมาย คืออยู่รอด ไม่เบียดเบียนกัน

   ถ้าเป็น กัลยาณชน นั้น การมีศีลก็เพื่อเป้าหมายที่มีความสุข สงบ

   ถ้าเป็น อริยะชน นั้น การมีศีล เพื่อพระนิพพาน

ดังนั้น ถ้าไล่แล้ว สมาธิ ก็ต้องมีระดับ ที่ต้องการ ปัญญา ก็มีระดับ ที่ต้องการ


ถ้ามุ่งเป็น พระอริยชน ก็ต้องเจริญ อริยะมรรค


แน่ละัครับ ตามลำดับ ครับ

1. สัมมาทิฏฐิ 2. สัมมาสังกัปปะ เป็นเรื่องของปัญญา เพื่อระบุเป้าหมาย ดังนั้นปัญญา ต้องมาก่อนครับ

3. สัมมาวาจา  4.สัมมากัมมันตะ 5.สัมมาอาชีวะ นั้นเป็นเรื่อง ศีล ดังนั้น ศีลจึงต้องพัฒนาเป็นลำดับสองครับ

6. สัมมาวายามะ 7.สัมมาสติ 8.สัมมาสมาธิ นั้นเป็นคุณธรรม สนับสนุนปัญญา ต้องมีตามลำดับสุดท้าย


ดังนั้นสังเกตุ ที่พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น เป็นการสอนสมาธิ

ซึ่งเป็นชุด สุดท้ายในเรื่อง ของ อริยะมรรค ดังนั้นผู้ที่ตั้ง ปัญญา และ ศีล มาดี พอได้ปฏิบัติ ก็ประสพความสำเร็จ ในการภาวนาครับ

 ;)
 
25  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: เรื่อง ของควันธูป คะ เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 11:08:35 pm
ผมว่าจุด สัก 3 ดอก ก็ไม่น่าจะเป็นไร นะครับ

ที่จริง โดยส่วนตัวผมนั้น ว่ามีสารที่อันตรายยิ่งกว่าควันธูป ที่เราสัมผัสกันบ่อย ๆ อยู่อีกมากเลยครับ

เช่นบนท้องถนน อย่าง ลพบุรี และ สระบุรี นี่ครับ เวลาจอดรอไฟเขียวแดง ยิ่งถ้าเป็น มอร์เตอร์ไซด์ ด้วยแล้ว

นะครับ อากาศเป็นพิษ ยิ่งกว่า ควันธูป อีกนะครับ

หรือว่า สารอาหาร ที่เป็นพิษ เช่นผักไม่ปลอดสารพิษ

หรืออาหารเน่าบูด หมดอายุ หรือ พวกของมึนเมา บุหรี่ กัญชา เป็นต้น ครับ

ดังนั้นผมว่า จุดธูป สัก 3 ดอก ในห้องพระ ที่มีอากาศถ่ายเท ก็ไม่น่าจะัเป็นไร

บางทีผมเห็นห้องพร ติดเครื่องฟอกอากาศด้วย ยิ่งน่าจะปลอดภัยนะครับ

 ;)
26  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: การทำบุญอุทิศส่วน กุศลนั้น ผู้ที่เป็นญาต ของเรา ผู้ใดจะได้รับบ้าง เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 11:04:16 pm
เท่าที่ผม เคยสนทนากับพระอาจารย์ ท่านเคยกล่าวว่า

บุญอุทิศ กุศลให้กับ เปตร สัมภะเวสีบางพวก อันนี้ได้ครับ

แต่สัตว์นรกนั้นไม่ได้ครับ ต้องเปลี่ยนเป็นแผ่เมตตาแทนครับ

ส่วนเทวดา พรหม นั้นไม่ได้ครับ พระอริยะนั้น ยิ่งไม่ได้เลยครับ

แต่บุญนั้นได้ผลโดยตรงกับผู้มอบให้

และจะมีผลมากที่ผู้รับ นั้นคือใคร

สูงสุดคือถวายสังฆทาน ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานครับ ได้อานิสงค์ผลบุญมากที่สุด

รู้สึกว่า พระอาจารย์จะกล่าวพระสูตร บทหนึ่งจำไม่ได้เรียกว่า พรหม...อะไรนี้ละครับ

ต้องรบกวนคุณปุ้มแล้ว นะครับเรื่องนี้

 ;)

ว่าแต่คุณปุ้ม เห็นว่าไปฝึกฝน ตนเองมา 9 วันผมติดตามอ่านอยู่ ไม่มีเรื่องการไปฝึกฝน 9 วัน มาเล่าบางหรือครับ
 :08:
27  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ถ้าเรามีผู้หญิง มาชอบ เราหลายคน การที่เราต้องคุยดี ๆ กับทุกคนนั้นเป็นบาปหรือป่าว เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 10:59:12 pm
ระวังเป็นบาป นะครับ ในฐาน หลอกลวง สาว ๆ นะครับ

เด็กสมัยนี้ ถ้าไม่ได้ผ่านการฝึกฝน ธรรมะ มาแล้ว มักจะมีปัญหานะครับ

เห็นไหมครับว่า มีการตบตี กันอย่างในละคร เลยนะครับ ทั้งที่อายุบางคนก็ไม่เกิน 15 ปีเลย

มีการดักทำร้ายกันอีกต่างหาก ทางที่ดี ก็ปฏิเสธ ไปให้หมด ก็ดีนะครับ

แล้วมุ่ง เรื่องเรียนก่อน อย่าไปเอาใจ คนนั้น คนนี้มาใส่ในใจมาก เพราะอาจจะทำให้เราใจอ่อน

เพราะความอ่อนไหว ปรบมือข้างเดียวก็ไม่ดัง

ยกเว้นปรบมือ แบบธรรมะ นะครับ ถึงจะมีเสียง

 ;)
28  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ถ้าเรามีญาต ป่วยโดยการนอนเฉย ๆ เป็นเดือน ๆ แล้วช่วยอย่างไรคะ เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 10:56:04 pm
ถ้าอยู่ ใกล้ ๆ ก็น่าจะไปพบพระอาจารย์ หรือ นิมนต์ พระอาจารย์ ไปเยี่ยมคนป่วยนะครัีบ

 ;)
29  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ุถ้าเราเลือกเรียนในวิชา ที่ชอบ จะเป็นบาปหรือป่าว คะ เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 10:55:06 pm
ผมเอง ก็มีลูกชาย ครับตอนนี้ก็ รุ่น ๆ ครับ

ตั้งใจจะให้เป็น ทหาร เหมือน พ่อ เหมือนที่ผม รับช่วงจากพ่อ

แต่ ลูกชาย ผมกับ เกลียดชีวิตทหาร และ บ่นให้ผมฟังเรื่อยๆ ครับ เป็น ทำไม ทหาร ไม่เห็นจะรวยเลย

ตกลงผมต้องการ ลูกชายไม่ต้องการ เพราะลูกผมไม่ชอบการฝึกทหาร ไปเรียน รด. ยังบ่นเลย

สรุปแล้ว ลูกชายผม เลือกอาชีพช่าง ไปเข้าเรียนที่ วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี ครับ ปัจจุบันก็เรียน ปวส. สายไฟฟ้า

เฮ้อ ชีวิต คนต้องการอะไรจะให้สมหวัง นั้นเป็นเรื่องยากเย็นครับ

สำหรับผม ก็อึมอยู่เหมือนกัน เพราะที่จริงลูกชายผม นั้นหวังจะให้เป็นนายร้อย จปร. กับเขา เพื่อเชิดชูวงศ์ตระกูล

ครับ เพราะ พ่อ ผมก็อยากให้ผมได้ ติดดาว แต่ผมก็ใกล้ เกษียณแล้ว อีก 10 ปี ยังอยู่แค่ จสอ.เลยครับไม่ไป

แล้วครับ ตัน แล้ว ครับ

ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ ก็คือ ปลงครับ เพราะ ชีวิต เป็นของใคร ของมัน คนที่จะลิขิต ชีวิตผู้อื่นนั้น ทำได้ก็ดี

ครับ แต่สำหรับผมตอนนี้ผมก็แค่ หวังว่า ลูกชายผม จักเป็นคนดีของชาติ บ้าน เมือง และ ตระกูล ครับ

จะเป็นอะไร ก็อยู่ที่เราเลือก ที่สำคัญที่สุด ลองคุยกับ คุณพ่อ คุณแม่ ดูก่อนนะครับ

พ่อ แม่ สมัยนี้ ไม่ค่อยจะ เจ้ากี้ เจ้าการ ลูก ๆ แบบ เมื่อก่อนแล้วครับ

เพราะว่าอาชีพในปัจจุบัน ค่อนข้างจะเป็นมาตรฐาน มีเกรียติในตัว อยู่แล้วครับ

 ;)
30  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เห็นเพื่อนแอบไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชาย ในระหว่างที่ไปเรียน เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 10:46:57 pm
ผมว่าดู อารมณ์ ของ พ่อ แม่ เขาด้วยนะครับ ว่า พ่อ แม่ เขา ok หรือป่าว

ส่วนใหญ่ พ่อ แม่ ที่ลูก มีพฤติกรรมอย่างนี้ จะเป็น คุณพ่อ คุณแม่ ที่ไม่ค่อยมีเวลากับลูก

และ ที่สุด พอเกิดปัญหา แล้ว ก็ ระเบิดโทสะ ในกรม เห็นอยู่เป็นประจำตามบ้านพักครับ

อาจจะเป็นเพราะการอบรม ส่วนหนึ่งครับ

ทางที่ดี ปรึกษาคุณครูก่อน ก็ดีนะครับ

 ;)
31  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เล่นเกมส์ คอมพิวเตอร์ เป็นการฝึกสมาธิ หรือป่าว เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 10:41:44 pm


เด็ก 5 ขวบ เล่น รูบิด
32  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เล่นเกมส์ คอมพิวเตอร์ เป็นการฝึกสมาธิ หรือป่าว เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 10:38:44 pm
ที่จริง ก็ไม่ถนัดตอบ ครับ

แต่ผมก็ว่า ต้องมีสมาธิ ครับ วันก่อนผมดู หลาน อายุ 11 ขวบ เล่นเกม คล้าย ๆ กีต้าร์ ครับ

ภาพในจอขึ้นไวมาก มีการกด อีรุงตุงนังเลยครับ แต่ผมต้องเชื่อครับว่า กดได้ถูกหมดเลยครับ

เกมนี้ถ้าต่างประเทศ ครับเด็ก 9 ขวบก็เล่นได้ครับ

33  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: วัตถุมงคล เช่น พระสมเด็จ และ ตะกุด จะช่วยป้องกันภัย ได้จริงหรือครับ เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 10:29:36 pm
เชื่อเถอะครับ แค่ ตะกุดปลอกกระสุน หนึ่งดอก กับ สมเด็จอะระหัง 1 องค์ และผ้ายันต์ปราสาทจักรพรรดิ์ 1 ผืน

ตอนผมลงปฏิบัติงานที่ 3 จังหวัดชายแดนครับ


ไม่เคยขาดจากตัว จนผมกลับมาประจำการที่บ้านครับ

1 ปี ที่ไปอยู่ครับ ผมเชื่อมั่น ใน 3 สิ่งที่พกไว้

ส่วนเพื่อนผมครับ ที่ไปพร้อมกัน ก็เป็น วีรบุรุษ ไปแล้วครับ

ไม่พกไม่มี

สมัยรุ่นพ่อผมนั้น ตอนท่านไปรบที่อินโดจีน ครับ สิ่งที่ติดตัวตอนนั้น พระพุทธชินราช รุ่น อินโดจีนครับ

เป็นสรณะ ที่พึ่งครับ และ เป็นที่กล่าวขวัญถึงมาก กับ วัตถุมงคล ชิ้นนี้

แต่ผมไม่ได้อยู่ในยุคนั้น และ ไม่ได้มรดกไว้ ครับ พี่น้อง เอาไปหมด

ดังนั้น 3 สิ่งที่ผมไม่ขาดจากตัวผม เพราะผมเชื่อมั่นใน ครู อาจารย์ ครับ

 :25: :25:
34  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ไปงานศพ ทำไมต้องให้พวงหรีด เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2010, 04:08:30 pm
ใครรู้ประวัติ เรื่องไปงานศพ ต้องให้พวงหรีด บ้างครับ

ผมสงสัยมานานแล้ว จะถามผู้รู้ ก็หายาก

พอดีเห็นพระอาจารย์ ไปงานศพที่นครนายก

ก็เลยนึกได้ว่า "น่าจะถามเรื่องนี้กันหน่อย"

วานผู้รอบรู้่เช่น คุณ nathaponson ด้วยนะครับ

ตามอ่านเรื่อง คุณแล้วไม่ผิดหวังกับเนื้อหา จริง สมกับเป็นผู้ภาวนาจริง ๆ
 :08:
 :25:
35  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขอบริจาค คอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นเครื่องเปิด radio net เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 06:57:53 am
คอมเก่า กว่ารุ่นที่พระอาจารย์ต้องการเอาหรือป่าวครับ ที่บ้านมีอยู่ 1 เครื่องครับไม่ได้ใช้เลยครับ

spec pIII แรม 64 mb hdd 20 gb
36  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขอบริจาค คอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นเครื่องเปิด radio net เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 06:55:18 am
คุณ translate คิดเหมือนผมหรือป่าว

ผมคิดว่า จะช่วยบริจาคให้พระอาจารย์



พระอาจารย์ ช่วยลงหมายเลข บัญชีได้ไหมครับ ผมจะโอนเงินให้พระอาจารย์ครับ

ไม่สะดวกที่ไปวัดครับ ผมประจำการอยู่ที่ ยะลา ครับ


37  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: คำอธิษฐาน กับเรื่องบังเอิญ ? เมื่อ: เมษายน 30, 2010, 08:29:18 am
เมื่อวานผมกำลังขับรถอยู่ ถึงตลาดโต้รุ่ง เห็นท่าน ไม่รู้จะทำอย่างไร บีบแตร เรียกท่าน


ท่านหันมาโบกมือ


ผมกลับจาก ยะลา มาวันแรก ก็ได้พบท่าน โดยบังเอิญเหมือนกันครับ

 ;)
38  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / อธิษฐาน ให้ปลอดภัยด้วยเถอะ เมื่อ: เมษายน 02, 2010, 08:19:40 am
ผมเข้าไปอ่าน ต้องการชนะความกลัว แล้วผมก็นึกถึงผม ตอนนี้ผมปฏิบัติงานอยู่ที่ นราธิวาส ครับ

พูดถึงผมก็กลัวครับ เพราะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ในเขตที่ไม่ปลอดภัย.....
แต่ผมชนะความกลัวอันนี้ได้ ด้วย....สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นำติดตัวมาครับ .....ถึงแม้ผมได้อ่านเรื่อง

กราบพระพุทธ ระวังสะดุดทองคำ แล้ว...
แต่ตอนนี้สิ่งที่ผม จะต้องพึ่งนอกจากตัวผมเองแล้ว ก็มี พระพุทธติดตัวอยู่ องค์หนึ่งนี่ละครับ
กับคำอธิษฐาน ขอให้ปลอดภัย
------------------------------------------------------------------

การร้องขอ หรือ อธิษฐาน ขอให้ปลอดภัย ดูแม้ว่าจะเป็นเรื่องการกลัว.. แต่สถานการณ์อย่างผม
ก็ทำได้เท่านี้ ละครับ

=====================

ขอให้ทุกท่าน ปลอดภัย สุขสวัสดี
ผมได้โทรไปหา พระอาจารย์ ขอให้ท่านให้พร ถึงแม้ว่าท่านจะพูดปลอบใจให้ผม

แต่ พร ที่ท่านให้ผมนั้น ผมก็ดีใจมากครับ
==========================
 ;) :25:
39  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / การเรียน ทำไมไม่ช่วย ให้มนุษย์พ้นจากอบายภูมิ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2010, 06:53:49 pm
ผมมีเพื่อน ที่พยายามศึกษา เล่าเรียนกัน ไม่ว่าจะเป็น ป.ตรี ป.โท
ผมเห็นเพื่อนไปเรียน แล้ว

มองเห็นเพื่อน.... ก็ไม่หยุด การเบียดเบียน
                   ก็ไม่หยุด การโกง
                   ก็ไม่หยุด หรือสงบ ในความพอดี เป็นต้น

ช่วยกันวิเคราะห์ หน่อยครับว่า
ทำไม การเรียน การศึกษา เหล่านี้ จึงไม่ทำให้คนทั้งลาย ดีขึ้นมา :coffee2:
40  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / น้ำใจ น้ำคำ น้ำใส คุณธรรมพื้นฐานของมนุษย์ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2010, 06:49:53 pm
 :welcome:

น้ำใจ คือเป็นคนมีความใจกว้่าง อ่อนโยน มองเห็นแก่ส่วนรวม

น้ำคำ คือการพูด ในทางสร้างสรรค์ ไพเราะ

น้ำใส คือความจริงใจ ในทุกกรณี

น้ำแรง คือแรงกายที่มุ่งมั่นต่อความดี

โอวาทของ ผู้บังคับบัญชาผม หน้าเสาธง

นำมาฝากเพื่อน ๆ สมาชิก ครับ
หน้า: [1] 2