ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - tcarisa
หน้า: [1] 2 3
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เว็บกรรมฐาน เป็นเว็บที่มีเนื้อหา ด้านการภาวนามาก คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบ เมื่อ: มีนาคม 09, 2015, 10:31:29 am

ขอบคุณภาพจาก เว็บสมเด็จสุก





เว็บกรรมฐาน เป็นเว็บที่มีเนื้อหา ด้านการภาวนามาก คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบ

  จากการที่เรา ได้ช่วยร่วมเผยแผ่ ส่งต่อข้อความ ของเว็บและกระจาย เรื่องราวทางด้านกรรมฐาน กับเด็ก ๆ นักเรียน ตลอดถึงผู้ปกครอง หลายปีมานี้ ก็พอสรุปปัญหา ได้

   1. คนส่วนใหญ่ มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่สนใจเรื่อง กรรมฐาน คือ ไม่คิดจะภาวนากรรมฐาน ชอบฟังธรรม แบบเบา ๆ สบาย ๆ หัวเราะ ยิ้มแย้ม ฟังแหล่ คุยเล่น คะ

    นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ถึงแม้ว่าเราจะพยายาม ชักชวน คนเข้ามาสนใจ ในพระกรรมฐาน สายนี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

   2. การปฏิบัิตเรียนธรรม กรรมฐาน สายนี้ มีข้อเสียเรื่องแรก และเป็นเรื่องสำคัญ คือ การขึ้นกรรมฐาน คนส่วนใหญ่ ไม่ชอบการขึ้นกรรมฐาน เมื่อเราจะกล่าวเรื่องกรรมฐาน ที่เกินขอบเขต ของ คนทั่วไป ก็จะมาติดเงื่อนไข นี้ ทันที เพราะเราไม่สามารถ ชักชวนให้เขาไปขึ้นกรรมฐาน ได้

   3. การไปแจ้งกรรมฐาน มีระยะไกล เกินไป คือ กทม. วัดราชสิทธาราม ผู้สอนปัจจุบัน เท่าทีดูมีเพียง สอง รูป เท่านั้นที่สอนทีเป็นทางการ คือ หลวงพ่อพระครูสิทธิสังวร และ พระสนธยา ธัมมะวังโส

    ดังนั้นเรื่องกรรมฐาน คนส่วนใหญ่ พอจะถามว่า แล้ว พระสองรูปนี้เป็นใคร ปรากฏ พอตอบออกไป ไม่มีใครรู้จักได้ยิน ไม่มียศอย่างพระอาจารย์สนธยา ไม่มียศ ก็ไม่เป็นที่ใส่ใจ ทันทีสำหรับ การชักชวน ที่ผ่านมา ถ้าเทียบกับ ชักชวนไป ฟัง มหาสมปอง แล้ว คนมีมากกว่า สนใจมากกว่า

   4. การเรียนวิชา ของกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ค่อนจะลึกลับมากขึ้น โดยเฉพาะวิชา ทางสายพระอาจารย์สนธยา นั้น ก็เริ่มจะลึกลับเดาได้ยาก ได้ฟังแล้ว อึ้ง ประมาณนี้ ส่วนตัวมองว่า เราต้องรู้ขนาดนี้เลยหรือ ในการฝึกกรรมฐาน ต้องเดินจิต ขนาดนี้เลยหรือ ปล่อยว่างไม่ได้ เลยหรือ

     และยิ่งมีความรู้สึกว่า ถ้าไม่ได้ ฌาน จริง หรือ มี ฌาน มาก่อน ไม่สามารถที่จะเรีิยนกรรมฐาน ขั้นสูง จากครูอาจารย์ ที่นี่ได้เลย

    5. กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นกรรมฐาน ที่ฝึกได้ยาก กว่า การฝึก ยุบหนอ พองหนอ ดังนั้นตอนนี้ ที่ โรงเรียน มหาลัย ตลอดถึงชุมชน สนใจการฝึก ยุบหนอ พองหนอ ในสาย มหาสติปัฏฐาน สี่ มากกว่า

    6. มีพระในสาย มหาสติปัฏฐาน กล่าวว่า สายกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นสายเยิ่นเย้อ และไม่พูดสนับสนุนว่ากรรมฐาน สายนี้ เป็นสายดั้งเดิม แต่ มีลักษณะการพูดโจมตี ทางอ้อมว่า เป็นกรรมฐาน กลายพันธ์ มาจากไหน ไม่มีประวัติชัดเจน และมักพูดว่า ถ้าเป็นของเดิมจริง ทำไม่ไม่มีใครรู้จัก กรรมฐาน สายนี้เลย

     ทางภาคเหนือ ไม่มีใครรู้ัจักกรรมฐาน นี้ รวมทั้ง พระ

    7. เมื่อกล่าวถึงเรื่อง คำอธิษฐาน กรรมฐาน ที่ลงท้าย สัมมา อรหัง แล้ว คนส่วนใหญ่ มักจะฟันธง ว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ แตกแขนงมาจาก วิชชา ธรรมกาย ของ หลวงพ่อสด ซึ่งมีผลกับกลุ่มที่ไม่ชอบ ธรรมกาย ก็บอกว่า ลัทธิใหม่ มาอีกแล้ว ในขณะเดียวกัน พวกธรรมกาย เอง ก็บอกว่า พูดทับถมว่า แตกแขนงไปเป็นอีกวิชา หนึ่ง จากเขา เอาไปลอกเลียนแบบ รวมทั้งเรื่องการเดินจิต ไปด้วย เลยกลายเป็นว่าไม่ดี ทั้งสองฝ่าย

    8. เด็ก ๆ ไม่ชอบกรรมฐาน และ ไม่ชอบกรรมฐาน เขาชอบหายใจเข้าออก พุทโธ ไม่เกิน 10 นาที เอาเข้าจริง มากกว่า 10 นาที ยังทำกันไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จ

    9. เว็บมี่เนื้อหา ค่อนข้าง จะหนัก

    10. ทางภาคเหนือ ตอนนี้ นิยมแบบ แนวทางสวนโมกข์ พวกสวนโมกข์ ก็มักจะโจมตี บอกว่ายังมีเรื่อง งมงาย เช่นการปลุกเสก สร้างพระเครื่อง ทำยันต์ ตะกุด เหล่านี้เป็นต้น เขามองเป็นเรื่องหลอกลวง ไสยศาสตร์ สรุป แนวร่วมกับทางสวนโมกข์ก็ไปไม่ได้

    11. กลุ่มที่เป็นศิษย์ สายหลวงพ่อฤาษี บอกว่า การฝึก กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ขั้นตอนเยอะเกินไป สู้ แบบ มโนมยิทธิ ไม่ได้ ดังนั้น กลุ่มนี้ก็ปฏิเสธ เช่นกัน

     สรุปหลายปี มานี้ เราไม่สามารถชักชวน ผู้เข้าร่วมฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ได้ มากกว่า 100 ท่านเลย แล้ว ทางกลุ่มเราเอง ก็คิดว่า กรรมฐาน สายนี้ น่าจะยากมาก หรือ สูงเกินจริตวาสนา ของเรา ด้วย

   ก็เป็นสรุป ฝากพระอาจารย์ และ ทีมงาน ด้วยนะคะ ว่าประเด็นปรับปรุง จะทำอย่างไร ในการชักชวนคนเข้าร่วมเรียน ฝึกภาวนากรรมฐาน สายนี้


   thk56 thk56 thk56

 ขออนุญาตเพิ่มภาพ เพื่อให้หลาย ๆ คนได้มองเห็นวิธีการเดินจิต ห้องหนึ่งไปด้วย และเพ่ิมขนาดอักษร เพื่อให้เด่น
นับว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก สำหรับ ทีมงาน มัชฌิมา สระบุรี นะครับ ขอบคุณมากที่แสดงความเห็น

   :49:
2  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / นึกว่า นักโพสต์ หน้าใหม่ มาโพสต์ แต่อ่านไป อ่านมา คุ้น ๆ การโพสต์ เมื่อ: มีนาคม 20, 2014, 05:14:14 pm
นึกว่า นักโพสต์ หน้าใหม่ มาโพสต์ แต่อ่านไป อ่านมา คุ้น ๆ การโพสต์

  raponsan อ่าน ว่า ระพนสัน ใช่หรือไม่


  :88: :58:
3  เรื่องทั่วไป / ประกาศ โฆษณา ธุรกิจชาวธรรม / เสนอทางทีมงาน เรื่องการควบคุม เรื่องการโพสต์ โฆษณา การพนัน เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 08:23:08 am
[๑๘๒] ดูกรคฤหบดีบุตร

โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการเหล่านี้ คือ

ผู้ชนะย่อมก่อเวร ๑
ผู้แพ้ย่อม เสียดายทรัพย์ที่เสียไป ๑
ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน ๑
ถ้อยคำของคนเล่นการ พนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น ๑
ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท ๑
ไม่มีใคร ประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยง ภรรยา ๑

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน เป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ

จาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค


ขอเสนอ คะ เพราะเห็นโพสต์ ซ้ำซาก คะ ต้องคอยแจ้งกันอยู่เรื่อย
 
   คือเปิดมาแล้วเห็น มีหลายกระทู้ แต่ก็ทราบ ว่าผู้ดูแล ก็คอยลบ ด้วย คิดว่าเสนอให้ ยกเลิกสมาชิก ท่านนั้นเลยคะ ไม่ต้องแบน คะ ให้เลิกการเป็นสมาชิก เลยคะ

  :character0029: :character0029: :character0029:

 
4  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บรรยากาศ ดอยอินทนนท์ หนาว ๆ มาชม ดอย กัน คะ เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 08:10:18 am








 :49:
5  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรียนถาม เรื่อง อานิสงค์ การบำรุงดูแล พระอาพาธ กับ มารดาบิดา บุญต่างกันอย่างไรคะ เมื่อ: มกราคม 02, 2013, 07:14:24 pm
เรียนถาม เรื่อง อานิสงค์ การบำรุงดูแล พระอาพาธ กับ มารดาบิดา บุญต่างกันอย่างไรคะ
เคยถูกนักเรียน ถาม คะ ว่า ระหว่างดูแล พระอาพาธ กับ ดูแลพ่อแม่ที่ป่วยอยู่ ได้บุญต่างกันอย่างไรคะ

  ( ยังตอบไม่ได้ คะ )

  :c017: :25: :25: :25:
6  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ช่วงนี้ไม่เห็น คุณ Nathaponson โพสต์ นะคะ เลยไม่ค่อยมีเรื่องได้อ่าน คะ เมื่อ: มกราคม 02, 2013, 07:04:15 pm
ก็ สวัสดีปีใหม่ กับ คุณ nathaponson หนึงในทีมงาน สมาชิก นะคะ เห็นเงียบหายไปหลายวัน จะเหมือน คุณหมวยจ้า หรือ ไม่คะ

    :c017: :25: :25: :25:

 
7  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เป็นไปได้หรือไม่ คะ เมื่อเราบรรลุธรรมแล้ว เราจะเข้าใจธรรมทั้งหมดในพระพุทธศาสนา เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:44:34 am
เป็นไปได้หรือไม่ คะ เมื่อเราบรรลุธรรมแล้ว เราจะเข้าใจธรรมทั้งหมดในพระพุทธศาสนา

คืออาจจะคิดไปเองว่า ไม่ต้องไปเรียนอะไรมากมายในปริยัติ เพียงแต่เรียนพอปฏิบัติ เพราะเมื่อปฏิบัติได้แล้ว ก็น่าจะรู้ธรรมส่วนที่ยังไม่รู้เอง ความคิดอย่างนี้เป็นไปได้ หรือไม่ คะ

 มีตัวอย่างให้เข้าใจกับเรื่องนี้ หลังจากผู้บรรลุธรรมแล้วเข้าใจธรรม โดยที่ไม่ต้องเรียน

  ทั้งหมด ยึดความคิดมาจากคำว่า เสขะ  ผู้ต้องศึกษา และ อเสขะ ผู้ไม่ต้องศึกษา

 ขอบคุณมากคะ

  :c017: :25:
8  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ก่อนกำหนด ออกจากกรรมฐาน ควรทำอย่างไร ? เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2012, 12:32:08 pm
ก่อนกำหนด ออกจากกรรมฐาน ควรทำอย่างไร ?

   คือบางครั้ง ก็นั่งกรรมฐาน 20 นาที 30 นาที 40 นาที 50 นาที 60 นาที
 โดยปกติเวลาออกจากกรรม ฐานบางครั้ง ก็มีปีติ ค้างอยู่ แต่ก็ออกจากกรรมฐาน เลย แล้วก็แผ่เมตตา ตามหนังสือ ทำอย่างนี้ รู้สึกว่า ปีติก็ยังค้างอยู่ บางครั้งค้างแบบว่า นอนไม่หลับ ตาค้างเลยคะ ทำให้ตอนเช้าไปสอนหนังสือด้วยความเพลีย กลายเป็นแบบนอนไม่หลับ .... คะ
   

   คงจะต้องมีขั้นตอนที่ทำผิด ใช่หรือไม่คะ ถึงได้เป็นอย่างนั้น ทุกคนมีวิธีแก้อาการนี้อย่างไรครับ

  :c017: :88:
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 7 ความเป็นจริงของใจ ที่ใครก็เถียงไม่ได้ เมื่อ: เมษายน 11, 2012, 10:36:05 am


1. น้อยใจ

อาการอ่อนแอของจิตใจ . . . ที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ยามที่เกิดความต้องการให้คนเอาใจ

วิธีแก้ . . . อย่าเอาแต่ใจ



2. เจ็บใจ

อาการเป็นพิษของจิตใจ . . . ที่ลามมาจากหาง เวลามีใครมาเหยียบมัน

วิธีแก้ . . . ตัดหางทิ้งซะ อย่ายกหางตัวเอง


3. ละอายใจ

อาการใฝ่ดีของจิตใจ . . . ที่ออกมาชี้หน้าด่าเรา

ข้อแนะนำ . . . เมื่อละชั่วได้ ก็ไม่อายแก่ใจ


4. เสียใจ

อาการวูบทางจิตใจ . . . เกิดจากความไม่มั่นคง เพราะชอบเอาใจไปผูกเอาไว้กับสิ่งอื่น

วิธีแก้ . . . ตัดใจซะสิ อย่าไปผูกมันไว้


5. ใจหาย

อาการนี้ . . . ชื่อก็บอกอยู่แล้ว

วิธีแก้ . . . หายใจเข้าสิ หายใจลึกๆ แล้วจะเลิกใจหาย



6. หลายใจ

อาการสืบพันธุ์ของจิตใจ โดยการแบ่งตัวนำไปสู่อาการน้อยใจ . . . แก่คนรอบข้างได้ในเวลาต่อมา

วิธีแก้ . . . ระลึกไว้ มีแต่พวกอะมีบาที่ใช้วิธีแบ่งแบบนี้



7. ทำใจ

อาการที่แปลกที่สุดของใจ . . . ยิ่งทำมากเท่าไร . . . ใจยิ่งว่างเท่านั้น

ข้อแนะนำ . . . ทำทุกครั้ง ทำบ่อยๆ ค่อยๆ ทำ
10  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / คำถามเรื่องสมาธิ ควร แก้ไขอย่างไร ถ้าเป็นอย่างนี้ ? เมื่อ: มีนาคม 27, 2012, 12:14:47 pm
เป็นคำถามในบอร์ดอื่น นะเจ้าคะ นำมาถามเพื่อให้เกิดความเข้าใจตามคะ

คือเมื่อวานนี้ได้ไปพักภาวนา 1 คืน ณ วัดป่าลัน เชียงรายครับเนื่องในวันพระที่ 22/03/2555 ที่ผ่านมา เลยนั่งสมาธิรอก่อนไปทำวัตรเย็นเพราะยังเหลือเวลาประมาณ 1 ชม.

ด้วยความที่เป็นมือใหม่หัดขับอีกทั้งไม่มีพระอาจารย์มากำกับจึงนั่งกำหนดลมหายใจ(พุทโธ)ดูจิตหรือความคิดไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็สงบดีลมหายใจนี่ชัดเจนมาก พอเวลาผ่านไปการกำหนดรู้ลมหายไป กลายเป็นความคิดฟุ้งขึ้นมาแทนที่(เข้าใจว่าเป็นสัญญา+ปรุงแต่ง) ก็ดูๆ ไปตามเรื่องก็ยังพอไหวเพราะเคยได้ยินมาว่าให้ "รู้สึกตัว" และเฝ้ามองเฉยๆ เดี๋ยวมันก็จะกลับเป็นปรกติ

แต่ทีนี้พอเวลาผ่านไปความง่วง(เข้าใจว่าคือหนึ่งในนิวรณ์)มันมาแจมด้วยสิครับ กลายเป็นว่าเหมือนเรากึ่งหลับกึ่งตื่นคือคล้ายกับฝันแทนที่จะเป็นความคิดอย่างเดียว แต่ไม่ได้หลับสนิทเพราะนั่งตัวตรงอยู่  เลยกลายเป็นยื้อกันอยู่อย่างนั้น

| ความคิด 1 : พอเถอะลุกซะ ขาเป็นเหน็บแล้ว,
 ความคิด 2 : อยากเอนหลังสักแป้บจังเมื่อยหลังจัง,
 ความคิด 3 : ปวดหัวนิดๆ แล้วนะ พักเถอะ เครียดไปป่าวเนี่ย ใกล้ถึงเวลาทำวัตรแล้วเด้อ,
 ความคิด 4 : อย่ายอมๆ เดี๋ยวมันก็หายไป ไตรลักษณ์ๆ โว้ย|

ยื้อได้สักครู่ใหญ่ๆ มีเสียงกิ่งไม้ตกกระทบพื้นทุกสิ่งหายไปหมดกลับมาเป็นปรกติเหมือนตอนเริ่มต้นนั่งแรกๆ คือลมหายใจชัดเจนและไม่มีอาการง่วงหรือคิดฟุ้งเลย... อยากถามผู้รู้ว่า...

1> อาการอย่าที่กล่าวมานี้จะแก้ไขอย่างไรหรือสามารถทำให้พัฒนาได้อย่างไรบ้างครับ (นั่งได้เต็มที่ประมาณ 1 ชม.กว่าๆ ก็จะลนๆ แล้วก็ออกสมาธิ)

2> การที่เสียงกิ่งไม้ตก ทำไมถึงทำให้สภาวะจิต(ไม่รู้ใช้คำถูกหรือเปล่า)กลับไปที่จุดเริ่มต้นได้ครับ ทั้งที่เวลากำหนดจิตโดยตั้งใจนั้นเอาไม่ลงเลย ลองปล่อยแล้วมองเฉยๆ ก็ยังคงอยู่ครับ

3> ความง่วง+ความฟุ้ง นี่ทำไมผลลัพธ์ออกมาจึงกลายเป็นฝันแบบกึ่งหลับกึ่งตื่นได้ครับ...


จากคุณ    : เช เชียงราย
11  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ประสบการณ์ ได้สวดคาถาพญาไก่เถือนมาตั้งแต่ 29 ม.ค.55 - วันนี้ เมื่อ: มีนาคม 16, 2012, 07:15:47 pm
ประสบการณ์ ได้สวดคาถาพญาไก่เถือนมาตั้งแต่ 29 ม.ค.55 - วันนี้

อยากจะบอกว่า ยากจริง ๆ คะ ที่จะสวดให้ได้วันละ 3 คาบ ด้วยงานที่ทำ ด้วยสังคมที่มี

ถึงพยายามสวดภายใต้เงื่อนไข คือสวดรอบละ 108 จบแล้วด้วยไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายเลยคะ

ยิ่งมีการสวดผนวกลงไปในฐานจิตด้วย ยิ่งใช้เวลามาก พาลให้หลับด้วยคะ

 จึงขออนุโมทนากับทุกท่านที่พยายาม สวดได้กันทุกท่านนะคะ

  อนุโมทนาด้วยความจริงใจ คะ / สู้นะคะ ^_^

 :s_good: :s_good: :25: :25:
12  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การมีกัลยาณมิตร เพื่อส่งเสริม อริยะมรรค 8 ให้สมบูรณ์ มิได้มีเพื่อความโชคดี เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2012, 09:28:10 am
            
                      อุปัฑฒสูตร       
                      ความเป็นผู้มีมิตรดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้น
   [๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:
   สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิคมของชาวศักยะชื่อสักระ ในแคว้นสักกะของชาวศากยะทั้งหลาย ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี นี้เป็นกึ่งหนึ่งแห่งพรหมจรรย์เทียวนะ พระเจ้าข้า.

   [๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น เธออย่างได้กล่าวอย่างนั้น ก็ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี นี้เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นทีเดียว ดูกรอานนท์ อันภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘.

   [๖] ดูกรอานนท์ ก็ภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ย่อมเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า? ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละย่อมเจริญสัมมาสังกัปปะ ... สัมมาวาจา ... สัมมากัมมันตะ ... สัมมาอาชีวะ ... สัมมาวายามะ ...สัมมาสติ ... สัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ

            ดูกรอานนท์ ภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ย่อมเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.

   [๗] ดูกรอานนท์ ข้อว่า ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นทีเดียวนั้น พึงทราบโดยปริยายแม้นี้ ด้วยว่าเหล่าสัตว์ผู้มีชาติเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากชาติ ผู้มีชราเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากชรา ผู้มีมรณะเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากมรณะ ผู้มีโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากโสกะ ปริเทวะทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เพราะอาศัยเราผู้เป็นกัลยาณมิตร ดูกรอานนท์ ข้อว่า ความเป็นผู้มี
มิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นทีเดียวนั้น พึงทราบโดยปริยายนี้แล.

   จบ สูตรที่ ๒
เล่ม 19 หน้า 3 ข้อ 8
 



13  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / สอนกรรมฐานเด็ก ๆ ควรสอนกรรมฐาน อะไรดีคะ เมื่อ: มกราคม 13, 2012, 09:18:02 am
พรุ่งนี้วันเด็ก มีกิจกรรมเด็ก หลายอย่างแต่อยากสอนกรรมฐาน เด็ก ๆ บ้างคะ

จึงสงสัยว่า สอนกรรมฐานเด็ก ๆ ควรสอนกรรมฐาน อะไรดีคะ เอาแบบที่เกี่ยวกับกรรมฐาน มัชฌิมา นะคะ


  :25:
14  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / รวมกลอนปีใหม่ ชุดที่ 1 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 11:35:36 am



ขอลาที ปีเก่า แสนเศร้าโศก
ความอับโชค ที่มา กับราศี
อีกโพยภัย ไข้ทำ ประจำมี
ในชีวี จงสลาย มลายพลัน



สวัสดี ปีใหม่ ขอให้สุข
หมดสิ้นทุกข์ กายจิต มิผิดผัน
อายุมั่น ขวัญยืน สี่หมื่นวัน
มีผิวพรรณ ผ่องนวล เย้ายวนชม



ปรารถนา เงินทอง กองท่วมฟ้า
ทำการค้า ร่ำรวย ไปสวยสม
มียศศักดิ์ รักใคร ใคร่ภิรมย์
ขอให้กลม เกลียวกัน และมั่นคง




สวัสดีวันนี้วันปีใหม่
ขอจงให้จงได้สิ่งที่หวัง
คิดอะไรขอให้สมใจกัน
มีเงินพันให้ได้นับไม่ขาดเอย



สวัสดีปีใหม่ ส่งใจอวยพร
เขียนเป็นคำกลอน   ให้พรสุขี
ขอให้ทุกท่าน  พ้นผ่านไพรี
อยู่ดีกินดี  โชคดีตลอด
มั่งมีเงินทอง ข้าวของสินสอด
รายได้ตลอด ให้ปลอดโรคภัย
เรื่องเจ็บอย่าป่วย ความซวยห่างไกล
ทุกข์เข็ญจัญไร จงไกลห่างตัว
จงสุขสำราญ  เบิกบานกันทั่ว
ความเลวความชั่ว  ห่างตัวห่างใจ
จงมีแต่สุข   เรื่องทุกข์อย่าใกล้
โชคดีปลอดภัย  คนไทยทุกคน



สวัสดี ปีใหม่ ขอให้สุข
หมดสิ้นทุกข์ กายจิต มิผิดผัน
อายุมั่น ขวัญยืน สี่หมื่นวัน
มีผิวพรรณ ผ่องนวล เย้ายวนชม



...ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่
ขออวยชัยทุกๆท่านจงสุขขี
ให้ประสพพบแต่สิ่งดีดี
และจงมีชีวีที่ยืนนาน
 
...ให้เบิกบานฤทัยไม่มีทุกข์
มีแต่สุขทุกคืนวันนั้นฉ่ำหวาน
สุขภาพพลานามัยให้สราญ
ให้เบิกบานสมหมายตามใจปอง
 
...จึงขอมอบของขวัญวันปีใหม่
แด่คนไทยบ้านกลอนได้สนอง
ขอทุกอย่างที่ท่านได้หมายปอง
ด้วยไมตรีผองไทยร่วมใจกัน
 
...ให้ทุกที่ ทุกถิ่นแผ่นดินเกิด
ได้พริ้งเพริศงดงามอย่างสร้างสรรค์
โชคมากมีทวีทรัพย์นับอนันต์
ที่เฉิดฉันด้วยยศลาภกราบอัญเชิญ
 
...เทวดานางฟ้าจงมาโปรด
พรประเสริฐงดงามนามสรรเสริญ
แด่ทุกท่านทั้งหลายชายหญิงเทอญ
ให้เจริญก้าวหน้าค้าขายรวย



เนื่องดิถี วาระดี ขึ้นปีใหม่
อวยพรให้ ใจผ่องแผ้ว ดังแก้วกล้า
ให้สิ่งดี ศิริศรี เยือนทุกครา
ชื่นชีวา ประสบสุข ทุกยามยล
 
คิดหวังหวาน ให้แช่มชื่น ระรื่นสุข
ครั้งเคยทุกข์ จงมลาย กลายสดชื่น
เริ่มการใหม่ ให้สำเร็จ อย่างยั่งยืน
ทุกวันคืน เป็นที่รัก ยิ่งทุกคน
 
คำเคยท้อ ในปีนี้ ไม่มีแล้ว
คำกล้าแกล้ว มอบให้ ไว้ยึดมั่น
ทำสิ่งดี ได้ดีตอบ รับชอบพลัน
ทำสิ่งฝัน ให้มีวัน สำเร็จจริง
 
ให้สุขล้ำ ล้นเผื่อแผ่ ผู้ยากไร้
ให้สดใส มีน้ำใจ รู้ช่วยเหลือ
ให้สมหวัง สำเร็จดี มีจุนเจือ
ให้มีเหลือ ไว้แบ่งเบา คราวลำเค็ญ



อัญเชิญเทพบนสวรรค์ทุกชั้นฟ้า
ประสิทธิ์สถาพรชัยให้สุขศรี
ขอให้ชาวร้อยฝันทุกท่านมี
สุขเกษมเปรมปรีดิ์ทุกวี่วัน
 
สรรพโศกโรคร้ายให้หายหมด
เกียรติยศพร้อมพรั่งบันดาลขวัญ
เกียรติศักดิ์พูนเพิ่มเสริมชีวัน
สบสุขสันต์วันดีปีใหม่เทอญ



เถลิงศกลุล่วงแล้ว.....................มนแผ้วประสิทธิ์ใส
แม้หวังประสงค์ใด....................ประลุสุขสโมสร
 
ขอให้ประสบสุข.....................นิรทุกข์สถาพร
เงินทองมิคลายคลอน...............พละเปี่ยมมโนกูล
 
นักวิ่ง ณ ทั่วทิศ........................บมิติดอมิตรสูญ
เกียรติก้องนภาพูน....................ระอุอุ่นเกษมสราญ
 
แม้หวังบดีแพร้ว ......................ธนแก้วศฤงคาร
จงพบประสบพาน...................นรนั้นนิรันดร์เทอญ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก Planet Kapook โดยคุณ •OrAGe•, dreampoem.com โดยคุณ none7777777, dreampoem.com โดยคุณ5cats, dreampoem.com โดยคุณ am087, thaipoem.com โดยคุณกู้ภัย, thairunning.com โดยคุณลุงขาว
15  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มงคลชีวิต 9 ประการ ให้มีแต่สิ่ง ดี ปี พ.ศ.2555 คะ เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 11:26:50 am
มงคลชีวิต 9 ประการ

 
 
1.ซื่อตรง


ข้อนี้สำคัญมาก บุคคลใด หรือฝ่ายใดก็ตาม ถ้าขาดความซื่อตรงเสียแล้ว ก็จะเกิดความเสื่อมโทรมเสียหาย เกิดเรื่องเดือดร้อน เกิดความไม่สงบ เกิดความระแวงไม่ไว้วางใจ ขาดความเชื่อถือ ขาดความนิยม เกิดความโกรธเคือง อาฆาตแค้น เกิดความเกลียดชัง ดูถูกดูหมิ่นกัน กฏธรรมชาติ มีอยู่ว่า...
"บุคคลใดซื่อตรงเป็นบุคคลที่น่าคบค้าสมาคม มีเสน่ห์ใครๆ ก็ชอบคบค้าสมาคมกับคนซื่อตรง ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ถ้าเรามีนักการเมืองคดในข้อ งอในกระดูก โกงในสันดาน บ้านเมืองของเราก็มีแต่พังกับพังเท่านั้น เพราะฉะนั้น ขอให้ถือความซื่อตรงเป็นหลัก ปฏิบัติที่สำคัญที่สุดของชีวิต

2.สะอาด
ข้อนี้สำคัญมากอีกข้อหนึ่ง เพราะความสะอาดทำให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เชื้อโรคเกิดจากความสกปรก เมื่อเรามีความสะอาดเชื้อโรค ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เราก็มีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ บ้านเรือนที่สะอาด ก็เป็นบ้านเรือนที่น่าอยู่อาศัย ใครๆก็ชอบบ้านเรือนที่สะอาด เสื้อผ้าที่สะอาด ก็เป็นเสื้อผ้าที่น่าสวมใส่ น่าดู น่าชม ใครๆก็ชื่นชม ใครๆก็ชอบใช้เสื้อผ้าที่สะอาด
          บุคคลใดเป็นคนสะอาด ก็เป็นคนที่น่าคบค้าสมาคม เพราะใครๆก็ชอบคบค้าสมาคมกับคนสะอาด ยิ่งกว่านั้นความสะอาดยังส่อแสดงให้เห็นถึงชีวิตจิตใจ การศึกษาและบุคลิกภาพ โบราณท่านสอนว่า ดูวัดให้ดูฐาน(ส้วม) ดูบ้านให้ดูครัว วัดใดส้วมสะอาด แสดงว่าวัดนั้นพระขยัน วัดใดส้วมสกปรก แสดงว่าวัดนั้นพระขี้เกียจ
          บ้านใดครัวสะอาด แสดงว่าแม่ครัว หรือลูกสาวบ้านนั้นขยัน บ้านใดครัวสกปรก แสดงว่าแม่บ้านหรือลูกสาวบ้านนั้น ขี้เกียจ เพราะฉะนั้น ขอให้ถือความสะอาดเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญที่สุดของชีวิต

 3. ขยัน

ข้อนี้ก็สำคัญอีกข้อหนึ่ง เพราะความขยันเป็นเครื่องผลักดันชีวิต ให้เจริญก้าวหน้าไปสู่ความมั่นคั่ง บรรดาบุคคล สำคัญของโลกได้ประสบความรุ่งโรจน์ เพราะอาศัย ความขยัน เป็นเครื่องช่วยผลักดันชีวิตคือ..

ขยันศึกษา คือ ศึกษาเล่าเรียน ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะมีโอกาสศึกษาได้ตามฐานะ และกำลังทรัพย์ ในยุคโลกาวิวัฒน์นี้ เรารียกว่า ศึกษาตลอดชีวิตจนถึง วาระสุดท้าย คือ ความตาย

ขยันคิด คือ คิดให้ดีที่สุด คือ หาทางก้าวหน้าอยู่เสมอ คิดสร้างสรรค์คิดพัฒนา พลิกแพลงให้ดีขึ้น และคิดแก้ไข ปรับปรุงตนเองว่า มีจุดดี หรือเลวอย่างใดบ้าง

ขยันพูด โปราณสอนว่า พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากจะมีสี ข้อนี้คือ พูดให้ดีที่สุด พูดให้ถูกกาละเทศะ พูดให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ทางพระท่านเรียกว่า ปิยะวาจา หรือมธุรสวาจา

ขยันทำ คือ ทำให้ดีที่สุดจนความสามารถ เวลาเป็นเงินเป็นทอง จงทำเวลาทุกนาที ทุกชั่วโมง และทุกๆวันให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

ขยันหา คือ หาความรู หาความชำนาญ หาความดี ความชอบทางก้าวหน้า หาทรัพย์สินเงินทอง หาหลักฐาน หามิตรสหาย หาพระสงฆ์องค์เจ้า ทางสุจริต หาความเจริญก้าวหน้า เป็นต้น
อย่า..หายใจทิ้งไปวันๆ ทางพระตำหนิว่าเป็น..โมฆะบุรุษ บางครั้งท่านให้ศัพท์ค่อนข้างรุนแรงว่า..**เสียชาติเกิด**หรือ**รกโลก** เพราะฉะนั้น ขอให้ถือความขยัน เป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญที่สุดของชีวิต

4. ใช้จ่ายให้พอสมควรแก่ฐานะ

ข้อนี้สำคัญมากอีกข้อหนึ่ง ถ้าเราใช้จ่ายเพื่อประหยัด จะมั่งมีเพราะประหยัด จะอัตคัตเพราะฟุ่มเฟือย รูรั่วนิดเดียวยังทำให้เรือใหญ่จมได้ จงอดกลั้น อดทน อดออม แล้วจะไม่อดตาย

คนรวยเพราะทำตัวจนพอประมาณ คนขัดสนเพราะทำตนร่ำรวย จงกินแต่พออิ่ม ชิมแต่พอดี เป็นหนี้แต่พอประมาณ อย่าเอาโรงแรมเป็นบ้าน อย่าเอาภัตตาคารเป็นครัว

อย่ากินเกิน อย่าใช้เกิน อย่าเกินพิกัด เกินอัตรา เกินกำลัง เกินความจำเป็น รู้จักแก้จนด้วยการทำตัวต่ำ รู้จักลดขนาดความต้องการลง เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว สังคมและประเทศชาติ

อย่าลืมพลาดไปครั้ง พังไปนาน เพราะฉะนั้น ขอให้ถือการใช้จ่าย พอสมควร แก่ฐานะเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญที่สุดของชีวิต

5. งดเว้นสิ่งให้โทษ
คือ
สุราเมรัย เครื่องดองของเมา (ยกเว้นกินกับยา)
ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน กัญชา ยาบ้า ยาอี เป็นต้น
การพนันขันต่อต่างๆ
แหล่งอบายมุข ตลอดจนสถานเริงรมย์ ที่ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นดีที่สุด

ถ้าเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งให้โทษ ก็จะพาชีวิตของเราเสื่อมโทรม เสียหายพินาศเดือดร้อน ไม่เจริญก้าวหน้า เดินไปสู่ความตาย สู่ประตูคุกตารางเข้าไปทุกที เพราะฉะนั้น ขอให้ถือการงดเว้นสิ่งให้โทษ เป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญที่สุดของชีวิต

6. ไม่ล่วงเกินผู้อื่นก่อน

ข้อนี้สำคัญมากอีกข้อหนึ่ง เพราะเรื่องราวเดือดร้อนต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น ทะเลาะวิวาทกัน ตีกัน ทำร้ายกัน เข่นฆ่ากันนั้น เนื่องมาจากการล่วงเกินกันเป็นมูลเหตุ ถ้าต่างฝ่ายไม่ล่วงเกินกัน หัด..ยอม..เป็น ให้อภัยเสียบ้าง คิดเสียว่า โลกทั้งผองพี่น้องกัน รู้รักสามัคคี สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวร และเบียดเบียนซึ่งกัน และกันเลย โกรธ คือ โง่ โมโห คือ บ้า อิจฉาริษยาเขา คือ จุดไฟเผาตัวเอง อายุก็สั้นและตายเร็วด้วย

เพราะฉะนั้นขอให้ถือ การไม่ล่วงเกินผู้อื่น เป็นหลักปฏิบัติ ที่สำคัญที่สุดของชีวิต
7. งดติดต่อคบค้า สมาคมคนไม่ดี

ข้อนี้ก็สำคัญมากอีกข้อหนึ่ง เพราะการติดต่อกับคนไม่ดี เป็นบันไดแรก นำไปสู่เรื่องราวเดือดร้อนวุ่นวาย ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากการติดต่อเป็น ถ้าเราติดต่อกับคนไม่ดี ก็จะมีแต่เรื่องยุ่งผิดหวัง เดือดร้อน เสียหาย เสื่อมโทรม พินาศ ขาดทุน อาจจะถึงแก่ชีวิต ก็เป็นได้ รวมความว่า...** การติดต่อคนไม่ดี ** มีแต่ความเดือดร้อน เสียหาย ขาดทุน ไร้ประโยชน์ เสียเวลาด้วยประการทั้งปวง

ข้อสังเกตว่า คนใดจะดีหรือไม่ดีนั้น มีดังนี้คือ..

คนดี ย่อมแสดงออก ซึ่งความดี
คนชั่ว ย่อมแสดงออก ซึ่งความชั่ว
คนซื่อ ย่อมแสดงออก ซึ่งความซื่อ
คนคด ย่อมแสดงออก ซึ่งความคด
คนเลวทราม ย่อมแสดงออก ซึ่งความเลวทราม

หรือ ดูคนดี แบบ 4 ดี คือ คิดดี ทำดี พุดดี คบคนดี และไปสู่สถานที่ดี

ส่วนคนชั่ว คิดแต่ชั่วๆ ทำเรื่องชั่วๆ และพูดแต่ชั่วๆ คบแต่คนชั่วๆ และชอบไปสู่สถานที่ชั่วๆ เป็นต้น

คนไม่ดี มีนิสัย ดังนี้เช่น..

1. ไม่ซื่อตรง (คิดคดเสมอ)
2. ไม่รักษาคำพูด(ที่ตกลงกันไว้)
3. โกหก(ให้เสียหายเดือดร้อน)
4. ปลิ้นปล้อน ตะลบตะแลง ประเภท 18 มงกุฏ
5. ยักยอก ฉ้อโกง เบียดบัง เอาเปรียบ
6. ทรยศหักหลัง กินบนเรือน ถ่ายบนหลังคา เป็นต้น
7. ไม่ทำตามเงื่อนไขสัญญา
8. ใช้เล่ห์เหลี่ยม แกล้งทำให้เดือดร้อน เสียหาย
9. กลับกลอก หลอกลวง ให้เสียหาย เดือดร้อน
10. ขาดความเกรงใจ ไร้มารยาท บีบคั้นเอาเปรียบ

เชื้อโรคเกิดจากความ..สกปรก..ฉันใด ความเสียหาย เดือดร้อน ก็เกิดจากคนไม่ดี ฉันนั้น

โบราณท่านสอนว่า หลีกสัตว์ร้ายให้พ้นวา หลีกคนชั่วช้า ให้ย้ายบ้านเรือนหนี เพราะฉะนั้น ขอให้ถือหลักปฏิบัติ งดการติดต่อกับคนไม่ดี เป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญที่สุดของชีวิต
8. กตัญญู กตเวที

คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง ผู้มีพระคุณแก่เรา สรุปโดยย่อ มี 5 ประการ เรียงลำดับสูงได้ดังนี้

1. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผู้แนะนำสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในความดี และประพฤติตนเป็นตัวอย่าง หรือเป็นที่พึ่งสูงสุด

2. ชาติ กษัตริย์และรัฐธรรมนูญ ผู้ให้สิทธิคุ้มครอง ความยุติธรรม ความมีหลักฐาน ถิ่นที่อยู่อาศัย

3. บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดู รักษาให้ความสุข ความเจริญ และหลักฐานของชีวิต

4. ครูบาอาจารย์ ผู้สั่งสอนศิลปวิทยาการ ทั้งหลายให้ความเจริญ รุ่งเรือง และป้องกันในทิศทั้งหลาย

5. ญาติ พี่น้อง มิตรสหาย เจ้านายผู้บังคับบัญชาเหนือตน ผู้ให้ความอุปการะ หรือเลี้ยงดู สนับสนุน ส่งเสริมเราให้เจริญรุ่งเรือง

ผู้มีพระคุณ ทั้ง 5 ประการ ที่กล่าวมานี้ บุคคลผู้เจริญแล้วทั้งหลาย ต้องรู้จักบุญคุณและหาทางสนองตอบคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ อย่าให้ใครมาตำหนิท่านว่าเป็นคนเนรคุณ หรือลูกทรพี

ความกตัญญู กตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี ที่โลกต้องการบุคคลประเภทนี้ นักปราชญ์ทั้งหลาย กล่าวสรรเสริญยกย่องว่า ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ เทวดาฟ้าดินย่อมคุ้มครอง รักษาเสมอ เพราะฉะนั้น ขอให้ถือเรื่องความกตัญญู กตเวที เป็นหลักที่สำคัญของชีวิต
9. รู้จักหน้าที่ และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

คนเรามีหน้าที่ แตกต่างกันตาม เพศ วัย และการงาน ใครจะอยู่ในหน้าที่ก็ตาม ก็ต้องทำหน้าที่ ของตนให้ดีที่สุด เต็มศักยภาพความรู้ ความสามารถ โดยไม่มุ่งผลตอบแทน จนเกินไป ให้ทำหน้าที่ด้วยความสนุกสนาน เพลิดเพลิน เป็นเกมกีฬาอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า.. งาน

งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน บันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุข ขณะทำงาน

แต่คนส่วนมากมีแต่ความ..อยาก อยากได้ แต่ไม่ทำ อยากรวย อยากสบาย แต่ไม่อยาก..ทำ อยากได้ดี แต่ไม่ยอมสะสมความดี เป็นต้น

จากข้อสังเกตของข้าพเจ้าเป็นเวลายาวนาน คนที่เสียชื่อเสียง เสียผู้เสียคน เสียอนาคต ถูกลงโทษ ถูกลงทัณฑ์ ถูกปลด ถูกไล่ออก ถูกย้าย ถูกถอดถอนจากยศ ตำแหน่งหน้าที่การงาน ติดคุกติดตาราง ตัวเองและครอบครัวเดือดร้อน ก็เพราะไม่รู้จักหน้าที่ ไม่ทำตามหน้าที่ ดูถูกหน้าที่ ละทิ้งหน้าที่ ของตนเองแทบทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ขอให้ถือการ..รู้จักหน้าที่ และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญที่สุดของชีวิต

ท่านผู้ใดปฏิบัติได้ครบทั้ง 9 ประการ รับรองว่า ชีวิตมีแต่ความสุข ความเจริญ อยู่ที่ไหนใครก็รัก จากไปก็เสียดาย ตายไปก็มี คนร้องไห้คิดถึง





 

16  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / พระคาถาอาราธนานั่งธรรม “วาณีสุนทรี” ความสำเร็จสมประสงค์ เมื่อ: ธันวาคม 18, 2011, 02:13:12 pm


พระคาถาอาราธนานั่งธรรม “วาณีสุนทรี” ความสำเร็จสมประสงค์


มุนินฺท วท นมฺพุช คพฺภ สมฺภว สุนทรี
ปาณีนํ สรณํ วาณี มยฺหํ ปิณยตํ มนํ


พระคาถานี้ใช้สำหรับอาราธนาพระธรรมเข้าสู่ตน เพื่อจะนั่งทางธรรมจะได้สำเร็จผล ตามความมุ่งหมายเป็นพระคาถา ขอบารมีธรรม ขอความสำเร็จสมประสงค์

โบราณจารย์พระกรรมฐานมัชฌิมา ใช้เป็นพระคาถาว่านำก่อนอาราธนาองค์พระกรรมฐาน เมื่อนำเอาบทภาวนา พระคาถาวาณี นำมาประกอบเข้ากับ การเจริญ เมตตาเจโตวิมุตติแล้ว อาจสามารถเป็นไป เพื่อต่อต้านภัยอันตราย และห้ามบาปธรรม (บาปอกุศล ๑๔)




ที่มาแห่งการแพร่พระคาถาในยุคกรุงรัตนโกสินทร์

เมื่อพรรษาที่ ๑๗ คืนหนึ่ง ขณะที่พระอาจารย์สุก (สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน) ทรงเข้าที่เจริญสมณะธรรมตามปรกติ ทรงทราบในนิมิตสมาธิว่า มีพระอริยเถราจารย์ ชั้นสุทธาวาส มาบอกว่า ให้ไปพบท่านที่ป่าดงดิบ แขวงเมืองสุโขทัย พระอริยเถราจารย์ พระองค์นั้น ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ท่านจะสำเร็จสมประสงค์สูงสุดทุกอย่าง ตามที่ท่านต้องการ ให้ไปที่ป่าดงดิบ แขวงเมืองสุโขทัย แล้วความประสงค์ ของท่านจะสำเร็จ และจะได้เกื้อกูล ชนทั้งหลายในภายหน้าด้วย

ต่อมาพระองค์ท่านพระอาจารย์สุก ก็สัญจรไป ถึงป่าดงดิบ แขวงเมืองสุโขทัย ทรงไปด้วยอิทธวิธญาณเมื่อพระองค์ท่าน ถึงป่าดงดิบ แขวงเมืองสุโขทัย กรุงเก่า พระองค์ท่านก็ทรงพบพระอริยเถราจารย์อยู่ในร่างกายทิพย์ ที่สำเร็จด้วย การเข้าสุขสัญญา ลหุสัญญา พระองค์ท่านก็ทรงเข้าไปกราบนมัสการ พระอริยเถราจารย์ พระองค์นั้น พระอริยเถราจารย์ พระองค์นั้น ก็กล่าวว่า พรุ่งนี้ให้ท่านเดินทางไป ในทางนั่นพร้อมกับชี้มือไปทางนั้นด้วย จะพบของดี ของวิเศษ แต่คืนนี้ให้ท่านพักปักกลด บำเพ็ญสมณะธรรม ณ ที่ป่าดงพญาเย็น (คนละแห่ง กับที่เมืองอุตรดิตถ์) นี้ก่อน

ภายหลังพระอาจารย์สุก ได้ทรงทราบเถรประวัติ ของพระอริยเถราจารย์พระองค์นี้ว่า ท่านเคยบวชเป็นฤาษี อยู่ในป่าดงพญาเย็น แขวงเมืองสุโขทัยนี้ประชาชนทั้งหลายสมัยนั้นเรียกขานนามท่านว่า พระฤาษีกัณทหะ (กัณทา) ต่อมาภายหลัง ท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้บรรพชา-อุปสมบท ได้นามทางพระพุทธศาสนาว่า วิสุทโธ

เพลาสายของวันนั้น พระอาจารย์สุก ออกเดินทางไป ตามที่พระอริยเถราจารย์ ผู้ทรงร่างอยู่ด้วยกายทิพย์ ไปถึงป่าใหญ่แห่งนั้น ใกล้เชิงเขา ทรงทอดพระเนตรเห็น ก้อนหินก้อนหนึ่ง จารึกเป็นอักษรขอม โบราณว่า


มุนินฺท วท นมฺพุช คพฺภ สมฺภว สุนทรี
ปาณีนํ สรณํ วาณี มยฺหํ ปิณยตํ มนํ



พระอาจารย์สุก ทรงอ่าน และท่องจำไว้แล้ว ทรงพักปักกลด ณ ที่แห่งนั้นหนึ่งคืน ตกเพลากลางคืนทรงบำเพ็ญสมณธรรมอย่างเคย ก็ได้ทรงทราบมงคลนิมิต ของพระคาถานี้ทั้งหมด และได้ทรงทราบอุปเท่ห์ วิธีการ ย่อๆ โดยสมควร จากบาทฐาน ขององค์ฌาน


ต่อมาพระองค์ท่าน ก็ได้ทรงทราบจากสมาธินิมิตอีกว่า พรหมชั้นสุทธาวาส มาบอกพระองค์ท่านว่า ให้ไปที่วัดร้าง กลางเมืองสุโขทัย ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ท่านจะพบของสำคัญต่อเนื่อง ในพระคาถาวาณี เมื่อพระองค์ท่าน ทรงออกจากสมาธิแล้ว พระองค์ท่านก็ทรงทราบได้ทันทีว่า วัดร้างนั้น คือวัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย ที่ประดิษฐาน พระศรีศากยะมุนี ที่สร้างในสมัยพระเจ้าลิไท ครั้งกรุงสุโขทัย เป็นราชธานี


เพลาสายของวันต่อมา พระองค์ท่าน ทรงเดินทางมายังเมืองสุโขทัย กรุงเก่า โดยไม่ใช้อิทธวิธญาณ ถึงเมืองสุโขทัย กรุงเก่าแล้ว พระองค์ท่านทรงค้างแรม นั่งเจริญสมาธิอยู่ที่บริเวณ วัดมหาธาตุสถานที่ประดิษฐานพระศรีศากยะมุนี หนึ่งราตรีเวลานั้น วัดพระมหาธาตุ สุโขทัย กรุงเก่า เป็นวัดร้าง เนื่องจากขณะนั้น ยังมีการรบระหว่างไทย-พม่าอยู่ และพระพุทธรูปใหญ่ พระพุทธศรีศากยะมุนี ก็ยังคงประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้ ซึ่งปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ เป็นวนอุทยานแห่งชาติสุโขทัย ครั้งนั้น หลังฉันอาหารเช้าแล้ว พระองค์ท่าน ทรงเดินทางเข้าไปในวัดมหาธาตุ เข้าไปในพระวิหาร ที่ประดิษฐานพระศรีศากยะมุนี จึงเข้าไปกราบนมัสการ พระพุทธศรีศากยะมุนี พระพุทธรูปสำคัญ ของวัดแห่งนี้


ต่อมาพระองค์ท่านทรงทราบว่า ของสำคัญต่อเนื่อง ในพระคาถาวาณี อยู่ใน พระคัมภีร์ใบลาน พระองค์ท่านจึงเดินทางไปที่หอไตรประจำวัดมหาธาตุ และทรงค้นพระคัมภีร์ในตู้แรกดู พอพระองค์ท่านทรงเปิดตู้แรก ทรงเห็นพระคัมภีร์แรก ที่หน้าพระคัมภีร์จารึก รูปนางฟ้านั่ง อยู่บนดอกบัวบาน พระองค์ก็ทรงทราบได้ในทันทีว่า พระคาถาวาณี พร้อมรายละเอียดอุปเท่ห์ อยู่ในลานนี้ทั้งหมด


ความนัยะพระคาถา


เมื่อพบแล้ว พระองค์ท่านทรงเปิดพระคัมภีร์ดูก็ทรงพบ พระคาถาอาราธนานั่งธรรม หรือ พระคาถาวาณีจารึกเป็นอักษรขอมโบราณ เป็นตัวทอง อ่านได้ความ เหมือนอย่างที่พบ จารึก ที่ก้อนหิน ในป่าใกล้ๆป่าดงพญาเย็น พร้อมมีคำอาราธนา และคำอธิบายว่า


มุนินฺท วท นมฺพุชะ คพฺภ สมฺภว สุนทรี
ปาณีนํ สรณํ วาณี มยฺหํ ปิณยตํ มนํ


๐ ข้าพระพุทธเจ้า ขออาราธนานางฟ้า คือพระไตรปิฏก ผู้มีรูปอันงาม เกิดแต่ห้องปทุมชาติคือพระโอฐ ของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นใหญ่กว่านักปราชญ์ทั้งหลาย

มนํ ขอจงมาสู่มโนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติละเสียซึ่งอาสวะกิเลส ที่ดองอยู่ในขันธ์สันดานของข้าพระเจ้า ทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ให้สิ้นไปเสื่อมไป ข้าพเจ้าจะไม่ทำให้เป็นอัตตกิลมัตถานุโยค ไม่ให้ลำบากแก่สังขาร ฯ

๐ พุทธํชีวิตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํคจฺฉามิ ฯ
๐ ธมฺมํชีวิตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํคจฺฉามิฯ
๐ สงฺฆํชีวิตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํคจฺฉามิ ฯ
๐ ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า จงมารับเครื่องสักการะบูชาของข้าพเจ้า ในกาลบัดนี้เถิดฯ



พร้อมคำอธิบายว่า พระคาถานี้ใช้สำหรับอาราธนาพระธรรมเข้าสู่ตนเพื่อจะนั่งทางธรรม จะได้สำเร็จผล ตามความมุ่งหมายเป็นพระคาถา ขอบารมีธรรม ขอความสำเร็จสมประสงค์ ใช้เป็นพระคาถาว่านำก่อน อาราธนาองค์พระกรรมฐานประกอบกับพระกรรมฐานห้องต่างๆ เวลานั้นพระองค์ท่านติดอยู่ขั้นสุดท้าย ของอันตราปรินิพพายี อย่างประณีต

เมื่อพระองค์ท่าน นำเอาบทภาวนา พระคาถาวาณี นำมาประกอบเข้ากับ การเจริญ เมตตาเจโตวิมุตติแล้ว อาจสามารถเป็นไป เพื่อต่อต้านภัยอันตราย และห้ามบาปธรรม


ธรรมที่เป็นบาปอกุศล เจตสิกมี ๑๔ ตัว คือ
๑. โมโห คือหลง
๒. อหิริกํ มิละอายแก่บาป
๓. อโนตฺตปฺปํ มิกลัวแก่บาป
๔. อุทธจฺจํ สะดุ้งใจ ฟุ้งซ่าน
๕. โลโภ โลภ
๖. ทิฏฐิ ถือมั่น
๗. มาโน มีมานะ
๘. โทโส โกรธ
๙. อิสฺสา ริษยา
๑๐. มจฺฉริย ตระหนี่
๑๑. กุกกุจจํ กินแหนง รำคาญ
๑๒. ถีนํ กระด้าง หดหู่
๑๓. มิทธํ หลับง่วง
๑๔. วิจิกิจฉา สงสัย


พระคาถาเพื่อความสำเร็จสมประสงค์

เมื่อกำจัดบาปธรรม ออกไปแล้ว อาจสามารถยังปัญญาให้บรรลุธรรมได้ จะเป็นทางนำสัตว์ทั้งหลายให้ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะกิเลสได้จากนั้นพระองค์ท่าน ก็ทรงทำการคัดลอกพระคัมภีร์วาณี ที่ไม่มีเจ้า อยู่ในวัดร้าง เมืองสุโขทัยนี้ กลับมาจากรุกข์มูล

พระองค์ท่านทรงนำบทพระคาถาวาณีนี้ว่านำก่อนนั่งพระกรรมฐานทุกครั้ง แล้วจึงเจริญเมตตาเจโต เมตตาออกบัวบานพรหมวิหาร ต่อไป ผ่านไปไม่นานนัก พระองค์ท่าน ทรงสามารถบรรลุอันตราปรินิพพายี อนาคามี อย่างประณีต ดังได้มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ จตุตถสมันตปาสาทิกา ตอนว่าด้วยอรรถกถา แห่งภิกขุนีขันธกะ ว่า

กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๑,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมีพระขีณาสพปฏิสัมภิทาญาณ
กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๒,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมี พระอรหันต์สุกขวิปัสสก
กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๓,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมี พระอนาคามี
กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๔,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมี พระสกทาคามี
กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๕,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมี พระโสดาบัน

กาลที่พระอาจารย์สุก สำเร็จคือกาลแห่ง พระอนาคามี ท่านบรรลุขั้นประณีตครั้งนั้น พร้อมด้วย มรรค ๓ ผล ๓ อภิญญา ๖ เป็นพระอนาคามีบุคคล เต็มขั้น กล่าวว่า เมื่อมรณะภาพ หรือนิพพานแล้ว จะไปบังเกิดในภพ สุทธาวาส คือที่อยู่ของท่านที่บริสุทธิ์ ที่บังเกิดของอนาคามีบุคคล ได้แก่พรหม ๕ ชั้นสูงสุด ของชั้นรูปาวจรคือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิฏฐา จะสำเร็จพระอรหันต์ผลในภพทั้งห้านี้ ไม่กลับมาเกิดในมนุษย์โลกนี้อีกถึงแม้ท่าน จะทราบว่าเป็นกาล แห่งอนาคามี พระองค์ท่าน ก็ยังไม่ละความเพียรเพิ่มวิริยะบารมีขึ้นเรื่อยๆไม่ทรงท้อถอย ต้องการที่จะบรรลุขั้นต่อไป

ดังปรากฏในคัมภีร์ ปัญจปสูทนีอรรถกถา แห่งมหาสูญญะตาสูตรมีใน อุปริปัณณาสก์ว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า แม้เมื่อเราตถาคตปรินิพพานไปแล้วก็ดี กุลบุตรทั้งหลายที่ยินดีแล้วในเอกีภาพ คือความเป็นอยู่ผู้เดียว นึกถึงมหาสูญญตาสูตรอยู่ดังนี้แล้ว หลีกออกจากหมู่คณะ ก็จะทำให้สิ้นวัฏฏะทุกข์ได้ดังนี้

พระอาจารย์สุก พระองค์ท่าน ทรงมีความเป็นอยู่ผู้เดียว แลทรงบำเพ็ญเพียรภาวนาซึ่ง มหาสูญญตาสูตร เสมอๆ กล่าวว่าสมัยอยุธยา พระคาถาวาณีก็มีเหมือนกัน แต่ไม่แพร่หลาย เพราะถึงตอนปลายยุคกรุงศรีอยุธยา ก็เริ่มเสื่อมจากอุบายธรรมนี้ พระอาจารย์สุก ท่านปฏิธรรม ยังไม่ถึงที่สุด แต่ก็มาถึงกาลล่มสลายของกรุงศรีอยุธยาเสียก่อน พระคัมภีร์อุบายธรรมต่างๆ จึงถูกเผาทำลายจนหมดสิ้น และพระคาถาวาณีนี้ จึงตกค้าง อยู่ที่เมืองสุโขทัย กรุงเก่ากาลต่อมาพระคาถาวาณี ได้แพร่หลายในกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตอนกลาง มีการให้ความหมายพระคาถาวาณีไว้ดังนี้


นางฟ้าคือ พระไตรปิฏก มุนินฺท วท นมฺพุช คพฺภ สมฺภว สุนทรี
มีรูปอันงามอันเกิดแต่ห้องดอกบัวคือ พระโอฐ ของพระพุทธเจ้าผู้เป็นใหญ่กว่าจอมปราชญ์ทั้งหลาย
ปาณีนํ สรณํ วาณี
เป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ผู้มีปราณ คือลมหายใจทั้งหลาย
มยฺหํ ปิณยตํ มนํ
จงยังใจแห่งข้าพเจ้าทั้งหลายให้ยินดี



ที่มาเนื้อหา จาก http://www.somdechsuk.org/
17  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ผลของการปฏิบัิติธรรม ถูกต้องเป็นอย่างไร เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2011, 10:20:45 am
[๓] ครั้งนั้น ท่านพระโสณะบรรลุพระอรหัตแล้ว ได้คิดว่า ถ้ากระไรเราพึงพยากรณ์
อรหัตผลในสำนักพระผู้มีพระภาค แล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถวายบังคมนั่งเฝ้าอยู่ ครั้นแล้ว
ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาค ว่าดังนี้:-
            พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุใด เป็นพระอรหันต์มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
มีกิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงแล้ว มีประโยชน์ของตนได้ถึงแล้วโดยลำดับ มีกิเลส
เครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพหมดสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้ชอบ ภิกษุนั้นย่อมน้อมใจ ไปสู่
เหตุ ๖ สถาน คือ
                         ๑. น้อมใจไปสู่บรรพชา
                         ๒. น้อมใจไปสู่ความเงียบสงัด
                         ๓. น้อมใจไปสู่ความไม่เบียดเบียน
                         ๔. น้อมใจไปสู่ความสิ้นอุปาทาน
                         ๕. น้อมใจไปสู่ความสิ้นตัณหา และ
                         ๖. น้อมใจไปสู่ความไม่หลงไหล
            พระพุทธเจ้าข้า ก็บางทีจะมีบางท่านในพระธรรมวินัยนี้สำคัญเห็นเช่นนี้ว่า ท่านผู้นี้อาศัย
คุณแต่เพียงศรัทธาอย่างเดียวเป็นแน่ จึงน้อมใจไปสู่บรรพชา ดังนี้พระพุทธเจ้าข้า ก็ข้อนี้ไม่พึง
เห็นอย่างนั้นเลย ภิกษุขีณาสพผู้อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว ไม่เห็นว่า
ตนยังมีกิจที่จำจะต้องทำ หรือจะต้องกลับสะสมทำกิจที่ได้ทำแล้ว จึงน้อมใจสู่บรรพชา โดยที่ตน
ปราศจากราคะ เพราะสิ้นราคะ จึงน้อมใจไปสู่บรรพชา โดยที่ตนปราศจากโทสะ เพราะสิ้นโทสะ
จึงน้อมใจไปสู่บรรพชา โดยที่ตนปราศจากโมหะ เพราะสิ้นโมหะ
            พระพุทธเจ้าข้า ก็บางทีจะมีบางท่านในพระธรรมวินัยนี้ สำคัญเห็นเช่นนี้ว่า ท่านผู้นี้
ปรารถนาลาภสักการะและความสรรเสริญเป็นแน่ จึงน้อมใจไปในความเงียบสงัด ดังนี้ พระพุทธ-
*เจ้าข้า ข้อนี้ก็ไม่พึงเห็นอย่างนั้นเลย ภิกษุขีณาสพผู้อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่ควรทำได้
ทำเสร็จแล้ว ไม่เห็นว่าตนยังมีกิจที่จำจะต้องทำ หรือจะต้องกลับสะสมทำกิจที่ได้ทำแล้ว จึง
น้อมใจไปสู่ความเงียบสงัด โดยที่ตนปราศจากราคะ เพราะสิ้นราคะ จึงน้อมใจไปสู่ความ
เงียบสงัด โดยที่ตนปราศจากโทสะ เพราะสิ้นโทสะ จึงน้อมใจไปสู่ความเงียบสงัด โดยที่ตน
ปราศจากโมหะ เพราะสิ้นโมหะ
            พระพุทธเจ้าข้า ก็บางทีจะมีบางท่านในพระธรรมวินัยนี้ สำคัญเห็นเช่นนี้ว่า ท่านผู้นี้
เชื่อถือสีลัพพตปรามาส โดยความเป็นแก่นสารเป็นแน่ จึงน้อมใจไปสู่ความไม่เบียดเบียน ดังนี้
พระพุทธเจ้าข้า ข้อนี้ก็ไม่พึงเห็นอย่างนั้นเลย ภิกษุขีณาสพผู้อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่ควร
ทำได้ทำเสร็จแล้ว ไม่เห็นว่าตนยังมีกิจที่จำจะต้องทำ หรือจะต้องกลับสะสมทำกิจที่ได้ทำแล้ว
จึงน้อมใจไปสู่ความไม่เบียดเบียน โดยที่ตนปราศจากราคะ เพราะสิ้นราคะ  จึงน้อมใจไปสู่ความ
ไม่เบียดเบียน โดยที่ตนปราศจากโทสะ เพราะสิ้นโทสะ จึงน้อมใจไปสู่ความไม่เบียดเบียน
โดยที่ตนปราศจากโมหะ เพราะสิ้นโมหะ
            ... จึงน้อมใจไปสู่ความสิ้นอุปาทาน โดยที่ตนปราศจากราคะ เพราะสิ้นราคะ จึงน้อมใจ
ไปสู่ความสิ้นอุปาทาน โดยที่ตนปราศจากโทสะ เพราะสิ้นโทสะ จึงน้อมใจไปสู่ความสิ้นอุปาทาน
โดยที่ตนปราศจากโมหะ เพราะสิ้นโมหะ
            ... จึงน้อมใจไปสู่ความสิ้นตัณหา โดยที่ตนปราศจากราคะ เพราะสิ้นราคะ จึงน้อมใจ
ไปสู่ความสิ้นตัณหา โดยที่ตนปราศจากโทสะ เพราะสิ้นโทสะ จึงน้อมใจไปสู่ความสิ้นตัณหา
โดยที่ตนปราศจากโมหะ เพราะสิ้นโมหะ
            ... จึงน้อมใจไปสู่ความไม่หลงใหล โดยที่ตนปราศจากราคะ เพราะสิ้นราคะ จึงน้อมใจ
ไปสู่ความไม่หลงใหล โดยที่ตนปราศจากโทสะ เพราะสิ้นโทสะ จึงน้อมใจไปสู่ความไม่หลงใหล
โดยที่ตนปราศจากโมหะ เพราะสิ้นโมหะ
            พระพุทธเจ้าข้า แม้หากรูปารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยจักษุ ผ่านมาสู่คลองจักษุ
ของภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วโดยชอบอย่างนี้ ก็ไม่ครอบงำจิตของภิกษุนั้นได้เลย จิตของภิกษุนั้น
อันอารมณ์ไม่ทำให้เจือติดอยู่ได้ เป็นธรรมชาติตั้งมั่นไม่หวั่นไหว และภิกษุนั้นย่อมพิจารณาเห็น
ความเกิดและความดับของจิตนั้น
            แม้หากสัททารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยโสต ....
            แม้หากคันธารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยฆานะ ....
            แม้หากรสารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยชิวหา ....
            แม้หากโผฏฐัพพารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยกาย ....
            แม้หากธรรมารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยมโน ผ่านมาสู่คลองใจของภิกษุผู้มี
จิตหลุดพ้นแล้วโดยชอบอย่างนี้ ก็ไม่ครอบงำจิตของภิกษุนั้นได้เลย จิตของภิกษุนั้นอันอารมณ์
ไม่ทำให้เจือติดอยู่ได้ เป็นธรรมชาติตั้งมั่นไม่หวั่นไหว และภิกษุนั้นย่อมพิจารณาเห็นความเกิด
และความดับของจิตนั้น
            พระพุทธเจ้าข้า ภูเขาล้วนแล้วด้วยศิลา ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบอันเดียวกัน
แม้หากลมฝนอย่างแรง พัดมาแต่ทิศตะวันออก ก็ยังภูเขานั้นให้หวั่นไหวสะเทือนสะท้าน
ไม่ได้เลย
            แม้หากลมฝนอย่างแรง พัดมาแต่ทิศตะวันตก ....
            แม้หากลมฝนอย่างแรง พัดมาแต่ทิศเหนือ ....
            แม้หากลมฝนอย่างแรง พัดมาแต่ทิศใต้ ก็ยังภูเขานั้นให้หวั่นไหว สะเทือนสะท้าน
ไม่ได้เลย แม้ฉันใด.
            พระพุทธเจ้าข้า แม้หากรูปารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยจักษุ ผ่านมาสู่คลองจักษุ
ของภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วโดยชอบอย่างนี้ ก็ย่อมไม่ครอบงำจิตของภิกษุนั้นได้เลย จิตของ
ภิกษุนั้นอันอารมณ์ไม่ทำให้เจือติดอยู่ได้ เป็นธรรมชาติตั้งมั่นไม่หวั่นไหว และภิกษุนั้นย่อม
พิจารณาเห็นความเกิดและความดับของจิตนั้น.
            แม้หากสัททารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยโสต ....
            แม้หากคันธารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบด้วยฆานะ ....
            แม้หากรสารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบด้วยชิวหา ....
            แม้หากโผฏฐัพพารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยกาย ....
            แม้หากธรรมารมณ์ที่หยาบ ซึ่งจะพึงทราบชัดด้วยมโน ผ่านมาสู่คลองใจของภิกษุผู้มีจิต
หลุดพ้นแล้วโดยชอบอย่างนี้ ก็ไม่ครอบงำจิตของภิกษุนั้นได้เลย จิตของภิกษุนั้นอันอารมณ์
ไม่ทำให้เจือติดอยู่ได้ เป็นธรรมชาติตั้งมั่นไม่หวั่นไหว และภิกษุนั้นย่อมพิจารณาเห็นความเกิด
และความดับของจิตนั้น ฉันนั้นเหมือนกันแล.
18  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ผลสำรวจความเสียหาย ข้าว เมื่อ: ตุลาคม 04, 2011, 12:01:18 pm


ตอนนี้ใน อ.เกาะคา ก็ท่วม สองเมตรคะ

รถไฟ มีเดินแค่ จังหวัด ลพบุรี นะคะ
19  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://thamvuadang.com/ วัดถ้าวัวแดง เมื่อ: สิงหาคม 29, 2011, 09:11:08 am


http://thamvuadang.com/
วัดถ้าวัวแดง




ดูภาพอื่น ๆ ได้ที่ลิงก์นี้

http://btgsf1.fsanook.com/album/files/jpg/229/1147364.jpg
20  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บทความเรื่อง ใช้ facebook อย่างไม่เป็นทาส เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 10:12:18 am
โดย   พระไพศาล  วิสาโล
ที่มา  www.visalo.org

“เราควรเป็นนายของเทคโนโลยี ไม่ใช่เป็นทาสของมัน”

เฟซบุ๊คเป็นที่นิยม ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้คนรู้สึกเป็นปัจเจกมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ปรารถนาการติดต่อเชื่อมโยงกับผู้อื่น เพื่อให้ตัวตนเป็นที่รับรู้ของคนในวงกว้าง หาไม่จะกลายเป็น nobody ซึ่งเป็นสิ่งที่คนสมัยนี้รับได้ยาก เฟซบุ๊คเป็นการตอบสนองความต้องการส่วนลึกของผู้คนที่ต้องการประกาศตัวตน หรือเป็น somebody ในสายตาของคนอื่น โดยที่ยังรักษาความเป็นปัจเจกของตน หรือรักษาระยะห่างกับผู้คน ไม่ให้มายุ่มย่ามในชีวิตส่วนตัวของตนมากนัก

เฟซบุ๊คเปิดโอกาสให้คนที่ คิดเหมือนกัน มีรสนิยมเหมือนกัน มาพบปะกัน ในด้านหนึ่งก็เท่ากับเป็นการเสริมหรือตอกย้ำความคิดที่มีอยู่ ลักษณะการตอกย้ำหรือหนุนเสริมความคิดของกันและกัน มีแนวโน้มที่จะทำให้คนในกลุ่มมีความคิดแบบสุดโต่ง ยึด มั่นในความเห็นของตนมากขึ้น ทำให้ใจแคบ ดังนั้นจึงยอมรับความคิดที่ต่างกันได้ยาก การที่ผู้คนคบแต่คนที่คิดคล้ายกัน อ่านข่าวจากสื่อที่มีแนวคิดเหมือนกัน ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น เคเบิลทีวี เว็บไซต์ และเฟซบุ๊ค ทำให้เกิดปรากฏการณ์ของความสุดโต่งท่ามกลางทางเลือกอันหลากหลายในการรับสื่อ

ความเหงาและโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชน ทำให้ผู้คนหันไปหาเฟซบุ๊ค เพื่อคลายความเหงา และตอบสนองความเป็น somebody ทำให้ช่วยบรรเทาความเหงาโดดเดี่ยวและรู้สึกไร้คุณค่า ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ผู้คนหลงใหลถึงขั้นเสพติด อันนี้ยังไม่ต้องพูดถึงการเล่นเกม ซึ่งมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนให้หลงใหลเพลิดเพลินจนเสพติดได้

สติจึงมีความสำคัญในการใช้เฟซบุ๊ค ขณะเดียวกันก็ควรมีวินัยในการใช้สื่อแบบนี้ด้วย เช่น กำหนดกับตนเองว่าจะใช้วันละกี่ชั่วโมง การแบ่งเวลาให้ดี จะช่วยได้ รวมทั้งเตือนตนด้วยว่า ชุมชนที่ดีที่สดคือชุมชนที่เราเห็นหน้าเห็นตากัน ใช้ชีวิตร่วมกัน และทำกิจกรรมร่วมกัน ดังนั้นจึงควรแบ่งเวลาให้กับครอบครัว และเพื่อนบ้านด้วย

ในทัศนะของพุทธศาสนา เราควรแยกแยะระหว่าง "คุณค่าแท้" กับ "คุณค่าเทียม" เช่น คุณค่าแท้ของอาหาร คือการทำให้ร่างกายอยู่ได้ มีสุขภาพดี จะได้ทำประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น ส่วนคุณค่าเทียม คือ ความอร่อย ความโก้เก๋ หรือประโยชน์ส่วนเกิน ซึ่งสนองกิเลส เช่น กินเพื่อความสวยงาม ความเท่ เป็นต้น สื่อและเครื่องมือไฮเทคก็เช่นกัน เราต้องแยกแยะให้ชัดเจน ว่าคุณค่าแท้คืออะไร เช่น เป็นช่องทางการรับรู้และเผยแพร่ข่าวสาร เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา เปิดมุมมองให้กว้าง ส่วนคุณค่าเทียมนั้นได้แก่ ความบันเทิง ความสนุกสนาน หรือความเท่ หากเรามองข้ามคุณค่าแท้ ไปหลงใหลคุณค่าเทียม มันก็จะเป็นโทษแก่ตัวเรา ทั้งกายและใจ (ในเกาหลีใต้ มีบางคนที่เล่นเกมออนไลน์ติดต่อกัน ๓๖ ชั่วโมงจนตาย) อีกทั้งยังเป็นโทษแก่ผู้อื่นด้วย (ในเกาหลีใต้เช่นกัน มีผัวเมียคู่หนึ่งติดเกมออนไลน์ จนลืมลูกน้อยวัย ๓ ขวบ ปล่อยให้อดอาหารจนตาย)

สำหรับคนทั่วไป คุณค่าเทียม เช่น ความเพลิดเพลิน คงปฏิเสธยาก แต่อย่าให้มันมีความสำคัญเหนือคุณค่าแท้ ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นทาสของมัน เราควรเป็นนายเทคโนโลยี ไม่ใช่เป็นทาสของมัน แต่ถ้าขาดสติเมื่อไหร่ เราก็เป็นทาสของมันทันที
21  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สุโขทัย น้ำท่วมทุกอำเภอแล้ว นะคะ เมื่อ: สิงหาคม 05, 2011, 12:27:04 pm


http://videolink.nationchannel.com/data/6/2011/08/04/7gaebf69b5fbed6abkjcb.mp4


ระดับน้ำยม ไหลท่วมทะลัก "สุโขทัย"

สถานการณ์น้ำท่วมจ.สุโขทัย ยังคงได้รับความเสียหายต่อเนื่อง กระแสน้ำยมที่ไหลทะลักเข้าท่วม โดยระดับน้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร สวนผลไม้ ทำให้ได้รับความเสียหายและขาดทุนย่อยยับ


http://www.nationchannel.com/main/news/social/20110804/2778710/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A2%E0%B8%A1%20%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%20%20%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%82%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A2%20/
22  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปภ.เตือนเหนือ-อีสาน37จ.ระวังน้ำป่ายัน"หมุยฟ้า"ไม่กระทบไทย เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 08:22:36 am
   
2 สค. 2554 16:16 น.

    นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากอิทธิพลจากพายุโซนร้อนนกเตน ทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยใน 14 จังหวัด ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ น่าน ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก นครพนม อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ และสกลนคร รวม 43 อำเภอ 134 ตำบล 492 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่จ.อุดรธานี

    นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า ฝากเตือนภัยไปยังประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่ม 37 จังหวัด เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ในช่วง 1-2 วันนี้ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย หมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นลมแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

    นายวิบูลย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนพายุหมุยฟ้า ขณะนี้ได้เคลื่อนตัวเข้าฝั่งประเทศไต้หวันแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีอิทธิพลต่อฝนที่จะตกหนักในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมชลประทานได้ออกประกาศเตือนภัยหลังจากมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่อาจจะ ส่งผลให้มีน้ำเหนือไหลลงสู่แม่น้ำสายหลัก และไหลลงเขื่อน

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=522617




จะมีมาทั้งหมด 20 ลูก ผ่านไปแ้ล้ว 2 ลูก แค่นี้ก็แย่แล้วคะ ไม่รู้ถ้ารับครบทั้ง 20 ลูก จะเป็นอย่างไรบ้าง
23  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลูกพาแม่นั่งรถไฟฟ้าเที่ยวฟรี12ส.ค. เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 08:19:46 am

ทั้งรถไฟฟ้าลอยฟ้า-ใต้ดินเพื่อส่งเสริมให้แสดงความกตัญญูกตเวที-สนับสนุนสถาบันครอบครัวให้มีความใกล้ชิด

วันนี้ ( 2ส.ค.) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งว่า เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 12 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ รถไฟฟ้าบีทีเอสจะจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อแม่ และสนับสนุนสถาบันครอบครัวให้มีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โดยลูกสามารถพาแม่โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสฟรี ตลอดสาย ทุกเส้นทาง ตั้งแต่เวลา 06.00 น.– 24.00 น. ซึ่งแม่และลูกจะต้องขึ้น-ลงสถานีเดียวกันเท่านั้น ติดต่อขอรับคูปองเดินทางฟรี ได้ที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสารทั้ง 25 สถานี และอีก 5 สถานีใหม่ในส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ซึ่งเริ่มจากสถานีบางจาก ปุณณวิถี อุดมสุข บางนา และสถานีแบริ่ง ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายที่จะเปิดให้ใช้บริการในวันที่  12 ส.ค.ป็นวันแรกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ยกเว้นค่าโดยสารสำหรับเด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 90 ซม.
 
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ลูกสามารถพาแม่เดินทางไปนั้น อาทิ ชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ หรือชมโลกใต้น้ำที่สยามโอเชี่ยนเวิร์ล ลงสถานีสยาม  เที่ยวบ้าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช ลงสถานีช่องนนทรี หรือจะใช้บริการแพคเก็จท่องเที่ยวทางเรือของ เรือด่วนเจ้าพระยา ชมทิวทัศน์อันสวยงามของ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ลงที่สถานีสะพานตากสิน หรือ ชมพิพิธภัณฑ์บ้านจิมทอมป์สัน และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ  เที่ยวท้องฟ้าจำลอง ลงสถานีเอกมัย  เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ฮอตไลน์บีทีเอสโทรศัพท์  0 2617 6000
 
ด้านบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเอ็มซีแอล ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคล หรือ เอ็มอาร์ที  แจ้งว่า บีเอ็มซีแอลร่วมฉลองเนื่องในโอกาส วันแม่แห่งชาติ 2554 ด้วยการยกเว้นค่าโดยสารให้คุณแม่ที่โดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที ในวันที่ 12 ส.ค.นี้ ตลอดระยะเวลาการให้บริการ เพียงคุณลูกพาคุณแม่ไปแสดงตัวเพื่อขอรับคูปองพิเศษที่ห้องออกบัตรโดยสาร รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีทั้ง 18 สถานี สำหรับผ่านเข้า-ออกประตูพิเศษ (Swing Gate) เพื่อเข้าระบบต่อไป โดยคุณลูกชำระค่าโดยสารปกติ และคุณลูกพร้อมคุณแม่จะต้องขึ้นและลงรถไฟฟ้าที่สถานีเดียวกัน ติดตามรายละเอียดได้ที่ป้ายประชาสัมพันธ์ภายในสถานีรถไฟฟ้า และทางwww.bangkokmetro.co.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.0-2624-5200


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=354&contentID=154646
24  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ขั้นตอนการเป็นพระโสดาบัน เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 04:23:57 pm
อยากได้คุณธรรมเบื้องต้นในพระพุทธศาสนา คือ เป็นพระโสดาบัน

ควรทำอย่างไรบ้างคะ ที่จะได้เป็น พระโสดาบัน

หรือ ดำเนินชีิวิตตาม มหาสติปัฏฐาน ....

แต่ใครมีขั้นตอนที่แน่นอน และ รู้ได้อย่างน้อยด้วยตัวเอง
เพราะที่ผ่านมา ก็เคยรู้สึกเข้าใจว่าตนเองเป็นพระโสดาบัน แต่พอได้ศึกษาในเว็บมัชฌิมา มา 1 ปี
ความรู้สึกที่เคยคิดว่าเป็นกับบอกว่า ไม่ได้เป็น และ ไม่ใช่ เลยคะ

 :s_hi:  :c017: :25:
25  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญเข้าร่วม "โครงการปฏิบัติธรรม ประจำปี 2554" โดย มูลนิธิรัศมีแห่งธรรม เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2011, 10:35:42 am


ขอเชิญเข้าร่วม "โครงการปฏิบัติธรรม ประจำปี 2554"

โดย มูลนิธิรัศมีแห่งธรรม

รายละเอียดโครงการ







สามารถดาวน์โหลดแผ่นพับ เพื่ออ่านชัดเจนได้ที่นี่คะ

pdf file >> http://www.dhammathai.org/ad/mrt2554.pdf

Doc file >> http://www.dhammathai.org/ad/mrt2554.doc
26  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ธรรมะเปลี่ยนชีวิต ครั้งที่ 4 วันที่ 3 ก.ค.54 ที่ มช. นะคะ เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2011, 10:11:42 am
ธรรมะเปลี่ยนชีวิต ครั้งที่ 4

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ ชมรมสารธรรมล้านนา
ขอเชิญชวนชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง มาร่วมฟังการบรรยาย และปฏิบัติธรรม
วัน อาทิตย์ 3 กรกฎาคม 2554 ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เวลา 7.00 น.-17.00น. ...ฟรี!..ทุกอย่างค่ะ
ในงานมีการแจกหนังสือธรรมะ-ซีดีธรรมะ
โรงทานเปิดตั้งแต่ 06.00น. "มีอาหารและเครื่องดื่มฟรีตลอดงาน"
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ โรงทาน,หนังสือ,ซีดี,และอื่นๆ ได้ที่
พญ.ดุลยา ไชยเศรษฐ ประธานชมรม หรือโชตนาคลินิก โทร.081-7163960,053-215561
สามารถ ร่วมสนับสนุน บัญชี ชมรมสารธรรมล้านนา
ทางธนาคารกสิกรไทยจำกัด สาขาช้างเผือก
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 279-2-05700-9



องค์บรรยายในงาน ธรรมะเปลี่ยนชีวิต ครั้งที่ 4
อาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554
1.พระธรรมมังคลาจารย์ ศริริมังคโล(หลวงปู่ทอง)
2.พระครูวินัยธรทรงศักดิ์ วิโนทโก(หลวงพ่อเอี้ยน)
3.หลวงพ่อธี วิจิตฺตธมฺโม
4. ดร.สนอง วรอุไร

27  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาวพุทธทั่วโลก ๘๖ ประเทศประชุมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2011, 01:46:29 pm
พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กล่าวในการแถลงข่าวการจัดกิจกรรมนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี ๒๕๕๔ และเนื่องในโอกาสครบ ๒๖ ศตวรรษ แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าว่า "ตามที่ประชุมชาวพุทธนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชาโลก เมื่อปี ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา มีมติสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ที่มหาจุฬาฯ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และที่ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมและรัฐบาล เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการถวายราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"

                     พระธรรมโกศาจารย์ กล่าวต่อไปว่า "มหาเถรสมาคมอนุมัติให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจัดกิจกรรมนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญของสหประชาชาติ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๑๒-๑๔ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร หัวข้อเรื่อง "พุทธธรรมกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ Buddhist Virtues in Socio-Economic Development" โดยสมเด็จพระสังฆราช ประมุขสงฆ์ ผู้นำชาวพุทธ นักวิชาการ นักปราชญ์ด้านพระพุทธศาสนา"

                     เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ มีการประชุมคณะกรรมการสมาคมวิสาขบูชาโลก และคณะกรรมการสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธนานาชาติ จาก ๓๐ ประเทศ  "ในนามของพุทธศาสนิกชนคนไทย และทั่วโลก ขอขอบคุณคณะกรรมการจัดงานวิสาขบูชาโลกทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือ และทำงานอย่างหนักมากว่า ๑ ปีในการเตรียมการจัดงาน เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา ในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี ๒๕๕๔ และเนื่องในโอกาสครบ ๒๖ ศตวรรษแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เชื่อมั่นว่า ภายใต้การทำงานหนักของทุกผ่าน การจัดงานวิสาขบูชาโลกครั้งจะต้องประสบความสำเร็จตามที่ชาวพุทธทั่วโลกเฝ้ารอและคาดหวัง"


อ่านต่อที่นี่นะคะ

http://www.mcu.ac.th/site/news_in.php?group_id=1&NEWSID=7293


พิธีเปิดพึ่งจะเสร็จสิ้น โดยหม่่อมเจ้าศรีรัศ เสด็จเป็นพระองค์แทน สมเด็จพระโอรสาธิราช

ประทับใจมากคะ

 :25: :25: :25:
28  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มีใครได้อ่านเล่มนี้หรือยัง คะ เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2011, 12:16:29 pm


" จากทำเนียบสู่เรือนจำ จนนำไปสู่ธรรมะแห่งพุทธองค์ เปิดใจพระรักเกียรติ รักขิตะธัมโม (สุขธนะ) ครั้งแรกผ่านตัวหนังสือ จากนักการเมืองดาวรุ่ง อดีตรัฐมนตรี ที่เคยมีเงินนับร้อยล้าน ต้องติดคุกเพราะคดีทุจริต และในช่วงที่ทุกข์ที่สุด กลับได้พบแสงสว่างคือธรรมะของพระพุทธเจ้า จนหลังพ้นโทษได้ตัดสินใจบวชเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนา
พบทุกเรื่องราวสุดเข้มข้นจากองคุลีมาลพ.ศ.นี้ ที่ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตนักการเมืองทุจริตเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้ในหนังสือ ถ้ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก

http://www.naiin.com/ProductDetail.aspx?sku=BK213922789728435
29  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / น้ำท่วมที่ลำปาง รถไฟไม่สามารถเข้าจอดที่สถานีได้คะ เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2011, 11:58:06 am
10 พค. 2554 10:20 น.

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากมีฝนตกหนัก ตลอดทั้งคืน ในพื้นที่ จ.ลำปาง ทำให้ตัวเมืองลำปาง ระดับน้ำสูงเริ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะน้ำได้ไหลท่วมทางรถไฟ บริเวณใต้สะพานลอยคลังก๊าซและก่อนถึงทางข้ามรถไฟดอนปาน ห่างจากสถานีรถไฟนครลำปางประมาณ 1 กิโลเมตร กระแสน้ำท่วมรางรถไฟจนมองไม่เห็นราง ซึ่งเจ้าหน้าที่รถไฟ ลำปาง ได้เข้าตรวจสอบแล้ว ก่อนจะแจ้งให้รถไฟต้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ทุกขบวน ไม่ว่าจะเป็นรถขบวนเร็ว 109 ขบวน11 สปริ้นเตอร์ ขบวน 1 รถด่วนพิเศษนครพิงค์ว่าน้ำท่วมทางรถไฟ รถไม่สามารถเข้าจอดที่สถานีรถไฟนครลำปาง ทำให้รถไฟทุกขบวนที่จะเข้าจอดต้องจอดตามสถานีต่าง ของจังหวัดลำปาง เช่น สถานีแม่เมาะ สถานีผาลาด และสถานีหนองวัวเฒ่า
    นายพนัส มงคลฤทธิ์ นายสถานีรถไฟนครลำปางเปิดเผยว่า ได้แจ้งให้ขบวนรถไฟที่จะออกมาจากต้นทางจากหัวลำโพง กรุงเทพฯ ทราบว่าไม่สามารถนำขบวนรถไฟเข้าจอดส่งผู้โดยสาร ที่สถานีรถไฟนครบลำปาง ได้ เนื่องจากน้ำท่วมรางรถไฟ และเกรงว่าจะเกิดการทรุดตัว ขณะนี้ตนได้ประสานรถบัสจำนวนหลายคัน เพื่อเดินทางไปขนถ่ายผู้โดยสารที่เดินทางมากับขบวนรถไฟ ตามสถานีต่างๆข้างต้น ไปส่งที่ปลายทางแล้ว หากน้ำลดหรือกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ตนจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายรางรถไฟทันที


http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=509145
30  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watumong.org/ วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2011, 12:48:19 pm


เป็นวัดที่เคยได้พบสามเณรยื่นหนังสือ คู่มือมนุษย์ ให้คะ

วัดนี้เป็นแนวสวนโมกขพลาราม และ วัดชลประทานรังสฤษดิ์ นะคะ

2 ขุนทัพทางธรรม สายปัญญา คะ

หลวงพ่อพุทธทาส และ หลวงพ่อปัญญานันทะ คะ

 :25:

31  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การให้อภัย ไม่ใช่ยอมแพ้ ไม่ใช่เสียเปรียบ เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 09:32:40 am
การให้อภัย ไม่ใช่ยอมแพ้ ไม่ใช่เสียเปรียบ

ยอมกันเสียบ้าง ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง การยอมแพ้อาจหมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ คือ การให้อภัย การให้อภัย ดูเหมือนว่า เรายอม ไม่ติดใจ ไม่เอาเรื่อง แล้วเขาจะได้กำเริบ ส่วนเราเสียเปรียบ ความจริงแล้วไม่ใช่ เรากำลังบำเพ็ญบารมี คือ "อภัยทาน" อันเป็นทานบารมีที่สูงส่ง

บางคนรักมากหลงมาก เพราะเขาดี ก็ปรารถนาพบกันทุกชาติ หรือต้องการพบกันอีก บางคนก็อธิษฐานไม่ขอพบขอเจอกันอีกและไม่ให้อภัย ผลของการไม่อภัย ก็เหมือนการผูกสิ่งที่เราไม่ชอบไว้กับตัวตลอดเวลา คล้ายๆ ผูกเวร จองเวร ไม่มีที่สิ้นสุด

การให้อภัย เป็นการฝึกจิต อบรมจิต เป็นการชำระใจ เป็นการยุติปัญหาต่างๆ เป็นการแสดงกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่การเสียหน้าหรือเสียรู้ ไม่ใช่การได้เปรียบเสียเปรียบ แต่เป็นการชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีออกจากใจ เหมือนล้างภาชนะที่สกปรก ฉันนั้น

การให้อภัยพูดง่ายแต่ทำยาก แม้จะยากเพราะใจไม่อยากทำ ก็ต้องฝืนใจ เพราะเมตตาและการให้อภัย เป็นคุณประโยชน์แก่เรา เป็นความสงบร่มเย็นของเราเอง ไม่ใช่ของใครอื่น

การให้อภัย จึงเป็นชัยชนะของผู้มีปัญญา

ที่มา http://board.palungjit.com/
32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทำไมบางคน ถึงได้ใจทุกข์ร้อนอยู่เสมอ เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 09:26:15 am
ทำไมบางคน ถึงได้ใจทุกข์ร้อนอยู่เสมอ

ทำไมบางคนถึงทุกข์ร้อน วิตกกังวล กระวนกระวาย ไม่สบายใจ ไม่ปลอดโปร่งอยู่เสมอ

คำตอบง่ายมาก เพราะเขาแบกความคิดและความรู้สึกหลายอย่างเอาไว้ ไม่ปลดปล่อย ไม่ปรับเปลี่ยน จนกระทั่งมันกลายเป็นขยะหรือคราบสกปรกเกาะติดหัวใจ เวลามีอะไรมากระทบหรือสัมผัสกับความรู้สึก ก็จะมีคราบเปื้อนเหล่านี้เข้าไปเจือปน ความสดใสที่ควรจะมี จึงมีได้ไม่เต็มที่

ทำไมเราจึงปล่อยให้ใจเป็น "ถังขยะ" ล่ะ

คำตอบก็คือ เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอก ว่าเราแอบทิ้งขยะลงไปในใจของเราเอง หรือมีใครทิ้งขยะลงมาในหัวใจของเราบ้าง ถ้าเราไม่หมั่นสำรวจ บางทีเราอาจมีขยะรกเรื้อหัวใจอยู่มากมายเลยก็ได้ อะไรบ้าง ที่เป็นขยะหัวใจ

1. ความไม่พอใจ

มีหลายเรื่องเลยนะ ในชีวิต ที่เราไม่พึงพอใจ ถ้าจะแบ่งให้กว้างที่สุดเพื่อให้เห็นภาพ สิ่งที่ทำให้เราไม่พอใจมีอยู่ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ไม่พอใจคนอื่น กับไม่พอใจตัวเอง ไม่พอใจคนอื่นเกิดได้มากกว่าความไม่พอใจในตัวเอง เพราะธรรมชาติของคน ย่อมรักตัวเองมากกว่าคนอื่น ย่อมโทษคนอื่นก่อนโทษตัวเอง ย่อมเห็นความผิดของคนอื่นได้ก่อนและได้ชัดกว่าความผิดของตนเอง

ขณะเดียวกันเราต่างก็รู้ว่า โลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีเกิน มีขาด จนกว่าจะค่อยๆ ปรับปรุงพัฒนาให้มีความพอดีได้ จึงจะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ฉะนั้น เราควรมองด้านดีของกันและกันให้มากกว่าด้านที่บกพร่อง

ถ้าเราเริ่มจากมองด้านดีของกันและกันแล้ว ความพึงพอใจ และความนับถือในกันและกันก็จะเกิด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างสรรค์...กว่าการจับผิดกัน แล้วนำไปสู่ความไม่พอใจ

 


2. ความผิดหวัง

2 สิ่งที่ไม่ควรตั้งความหวังไว้สูงนัก คือหวังว่าเรื่องบางเรื่อง เหตุการณ์บางเหตุการณ์ หรือคนบางคนในอดีตจะย้อนกลับมา กับหวังว่าอนาคตจะเป็นไปตามที่เราวาดหวังเสียทุกประการ อดีตเป็นสิ่งที่ยากจะเรียกหาให้ย้อนกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิม ดีที่สุดคือใช้อดีตเป็นบทเรียน ให้สติ ให้เราเรียนรู้ทั้งโอกาสและความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น เพื่อให้วันนี้และวันข้างหน้า ดีกว่าอดีตที่เคยเป็น

ส่วนอนาคตย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบงการให้เป็นไปตามความหวังของเราได้เสียทั้งหมด แต่พอจะคาดการณ์ได้ว่าน่าจะเป็นอย่างไร กระนั้นก็ตาม หากไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ ก็อย่าได้ทุกข์ร้อนเสียใจ และปล่อยความคาดหวังบนความไม่แน่นอนแบบนี้ให้เป็นขยะรกอารมณ์

3. ความอิจฉาริษยา

ขยะอย่างหนึ่งที่รกใจคนที่สุด ก็คือความอิจฉาริษยาคนอื่น โดยไม่ทันเฉลียวว่า ทุกครั้งที่เราอิจฉาริษยาใครก็ตาม ความนับถือตัวเองของเราก็เสื่อมถอยลงไปด้วย เพราะการจะรู้สึกอิจฉาหรือริษยาใครนั้น ย่อมมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกว่าเขาดีหรือได้ดีกว่าเรา เราจึงอิจฉาเขาเป็นพัลวัน

จงหยุดอิจฉา แล้วมองให้เห็นว่า การที่คนอื่นได้ดีหรือมีดีกว่าเรานั้น เป็นสิ่งที่น่ายินดี ควรยินดีกับเขา และปรับเปลี่ยนโน้มน้าวตัวเองให้ทวีความดีดั่งที่เขามีจนเราอิจฉา

 


4. ความยึดมั่นถือมั่น

ขยะที่เพิ่มพูนความรกเรื้อรุงรังให้ใจได้เป็นอย่างดีอีกประการหนึ่งคือ ความยึดมั่นถือมั่น คิดว่านั่นก็คนของฉัน นี่ก็บ้านของฉัน รถของฉัน คนรักของฉัน ตำแหน่งของฉัน ฯลฯ จนไม่สามารถปล่อยวาง ?สิ่งนอกตัว? เหล่านั้นลงได้

ส่วนใหญ่พบว่า จิตจะปรุงแต่งไปเอง ว่าสิ่งนี้ฉันรัก สิ่งนี้ฉันเป็นเจ้าของ ใครก็เอาไปจากฉันไม่ได้ พอไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ผูกพันหน่วงเหนี่ยว ยังคงเสียดาย เสียใจ และปรุงแต่งจิตเพิ่มเข้าไปว่าฉันนี้แสนทุกข์ระทม

ลองยอมรับความจริงดูบ้างไหม ว่าอะไรๆ ในโลกนี่ก็ไม่ใช่ของเราอย่างถาวรทั้งสิ้น แม้กระทั่งร่างกายของเรานี้ แท้ก็เป็นแค่ของยืมมา ใช้ได้ชาตินี้ชาติเดียว เดี๋ยวก็เสื่อม ก็แก่ ก็ป่วย ก็ตาย ต้องคืนร่างกายสังขารนี้สู่สภาพดิน น้ำ ลม ไฟ เน่าเปื่อยผุพังไป สิ้นความสวยความหล่อ ตลอดจนลาภยศสรรเสริญทั้งปวง

 

5. ความกลัว

ใจหลายคน รุงรังไปด้วยความกลัว กลัวเขาจะไม่รัก กลัวเงินจะหมด กลัวฝนจะตก กลัวนายจ้างจะเลิกจ้าง กลัวเพื่อนร่วมงานจะได้ดีกว่า กลัวไม่ก้าวหน้า ไม่ได้โบนัส ฯลฯ

กลัวไปทำไม เรื่องบางเรื่องเราตัดสินเองไม่ได้ อยู่นอกเหนือจากการควบคุม ซึ่งกลัวไปก็เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักนิด บางเรื่องแทบไม่มีวันมาถึงในชีวิต ก็กลัวล่วงหน้า กลัวจนประสาทเสีย

จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกคนและทุกสิ่งในชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งต้องเริ่มจากการทำแต่สิ่งที่ดี โปร่งใส ไม่เป็นแผลติดตัวที่ต้องปิดบังซ่อนเร้น และจงขจัดความกลัวออกไปจากใจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตของเราให้สมศักดิ์ศรี เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อทำให้ชีวิตนี้ดีกว่าเดิม


6. ความอยาก

จง "อยาก" ให้พอดีกับกำลังกาย กำลังทุน และกำลังสติปัญญาของตัวเอง อย่าอยากจนเกินกำลัง เพราะจะทำให้สิ้นกำลังได้ง่าย แล้วกลายเป็นคนพ่ายแพ้ อ่อนแอ หมดสิ้นความทะเยอทะยานอยากในชีวิต

ความทะเยอทะยานอยากเหมือนรถ แต่ใจเราคือคนขับ รถแล่นด้วยความเร็วกำลังดี เราก็ได้ประโยชน์ จอดอยู่เฉยๆ ก็นิ่งอยู่กับที่ แต่หากแล่นฉิวจนเกินควบคุม ก็อันตรายกับชีวิต ฉะนั้น ใจต้องเป็นนายของความทะเยอทะยานอยาก ขับเคลื่อนความทะเยอทะยานอยากโดยควบคุมได้



ทำอย่างไรให้ใจสะอาด

เริ่มจากปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง อย่ายึดติดยึดถือให้มากนัก แล้วอยู่กับปัจจุบัน อะไรที่อยู่กับเรา เป็นของเรา ย่อมอยู่กับปัจจุบันของเราด้วย นั่นคือสิ่งจริงแท้แน่นอน การปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง เท่ากับการเทขยะทิ้ง การอยู่กับปัจจุบัน เท่ากับการปิดฝาถังขยะ ไม่เปิดรับขยะใหม่ๆ ให้ใจต้องสกปรกรกรุงรังอีก เพื่อมีเวลาทำความสะอาดหัวใจให้ผ่องใส เบิกบาน

ใจ...แท้จริงผ่องใสด้วยตัวของมันเอง แต่คนที่เป็นเจ้าของหัวใจต่างหาก ที่ชักนำสิ่งต่างๆ มาปะพอก จนใจนั้นหมดสภาพ ฟื้นหัวใจให้กลับไปผ่องใสดังเดิมกันเถิด ปัดฝุ่นและคราบเขม่าทั้งหลาย แล้วเปิดทางให้หัวใจได้หายใจ เต้น และรู้สึกด้วยตัวของมันเอง

อย่าไปบงการหัวใจมาก เพราะแทนที่จะเป็นหัวใจ มันจะกลายเป็นถังขยะแทน

 

 

 ที่มา   http://fws.cc/clubdee/index.php?topic=1277.0
33  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ น่าจะเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 09:42:10 am
เนื่องด้วยวันมาฆะบูชา เป็นวันสำคัญที่พระพุทธเจ้า ทรงประกาศธรรมหลักหัวใจของพระศาสนา

 สำหรับดิฉัน คิดว่า หัวใจสำคัญ อยู่ที่ การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ


   การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ ทำอย่างไร เป็นอย่างไร

   1. ขันติเป็นธรรมเผากิเลส

   2. นิพพานเป็นธรรมอันยิ่ง

   3. ความเป็นบรรพชิต

   4. ความเป็นสมณะ

   5. การไม่พูดร้าย ไม่กล่าวร้าย

   6. การระมัดระวังในปาฏิโมก

   7. ความประมาณในการบริโภค

   8. การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด

   9. ความประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง

  อันนี้เป็นบทสรุปของ ในส่วนของการทำจิตให้ยิ่ง

 เครดิตพระอาจารย์ จากเมล

 :25:
34  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / เมื่อคุณยายข้างบ้าน มาขอคำปรึกษาเรื่องลูกชาย เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 10:15:28 am
อาจจะเป็นปัญหาที่จะตอบยากมาก เมื่อคุณยายข้างบ้านมานั่งร้องไห้ปรึกษาเรื่อง

  ลูกชาย จะไปบวชพระ ตลอดชีวิต ทิ้งให้คุณยายต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่มีคนดูแล

 เนื่องด้วยลูกชายอายุ 30 กว่าปีแล้ว ตั้งใจจะบวชเณร บวชพระมาตั้งแต่เล็ก ๆ แต่เนื่องด้วยคุณยาย

ท่านนี้เป็นคุณครู ที่สามีเสียชีวิตแล้ว มีลูกชายคนเดียว จึงห้ามไว้ไม่ให้บวช เพราะกลัวควาวเหงา

ตอนนี้คุณยายท่านนี้เกษียณ และ กินบำเหน็จอยู่ ลูกชายก็ได้กล่าวคำเหมือนจะเด็ดขาดว่า อยากจะบวช

และต้องการบวชตลอดชีวิต

  คิดดูสิคะคนอื่นไม่อยากบวชพระ พ่อแม่อยากให้บวช นี่ลูกอยากบวช แต่ไม่ให้บวช

 เรื่องนี้ดิฉันไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่นิ่ง เพราะยังไม่กล้าให้ความเห็น....

 :smiley_confused1:
35  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 02:09:28 pm
คือ ทางเหนือ มักจะเห็นประกาศ การเข้า นิโรธกรรม ทั้ง พระ และ แม่ชี หลายป้ายด้วยกัน

ทำให้อดสงสัย ไม่ได้ ว่าทั้งพระ และ แม่ชี อวดอุตรมนุสธรรม หรือไม่ หรือเป็นความเข้าใจผิดของดิฉัน เรื่องความ

ไม่เข้าใจเรื่อง นิโรธกรรม กับ นิโรธสมาบัติ เหมือนกันหรือไม่

 ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ช่วยแนะนำให้ ดิฉันเกิดความเข้าใจหน่อย ได้หรือไม่คะ

  :c017: ขอบคุณเจ๊า
36  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กระทิง หนุนตักพระ เชียงใหม่เจ๊า.... เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 01:37:07 pm

บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
ฮือฮา "ไอ้เศร้า" กระทิงเชื่องศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าดอยสุเทพ เชียงใหม่ เดินมาหาพระที่วัดอุโมงค์ นอนหนุนตักขอกล้วยกินแทบทุกวัน จนเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านที่พบเห็น พระเผยอยู่ด้วยกันมานานจนคุ้นเคย ยังมีสัตว์ที่เชื่องอีกเพียบ กระทิง 4 ตัว วัวแดง 10 ตัว เก้งกวางอีกนับร้อย ตอนแรกพระให้ข้าวก้นบาตร ตอนหลังต้องขอรับบริจาคผักหญ้ามาเลี้ยงดูแล วอนชาวบ้านหยุดล่าเอาชีวิตเพื่อนร่วมโลก เพราะเมื่อก่อนมีหมูป่าก็ถูกล่าจนหมด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีพิธีบรรพชา-อุปสมบทพระภิกษุฤดูร้อนรุ่น 2 ประจำเดือนเม.ย. โดยมีประชาชนไปร่วมพิธีอย่างคับคั่ง โดยพิธีกรรมใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ก่อนที่จะนำพระนวกะไปอยู่ตามกุฏิต่างๆ ระหว่างนั้นชาวบ้านได้ไปให้อาหารปลาและนกบริเวณเกาะกลางสระน้ำภายในวัด พร้อมเดินชมโบราณสถานต่างๆ กระทั่งทราบว่าด้านหลังของวัดอุโมงค์ติดกับศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือสวนสัตว์เปิดอุโมงค์ มี "หลวงตากวาง" เลี้ยงสัตว์ป่าหลายชนิดที่มากินอาหารจากข้าวก้นบาตร จึงพากันเข้าไปชม โดยเดินขึ้นไปข้างอุโมงค์ลงไปไหล่เขาด้านตะวันตกประมาณ 500 เมตร ก็พบกุฏิพระอยู่ 3 หลังห่างกันประมาณ 200-300 เมตร

กุฏิหลังสุดท้ายเป็นของ "หลวงตากวาง" หรือพระมัณฑนา มันตชาโต ซึ่งเป็นพระสอนกรรมฐาน พบกระทิงตัวใหญ่เขาโง้ง และแหลมคม กำลังนอนหนุนตักหลวงตากวาง เหมือนกับอ้อนขออาหาร หลวงตากวางจึงปอกกล้วยน้ำว้าป้อนให้กินไปหลายลูก ก่อนที่จะไล่ให้ลุกขึ้น เพราะคนมามุงดูมาก เกรงกระทิงจะตื่นกลัว

หลวงตากวางเปิดเผยว่า กระทิงตัวนี้ตั้งชื่อให้ว่า "ไอ้เศร้า" เพราะตามันเศร้าๆ และบริเวณนี้เป็นเขตธรณีสงฆ์วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม และกุฏิหลังที่หลวงตาอยู่สร้างมาก่อนแล้วราวปี 2528 ต่อมาปี 2538 จึงเข้ามาอยู่ปฏิบัติธรรม สอนกรรมฐานแก่ญาติโยม พอดีเขตธรณีสงฆ์อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อยู่ห่างตัวเมืองราว 5-6 ก.ม. มีศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอุโมงค์ตั้งอยู่ ทำให้มีสัตว์ป่าหายากหลายชนิดเข้ามาหาที่กุฏิเป็นประจำ จึงได้นำอาหารจากก้นบาตรให้ ต่อมามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นก็ได้ศรัทธามาช่วยซื้อผัก ผลไม้มาให้กินทุกวัน

"ทำไปทำมากลายเป็นความคุ้นเคยและต้องช่วยเหลือเขาไปโดยปริยาย ทุกวันจะมีเก้งกวางประมาณร้อยกว่าตัว กระทิง 4 ตัว วัวแดง 10 ตัว มากินอาหารที่นี่ อาตมาก็เลยไปขอรับเศษผักต่างๆ และซื้อมาบ้างจากตลาดเมืองใหม่มาเลี้ยงดู มันเหมือนลูกหลาน ยิ่งในฤดูแล้งนี้อาหาร

ธรรมชาติหายาก เขาก็มาพึ่งเรา ส่วนน้ำนั้นไม่มีปัญหาเพราะมีลำห้วยอยู่ด้านบน คนกับสัตว์อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข พึ่งพาอาศัยกันได้ พอเรามีเมตตาให้เขาๆ ก็รู้สึกว่าปลอดภัย และเขาก็มีความกตัญญู แม้จะน่ากลัวอย่างกระทิงป่า แต่เขาก็ไม่ทำร้ายคน สามเณรและเด็กวัดยังขึ้นขี่หลังได้ อย่างภาพที่เห็นมาหนุนตักพระอีกด้วย อย่างไรก็ตามอยากขอเมตตาจิตจากทุกคนให้รักสัตว์ ไม่ทำลายสัตว์ป่าจนสูญพันธุ์ เฉพาะที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าอุโมงค์แห่งนี้เคยมีหมูป่า แต่ถูกล่าไปหมด เก้ง กวางก็ถูกลอบยิง จึงขอบิณฑบาตไว้ชีวิตพวกเขาด้วย" หลวงตากวางกล่าว
ที่มา
http://atcloud.com/stories/21370
37  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / น่านอากาศหนาวจัด กระทบพระสงฆ์-เณรเลื่อนบิณฑบาต แถมอาพาธเข้า รพ.หลายรูป เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 01:20:24 pm
น่านอากาศหนาวจัด กระทบพระสงฆ์-เณรเลื่อนบิณฑบาต แถมอาพาธเข้า รพ.หลายรูป

วันนี้(12 ม.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยเฉพาะในช่วงเช้ามืด จะมีหมอกลงหนาและสว่างช้า ส่งผลกระทบกับพระภิกษุสงฆ์ ต้องทนกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นขณะออกเดินบิณฑบาต   อีกทั้งชาวบ้านส่วนใหญ่จะตื่นสาย จึงตระเตรียมข้าวของมาใส่บาตรไม่ทันพระสงฆ์  และใส่บาตรน้อยลงกว่าปกติ  ซึ่งขณะนี้ทางพระสงฆ์แต่ละวัดได้เลื่อนเวลาในการออกบิณฑบาตรในช่วงเช้า   ช้าออกไปจากเดิมประมาณ 15-20 นาที  เพื่อรอฟ้าสว่าง  นอกจากนี้สภาพอากาศที่หนาวเย็นยังส่งผลให้พระภิกษุและสามเณร ในหลายอำเภอบนพื้นที่สูง ที่มีอุณหภูมิลดต่ำกว่า 10  องศาเซลเซียส  เริ่มประสบภัยหนาว และขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม กันหนาว ทำให้อาพาธเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วหลายรูป

นายภาณุวัฒน์  ทรัพย์ผดุงโชค  เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.น่าน  เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเณรและพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 846 รูป   ใน 7 อำเภอ  ประสบภัยหนาว เครื่องกันหนาวไม่เพียงพอ  ซึ่งทางพระธรรมนันทโสภณ เจ้าคณะจังหวัดน่าน  ฝากเจริญพรให้พุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญ  ถวายเครื่องกันหนาว ผ้าอังสะสงฆ์  เพื่อนำไปถวายพระภิกษุสามเณรที่จำวัดอยู่ตามพื้นที่ห่างไกลตามชนบท พื้นที่สูงตามแนวชายแดน  ที่กำลังประสบความเดือดร้อนจากอากาศหนาวในขณะนี้   เนื่องจากวัดดังกล่าวประชาชนในหมู่บ้านมีฐานะยากจนไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะทำ บุญหรือบริจาค  โดยขอให้บริจาคได้ที่สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดน่าน วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อ.เมือง จ.น่าน

ด้านนายสมมาตร  ฟุ้งวิทยา  หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.น่าน  แจ้งเตือนประชาชนหลังคลื่นกระแสลมตะวันตกยังคงพาดผ่านประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้จังหวัดน่านมีเมฆหมอกและฝนตกเป็นบางแห่งอีกประมาณ 2 วัน  และจะทำให้อุณหภูมิลดลงอีก 2-3 องศา จากปัจจุบันในเขตเมือง 16 องศา และบนเทือกเขาสูง  6-10 องศา และสภาพอากาศเช่นนี้จะทำให้มีหมอกในตอนเช้า โดยเฉพาะบนเทือกเขา ยอดดอยจะมีหมอกหนามาก  ซึ่งส่งผลให้ทัศนวิสัยในการขับขี่รถทุกชนิดลดลง  โดยเฉพาะเส้นทางเนินเขาต่างๆ ทัศนวิสัยแย่เหลือเพียง 10-30 เมตรเท่านั้น  ประชาชนต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ นอกจากนี้เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง ซึ่งอาจเกิดความเสียหายจากฝนตกได้.
38  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ร่วมสมทบทุนก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ถวาย หลวงปู่สุภา ภูเก็ต เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 12:49:12 pm
พระเกจิ อาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่สุภา" วัดสิริสีลสุภาราม ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต

ซึ่งเป็นศิษย์สายหลวงปู่ทัตต์ ประเทศลาว และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท

ในอดีตท่านได้ธุดงค์แสวงหาวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศมากมาย และได้สร้างวัดเพื่อสืบสานพุทธศาสนาถึง 30 กว่าวัด ปัจจุบันอายุ 115 ปี ท่านได้ดำริสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ 5 ชั้น โดยยอดเจดีย์ใช้ทองคำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม

พื้นที่ภายในพระมหาธาตุเจดีย์แบ่งเป็น
ชั้นที่ 1 เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสมาธิ เจริญวิปัสสนา กรรมฐาน
ชั้นที่ 2 เป็นสถานที่จำวัดของหลวงปู่
ชั้นที่ 3 เป็นสถานที่บรรจุอัฐิของหลวงปู่ในกาลข้างหน้า เมื่อท่านละสังขาร
ชั้นที่ 4 เป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปต่างๆ ที่ญาติโยมศรัทธาถวายให้
ชั้นที่ 5 เป็นที่บรรจุพระธาตุของล้ำค่าที่ท่านได้เก็บรักษาไว้

ใน การนี้คณะศิษย์ผู้ใกล้ชิดซึ่งมี นายวิชาญ-นางปิยวรรณ หวังวรวาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากหลวงปู่สุภาให้สร้างวัตถุมงคล เพื่อนำมอบให้กับผู้มีจิตศรัทธาร่วมสมทบทุนสร้างเจดีย์ในครั้งนี้ ลักษณะเป็นพระผงรูปเหมือน ชื่อรุ่นสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ รุ่นนี้ได้นำมวลสารของบรรดาพระเกจิอาจารย์ที่ได้สะสมไว้ อาทิ ผงพุทธคุณแก้วตาสามดวง หลวงปู่พรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์ ผงพุทธคุณแก้วตาสามดวง หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต ผงพุทธคุณแก้วตาสามดวงครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน เป็นต้น...."พระผงรูปเหมือนหลวงปู่สุภา กันตสีโล รุ่นสร้างพระมหาธาตุเจดีย์" ....ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงปู่เต็มองค์นั่งสมาธิ ด้านหลังเป็นยันต์

สนใจร่วมบุญบูชาได้ที่ วัดสีลสุภาราม ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โทร. 0-7652-1342, 08-1477-2164 ผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมสมทบทุนก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์โดยบริจาคได้ดังนี้

ชื่อบัญชี "พระมหาธาตุเจดีย์ วัดสีลสุภาราม
ธนาคารกรุงไทยสาขาภูเก็ต บัญชีออมทรัพย์
เลขที่ 805-3-31143-0
39  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วันเด็ก@ เจ้าจงเป็นเด็กดีของครอบครัว เมื่อ: มกราคม 09, 2011, 01:18:37 pm
วันเด็ก@ เจ้าจงเป็นเด็กดีของครอบครัว



อรุณเริ่มฉายแสงส่องแจ้งฟ้า
ท้องนภาจำรัสรัศมี
เส้นสายใยโค้งรัดปฐพี
ถึงวันดีวันเด็กเอกอนันต์

อันเด็กดีมีวิชาหาความรู้
เชื่อฟังครูพ่อแม่ไม่แปรผัน
มีศิลธรรมงามเด่นเป็นสำคัญ
อีกขยันประกอบกิจคิดสร้างตน

ไม่คบเพื่อนอันธพาลสันดานชั่ว
ไม่เมามั่วเหลวไหลไร้เหตุผล
อบายมุขชั่วช้าพาอับจน
หมั่นฝึกฝนตั้งแต่เล็กเป็นเด็กดี

ไม่ดื่มเหล้าเมายาสารพัด
ไม่ริหัดเที่ยวเตร่เท่ทุกที่
ไม่ริเล่นการพนันนั่นไม่ดี
ไม่ต่อยตีก่อเหตุเกิดเภทภัย

จงทำดีมีศีลธรรมถือคำสัตย์
จงประหยัดสัตย์ซื่อคือนิสัย
จงเชื่อฟังพ่อแม่แน่กว่าใคร
ศึกษาใฝ่ความรู้ปูทางตน

อรุญเริ่มฉายแสงสำแดงวาด
งามวิลาสทอรุ้งผดุงผล
ขอเด็กไทยใฝ่คิดผลิตตน
เป็นหลักค้นบ่มสติผลิปัญญา

7 ม ค. 2554
วนารี

ที่มา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=0518&month=07-01-2011&group=1&gblog=100
40  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "ผู้ถูกนินทาพึงมีเหตุผล" เมื่อ: มกราคม 07, 2011, 05:22:18 pm
    "ผู้ถูกนินทาพึงมีเหตุผล"

    คำนินทาใดๆ ไม่อาจทำคนดีให้เป็นคนไม่ดีไปได้
    คนจะดีก็เพราะกรรม คนจะเลวก็เพราะกรรม
    หาใช่จะดีเพราะสรรเสริญ หรือจะเลวเพราะนินทาก็หาไม่
    ควรถือความจริงนี้เป็นสำคัญ และ
    อย่าทำหรือไม่ทำอะไรเพราะกลัวนินทา
    หรือเพราะปรารถนาสรรเสริญ
    อย่าทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่แม้เพียงสงสัยว่าเป็นกรรมไม่ดี
    แต่จงทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่พิจารณาแล้วตระหนักแน่ชัด
    ว่าเป็นกรรมดีเท่ากัน แม้ว่าการทำกรรมดีจะมีผู้นินทา

    นินทานั้นไม่มีโทษแก่ผู้ถูกนินทาเลย
    ถ้าผู้ถูกนินทาไม่รับ คือไม่ตอบ เช่นเดียวกับผู้ถูกด่าไม่ด่าตอบ
    ผู้ถูกขู่ไม่ขู่ตอบ ผู้ถูกชวนวิวาทไม่วิวาทตอบ
    แต่คำนินทาว่าร้ายทั้งจะตกเป็นของผู้นินทาทั้งหมด
    ผู้นินทาคือผู้ทำกรรม ซึ่งเป็นกรรมไม่ดี
    ไม่ว่าผู้ถูกนินทาจะรับหรือไม่รับก็ตาม
    ผู้นินทาย่อมได้รับผลไม่ดีแห่งกรรมไม่ดีของเขาอย่างแน่นอน

    ดังนั้นแม้เมื่อถูกนินทาแล้ว ก็ให้คิดว่าผู้นินทาเรา
    ได้รับการตอบแทนแล้ว คือได้รับผลของกรรมไม่ดี

    ซึ่งจะส่งผลให้ปรากฏช้าหรือเร็วเท่านั้น
    ผลของกรรมไม่ดีนั้นแหละได้ตอบแทนเขาผู้นินทาแล้ว

    เราไม่มีความจำเป็นต้องตอบแทนแต่อย่างใด
    ความเชื่อในเรื่องกรรม และผลของกรรมมีคุณอย่างที่สุด
    ผู้ใดทำกรรมไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น

    ความเชื่อเช่นนี้จักทำให้ไม่คิดร้ายตอบผู้คิดร้าย
    เป็นการระงับเวรภัยไม่ให้เกิดแก่ตน
    เป็นการป้องกันตนมิให้ทำกรรมไม่ดี
    ทั้งทางกายวาจาและใจ
    โดยมุ่งให้เป็นการแก้แค้นตอบแทน
    ผลจักเป็นความสงบสุขแก่ตนและแก่ผู้อื่นด้วย

    ที่มา fwdmail

หน้า: [1] 2 3