โอ หลายคำถาม ในวันเดียว เก็บไว้ถาม วันอื่นบางก็ได้ นะครับ

 

พอดีนึกขึ้นได้

 

 

สติ มหาสติ คือ อะไร ? มีที่มาอย่างไร ?

 

สุดท้าย มันก็กลายเป็น ธุรกิจ

 

อืม น่าสนใจ
 คิดว่า ไปค้างสักคืน บนเขาถ้าจะดี

 

 

เรียนถามว่า ทำไม พระอาจารย์ ที่เข้าใจหลักธรรม ทำไม ทำเรื่อง ไสยศาสตร์
 
   เช่นการทำน้ำมนต์ สร้างพระเครื่อง หล่อ พระ อะไรประมาณนี้ ผมเคยฟัง ครูอาจารย์ผมท่านกล่าวว่า การที่มอมเมา ประชาชน ด้วยสิ่งเหล่านี้ คือการสอนตรงกันข้ามกับ พระพุทธเจ้า

 

 

กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ถ้าจะเริ่ม ๆ จากอะไร ?

  ในขณะเดียวกัน ถ้าจะเปลี่ยนแนวทาง กรรมฐาน คือ แบบว่า ปฏิบัติแบบนี้แล้ว ก็ยังไม่ถูกจริต ต้องทำอย่างไร ? มันจะทำให้ ปีนเกลียว ปนเป ในกรรมฐาน ที่ฝึกหรือไม่ ?

 

 

อยากทราบความเห็น จาก ท่าน ธัมมะวังโส เรื่อง การปฏิบัติ แบบ ธรรมกาย

 เพราะเห็นมีความละม้าย คล้ายคลึง กันตรงที่มีการเดินจิต และ ภาวนา สัมมา อรหัง

 ( อยากให้ตอบมาก )

 

 

 การเดินจงกรม แบบ สมถะ สนับสนุน วิปัสสนา อย่างไร ?

 การเดินจงกรม โดยมีอารมณ์เป็นสมถะ ต้องทำอย่างไร ?

 การเดินจงกรม แบบสมถะ มีรูปแบบหรือไม่ ?

 การเดินจงกรม แบบไหน ที่พระพุทธเจ้า พระองค์ ทรงใช้มากที่สุด ?

 การเดินจงกรม จัดเป็นกรรมฐาน สมถะ หรือ วิปัสสนา ?


   ขออนุญาต ถามรวมเลยนะครับ เพื่อไม่ให้ มีกระทู้มากไป

   

 

การเดินจงกรม แบบ สติ ช่วย อะไรในการทำ วิปัสสนา

แบบว่าสงสัยว่า ถ้าเราทำวิปัสสนา แล้ว เดินจงกรม แบบ สติ คือกำหนด ยก ย่าง เหยียบ เป็นต้น จะช่วยอะไรในด้านการทำวิปัสสนา และ วิปัสสนา จะเกิดขึ้นตอนไหน ?

 

ก็มาแนะนำ ตัวเอง ในห้อง Facebook เลยสิครับ

 จะได้เข้าไปเยี่ยมกัน บ้าง ครับ

 

อ่านแล้ว รู้สึกว่า เหมือนสิ่งที่เรารู้มาตอนนี้ มันไม่ได้ความอะไรเลย ?

 จะเปิดรับศิษย์ ขึ้นกรรมฐาน เมื่อไหร่ ครับ ?

 

[เสนอ ให้ เปิด เว็บ รักษาไว้ต่อไปครับ]

เสนอ ให้ เปิด เว็บ รักษาไว้ต่อไปครับ

 คงมีสักวันที่ ธรรมทายาท มาสืบต่อครับ
ขออย่าให้ ถอย ครับ

 

 เห็นด้วย ครับ ผม ศึกษา ธรรม ที่เว็บนี้ มาหลายปี ตั้งแต่ ปี 55 56 57 58 แล้ว ทางเว็บได้รบกวน อะไรผมหรือไม่ บอกบุญโดยตรงกับผม หรือ ไม่ ก็ไม่มี มีแต่แจกธรรม มาตลอด ดังนั้น เว็บที่นี่ ครูอาจารย์ เท่าที่ผมดูและอ่านติดตามมา เหมือนท่านจะไม่ได้อะไร เลย จากคนที่เข้ามาอ่าน ไม่มีใครกล่าวสรรเสริญท่าน ผม เคยไปที่วัดท่าน และ สำนักศูนย์กลางใหญ่ เมื่อพูดถึงท่าน ก็ไม่เห็นมีใครกล่าวยกย่องท่าน มีแต่เงียบกันหมด แสดงให้เห็น ตัวเจ้าของเว็บเอง ก็ไม่ได้อะไร จากการทำเว็บนี้ เลย

  ผมเคยกล่าว โพสต์ ติติง ไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับข้อความกลับมาให้ สะเทือนใจ ผม เลย ก็ทุกครั้ง จนรู้สึกว่าที่โพสต์ ติติง ลงไปนั้น มันไร้สาระมาก นาน ๆ เข้า ผมก็เลยอ่าน ๆๆๆๆ และก็ได้เข้าใจหลักธรรม มากขึ้น โดยเฉพาะ วิชากรรมฐาน ที่ พระสนธยา ท่านสอนนั้น สอดคล้องกับพระไตรปิฏก มากที่สุด เท่าที่อ่านและรับฟัง ทุกกระทู้ ไม่มีขาดข้อความ จากพระไตรปิฏก

  มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมฟังเรื่อง พุทธวงศ์ น้ำตาไหล เลย ตอนนั้น รู้สึกว่า ตั้งใจฟังมาก ผมคิดว่า พระสนธยา ท่านบรรยายธรรม ได้ดีมาก รูปหนึ่ง

   ดังนั้นขอให้พิจารณา เผยแผ่ ธรรมต่อไป เถอะครับ

   

อันที่จริง ที่มาโพสต์ ก็เพื่อ ต้องการบอกว่า

 พระที่ห้อง นี้อยากดัง จึงมาทำเว็บ

 อ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือป่าว
 อย่ามัวตามเลย หาแก่นสารไม่ได้ หรอก ?

 ผ่านมาหลายปี แล้ว ไม่เห็นจะสอนใครสำเร็จธรรม เลย

 

 ไม่เห็นด้วย นะ รู้สึกว่า จะ แรง ไปหน่อย นะ

 

ปรับระดับ สีน้ำเงิน หมายความต้องบริจาค ปัจจัย ให้เว็บ ใช่หรือไม่ ครับ

 

 นั่นสินะ พอใคร บริจาค ก็มีสิทธิ์พิเศษ ในเว็บ อย่างนั้นใช่หรือไม่ แสดงว่าไม่ยุติธรรม ไม่สาธารณะ

 

ข้อความ ที่อ่าน เท่าที่อ่านดูในด้านการภาวนา ก็เห็นประโยชน์ น้อยนะ อ่านแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร เลย ดังนั้น สู้อ่านพระสูตร ไม่ได้ หรอกครับ อ่าน พุทธวัจน์ น่าจะดีกว่า พวกอรรถกถา นะครับ

 

 

ดูจากแบบ แล้ว ก็รู้ว่า สร้าง ไม่ได้ง่าย ๆ  หรอก ครับ
เพราะทางศูนย์กลาง ก็ไม่ได้ยอมรับ และ วัดที่สั้งกัด ก็ไม่เอาด้วย

 

 

 

ระหว่าง สวดมนต์ กับ ภาวนาสมาธิ อันไหน ? ดีกว่า กัน


 

วิธีดูก็คือ

   1.อายุต้องมาก ไม่หนุ่มมาก สักประมาณ 60 ปี ขึ้นไป
   2.พระปฏิบัติภาวนา จะผอม ๆ ไม่อ้วน
   3.ไม่ยิ้ม หรือ หัวเราะ อันนี้สำคัญมาก ผมเคยฟังพวกอภิธรรม เขาบอกว่า ยิ่งเป็นพระอรหันต์ จะไม่ยิ้มเลย
   4.การเดินทาง ไม่ค่อยใช้พาหนะ ส่วนใหญ่ จะเดิน
   5.เวลาพูด ต้องพูดแต่เรื่อง ธรรมะ
   6.ต้องไม่ใช่ คอมพิวเตอร์ หรือ อินเตอร์เน็ต ครับ รวมถึงไม่มีเฟค ด้วยครับ เพราะการใช้ของพวกนี้ ไม่มีเวลาปฏิบัติหรอกครับ ผมสันนิษฐาน ว่า พระสนธยา เป็นเพียงพระนักศึกษา นักเทศน์ มากกว่า เป็นพระสายภาวนา ครับ อันนี้ดูจากข้อความออกอารมณ์ ศิลปิน เยอะมาก มีแต่คำกลอน ออกวีดีทัศน์ แต่งเพลงด้วย ดังนั้นไม่น่าจะเป็นสายภาวนา ครับ อิีกอย่างพระสายกรรมฐาน ผมรู้จักมาและเห็นมามาก ไม่มีองค์ไหนเก่งเรื่อง การใช้งานคอมพิวเตอร์ เมื่อวานอ่านดูเห็นท่านบ่นว่าเหนื่อย เพราะยังไม่ได้หยุดพิมพ์ ตรวจระบบเว็บ แชท เฟค แสดงว่า ไม่มีเวลาภาวนาหรอกครับ เรื่องพวกนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดา ของ พระสายปริยัติ
   7.พระสายภาวนา ท่านจะมีอำนาจทาง ฤทธิ์ กันบ้าง แต่ พระสนธยา เท่าที่ผมติดตามดูนั้น ไม่มีความสามารถทางนี้ นะครับ ก็คงเหมือน พระทั่ว ๆ ไป ที่เรียน คร่ำเคร่งการเรียน แต่ ภาวนา ไม่เอาอ่าว หรือ ไม่ไปไม่รอด
   8.อีกอย่าง พระสายกรรมฐาน ภาวนาแล้ว เขาไม่ใช้ โทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป มือถือ คอม เน็ตบุ๊ค นะครับ นี่เห็นถ่ายภาพเองด้วย ดังนั้น วินิจฉัย ของผมไม่น่าพลาดนะครับ

   
 
   

  ดู ๆ ไป ก็เห็น พระสนธยา ท่านก็ผ่องใสดีนะครับ ยังหนุ่ม ๆ เลย
  ดู ผิวเผิน ก็ไม่น่าจะเป็น พระชำนาญ หรือ เก่ง ด้านการภาวนา นะครับ

 

อ่านจากสรุป และ การเดินทาง ก็ เห็น เหมือนจะท่องเที่ยวไปซะมากกว่า
ไม่ทราบมีเหตุอย่างอื่น ร่วมด้วยหรือไม่
  แต่เท่าที่อ่านดูก็เหมือน ลูกศิษย์ จะยังไม่ได้เคารพ พระอาจารย์ ในเชิงปฏิบัติ นะครับ ดูเหมือนเป็นการร่วมเที่ยวเสียมากกว่า

  ขออภัยวิเคราะห์ตรงไป ตรงมา เสียหน่อย
  โปรดอย่า ขัดเคือง นะครับ

   

ขอไฟล์เสียง ได้หรือ ไม่ครับ เรื่องนี้ คือ อยากวิเคราะห์ คำสอน คำพูด ให้มาก ถึงความหมาย เพราะรู้สึก ตะขิดตะขวงใจ ว่า เป็นอย่างไร กับความหมายของเรื่องนี้ ...

  อาจจะพูดตรงไป ตรงมาหน่อย นะครับ แต่ เพราะต้องการวิเคราะห์ วัตถุประสงค์ของผู้พูด ต้องการอะไรกันแน่


   

 

มีความรู้สึก อยากเห็นแบบ แปลน เจดีย์ แล้ว
 เมื่อก่อน ไม่ค่อย รู้สึกอะไร เวลาอ่าน แต่พอได้ยินคำว่า ทุติยะเจดีย์ รู้สึก มีความสนใจทันทีเลยครับ ก็หมายความเจดีย์ จะเป็นเจดีย์ ที่สองมาในช่วง กึ่งกลางของพระพุทธศาสนา รู้สึกว่า มีอะไร ลึก ๆ กับ ผู้สร้าง และสนใจ ... ใคร่อยากรู้ ความนัยบ้าง ครับ

   

 

สระบุรี แถวหน้า รพ.สระบุรี ก็เห็นอยู่บ่อย ๆ นะครับ ไม่เห็นทางคณะสงฆ์ ทำอะไร เลยครับ หรือว่าต้องแจ้งเรื่องไปยังคณะสงฆ์ ด้วย

   

ก็หาข้อมูลเพิ่มขึ้น นะครับ
  ส่วนใหญ่ ที่รับฟัง มาก็จากที่ทำงาน ใน รพ.สระบุรี ครับ แต่คงให้ระบุตัวกันคงไม่ได้นะครับ เพราะพอถามไล่ไป ไล่มา ก็ฟังมาอีกต่อ อีกต่อ อีกต่อ และก็อีกต่อ เพื่อให้หมดความสงสัย ก็เลยไปที่วัดสนทนากับพระสองสามรูป และ เรียนถามเจ้าอาวาส ตลอดลองถามชาวบ้านร้านค้า หน้าวัด ดูก็พอประเมินได้ นิดหน่อยครับ

  เรื่องเจ้าอาวาส ไล่ออกนั้น เพราะยาเสพติดนั้น เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงครับ เพราะสนทนากับท่าน พระครูสุธี เจ้าอาวาสวัดแก่งขนุน นั้นท่านบอกว่า ท่านขออนุญาตไปภาวนา เป็นการส่วนตัว ซึ่งท่านก็ให้อิสสระ เหมือนพระอีกรูปที่ไปอยู่ที่อินเดีย ครับ ( รู้สึกว่าท่านจะเรียกว่า พระปลัด )

  ส่วนศาลากรรมฐาน นั้น ผมได้ขึ้นไปดูแล้ว ทุกอย่าง ยังจัดวางเหมือนเดิม ได้กราบรูปหล่อหลวงปู่บนศาลา ต้องเดินผ่านด้านหลังขึ้นไปนะครับ เพราะว่า ศาลาหน้านั้นล๊อกประตูแล้ว

    จากที่ถามคุยกับพระมา พอสรุปได้ดังนี้นะครับ

   1.พระสนธยา ท่านอุปสมบถที่วัดแก่งขนุน มีพระอุปัชฌาย์ คือ รองเจ้าคณะจังหวัด พระราชเมธากร เป็นอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ คือ พระอาจารย์คำร้อย ( เจ้าคณะตำบล ) พระอนุสาวนาจารย์ คือ พระมหาสมหมาย ( เจ้าคณะอำเภอ ) ท่านขึ้นกรรมฐาน ที่วัด พลับ ( วัดราชสิทธาราม ) ปี พ.ศ.2546 และท่านก็มักจะพาญาติโยมที่นี่ไปขึ้นกรรมฐาน ที่วัดพลับเป็นประจำ ทั้งพระและฆราวาส

   2.การออกวิเวก เป็นเพราะท่านต้องการภาวนาให้มากขึ้น จึงขออนุญาตเจ้าอาวาส อย่างเป็นทางการ และเข้าไปอยู่ในที่ ท่านชอบเป็นการส่วนตัว สถานที่ ๆ ท่านไปปฏิบัติธรรมในช่วงปี 2552 - 2554 นั้นคือ ไร่องุ่น ที่ซับสนุ่น มีพระท่านไปเยี่ยมท่านที่นั่น และถ่ายรูป สถานที่พักของท่านออกมา ตามภาพที่ปรากฏ และ ปี 2553 - 2554 ท่านก็ย้ายไป ย้ายมาระหว่าง ถ้ำไตรธรรม กับ ไร่องุ่น จากนั้น 2554 - 2556 อันนี้คาดการณ์ กันไปหลายที่ แต่ก็ไม่มีใครรู้จริง ในสถานที่ เพราะมีหลายที่ ๆ ทาง ผมออกมาสืบหา ก็ไม่เจอ ๆ แต่สถานที่ แต่ไม่เจอ พระสนธยา เคยที่ สำนักงาน 2 - 3 ครั้งแต่ก็ไม่เจอเห็นปิดเงียบ เลย ไปที่บ้านมารดา ก็ไม่เจอเช่นกัน
   
   ดังนั้นส่วนนี้ จึงจัดได้ว่า ลึกลับ ๆ จริง ๆ หาพบได้ยาก
   โดยหลักการพระที่ต้องการมีชื่อเสียง แต่ หนี คน ไม่รับ ลูกศิษย์ เพิ่ม นี่ มันสวนทางกันนะครับ ทำให้แน่ใจว่าพระสนธยา ท่านเป็นพระ สมถะ ทางด้านการภาวนาจริง ๆ ครับ ส่วนตัวยอมรับตรงนี้

    ดังนั้นจึงเดินทางไปที่ วัดท่าพง สอบถามพระลูกศิษย์ ท่านก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน จึงเดินทางไปสอบถามที่วัดบ้านอ้อย พระนิพนธ์ ท่านก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ?

    สรุป อย่าไปยุ่งเรื่องตามท่านเลยครับ ถึงเวลาที่ท่านเปิดรับศิษย์ ก็คงจะออกมาเองละครับ ตอนนี้ศึกษาธรรมจากเว็บกันไปก่อน จะดีกว่า

    3. ปิดทองหลังพระ ชัดเจน มากครับ เพราะ ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งสนใจธรรมเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันก็สบายใจ เพราะไม่มีเรื่องเรี่ยไร ไม่มีการบอกบุญก่อสร้าง ซึ่งเวลาผมไปปฏิบัติธรรมภาวนาตามวัด มักเจอเรื่องพวกนี้ประจำ ที่สำคัญ เว็บนี้เป็น อภิสิทธิ์ของพระสนธยา แต่ตัวเว็บ กลับไม่มีประวัติ หรือการโปรโมท ตัวท่าน ขึ้นมา อันนี้เข้าใจอย่างปัญญาชนจริง ๆ ว่า พระสนธยา และทีมงาน ทำงานเผยแผ่พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ด้วยความอดทน ถึงแม้จะมีอุปสรรค มาก แต่ทุกท่าน ทุกคนก็ยัง ทำงานแบบปิดทองหลังพระ กันอย่างไม่ท้อถอย

     
 

อาตมา  น่าพอจะตอบให้  ได้นะจ๊ะ  ว่ามาที่ละข้อ นะ แต่ขอเป็นการถามใหม่ โยมถามมาหนึ่ง  อาตมาก็ตอบไปหนึ่ง เอาแบบนี้นะจ๊ะ

 ไม่ได้อ่านมานาน หัวข้อนี้ เอาคำถามแบบค้างคาใจ ถามพระคุณเจ้าเลยนะครับ
 
   

 1.พระสนธยา ธัมมะวังโส เป็นศิษย์ใคร ครับ
 
 2.ปัจจุบันอยู่ที่ไหน ครับ

 3.ที่ทำงานเผยแผ่ ในเว็บนี้ มีจุดประสงค์ อะไรครับ

   ขอ 3 คำถามนี้ก่อนนะครับ

 

 

 

โอ้ ถ้ามีการอธิษฐาน จิต แบบที่พระอาจารย์ ใส่ลงไปในภาพ ด้วย อย่างนั้นด้วย น่าสนใจนะครับ เป็นหนังสือ น่าจะดีกว่า นะครับ ที่สำคัญอยากให้พระอาจารย์ใส่ เรื่องราว รูปภาพ พระอรหันตธาตุชุดนี้ ลงไปในหน้า สอง ด้วย จะดีครับ และเล่าประวัติช่วงที่เข้าไปยัง เมือง ลับแล ด้วย หนังสือนี้ผมสนใจมากขึ้นครับ

   ถ้าหนังสือสลับรูปภาพ ขาวดำไปในเล่ม ด้วย จะดีเป็นอย่างยิ่ง ครับ

   

 

 

 

    การเข้าสมาธิ นั้น มีการปรุงแต่ง หรือ ไม่ ถ้ามีการปรุงแต่ง จะชื่อว่า ปฏิบัติตามธรรมได้อย่างไร

   

[ปฏิฆะ กับ พยาบาท และ โกรธ นี้แตกต่างกันอย่างไร ครับ]

 

  ปฏิฆะ กับ พยาบาท และ โกรธ นี้แตกต่างกันอย่างไร ครับ

   

 

   เพื่อนคนหนึ่ง มาถามผมว่า ได้ทำบุญถวายเงินให้วัดไปเพื่อสร้าง กุฏิ หลังหนึ่ง ราคา 500000 กว่าบาท แต่พระเจ้าอาวาสไม่ได้ สร้างกุฏิซะที ก็เลยไปถามมาว่า ทำไมไม่สร้างกุฏิ เจ้าอาวาสตอบว่า นำเงินไป บูรณะศาลา หมดแล้ว ( เรื่องนี้จริง หรือ เท็จ ก็ขอข้ามไว้ก่อน ) แต่เพื่อนผมถามว่า แล้วอย่างนี้เขาจะได้บุญหรือไม่ครับ

   

ผมอ่านเรื่อง นี้ ก็ยังไม่เข้าใจ ว่าใน อานาปานสติ มีภาวนา 4 ไปพร้อมกันอย่างไร

 

มีพระสูตรรับรอง หรือ ไม่ ครับ ที่เรียกว่า มรรควิถี พระโสดาบัน เ้ป็นอย่างที่กล่าวไว้

 

การปรารถนา นิพพาน ย่อมมีในผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา ไม่มากก็น้อย แต่ ถ้าปรารถนา อยากนิพพาน ในชาตินี้เลย จะทำอย่างไร กัน ครับ

   ควรมีแนวทางเฉพาะ ทางเลยใ่ช่หรือไม่ครับ

  และควรจะเริ่มปฏิับัติอย่างไร ในการที่เรามีความปรารถนา อย่างนี้

 

เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว พอจะเข้าใจ แต่ครูอาจารย์ยังไม่ได้แสดงความเห็นเพิ่มเิิติม ว่าใช่หรือไม่ ตามคำวินิจฉัย

 จึงอยากให้มีการตอบเรื่องนี้่ใหม่ ครับ