แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - nirvanar55
|
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7
|
214
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฝากให้ร่างทรงอ่าน มีผู้คนจำนวนมากถูกทักว่า "มีองค์"
|
เมื่อ: มีนาคม 19, 2013, 10:52:49 am
|
ฝากให้ร่างทรงอ่าน มีผู้คนจำนวนมากถูกทักว่า "มีองค์" เป็นช่องทางทำมาหากินของพวกมิจฉาชีพ อาศัยช่องทางของเรื่องลี้ลับมาหลอกลวงต้มตุ๋น แท้จริงแล้วมนุษย์เราเกิดมามีองค์เทพปกปักษ์รักษาอยู่แล้ว ตำหนักทรง ร่างทรงต่างๆ หลอกให้ไปรับขันธ์ ล้วนแล้วแต่เป็น "ผี" หรือ "สัมภเวสี" ทั้งสิ้น!!
เนื่องจากผีเหล่านี้ร่อนเร่พเนจร ไม่มีสังขาร จึงมาอาศัยร่างมนุษย์เกาะกินบุญ ทำบุญไปเท่าไหร่สัมภเวสีพวกนี้เอาไปหมด ทำบุญมาก แต่ชีวิตก็ไม่ดีขึ้น มันจะดีได้อย่างไรในเมื่อท่านไปรับ "ผีเข้าตัว" บางขันธ์มีเป็นสิบวิญญาณ ขึ้นอยู่กับสำนักไหน สำนักที่เป็นเสือสมิง บรรดาที่ถูกหลอกรับขันธ์มาก็เป็นวิญาณเสือสมิงเข้าตัวทั้งนั้น ที่ผ่านมาปราบไปเป็นจำนวนมาก
ร่างทรงต่างๆ ไม่รู้ว่าตัวเองถูกผีเข้า แต่เข้าใจว่าเป็นเทพเจ้า อ้างตนเป็นเทพองค์ใหญ่ๆ เพราะถ้าบอกว่าเป็นผี.. ก็คงไม่มีใครศรัทธาเชื่อถือ เลยอ้างตนเป็นพระแม่อุมาบ้าง พระศิวะบ้าง พระพิฆเนศบ้าง พระพรหมบ้าง เสด็จพ่อ ร.5 บ้าง (ท่านไม่มาดูหมอดูดวง หรือมายุ่งกับเรื่องผัวเมีย ทำนายทายทักอะไรเพราะท่านไม่มีหน้าที่จุกจิกกับเรื่องแบบนี้) บ้างก็อ้างเป็นกรมหลวงชุมพรบ้าง พระเจ้าตาก ฯลฯ ก็วนเวียนกันอยู่แค่นี้ เพราะกษัตริย์ไทยดังๆ มีอยู่ไม่กี่องค์ หากินง่าย ยิ่งเป็น ร.5 ก็หลอกคนได้มากที่สุดเพราะคนนับถือเยอะ ..
แท้จริงแล้ว ใครทรงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แจ้งความให้ตำรวจจับได้เลย ถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กฏหมายเค้ามีอยู่ (แต่ก็เห็นมีพวกตำรวจ ลูกเมียตำรวจ ไปเป็นลูกค้าพวกร่างทรงก็มีนะ เห็นเข้าตำหนักกันเยอะ เจริญละ...)
ผู้ที่รับขันธ์มา ส่วนใหญ่แล้วชีวิตอัปปาง วิบัติ ลมสลายเกือบทุกรายไป ที่ยังไม่ออกเหตุก็เพราะบุญยังเยอะ สุดท้ายจบลงด้วย โรคมะเร็ง เบาหวาน พิการ อัมพาต หรืออุบัติเหตุแทบทั้งสิ้น รวมถึงเจ้าของตำหนักคนทรงก็ตามมักจะจบชีวิตด้วยเหตุนี้ โดนผีกัดกินอวัยวะภายในให้เจ็บป่วยในบั้นปลายชีวิต...บ้างก็ล้มตายด้วยอุบัติเหตุไปเลย!!!
--------------------------------------------------------------------------------
ที่ผ่านมามีผู้ทนทุกข์ทรมานจากการรับขันธ์แล้วผีเข้าเป็นจำนวนมาก บางคนหมดเงินไปเป็นล้านๆ บางคนก็ถอนเอง แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ถูกวิธี ..ทิ้งขันธ์ไปก็มี แต่วิญญาณในขันธ์นั้นยังเกาะอยู่ที่เดิม..!! ถึงจะเหลือแต่ขันเปล่าๆ ก็ผีมันยังสิงสถิตไว้ที่เดิมอยู่ดี
งานพิธีไหว้ครูต่างๆ เป็นการเต้นรำ บรรดาผีต่างๆ แต่งตัวมาเลียนแบบเทพ กันสนุกสนาน ท่านสังเกตุเกิดว่า พระแม่กวนอิมต้องมาฟ้อนรำกับกุมาร หรือพระศิวะ กุมารต่างๆ หรือมหาเทพอย่างพระแม่อุมา จะมาฟ้อนเต้นแร้งเต้นกากับผี หรือกุมารต่างๆ อย่างนั้นหรือ..
แท้จริงแล้วเทพต่างๆ ล้วนอิ่มทิพย์ ไม่ต้องมาทรมานสังขารมนุษย์ เพราะมันเป็นบาป นั่งสั่นๆ หงายท้อง เคี้ยวหมาก หรือดูดบุหรี่ทีละ 4-5 มวน อันนั้นมันผีชัดๆ หรือพูดจาด่าทอสาปแช่งมนุษย์ หากมีจิตใจไม่ดี หรือไม่มีศีลธรรมคงไม่เป็นเทพหรอกครับ ยกเว้นพวกผีชั้นต่ำเท่านั้น!!
บางตำหนักทรงก็เป็นผีชั้นดี ต้องการสร้างบุญจริงๆ ไม่เก็บเงินใดๆ เอาไปทำบุญ แต่หากให้รับขันธ์ ก็ผิดอีกนั้นแหละ ไปเอาพวกผีด้วยกันมาใส่ตัวชาวบ้านให้ได้รับความเดือดร้อนกัน
บางท่านไม่ได้รับขันธ์ แต่เข้าไปร่วมด้อมๆมองๆในบริเวณตำหนักทรง ก็โดนสัมภเวสีเข้าแทรกได้เช่นกัน มีอาการแปลกๆ ดังที่เห็นได้ในงานพิธีของตำหนักทรงต่างๆ บางครั้งเห็นว่าเพียงพรมน้ำมนต์ก็จะสงบลง แต่จริงๆแล้วผียังไม่ออกนะครับ...ผลสุดท้าย ตำหนักทรงนั้นเพียงเอาเรื่องนี้มาทำมาหากิน ขายพานดอกไม้ ขายผลไม้ถวายเทพในราคาแพง ขายวัตถุมงคลของปลอม ฯลฯ
มนุษย์เรา ไม่เข้าใจเรื่องของกฏแห่งกรรม ไปเอาไสยศาสตร์หรือวิชาต่ำๆมาคุ้ม ถึงได้ถูกผีเข้ากันมากมาย ใครรู้ตัวถอยออกมาก่อน ก็นับว่าเป็นบุญ...
--------------------------------------------------------------------------------
ความเข้าใจเรื่องการรับขันธ์ ขันธ์ 5 ของมนุษย์นั้น ประกอบไปด้วย รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
แต่....ตำหนักทรงต่างๆ จะบิดเบือนว่า ขันธ์ 5 คืออย่างเดียวกับ ศีล 5 (ตั้งใจหลอกลวงเพื่อให้ทำพิธีรับวิญญาณเข้าตัว)
ผี วิญญาณ จะมีขันธ์เพียง 3 ขันธ์ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ จึงต้องอาศัยการแต่งขันธ์ 5 ของมนุษย์ ที่จัดตบแต่งขึ้นมาเป็นตัวแทนของตน ว่าได้ยอมรับเป็นร่างให้กับเทพองค์นั้น ๆ และยังหมายถึงข้อตกลง ระหว่างเทพกับมนุษย์ผู้ตกลงปลงใจยอมรับหน้าที่เป็นสังขารขันธ์ให้กับองค์เทพผู้นั้นไว้ใช้ร่างของตนสร้างบารมี โดยมีองค์เทพผู้ทำพิธีมอบขันธ์ให้เป็นสักขีพยาน หากแม้นมีใครระหว่างเทพกับมนุษย์มีการผิดข้อตกลง ก็ต้องเดือดร้อนถึงผู้เป็นครูที่เป็นสักขีพยาน จะต้องทำหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำผิดต่อไป
ความหมายของขันธ์ต่างๆ
ขันธ์ 5 หมายถึง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ขันธ์ 8 หมายถึงการรับ ศีล 8 ซึ่งจะต้องประพฤติพรหมจรรย์ ห้ามร่วมหลับนอนฉันท์สามีภรรยา งดเว้นอาหารมื้อเย็น สวดมนต์ไหว้พระ เจริญสมาธิภาวนา เหมือนการถือศีลบวชพราหมณ์นั่นเอง
ขันธ์ 9 หมายถึงการรับ ศีลอุโบสถ ถือศีล 8 เคร่งครัด เด็ดดอกไม้ก็ไม่ได้ ดมดอกไม้หรือเครื่องหอมก็ไม่ได้ กินแต่อาหารเจ หรือมังสวิรัติ
ขันธ์ 10 หมายถึง ศีลของสามเณรหรือสามเณรี ก็เท่ากับการถือบวชโดยถือสิกขาบท 10 ประการ
ขันธ์ 16 หมายถึง ศีลของนักบวช 227 ที่มุ่งการบำเพ็ญสมาธิภาวนา กินอาหารมือเดียว งดเว้นของสดของคาว กินแต่ผลไม้ เผือกมัน ไม่เที่ยวเดินพลุกพล่าน อยู่ด้วยการสำรวมปฏิบัติ นั่งสมาธิเป็นที่เป็นทาง แทบจะทำตัวเหมือนนักบวช เพียงแต่เป็นการบวชใจไม่ได้บวชกายเท่านั้น
ดังนั้นหากถือปฏิบัติตามที่กล่าวมาแล้วไม่ได้ ก็จงอย่าได้รับขันธ์เลย หากแม้นมีใครแนะนำให้รับก็จงพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อน เพราะการรับขันธ์นั้นไม่ใช่เพียงนำมาบูชาเท่านั้น จะต้องปฏิบัติเป็นประจำด้วยก็คือ การสวดมนต์ไหว้พระ หรือเทพที่บูชา โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ ต้องนังสมาธิให้ถึงขั้นสูงสุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ รวมถึงการแผ่เมตตาถึงสรรพสัตว์ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจสร้างปัญหาให้เดือดร้อนได้ เพราะถือว่าผิดสัจจะที่รับมา
--------------------------------------------------------------------------------
คำแนะนำเรื่องการรับขันธ์ ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะมีองค์หรือไม่ก็ตาม ก็จงอย่าไปรับขันธ์เลย ถ้าท่านหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาถึงครูบาอาจารย์ และองค์เทพที่คุ้มครองตนเอง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะการที่เทพมาอยู่กับเราก็ด้วยเหตุที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น คือปรารถนาจะได้ร่วมสร้างบารมี และช่วยเหลือผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน พาร่างสร้างบารมีทำบุญไหว้พระ สร้างแต่กรรมดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
ถ้าเราทำได้ดังนี้ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปรับขันธ์ เทพเป็นผู้ที่มีจิตเมตตา ย่อมไม่สร้างปัญหาใด ๆ ให้กับร่างที่จะมาอยู่ด้วย เพราะท่านกลัวบาป การที่จะทำให้เจ็บป่วยหนักหนาแสนสาหัส หรือลงโทษอะไรหนักหนาคงไม่มี นอกจากช่วยเหลือเท่านั้น แต่ที่มันเจ็บป่วยหรือมีปัญหาในหน้าที่การงาน การเงิน จนล้มละลาย มันเป็นเรื่องของวิบากกรรมที่ใครจะเข้าไปแก้ไขได้ นอกจากช่วยประคับประคองหรือดลจิตดลใจให้ไปหาผู้ที่สามารถแก้ไขวิบากกรรมส่วนนี้ได้
ดังนั้นการที่เราได้กล่าวถึงกรณีการรับขันธ์นี้ ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ใช้วิจารณญาณในการแก้ไขตนเองให้ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้เงินแก้ไข มนุษย์เราไม่อาจฝืนกฏแห่งกรรมได้ แต่อาจได้รับการชี้แนวทางแก้ไขได้ เพราะปัญหาต่างๆ ทั้งชีวิตความรัก การงาน สุขภาพ ฐานะการเงิน ที่รุมเร้ามนุษย์นั้น มีกรรมเป็นต้นเหตุที่สำคัญ การแก้ไขเรามาแก้กันที่ปลายเหตุมันก็ไม่จบ ต้องรู้จักต้นเหตุ เพราะเหตุเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น..
Dhamma Chaichana
|
|
|
216
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การละนิวรณ์ เป้าหมายแรกในการภาวนา เพื่อ วิปัสสนา
|
เมื่อ: มีนาคม 11, 2013, 01:13:49 pm
|
คำสอนของพระพุทธเจ้าโคตมะ มิได้ให้สาวกไปถือศีล หรือรักษาศีล การถือศีลหรือการักษาศีล เป็นคำสอนของพราหมณ์ ศีลในพุทธศาสนาคือการมีศีล ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับศีลของพราหมณ์
ทำอย่างไรจึงจะมีศีล หรือทำอย่างไรศีลจะเกิดในตัวบุคคล?
มีปัญญาก็มีศีล เพราะ ผู้ที่มีความเห็นชอบ ก็จะมีความคิดชอบ ส่งผลให้การพูดการกระทำเป็นไปในทางที่ชอบ กล่าวคือ ศีลเกิดเพราะปัญญา หรือแสดงง่ายๆ ว่า เมื่อมีปัญญารู้ผิดรู้ชอบ รู้ชั่วรู้ดี รู้เหตรู้ผล ที่จะคิดไปลักทรัพย์ ฆ่าคน พูดปด ประกอบอาชีพผิดๆ ผิดลูกผิดเมีย หรือไปเป็นนักเลงสุรา ก็จะไม่เกิด ศีลแบบนี้เกิดขึ้นอย่างถาวรในตัวบุคคล เป็นศีลที่ประเสริฐ หรือ เป็นอริยศีล เกิดขึ้นกับผู้ใดแล้ว ผู้นั้นถือว่าเป็นคนดีโดยสันดาร อาจจะกล่าวได้ว่า ศีลในพุทธศาสนาเป็นบรรทัดฐานหรือเครื่องชี้วัดผลการเจริญสัมมาทิฏฐิของผู้ปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม
ผู้ที่ถือศีล โดยไม่รู้ หรือถือตามๆ กันมา จะวางตัวในกรอบของศีลได้เพียงครั้งคราวเท่านั้น และหาโอกาสที่จะผิดศีลเป็นประจำ ผู้ที่พยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ กำลังกระทำการที่ฝืนธรรมชาติอย่างมาก เพราะคนเราถูกครอบงำด้วยอวิชชา คือการหลงตามความพอใจไม่พอใจ ไม่สามารถสั่งตัวเองได้ การจะบังคับตนให้เป็นคนดีตลอดไปนั้นเป็นไปไม่ได้ ผิดหลักของเหตุปัจจัย ไม่ใช่การปฏิบัติตามทางสายกลาง
ผู้ที่มีศีล คือ ผู้ที่เดินตามทางอริยมรรคมีองค์ ๘ คือ การสร้างหรือการเจริญสัมมาทิฏฐิก่อนเป็นอันดับแรก และต้องปฏิบัติที่เหตุของการเกิดสัมมาทิฏฐิ คือ การสร้างวิชชาเพื่อดับอวิชชา เพราะอวิชชาเป็นเหตุให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ และวิชชาทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิ
หากพบคำว่า ศีล ที่มีกล่าวในพระไตรปิฎกทั้งหมด ให้ทราบว่าเป็นอริยศีล เป็นศีลที่เกิดในอริยบุคคลhttp://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=29682
|
|
|
221
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ขอบคุณ คำแนะนำ จากท่าน นักเดินทาง และท่านควรมาอ่านคำตอบผมด้วยครับ
|
เมื่อ: มีนาคม 05, 2013, 08:49:50 pm
|
สำหรับท่าน nirvanar55 เท่าที่ผมติดตามกระทู้ท่านมานั้น ท่านดูเหมือนจะเป็นลูกศิษย์หลาย ๆ แนวทาง แต่น่าจะอยู่กับสายวัดป่า ในตอนนี้ เวลาที่ท่านตั้งคำถาม โปรดระวังการนำการปรามาส ถึงแม้ท่านจะมีเจตนาทดสอบ ครูอาจารย์ และลูกศิษย์ฝ่ายครูอาจารย์ ว่าจะตอบท่านอย่างไร ?
แต่เนื้อหา โดยรวม ท่านก็จะไม่ได้เพราะ ท่านยังไม่ได้ขึ้นกรรมฐาน กับครูอาจารย์ที่ท่านกล่าว ผมรู้จักครูอาจารย์ด้วยการเขียนตอบจดหมายกับท่านมาหลายปี และยังไม่เคยพบท่านเช่นกัน ก็พอทราบว่า ท่านจะสอนตรงไปตรงมาและให้ อิสสระกับศิษย์ ที่ไปหาครูอาจารย์ต่างๆ ได้ แต่ก็จะศิษย์ส่วนน้อยที่จะได้เลื่อนระดับ เพราะมีความอุตสาหะ ภาวนาตามคำสั่ง จนถึงจุดที่จะได้เปลี่ยนกรรมฐาน
ดังนั้นถ้าท่าน ต้องการหาคำตอบ นำครูอาจารย์ มาเทียบนั่น เทียบนี่แล้ว ก็จะเป็นเหตุให้ท่านห่างครูอาจารย์ มากขึ้นนะครับ
มุมมองผม วัดที่การภาวนา และเนื้อหาของหลักธรรม มิได้วัดที่กองเงิน หรือ สถานที่ ถ้าจะหาครูอาจารย์ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้วคุณเดินไปวัดใหญ่ วัดโต นั้นแทบจะหาไม่เจอเลยครับ แต่ถ้าเดินไปตามกุฏิเล็ก ๆ นั่งสนทนากับหลวงตาที่ไม่รู้ชื่อ คุณอาจจะได้รู้ธรรม ดี ๆ ก็ได้นะครับ
เมื่อวานไม่ได้ อ่าน ว่าเป็นข้อความส่งตรง ถึง ผมขอบคุณ ท่านนักเดินทาง ที่มาแนะนำ นะครับ และการคาดเดาของท่าน ยังไม่ถูกครับ ผมเองไม่ได้เป็นศิษย์สายวัดป่า หลวงปู่มั่นครับ และที่ปฏิบัติก็พยายามยึดตรงต่อพระสูตรเป็นหลัก แต่ก็มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ โดยเฉพาะในแนวทาง เคลื่อนไหวครับ สำหรับเรื่องการปรามาสนั้น ผมเองระวังอยู่ครับ แต่ที่ต้องถามอย่างนี้ก็เพราะต้องการทราบจุดเด่นของครูอาจารย์ เลยครับ ว่าท่านมีจุดเด่นอะไร มีธรรมสาระเพื่อผู้ภาวนาในระดับไหน เพราะจะให้ตามไปหา หรือ อ่านทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องยากครับ แม้บางคำอาจจะเรียกว่า การปรามาสจากพวกท่าน แต่ความเป็นจริง ก็อยากดูว่า ลูกศิษย์พระสนธยา นั้นมีกี่คนและแต่ละคนจะตอบให้ครูอาจารย์ได้อย่างไร แน่นอน พระสนธยา คงไม่มาตอบในงานนี้นะครับ เพราะถ้ามาตอบก็จะผิดวิสัย เหมือนมาแก้ตัว และ แก้ต่างประมาณนั้น สำหรับเรื่องการขึ้นกรรมฐาน ผมได้ติดตามเพื่อนผมไปที่ คณะ 5 แล้ว แต่ผมเองก็ไม่ได้ขึ้นกรรมฐาน ตามเพื่อน ๆ นะครับเพียงแต่นั่งกรรมฐาน เป็นเพื่อน ๆ กัน ที่สำคัญเรียนกรรมฐาน ครั้งแรกไม่เห็นมีความแตกต่างอะไร จากที่เคยปฏิบัติเลย มีการกำหนดพุทโธ เช่นกัน และพระที่สอนก็เป็นพระหนุ่มองค์หนึ่ง ที่ผมยังไม่คุ้น ซึ่งไม่ได้เห็นหลวงพ่อที่เป็นพระอาจารย์มาสอนด้วยซ้ำไป หลัก ๆ ก็คือปล่อยให้นั่งเองอย่างนั้น ภาวนาพุทโธ ไม่ต้องผูกกับลมหายใจเข้าออก ประมาณนี้ แล้วก็กลับก็เลยไม่ทราบว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นมีความเด่นอย่างไร แตกต่างจากกรรมฐาน ทั่วไปอย่างไร ดังนัั้นในความคิดผมคือ ถ้าผมเองยังไม่ชอบก็ไม่ขึ้นกรรมฐาน อย่างนี้ก็น่าจะถูกใช่หรือไม่ครับ
ส่วนเรื่องผลงานการเผยแพร่พระธรรม สำหรับพระสนธยา นั้นผมยังไม่ได้ยินเรื่องการเผยแพร่ ที่เป็นหลักการอะไรเลย นอกเสียจากการแนะนำวิธีฝึกกรรมฐาน ในขั้นต้น ๆ ทั้งหมด ซึ่งผมเองก็ไม่เห็นจะแตกต่างจากสำนักอื่น ตรงไหน โดยเฉพาะเรื่องการใช้ สติ มีการกล่าวจากท่านว่า การฝึกสติปัฏฐาน ต้องฝึกไปตามลำดับ แต่ครูอาจารย์ที่ผมเรียนมานั้น ท่านสอนว่า สติปัฏฐาน สามารถฝึกส่วนไหนก่อนก็ได้ ตามจริตวาสนา คือจะเริ่มธรรม เริ่มจิต เริ่มเวทนา ก่อน กาย ก็ได้ อันนี้ผมยังไม่เห็นด้วยครับ จึงแย้งเหมือนท่านจะไม่รู้เรื่องการภาวนา ทางด้านสติปัฏฐานจริง ๆ นะครับ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น การเรียนกรรมฐาน จากผู้ที่ไม่รู้จริง จะเป็นอันตราย นะครับ
การวัดผลงาน ที่ วัตถุ นั้น ก็เป็นการวัดระดับบารมีครูอาจารย์ได้ส่วนหนึ่ง นะครับ อย่าคิดว่าไม่เกี่ยว ถ้าครูอาจารย์ ประพฤติปฏิบัติดี ก็จะมีคนช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ยกเว้นครูอาจารย์นั้นปฏิบัติไม่เข้าท่่า ก็จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือน้อยนะครับ เท่าที่ผมอ่านประกาศในเว็บ แค่ เรื่องค่าใช้จ่าย หลักพัน พระสนธยาก็วุ่นแล้วนะครับ เพราะจริง ๆ แล้วระดับพระที่สอนกรรมฐานในระดับนี้ น่าจะุววุ่นกับเรื่องบริจาคช่วยเหลือระดับแสนมากกว่าครับ
อันนี้เห็น ต่ออายุเว็บ วิทยุ แค่หลักพัน ต้น ๆ ก็เห็นว่าลำบากแล้ว แสดงว่า บารมีธรรมด้านนี้ ยังน้อยนะครับ
คุยกันพอให้เข้าใจ ในแนวทางครับ ผมคิดว่าในศิษย์ที่พระสนธยา สอนนั้น ยังไม่มีใครปฏิบัติได้ครับ จึงไม่มีใครมาตอบคำถามข้อข้องใจให้ผมทราบ เลย
|
|
|
223
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เรียนท่าน ธรรมะปุจฉา มาตอบคำถามให้ผมด้วยครับ ผมจะเริ่มถามเป็นข้อ ๆ แล้วครับ
|
เมื่อ: มีนาคม 05, 2013, 08:26:51 pm
|
อาตมา น่าพอจะตอบให้ ได้นะจ๊ะ ว่ามาที่ละข้อ นะ แต่ขอเป็นการถามใหม่ โยมถามมาหนึ่ง อาตมาก็ตอบไปหนึ่ง เอาแบบนี้นะจ๊ะ
เรียนเพื่อน ๆ สมาชิก ช่วยชี้แนะ สาระธรรม ในห้องนี้หน่อยครับ ว่าบทไหน ที่เรียกว่าเป็นสาระ มากที่สุด ในบอร์ดถามตอบเรื่องกรรมฐาน ที่ท่านอ่านแล้ว ถูกใจ เข้าใจ แล้วนำไปปฏิบัติได้ เพราะผมต้องการประมวล ( ประเมิน ) คำสอนของพระสนธยา ว่า กระทู้ไหน ที่ตอบได้ แนะนำ อย่างมีสาระ เช่นครูอาจารย์กรรมฐาน ครับ
ถือว่าผมต้องการลอง เลยก็ได้ครับ จะว่าปรามาส หรือ อย่างไรก็ช่างนะครับ เชิญแนะนำเป็นทางการหน่อยครับ เพราะผมคงไปเริ่มอ่านทั้งหมดไม่ได้ครับ ขอบคุณ ท่านธรรมะปุจฉา ด้วยนะครับ ที่จะมาช่วยตอบ และกรุณา ผมนะครับ
|
|
|
227
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ::: ดูแค่การเกิดดับยังถือว่าหยาบ :::หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
|
เมื่อ: มีนาคม 04, 2013, 10:18:40 am
|
อรรถ,พยัญชนะ ใดใดในธรรมต้องเข้าใจในแบบองค์รวม ท่าน aaaa กำลังชี้นำในแบบ "อาจารย์ฉัน" อย่างนี้จะทำให้เพื่อนๆชาวธรรมในบอร์ด Majchima ไขว้เขวได้ และหมิ่นเหม่ง่ายต่อการปรามาสธรรม,ครูอาจารย์ นะครับ .....เฮ้อ!
เห็นด้วยครับ ถ้าเทียบ ครูบาเจ้าเพชร กับ พระสนธยา แล้ว ต่างกันลิบเลยนะครับ เพราะครูบาเจ้าเพชรเป็นพระสุปฏิปันโน ยิ่งกว่า และ ท่านสร้างสำนักได้ยิ่งใหญ่ มีลูกศิษย์นับถือมากมาย แม้แต่ บริษัทใหญ่ อย่างซีเมนต์ไทยก็ยังเข้ามาศนับสนุน ให้ท่านได้พูดสอน ธรรมะ มีอบรมให้กับผู้ภาวนา ส่วนแนวทางนั้นก็น่าจะเป็นในสายพ่อแม่ครูอาจารย์ ส่วนพระสนธยา ทุกวันนี้ได้ทำอะไร ไม่เห็นมีอะไรชัดเจนสักอย่าง ดังนั้นถ้าจะกล่าวก็ต้องกล่าวว่า ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม สักอย่าง คือเป็นที่พึ่งไม่ได้เหมือนครูบาเพชร นะครับ
|
|
|
231
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระสนธยา ธัมมะวังโส มีอะไร ดี ในการนำทางธรรม กรรมฐาน อยากรู้
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2013, 07:02:42 pm
|
ของผมที่ทำงาน บอกได้คร่าว ๆ ว่าอยู่ กลุ่ม โรงพยาบาล ครับ ฟังมาว่า เป็นพระที่เลือกเฉพาะคนรวย ๆ ถึงจะต้อนรับ อันนี้ฟังมาจากเพื่อน ๆ ที่พูดกันนะครับ เรื่องกรรมฐาน ก็เป็น งู ๆ ปลา ๆ สอนให้คนติดบุญ มากกว่า ไม่ได้สอนให้มีปัญญา สอนให้งมงาย ไปในเรื่องไร้สาระ อย่างนี้ ครับ ฟังมาก็อย่างนี้ ครับ พอดีคนที่พูด ก็เป็นพวก ระดับอาวุโสกันทั้งนั้น ด้วย เลยไม่รู้ข้อมูลเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ไปหา ที่วัดไม่เคยเจอเลยนะครับ และ ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน กัน ก็เลยอยากถามศิษย์ ที่เห็นศรัทธากันจริงๆ เห็นอะไร จึงได้สนับสนุน พระรูปนี้
|
|
|
232
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระสนธยา ธัมมะวังโส มีอะไร ดี ในการนำทางธรรม กรรมฐาน อยากรู้
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2013, 03:11:16 pm
|
พระสนธยา ธัมมะวังโส มีอะไร ดี ในการนำทางธรรม กรรมฐาน อยากรู้ คือไม่คุ้นเคยกับพระรูปนี้ เคยได้ยินจากเพื่อน ๆ ที่ว่ารู้จักท่าน ว่าไม่น่าคบ นิสัยไม่ดี อ้วน กินจุ ไม่เป็นพระอริยะ แต่บางท่าน ก็ว่า เก่งกรรมฐาน ใจดี สรุปแล้ว ดี หรือ ดี ครับ และทำไม ถึงต้องออกจากวัดแก่งขนุน ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ? ทำไม จึงเที่ยวเดินทางไปทั่ว ไปนั่น ไปนี่ ถ่ายรูปอย่างกับนักท่องเที่ยว ? สงสัยเหมือนกัน และที่สำคัญ ผมเองก็สงสัย ว่า ภาวนาปฏิบัติ ทำไม ถึงต้องมาใช้ intermet มา แชท มา เฟค ประมาณนี้ หรือท่านเป็น พระที่ยังปฏิบัติไม่ได้อะไร ? หรือว่า อย่างไร ในมุมมอง ก็มีทั้ง เรื่องที่สงสัย แง่ลบ จะเยอะซะหน่อย เพราะรอบ ๆ ด้าน ที่เขาว่ารู้จัก จะพูดทางที่ไม่ดี เคยไปที่วัด ถามคนแถวนั้น มีคนกล่าวว่า ท่านประพฤติไม่ดี เจ้าอาวาสก็เลยไล่ออก ประมาณเรื่องยาเสพติด จรงิเท็จประการใด ช่วยเล่าให้กระจ่างหน่อยได้หรือไม่ครับ เนื่องด้วยผมไปที่วัดแล้ว ที่วัดแก่งขนุน ไม่มีสอนกรรมฐาน แล้ว พระสนธยา ก็ไม่อยู่ด้วย ด้วยความอยากรู้
|
|
|
235
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สุขภาพดี...เรื่อง กล้วยกล้วย
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2013, 07:04:10 am
|
ผมเคยคิดว่า กล้วย สามารถเป็นอาหารหลัก ได้ เคยไม่ทานอาหารหลัก เลย 1 สัปดาห์ บริโภคแต่กล้วยอย่างเดียว ปรากฏว่า 3 วันแรก ต้องทานกล้วย แบบ กระปิดกระปอย คือ ต้องทานเรื่อย ๆ ครับไม่สามารถทานเป็นมื้อ ๆ แบบอาหารได้ เนื่องด้วยผะอืด ผะอม และ รู้สึกจุก เช่นทานกล้วยหอม ปรากฏว่า มีอาการเสียดท้อง เรอขึ้น ก็ปรับมาเป็นกล้วยไข่ ก็มีลักษณะเดียวกัน สุดท้ายกล้วยพื้นบ้าน คือ กล้วยน้ำหว้า
ผลก็คือ ต้องทานต่อมื้ออย่างน้อย 6 หน่วย ต้องทาน อย่างน้อย 3 มือ้ และ ทานดื่มให้มากหน่อย
กล้วยที่รับประทานอิ่มดี จากที่ทดลองทานก็คือ กล้วยตากแช่อิ่ม กล้วยอบ กล้วยบด และ กล้วยอบแห้ง ดังนั้นเชื่อว่า คนที่ทานกล้วย ถ้าจะทานเป็นอาหารเลยนั้น ต้องทานผสม ดังนี้ คือ นม และ น้ำผึ้ง น้ำ กล้วย 4 อย่างนี้น่าจะอยู่ได้ เหมือนที่ผมทดสอบมาแล้วเป็นอาทิตย์ ๆ ครับ
คนไม่เคยทำ จะไม่สามารถ รู้ไดนะครับ อันนี้ผมผ่านประสบการณ์ ว่าแต่กล้วย ถ้าทานต้องรู้วิธีเก็บด้วยนะครับ ถ้าอยากให้กล้วย ไม่สุกไวเกิน เวลาตัดเครือแล้วเอาพลาสติกห่อใต้เครื่อ เอาดินผสมน้ำหน่อย ๆ ยางรัดใต้ก้านเครือไว้ ก็จะสุกช้า นะครับ แต่ถ้าหาก ท่านตัดออกจากก้านเครือแล้ว ต้องทานให้หมดภายใน 3 วันนะครับ เพราะมิฉะนั้น กล้วยจะงอม แตกน้ำเยิ้มคือ เน่าเสีย ส่งกลิ่น
|
|
|
240
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เรียนเชิญ ส่งภาพ ส.ค.ส. ดิจิตอล ส่งความสุข ส่งท้ายปี 2555 ต้อนรับปี 2556
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2012, 02:38:03 pm
|
ขอพูดนิดหนึ่งครับ สำหรับผมเอง ที่ไม่เคยส่ง ส.ค.ส. ให้ใครเลยในชีิวิต นั้นพอได้มาคิดรูป ทำ ส.ค.ส แล้ว ก็คิดไม่ออกจริง ๆ แต่เห็นเพื่อน ๆ ในห้องนี้ได้ทำออกมาแล้ว ก็อนุโมทนาครับ ในส่วนตัวผมคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ จนมีจดหมายฉบับหนึ่งเรียนถามพระอาจารย์ว่า มีความจำเป็นอย่างไร ที่ชาวธรรมต้องมาทำ ส.ค.ส. เหมือนเด็ก ๆ
คำตอบ ก็คือ
ลองหัดทำใจให้ผ่องใส ด้วยกุศล แล้วกล่าว คำอนุโมทนาเป็นกุศล หน่อยสิ แล้วจะรู้ว่า ส.ค.ส. มีค่าอย่างไร ตัว ส.ค.ส. ก็เป็นสิ่งแทนใจของ จิตที่ฝึกกรรมฐาน ส่วนหนึ่ง คนที่ปรารถนาให้คนอื่นเ็ป็นสุข จักทำ ส.ค.ส.ได้ดี ส่วนคนที่ไม่ค่อย อนุโมทนาบุญกุศลกับใคร ไม่ฝึกแผ่เมตตา ก็จะทำ ส.ค.ส. ได้อย่างลำบาก เพราะจิตไม่เคยฝึกฝน ให้คนอื่นเป็นสุข เสียบ้าง
พอผมได้อ่านจบข้อความแล้ว ก็มานั่ง พิจารณาแล้ว ก็เลยทำ ส.ค.ส. ร่วมอนุโมทนากับทุกท่านครับ เป็นเรื่องที่แปลก ว่าในขณะที่ผมทำ ส.ค.ส. อยู่นั้น ผมคิดอะไรไม่ออกเลย นอกจากภาพนี้แล้วใส่ความปรารถนาแห่งจิตออกมาได้เพียงนี้เอง ผมจึงรู้คำตอบว่า เมตตากรรมฐาน ของผมยังไม่เพียงพอจริง ๆ ครับ
อนุโมทนา กับทุกท่านครับ
|
|
|
|