ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กรรมฐาน จะช่วยให้ชีิวิตเราเป็นสุข จริง ๆ ได้อย่างไร  (อ่าน 2272 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

กรรมฐาน จะช่วยให้ชีิวิตเราเป็นสุข จริง ๆ ได้อย่างไร
  ในเมื่อทุกวัน เราก็ถูกเบียดเบียน จากชาวโลกที่ไม่ได้มีศีล มีธรรม

  แล้วกรรมฐาน จะช่วยเราพ้นจากทุกข์ มีสุขได้อย่างไร

บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

โลกียสุข และ โลกุตรสุข

โลกียสุข   ความสุขอย่างโลกีย์, ความสุขที่เป็นวิสัยของโลก, ความสุขที่ยังประกอบด้วยอาสวะ
                เช่น กามสุข มนุษยสุข ทิพยสุข ตลอดถึงฌานสุข และวิปัสสนาสุข

โลกุตตรสุข, โลกุตรสุข   ความสุขอย่างโลกุตตระ, ความสุขที่เหนือกว่าระดับของชาวโลก,
                                   ความสุขที่เหนือกว่าระดับของชาวโลก, ความสุขเนื่องด้วยมรรคผลนิพพาน

วิมุตติสุข   สุขเกิดแต่ความหลุดพ้นจากกิเลส อาสวะ และปวงทุกข์
บรมสุข   สุขอย่างยิ่ง ได้แก่ พระนิพพาน

___________________________________________________
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)



ฌานสุข หรือ สุขในสัมมาสมาธิ

สัมมาสมาธิ เป็นไฉน
     - ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
     - เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติ และสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยกาย 
    - เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยทั้งหลาย สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข
    - เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
    อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ ฯ

____________________________________________________________
มหาสติปัฏฐานสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=6257&Z=6764



วิปัสสนาสุข และ โลกุตตรสุข

ญาณ ๑๖ ญาณที่เกิดแก่ผู้บำเพ็ญวิปัสสนาโดยลำดับตั้งแต่ต้นจนถึงจุดหมาย คือมรรคผลนิพพาน ๑๖ อย่างคือ
       ๑. นามรูปปริจเฉทญาณ ญาณกำหนดแยกนามรูป
       ๒. (นามรูป) ปัจจัยปริคคหญาณ ญาณกำหนดจับปัจจัยแห่งนามรูป
       ๓. สัมมสนญาณ ญาณพิจารณานามรูปโดยไตรลักษณ์
       ๔. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ญาณตามเห็นความเกิดและความดับแห่งนามรูป
       ๕. ภังคานุปัสสนาญาณ ญาณตามเห็นจำเพาะความดับเด่นขึ้นมา
       ๖. ภยตูปัฏฐานญาณ ญาณอันมองเห็นสังขารปรากฏเป็นของน่ากลัว
       ๗. อาทีนวานุปัสสนาญาณ ญาณคำนึงเห็นโทษ
       ๘. นิพพิทานุปัสสนาญาณ ญาณคำนึงเห็นด้วยความหน่าย
       ๙. มุจจิตุกัมยตาญาณ ญาณหยั่งรู้อันให้ใคร่จะพ้นไปเสีย
      ๑๐. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ ญาณอันพิจารณาทบทวนเพื่อจะหาทาง
      ๑๑. สังขารุเปกขาญาณ ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร
      ๑๒. สัจจานุโลมิกญาณ ญาณเป็นไปโดยควรแก่การหยั่งรู้อริยสัจจ์
      ๑๓. โคตรภูญาณ ญาณครอบโคตรคือหัวต่อที่ข้ามพ้นภาวะปุถุชน
      ๑๔. มัคคญาณ ญาณในอริยมรรค
      ๑๕. ผลญาณ ญาณในอริยผล
      ๑๖. ปัจจเวกขณญาณ ญาณที่พิจารณาทบทวน


   วิปัสสนาสุข คือ ข้อ ๑ ถึง ข้อ ๑๓
   โลกุตตรสุข คือ ข้อ ๑๔ ถึง ข้อ ๑๖

____________________________________________________
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)



บรมสุข สุขอย่างยิ่ง ได้แก่ พระนิพพาน

     คาถาธรรมบท สุขวรรคที่ ๑๕
     [๒๕] เมื่อพวกมนุษย์มีเวรกันอยู่ เราเป็นผู้ไม่มีเวรอยู่
     เมื่อพวกมนุษย์มีเวรกันอยู่ เราเป็นผู้ไม่มีเวรอยู่ เป็นอยู่สบายดีหนอ
     เมื่อพวกมนุษย์มีความเร่าร้อนกันอยู่ เราเป็นผู้ไม่มีความเร่าร้อนอยู่ เป็นอยู่สบายดีหนอ
     เมื่อพวกมนุษย์มีความขวนขวายอยู่ เราเป็นผู้ไม่มีความขวนขวายอยู่
     เมื่อพวกมนุษย์มีความขวนขวายกันอยู่ เราเป็นผู้ไม่มีความขวนขวายอยู่เป็นอยู่สบายดีหนอ


     เราไม่มีกิเลสชาติเครื่องกังวล เป็นอยู่สบายดีหนอ
     เรามีปีติเป็นภักษาเหมือนเหล่าเทวดาชั้นอาภัสสระ
     ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมเป็นทุกข์

     พระขีณาสพผู้สงบระงับ ละความชนะความแพ้ได้แล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข
     ไฟเสมอด้วยราคะไม่มี โทษเสมอด้วยโทสะไม่มี
     ทุกข์เช่นด้วยขันธ์ไม่มี สุขยิ่งกว่าความสงบไม่มี
     ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง


     บัณฑิตทราบเนื้อความนี้ตามความเป็นจริงแล้ว ย่อมทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน เพราะนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
     ลาภทั้งหลายมีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง ทรัพย์มีความสันโดษเป็นอย่างยิ่ง
     ญาติทั้งหลายมีความคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

____________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=799&Z=829&pagebreak=0     
ขอบคุณภาพจาก http://topicstock.pantip.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2013, 12:13:38 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ask1

กรรมฐาน จะช่วยให้ชีิวิตเราเป็นสุข จริง ๆ ได้อย่างไร
  ในเมื่อทุกวัน เราก็ถูกเบียดเบียน จากชาวโลกที่ไม่ได้มีศีล มีธรรม

  แล้วกรรมฐาน จะช่วยเราพ้นจากทุกข์ มีสุขได้อย่างไร



   ans1 ans1 ans1
     
   อยากมีสุข อยากพ้นทุกข์ ต้องปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘
   การเดินตามมรรค คือ การดูกายดูจิตของตนเอง อย่าไปสนใจคนอื่น
   ขอให้ทำความเข้าใจกับพุทธพจน์นี้ให้ดี

   "ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า"
   เบื้องต้นต้องเสาะหากัลยาณมิตรก่อน อย่าได้ประมาทคิดว่าตนเองเก่ง อ่านมากฟังมากแล้วจะทำได้
   "บุคคลจะล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร"

    :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ