ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนาน แล้งวัดสระเกศเปรตวัดสุทัศน์  (อ่าน 3725 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
ตำนาน แล้งวัดสระเกศเปรตวัดสุทัศน์
« เมื่อ: สิงหาคม 14, 2015, 09:51:50 pm »
0
ขุดตำนาน "แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์"

หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า "แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์" กันมาจนชินหู
ทั้งสองวัดนี้.. มักจะได้ยินพร้อมๆกันเสมอ..เพราะครั้งหนึ่งมันเคยเป็ นอย่างนั้น
และมันก็คือ นรกจำลองดีๆ นี่เอง

โดยเฉพาะเรื่องของวัดสระเกศ ที่แต่ก่อนเป็นศูนย์รวมของแร้งนับพัน
อันเนื่องมาจากโรคห่าระบาดเมืองในช่วงรัชกาลที่ 2 นั่นเอง
สถิติคนตายตอนนั้นก็ไม่มากไม่มายเท่าไรหรอกตายไปสามห มื่นคนภายใน 15 วันเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ

กรุงเทพตอนนั้น.. กลายเป็นเมืองแห่งคนตายเลย
เพราะคนที่มีชีวิตอยู่ เห็นจะน้อยกว่าศพที่กองระเนระนาดไปทุกตารางนิ้ว
แม้แต่แม่น้ำลำคลองก็ยังเต็มไปด้วยซากศพ จนใช้อาบใช้กินไม่ได้เลยทีเดียว

คนตายกันไม่รู้วันละกี่พัน จะจัดพิธีทำศพก็ไม่ทัน จะเผาก็ไม่ทัน จะฝังก็ไม่ทันอีก..

ไม่มีวิธีการไหนจะจัดการกับศพเหล่านั้นได้

สุดท้าย.. ต้องขุดหลุมแล้วเอาศพมากองรวมกันไว้ที่นี่..วัดสระเก ศ

นอกจากสมัยรัชกาลที่ 2 แล้วโรคห่าก็ระบาดกันทุกรัชกาลเลย
เค้าก้อจะเอามากองรวมกันที่วัดสระเกศ..
ฝูงแร้งก็จะมารวมกันอยู่ที่นี่ เยอะขึ้น เยอะขึ้น อิ่มหนำสำราญมากมาย
จำนวนคนตายมันมากจนฝูงแร้งมีกินกันได้ทั้งชีวิตเลยที เดียว

นอกจากศพคนตายด้วยโรคห่าแล้ว ก็ยังมีศพที่ไม่ได้มาจากโรคห่าด้วย อย่างสมัยรัชกาลที่ 5 นี้..

ทางคุกจะเอาศพนักโทษที่แก่ตายมาทิ้งไว้ที่นี่ ศพนักโทษประหารก็ด้วย..
ถ้าไม่ขุดหลุมกลบ เค้าก็จะแบกศพมาทั้งๆที่ไม่มีหัวน่ะแหละ
และยังมีศพไร้ญาติอีก เอามาทิ้งไว้ที่นี่เหมือนกัน


แล้วทำไมต้องเป็นวัดสระเกศ?

ต้องบอกก่อนว่าสมัยก่อนเขาห้ามเผาศพกันในเมือง ใครตายก็ต้องนู่นเลย.. นอกกำแพงเมืองนู่น
แล้วประตูเมืองที่เค้าอนุญาตให้เอาศพผ่านก้อมีประตูเ ดียว ที่เรียกว่า ประตูผีนั่นแหละ
ทีนี้วัดสระเกศก็อยู่ใกล้กับประตูผีนั่นพอดี ผ่านประตูเมืองมาก็เจอกับวัดสระเกศเป็นวัดแรก..
ก็เลยต้องเอาศพมาทิ้งที่นี่.. เพราะสะดวกดี

ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้..เวลาพูดถึงแร้ง เลยทำให้นึกไปถึงวัดอื่นไม่ได้
นอกจาก.. วัดสระเกศ




แต่ถ้าพูดถึงแร้งวัดสระเกศ จากกระทู้ที่แล้ว แล้วไม่พูดถึง "เปรตวัดสุทัศน์" ก็จะดูเหมือนเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ เพราะเรามักจะได้ยินสองอย่างนี้คู่กันเสมอๆ สำหรับ "เปรต" นั้น ก็เป็นชื่อเรียกผีหรือมนุษย์ที่ทำบาปทำกรรมหนักหนาสา หัส เมื่อตายไปแล้วก็จะมาเกิดเป็นเปรตเพื่อชดใช้กรรมที่ท ำไว้เมื่อยังเป็นมนุษย์

เปรตนั้นก็มีหลายประเภทหลายลักษณะด้วยกัน แต่ภาพของเปรตที่คนส่วนมากจะคิดถึงก็คือต้องตัวสูงเทjาต้นตาล มือเท้าใหญ่เหมือนใบลาน ปากเท่ารูเข็ม ส่งเสียงร้องหวีดๆ ตอนกลางคืน และมักมาปรากฏตัวให้เห็นตอนกลางดึกเพื่อขอส่วนบุญ ส่วนคนที่ได้เห็นเปรตก็ถือว่าช่วงนั้นดวงตกต้องไปทำบ ุญอุทิศส่วนกุศลให้เปรต ตนนั้นเสีย

ความเชื่อแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์เกี่ยวกับเรื่อ งราวของเปรตแห่งวัดสุทัศนเทพวรา
ราม ราชวรมหาวิหาร ที่เล่ากันว่าที่วัดแห่งนี้มักมีเปรตปรากฏกายในเวลาก ลางคืนเป็นที่น่ากลัว อย่างยิ่ง ประกอบกับอหิวาตกโรคที่ระบาดจนมีผู้คนล้มตายเป็นจำนว นมากในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 จนเผาศพแทบไม่ทัน ณ วัดสระเกศ จนมีคำกล่าวคล้องจองกันว่า "เปรตวัดสุทัศน์ แร้งวัดสระเกศ"

ซึ่ง แท้ที่จริงแล้ว เรื่องเล่าเปรตวัดสุทัศน์ฯนั้น มาจากภาพวาดบนฝาผนังในอุโบสถ ที่เป็นรูปเปรตตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่ และมีพระสงฆ์ยืนพิจารณาอยู่ ซึ่งภาพนี้มีชื่อเสียงมากในสมัยอดีต เป็นที่เลื่องลือกันของผู้ที่ไปที่วัดแห่งนี้ว่าต้อง ไปดู และสิ่งที่ผู้คนเห็นว่าเป็นเปรตนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณวัดแห่งนี้มายาวนานบอกว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นเงาของเสาชิงช้าที่อยู่หน้าวัด ในสายหมอกยามเช้าต่างหาก
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ