« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2016, 09:45:40 am »
0
การเรียนธรรม กับฉันท่านไม่จำเป็นต้องเป็นศิษย์ สามารถอ่านศึกษา ได้และก็ไม่มีข้อบังคับใด ๆ ให้ท่านช่วยเหลือฉัน หรือ วัด หรือ พระพุทธศาสนา เพราะเมื่อท่านปฏิบัตตามข้อแนะนำจนจิตท่านสามารถชนะใจตนเองได้ ท่านจะมีจิตสำนึกเรื่องนี้ เอง แม้เป็นพระโยคาวจร หรือเป็นพระโสดาบัน แล้ว
เพราะเนื่องด้วยธรรมในพระพุทธศาสนา ไม่ได้มีการประจักษ์ธรรมได้ง่าย อย่างที่หลายคนไปพูด แนวปัญญากันมาก จนบางท่านก็หลงยึดว่าตนเองเป็นอริยะ ไปแล้วก็มี อาตมาก็เคยหลงผิดมาครั้งหนึ่ง เช่นกัน
ดังนั้นการจะรู้ว่าตนเอง เป็นอริยะ ปัจจุบันมีข้อพิสูจน์เพียงข้อเดียวเท่านั้น วิธีอื่น ๆ ใช้ไม่ได้ เพราะจิตคนซับซ้อน หลอกตัวเองได้ดังนั้นวิธีพิสูจน์ที่ดีที่สุด ก็คือ หากเป็นอริยะ ตั้งแต่พระโสดาบัน ทั้งฝ่ายปัญญาวิมุตติ และ เจโตวิมุตติ อธิษฐานผลสมาบัติ เข้าสุญญตาวิหารสมาบัติ จะสามารถดำรง สุญญตาสมาบัติได้ 24 - 35 ชม ต่อเนื่องด้วย อิริยาบถเดียว เรียกว่า การเสวยวิมุตติ หรือเข้าผลสมาบัติ
ดังนั้นไม่ว่า จะเป็น ปัญญาวิมุตติ หรือ เจโตวิมิตติ ทำได้เหมือนกัน
ถ้าทำไม่ได้ ก็คือยังไม่บรรลุ คำตอบง่าย ๆ แค่นี้ ก็อย่าหลงตน แสดงว่าที่ภาวนาอยู่นั้นยังไม่ถูก ปัจจุบันคนเข้าใจว่า สติ แค่ พุทโธ ก็เป็นอริยะได้
ส่วนความเป็นจริงภาวนา พุทโธ เฉย ๆ เป็นอริยะไม่ได้ ถ้าไม่เข้า ธัมมานุปัสสนา ไม่มีทางเป็นไปได้ ถึงแม้พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ว่าเป็นธรรมอันเอก แต่การภาวนา พุทโธ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการภาวนาเท่านั้น ไม่ใช่เป็นที่สุดของพุทธานุสสติ เพราะการใช้บริกรรม พุทโธ เป็นวิธีการขั้นแรก เมื่อจิตประณีต เป็นอุปจารฌานขึ้นไป ก็ต้องเปลี่ยน วิธีการ จะมัวแต่บริกรรม พุทโธ ไม่ได้ เพราะธรรมสภาวะ ที่จะละกิเลสไม่ใช่ ความสงบ แต่เป็นการเห็นจริง เมื่อเห็นจริงแล้วก็ วิปัสสนา พุทธานุสสติ จึงจะเป็น อริยะได้