ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รวมคำถาม เรื่อง เกี่ยวกับศิษย์ และ ผู้อุปถัมภ์ 2018  (อ่าน 3685 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
การปฏิบัติธรรมภาวนา ทำให้จิตเข้มแข็ง

เมื่อก่อนไม่ได้ฝึก เวลาประสบกับภัย อันตราย ลำบาก ทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วย เราก็มักจะนึกถึงให้ใครมาช่วยหรือ อยาก จะระบายความทุกข์ ด้วยการบอกกล่าว แก่ใครต่อใครเพียงเพื่อคำให้ได้คำ ทักทายว่า สบายดีไหม ขอให้หายไว ๆ แข็งแรง ขอให้รอดพ้น และอีกหลาย ๆ คำทักทาย เพื่อให้คนอื่น เป็นห่วงเป็นไย
เห็นใจกันบ้าง สิ ความคิดอย่างนี้ คือสังขาร ที่เป็นไปในวัฏฏะ

แต่เมื่อการภาวนา มาหลายครั้ง หลายครั้ง หลายเพลา หลายทิวา หลายราตรี จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี และหลายสิบปี นี้ จิตเรากก็เข้มแข็งขึ้น และรู้เห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น แม้จะมีภัย แม้จะลำบาก แม้จะทุกข์ แม้จะเจ็บ แม้ใกล้จะตาย เราก็มิต้องชวนใครต่อใคร มาฟัง มาเห็นใจ อะไรกับเรา ทั้งนั้น เพราะเรา มองเห็นความจริงว่า เกิดก็เป็นธรรมดา แก่ก็เป็นธรรมดา เจ็บก็เป็นธรรมดา แม้ความตายที่จะมาถึงก็มองเห็นว่า เป็นธรรมดา จิตก็จะตั้งมั่นในกุศล ไม่ต้องร้องครวญคราง เรียกร้องความเห็นอกเห็นใจกับ ใคร ตายก็ให้มันตายไปเงียบ ๆ ไม่ต้องลำบากใครมาก พระธุดงค์ จาริก สมัยก่อน ครูอาจารย์ สมัยก่อน ที่เป็น พระแท้ ๆ ล้วนแล้วก็ไปละสังขาร เงียบ ๆ ในถ้ำบ้าง ในป่าบ้าง ตามอัตภาพของท่าน

ขอให้ท่านทั้งหลาย จงมั่นฝึกฝนจิต ประคองจิต ระลึกถึง พุทโธ พุทโธ พุทโธ ระลึกรู้ตามลมหายใจเข้า ตามลมหายใจออก บ่อย ๆ เถิด จักมีประโยชน์ แก่จิตของพวกท่าน

เจริญธรรม / เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ขอบคุณที่คิดถึง ส่งความคิดถึงเข้ามาหา กระทบทั้งทางดี และ ไม่ดี

05.45 น. ได้รับทั้งดี และ ไม่ดี นั่นเป็นเรื่องของพวกท่าน ไม่เกี่ยวกับจิตข้าพเจ้าเลย แค่รับทราบ แต่ไม่รับรู้ เพราะกุศล และ อกุศล รับทราบเท่านั้น แต่ ไม่ต้องไปรู้มัน วางจิตเป็นกลาง บริกรรมสมาธินิมิต ตั้งมั่นในสมาธินิมิต เข้าสุข ออกสุข เจริญวิปัสสนา ทั้งสาม

สิ่งร้ายก็ตกไป สิ่งดีก็ตกไป
มีแต่ที่จิตที่รู้ ในเหตุปัจจะโย เท่านั้น

เกิด ก็มีสมุฏฐาน มีเหตุปัจจัย
แก่ ก็มีสมุฏฐาน มีเหตุปัจจัย
เจ็บ ก็มีสมุฏฐาน มีเหตุปัจจัย
ตาย ก็มีสมุฏฐาน มีเหตุปัจจัย
กุศล ก็เหมือนจิตสีขาว มีเหตุปัจจัย
อกุศล ก็เหมือนจิตสีดำ มีเหตุปัจจัย
ทั้งดำ และ ขาว ก็คืออวิชชา มีเหตุปัจจัย
ดำ ก็ทำให้ลำบาก
ขาว ก็ทำให้ยึดติด
ทั้งดำ และ ขาว ล้วนแล้วเกิดดับ ตามเหตุปัจจัย
เมื่อ จิต หยุดปรุงแต่ เหตุปัจจัย เหล่านั้น
ดำ ขาว ก็ดับ
ความมี ความเป็น ความไม่มีไม่เป็น ก็ดับ
ขณะก็ดับ อดีตก็ดับ ปัจจุบันก็ดับ อนาคตก็ดับ
ความเกิด ก็ดับ ความแก่ ก็ดับ ความเจ็บ ก็ดับ ความตายก็ดับ
ความเห็นก็ดับ ความสงสัยก็ดับ
เมื่อความดับ เหล่านั้นเกิด
ความสลัดคืน ว่า เรา ก็ตื่น
ความสลัดคืน ว่า มีเรา ก็ตื่น
ความสลัดคืน ว่า ของเรา ก็ตื่น
เมื่อความสลัดคืน ตื่น ชื่อว่า พุทโธ ตั้งมั่นแล้วในจิต เบื้องต้น

เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถาม ท่านรู้สึกอย่างไร ที่เวลาไปไหน มาไหนแล้ว ไม่มีคนไหว้กราบท่าน

ตอบ มันเป็นปัญหา อะไร ถึงสนใจเรื่องพวกนี้ ถ้าตอบอย่างใจจริง ๆ ก็คงต้องตอบว่า ฉันไม่ได้บวชมาเพื่อให้ใคร ๆ มากราบ มาไหว้ ฉัน แต่ถ้าจะให้มีใครกราบ ฉัน ก็มีคนเดียว คือ ตัวฉันเอง ที่ควรจะต้องกราบตัวเอง ทำไมจึงพูดอย่างนี้ เพราะตัวฉันเอง ย่อมรู้ตัวเอง ว่าสมควรได้การกราบสักการะหรือไม่ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย อัญชลีกรณีโย ต้องรู้ตัวเอง

ถ้ากราบตัวเองได้ เมื่อไหร่ นั่นแหละ จึงสมควรได้รับการกราบไหว้ จากบุคคลอื่น ๆ แต่แล้ว การกราบจากคนอื่น ๆ มีประโยชน์ อะไร เพราะ ฉันไม่ได้บวชมาเพื่อให้ใครมานับถือ กราบไหว้ แต่ฉันบวชมาเพื่อ ทำกิจของพระ สิ่งที่พากเพียรอยู่ตอนนี้ คือ การชำระกิเลส ขจัดกิเลส ดับกิเลส เท่านั้น นี่คือจุดประสงค์แท้จริง ในการบวชของฉัน

ทำไมต้องวิเวก การวิเวก คือการตัดช่องทางของพญามาร กิเลสในใจตนเอง เมื่อวิเวก ช่องทางลาภสักการะไม่มี และก็ไม่มีใครมาดูแลสนใจ ไม่ต้องมีคนกราบไหว้

จะนั่งกรรมฐาน ก็ไม่ต้องมารอใครมอง ไม่ต้องมารอหมู่ ไม่ต้องมารอพวก ไม่ต้องอวดใคร ๆ ว่่าทำกรรมฐานเก่ง ไม่ต้องมาทำมายา เสแสร้งแกล้งหลอกให้ใครๆ มานับถือ ยิ่งอัตคัต ทำงานปิดทองหลังพระอย่างลำบาก ยิ่งมองเห็นธรรม การทำความดี โดยไม่ได้คำชม ไม่มีคนยกย่องแต่ทำแล้วไปมีประโยชน์ กับอีกคนหนึ่งกลุ่มหนึ่ง ถ้าจิตไม่ถึงพอ มันก็จะมีชีวิตทีี่ บัดซบนะ ดังนั้นการฝึกจิตทำงานปิดทองหลัง พระ ช่วยคนแม้แต่คนที่มันจะฆ่าเรา ทำลายเรา ด้วยคำพูดบ้าง การกระทำบ้าง จงใจทำให้เราลำบาก แต่เราก็ยังทำกุศลปิดทองช่วยเหลือคนเหล่านี้ โดยที่ไม่มีแม้แต่คำว่าขอบคุณ คิดถึง มีแต่คำด่าตอบแทนกลับมา นี่เป็นการฝึกจิตขั้นสูงเพราะจิตต้องประกอบด้วย กรุณา เป็นอย่างมาก จึงจะทำได้

ดังนั้นการฝึกกรรมฐาน ของธัมมะวังโส ไมใช่ไม่ได้ผลมีผล เกิดขึ้นทำให้วางจิตเป็นกลาง รู้ เห้น ระลึก ได้ รู้ตัว ไปได้ในทางของกุศล ในอริยะมรรค

ขอให้ทุกท่าน อย่าได้ท้อถอย ต่อการสร้างกุศล จะมีใครชม หรือ ไม่มีใครชม จะได้สักการะ หรือ ไม่ได้สักการะ จะได้การกราบไหว้ หรือ ไม่ก็ตาม ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญ คือ ตัวท่านที่มาเรียนกรรมฐาน เป็นศิษย์ ฉันนั้น ละกิเลสหรือ ยัง บรรเทากิเลสลงหรือยัง พ้นจากวัฏฏะหรือยัง ถ้ายังต้องไม่ประมาท ถ้าได้แล้วก็อนุโมทนา สาธุ

เจริญธรรม / เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถาม เวลาท่านพบศิษย์ ที่เลิกนับถือท่าน แล้วเขาไม่ไหว้กราบท่าน ท่านคิดอย่างไร

ตอบ มันเป็นสิทธิ์ของเขา เป็นเรื่องของจิตเขา ถามว่าฉันเจอศิษย์อย่างนี้บ่อยไหม ก็เจอประจำ

บางทีก็เคยพบแบบตรง ๆ เวลาเห็นเขากราบไหว้ พระทุศีล ติดยา เขากราบไหว้ได้อย่างบริสุทธิ์ใจ แต่พอมาถึงตรงฉัน เขาไม่กราบไหว้ แถมไม่มองหน้าด้วย พยายามหลบกัน อันนี้ก็เจอบ่อย

ที่ฉันจะคิดตรงนั้นก็คือ เราทำตัวแย่ กว่า พระทุศีลติดยา อีกนะ ลูกศิษย์ เราที่เลิกเคารพกัน ก็ยังไม่กราบไหว้ บางคนเดินสวนทำเฉย ๆ ก็มีหลายคน แกล้งทำเป็นไม่เห็นก็มีมาก

อย่างศิษย์หลายคน รู้จักพระ บิณฑบาตรขายแกง คือ บิณฑบาตร แล้วก็ขายให้แม่ค้าตรงนั้นเลย เขาก็รู้ และเต็มใจใส่พระรูปนั้น แต่ถึงตรงฉันเขาไม่ชอบ เขาก็เลือกไม่ใส่ อย่างนี้ มันเป็นสิทธิ์ของเขา เขาทำการปรามาสด้วยความรู้ตัว ก็มีมากหลายคน

อย่างเช่นมีศิษย์คนหนึ่ง มีคนเคยถามว่า ทำบุญกับพระได้บุญไหม ศิษย์ท่านนี้ตอบว่า ใส่บาตรพระองค์ไหนก็ได้บุญเหมือนกัน เขาพูดอย่างนี้ แต่ว่า เวลาฉันบิณฑบาตรไปถึงแล้วไม่ใส่บาตร ยืนหลบหลังประตู นะ อย่างนี้ก็มี เขาเว้นไม่ใส่ฉันองค์เดียว นั่นก็คือการมองฉันว่า ฉันไม่ใช่พระ เขาจึงไม่ใส่บาตรฉัน

แต่ฉันก็ต้องมาพิจารณาตัวเอง ถ้าเขากราบไหว้พระทุศีล ติดยาได้แต่เขากราบไหว้ฉันไม่ได้ แสดงว่า ความรู้สึกเขามองฉันเลวและแย่ กว่า พระทุศีลติดยา ดังนั้นฉันก็ต้องมาพิจารณาตัวเองให้มากและทำกุศล ให้มากขึ้น

ส่วนพวกเขาจะทำอย่างไร ก็ตามใจเขาเถิด มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาเลือกแบบนั้น และอยากทำแบบนั้น

เจริญธรรม / เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถาม แล้ว พอจ ไม่ตำหนิ หรือ โกรธเคือง ศิษย์ พวกนี้หรือ

ตอบ ไปโกรธเคืองเขาทำไม ศิษย์ทุกคน บางคนก็ทำบุญกับฉันในขณะนับถือกันไม่มากก็น้อย ชื่อว่า มีคุณ ในทานที่เขาสงเคราะห์เราอยู่ จะเป็นอย่างไร ในความคิดปัจจุบัน ก็ถือว่า เคยมีคุณด้วยการสงเคราะห์กัน ดังนั้น ยิ่งไม่ควรที่จะตำหนิ ความคิดเขา หรือ โกรธเคืองเลย เอาเป็นว่า ขณะนี้ ความสัมพันธ์ทางด้าน ครูอาจารย์ มีแต่ครูเท่านั้น ส่วนศิษย์ ถ้าเขาตระหนักในอริยะมรรคจริง สักวันหนึ่งเขาก็จะ สมบูรณ์เองด้วยทิฏฐิ ซึ่งในวันนั้นจะมีฉัน หรือ ไม่มีฉัน ไม่ได้สำคัญอะไร

พระสารีบุตร กตัญญูต่อพระอัสสชิ และ แม้แต่บุคคลที่ใส่ทานเพียงข้าวทัพพีเดียว ท่านก็ยังระลึกถึง
พระราหุล ก็ทำกตัญญูต่อ พระสารีบุตร เยี่ยง พอจ ของตนเอง
ฉันในสายกรรมฐาน ไม่ลืมคุณครูอาจารย์ ทุกวันนี้ที่ยอมออกมาตกระกำลำบากวิเวก ก็เพราะคำสั่งครูส่วนหนึ่ง และความปรารถนา ในอริยผล ส่วนหนึ่ง

เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถาม พอจ จะมางานปริวาส วัดแก่งขนุนไหม อยากพบ

ตอบ ไปช่วยทำบุญกันเถอะ นะ อนุโมทนาด้วย แต่ พอจ ตอนนี้สุขภาพไม่ดี ควบคุมความดัน เดินแล้วมันเวียนหัว ก็ต้องทำกรรมฐาน ประคองอัตภาพ ไว้ ไม่อยากบอกใคร ๆ ให้มาเป็นห่วงเป็นไย ไปเถอะ ไม่ต้อง รอ พอจ ไป ก็ไปช่วยกันทำบุญ สนับสนุนกุศล ทีนั่น ทีจริงก็อยากไปอยู่แต่ไปไม่ไหว ดังนั้นไม่อยากให้ตัวเองไปเป็นภาระใคร ๆ ก็เงียบไว้ ป่วยก็เงียบไว้ จะตายก็จะตายเงียบ ๆ อย่างนี้แหละ

ขอให้ทุกท่านไปสร้างกุศล เถิด ไม่ต้องรอฉัน ไป หรือ ไม่ไป

เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถาม สาเหตุการเลิกนับถือ พอจ ที่มีมากที่สุดคือ สาเหตุอะไร ครับ

ตอบ สาเหตุที่เลิกนับถือฉัน ที่เป็นอันดับหนึ่งเลย ก็คือ ทำบุญแล้วกับฉัน ไม่ถูกหวย ส่งเคราะห์ธรรทาน สนับสนุน แต่ไม่รวย มาขอให้ช่วยหาของที่หาย ทางใน ไม่ช่วย และหรือ มีญาติเจ็บไข้ได้ ป่วยแล้วมาขอให้ฉัน ไล่ภูติผีปิศาจที่เขาเข้าใจว่าสิงสู่ ร่างคนป่วย ฉันไม่ช่วย บางคนเป็นศิษย์มาเป็นสิบปี ไม่เคยปฏิบัติตามที่สอน สุดท้ายก็ต้องเลิกราไป และมีการถามว่า ครูอาจารย์ รูปนั้นเป็นพระอริยะหรือไม่ ตอบไปแล้วไม่พอใจคำตอบ

ดังเช่นกลุ่มแรก ถามฉันว่า เณรคำเป็นพระอรหันต์ ใช่ไหม เมื่อปี 2549 เขาถามฉัน ๆ ตอบว่า ไม่ใช่ไม่ได้เป็น ลูกศิษย์ คนนี้ก็พูดกับฉันตรง ๆว่า แล้ว พอจ เคยผ่านดงระเบิดดงกระสุน เหมือนหลวงปู่เณรคำหรือป่าว ถึงไปว่าเณรคำไม่ใช่ พระอรหันต์ ตั้งแต่วันนั้นมาเขาก็เลิกนับถือฉัน แล้วเขาก็พูดว่า ถ้า พอจ เก่งกว่าหลวงปู่เณรคำ จริง จะมาขอขมา ทุกวันนี้ ยังไม่ขอขมาเลย

ต่อมา อีกกลุ่ม ลูกศิษย์ มิตซูโอะ มาที่ศาลา แล้วมาบอกว่า มิตซูโอะ สอนอานาปานสติ เข้าใจง่ายดี พอจ น่าจะไปเป็นศิษย์เขานะ ฉันตอบว่า มิตซูโอะ จะไม่มีแล้ว ฉันไม่ไป ไม่ใช่พระอรหันต์ ที่ตอบไปนั้นเห็นว่า มีพื้นฐานมาด้วยกันนานแล้ว จึงตอบไปตรง ๆ เมื่อเขาได้ยินคำตอบ เขาก็ไม่พอใจเลิกใส่บาตรฉันตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ก็ยังไม่กลับใส่บาตร ยืนหลบหลังประตู

และอีก หลาย ๆ คำถาม ที่พูดตอบตรง กับศิษย์ในสมัยก่อน จนถึงจุดหนึ่ง ฉันก็รู้ว่า แม้เป็นศิษย์ การตอบคำถามให้ตรง ๆ อย่างนี้ก็ไม่สมควรตั้งแต่วันนั้นมา จึงมีการแบ่งระดับ เว็บเป็นสามระดับ และ เฟส เป็นสามระดับ

ต้องดูอุปนิสัย ศิษย์บางคนยังไม่มั่นคงทางธรรมกรรมฐาน หรือ บางคนมาเป็นศิษย์แต่ไม่ปฏิบัติอย่างนี้ มันจะทำนำซึ่งความเสื่อมแก่เขาเอง

อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ ไปทะเลาะเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ในหมู่ศิษย์ โดยที่ฉันก็ไม่รู้เรื่อง เลยในเรือ่งที่เขาทะเลาะกัน แล้วก็พาลมาหาฉันเข้าข้างคนนั้นไม่เข้าข้างคนนี้ ลูกศิษย์ไปทะเลาะกัน แล้วก็พาลมาเลิกนับถือ อันนี้ก็เป็นสาเหตุที่ มีมากประจำในหมู่ศิษย์ พูดจาไม่ถูกใจกัน แล้วก็พาลมาหา พอจ ซึ่งไม่เคยมีใครมาบอกเหตุอะไรสักอย่าง แต่ มีการส่งผลกระทบไปให้คนนั้นมาพูด คนนี้มาพูดเพื่อให้ พอจ เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ พอจ จะมองเรื่องพวกนี้เป็นเรือ่งไร้สาระ แต่พวกเขาไม่มองว่าไร้ สาระ เป็นเรื่อง เสียศักดิ์ศรี เสียเครดิต กัน ก็เรืองพวกเขานะ

อีกสาเหตุหนึ่ง ที่เป็นสาเหตุทางระบบเว็บมีมากที่สุด คือเรื่องฉันหวงวิชา จริงอยู่ที่ฉันแจกธรรม แต่ที่สาธารณะนั้น แค่เฟสนี้ แต่ถ้าไปสู่ระดับ สามแล้ว ต้องเป็นผู้อุปถัมภ์ และ เป็นศิษย์ตรง ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปอ่าน ตรงนั้น ตรงนี้ฉันจะพูดให้คนที่มาขอรู้จักทำบุญส่งเสริมกันบ้าง ไม่ใช่เอาแต่มาอ่านอย่างเดียว บางคนอ่านมาสิบห้าปี แล้วไม่เคยทำบุญกับฉันเลย เดี๋ยวก็ขอหนังสือ เดี๋ยวก็ขอดาวน์โหลดเสียง อย่างนี้ มันเป็นนิสัยเสีย ติดหนี้ฉัน เท่ากับติดหนี้สงฆ์ ไม่ได้คุณธรรม พอพูดอย่างนี้ ก็เลิกนับถือกัน ก็มีมาก

เจริญพร

ปล คำว่าศิษย์ในที่นี้ หมายถึงคนที่เคยนับถือฉันหรือนับถืออยู่ว่าเป็น อาจารย์ ดังนั้น บางท่านก็ได้ขึ้นกรรมฐาน บางทานก็ไม่ได้ขึ้นกรรมฐาน บางท่านก็อุปถัมภ์ ทำบุญด้วย บางท่านก็ไม่เคยอุปถัมภ์ทำบุญหรือเรียนกรรมฐานด้วยกันเลยเพียงแต่อ่านเพจอ่านเว็บติดตามกัน เท่านั้น
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 เคยมีเคส เรือ่งแรก เยอะมาก อย่างเช่น นายช่างใหญ่ มาถวายข้าวมันไก่สองห่อ แล้ว อธิษฐานขอถูกรางวัลที่ 1 ฉันก็ไม่รู้หรอกว่า เขาอธิษฐานอะไร แต่มาวันหนึ่ง น้องเขามาเล่าให้ฟังว่า เลิกนับถือ พอจ เพราะว่าไปทำบุญด้วยแล้ว ไม่ถูกหวย รางวัลที่ 1 น้องชายเขามาถามว่า พี่ผมไปทำบุญอะไรกับ พอจ มากหรือครับ ถึงได้บ่นให้คนในบ้านฟัง ว่าทำบุญกับ พอจ ซวย ไม่ถูกหวย

ฉันก็หัวเราะ แล้วตอบน้องชายเขาไปว่า นายช่างนี้มาถวายเพล เป็นข้าวมันไก่สองห่อในวันนั้น มาทำบุญกับ ฉัน แค่ครั้งเดียว วันเดียวแล้วก็หายไปเลยตั้งแต่วันนั้น

กัมมุนา วัตตะตี โลโก
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

ปล ถ้าเจ้าตัวอ่านมาเจอแล้ว อย่าได้โกรธ พอจ ละความจริงมันเป็นอย่างนี้นะ

อย่าไปหัวเราะเขา มีคนทำบุญ 5 บาท หวัง ถูกรางวัลที่ 1 ก็มีเยอะ หรือ บางคนไม่เคยทำบุญ แต่ ซื้อหวยทีไร ยกมือขอถูกรางวัลที่ 1 พวกนี้ยิ่งเยอะกว่า

ดังนั้นไม่ควรหัวเราะในสิ่งที่เขาคิด
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อีกเคสหนึ่ง

เคสนี้คือ พวกที่ว่าตัวเองเก่ง แต่สอบกรรมฐานด้วยไม่ผ่าน ไม่เก่งจริงอย่างที่พูดบอก พอจ พวกนี้กลัวการสอบ และไม่เข้าสอบ

ธัมมะวังโส เป็น ผู้ภาวนาจริง ดังนั้น ถ้าไม่ภาวนาจริง แล้วมาคุยมาโม้ ก็จะเลิกนับถือกัน เพราะว่า ความจริงมันเปิดเผยว่า คุณไม่เก่งจริงอย่างที่คุณพูด เช่นการสอบเข้ากรรมฐาน 24 ชม เป็นต้น บางคนคุยซะเลอเลิศ ประเสริฐศรี เก่ง เข้าฌาน ออกฌาน ให้นั่งกรรมฐานด้วยกัน แค่ 2 ชม ก็ลุกหนีแล้ว คนพวกนี้ ก็จะเลิกนับถือ พอจ เช่นกัน เพราะเขาไม่เก่งจริงอย่างที่พูด คนที่รู้ก็คือตัว พอจ ผู้สอบเขา เหตุที่เลิกนับถือ เพราะกลัวว่า พอจ จะไปบอกคนอื่นที่นับถือเขา ว่า ไม่เก่งจริง ดังนั้น พอเขาไปจาก พอจ เขาจะไปคุยว่า พอจ ไม่เก่ง ถึงฉันได้ยินก็เฉย ๆ ปล่อยเขาไปจะพูดอะไร ก็พูดไป ความจริงมันเป็นอย่างนั้น

ปล ห้ามโกรธฉัน นะ ไม่ได้ออกชื่อเธอ
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

nongyao

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 380
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กราบนมัสการ ค่ะ  สาธุ สาธุ สาธุ  :25:
บันทึกการเข้า
กราบนอบน้อมพระพุทธเจ้าอันเป็นอดีต อนาคต แลปัจจุบัน ด้วยเศียรเกล้า
                 พุทธัง  ธัมมัง  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
                       
                         ข้าพเจ้าจักขอทำเหตุที่ดี