ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "ขุนศรีป๊ง" ผู้สร้างปาฏิหาริย์ ให้เหลนสาว สู้ชนะมะเร็งร้าย  (อ่าน 282 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




"ขุนศรีป๊ง" ผู้สร้างปาฏิหาริย์ ให้เหลนสาว สู้ชนะมะเร็งร้าย

“ถนนยมจินดา” ทางเท้าสายวัฒนธรรมกึ่งวิถีชาวระยอง เมื่อสมัยยังขึ้นกับมณฑลจันทบุรีหรือจันทบูร ที่ “พระศรีสมุทโภคไชยโชคชิตสงคราม” เรียกสั้นๆ “พระสมุทรโภค (อิ่ม ยมจินดา)” เจ้าเมืองเมื่อปี 2443–2445 เป็นผู้สร้างกว่าร้อยปีล่วงมาแล้ว

ด้วยเหตุชุมชนเก่าริมฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ เป็นเมืองท่ามีการคมนาคมทางน้ำเพื่อค้าขายกับหัวเมืองและเมืองหลวงกับต่างประเทศโดยเฉพาะจีนที่มาโดยเรือสำเภากางใบ...ถนนดังกล่าวยาว 600 เมตรคู่ขนานลำน้ำ เป็นแหล่งอาศัยกับทำการค้าเช่นเมืองท่าทั่วไป บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นเรือนไม้ประดับลายฉลุช่องระบายอากาศและเชิงหน้าต่าง ประตูพับแบบบานเฟี้ยมรับอิทธิพลจากจีนกับชิโน-โปรตุกีสจากแดนใต้อีกส่วนหนึ่ง



ต่อมา...บรรยากาศซึ่งเคยคึกคักกลับสูญหายไปตามกาลเวลา เมื่อถนนเข้ามาแทนที่ทางน้ำ เหลือแต่บ้านบางหลังที่ทายาทอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกคู่ตระกูลบนแผ่นดินระยอง...กลายเป็นทางเดินสายตำนานให้คนมาท่องเที่ยวสไตล์ “ถนนคนเดิน” ได้ถ่ายเซลฟี่ จับจ่ายใช้เงินให้ท้องถิ่นตามวิถีชุมชน

ทุกวันนี้...โครงสร้างบ้านเรือนไม้บางแห่งถูกดัดแปลงเป็นร้านกาแฟทันสมัยและเรือนอาหารแบบคลาสสิก มีบ้านไม้สองชั้นกำลังเตรียมปรับปรุงเป็น “พิพิธภัณฑ์เมืองระยอง” ที่บรรดาลูก หลาน เหลน ดูแลตกทอดกันต่อมา นั่นคือ...“บ้านสัตย์อุดม” ซึ่งมีเรื่องราวเล่าขานทิ้งไว้มากมาย



“สัตย์หมายถึงซื่อสัตย์ อุดมหมายถึงสูงสุด ก๋งจึงให้นิยาม...ซื่อสัตย์จะเจริญสูงสุด”

@@@@@@

อาจารย์วีณากร บังเกิดผล วัย 83 ปี ผู้สืบสกุลรุ่น 2 อดีตอาจารย์โรงเรียนระยองวิทยาคม และโรงเรียนสตรีบุญศิริบำเพ็ญ เล่าให้ฟังว่า ก๋งคือขุนศรีฯเป็นเศรษฐีใจดีของชุมชน ส่วนภรรยามีฝีมือเรื่องทำ อาหาร เช่น ลำญวนอาหารชาววังโบราณ ยำใหญ่ ยำน้อย ขนมจีนน้ำยา และแกงหมูชะมวง

ปี 2463 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เมืองระยอง เผาบ้านเรือนวอดไป 120 หลังคาเรือน ทำให้ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ แต่แปลก...บ้านสัตย์อุดมเพิ่งสร้างเสร็จโดยหน้ามุขบ้าน 2 ชั้นมีคำจีนเขียนว่า “ง่วนฮวด” แปลว่า “เจริญ” กลับไม่ถูกเผาผลาญเพราะไฟมาไม่ถึงอย่างน่าอัศจรรย์...นึกถึงแล้วขนลุก อ.วีณากรเล่าอย่างตื่นเต้น

ปี 2467 บ้านก๋งเป็นหลังแรกที่เลิกใช้ตะเกียงเจ้าพายุส่องสว่าง เพราะนำไฟฟ้ามาใช้เป็นที่แรกในระยอง จนพระยาวโรดมภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดขณะนั้น เอ่ยปากชวนก๋ง เมื่อมีโรงไฟฟ้าแล้วก็ควรมีโรงภาพยนตร์ เพราะหนังจะฉายได้ก็ต้องมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า



ก๋งเห็นด้วยจึงสร้างโรงหนังชื่อ “ศรีอุดมปรีดา” ชาวบ้านเรียก “วิกศรีอุดม” ทับศัพท์จากคำว่า “วีก” ภาษาอังกฤษแปลว่า “สัปดาห์” สาเหตุสมัยนั้นฉายหนังจีนสัปดาห์ละครั้ง สลับกับการแสดงละครร้องลิเก เทศน์มหาชาติ เก็บค่าเข้าชมเพียงคนละ 12 สตางค์

ผลงานที่ขุนศรีอุทัยเขตต์สร้างไว้กับระยองยังมีอีกมาก อาทิ โรงสีใช้เครื่องยนต์กับไฟฟ้ามีขีดความสามารถสีข้าวได้ 3 เกวียนต่อวัน อู่ต่อเรือสำหรับเดินทางค้าขายในประเทศและต่างประเทศ แต่ปัจจุบันน่าเสียดาย...สิ่งต่างๆเหล่านี้ได้สูญหายและตายจากไปตามกาลเวลา



มีที่จับต้องได้ทุกวันนี้คือ ถนนสุขุมวิท ที่ขุนศรีอุทัยเขตต์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างช่วงสัตหีบ-ระยอง เมื่อปี 2476 โดยใช้เครื่องทุ่นแรงยุคนั้นเรียก 2 เกลอ คือคน 2 คนช่วยกันยกตอกเสาเข็ม...ค่าแรงงานชายวันละ 1 บาท หญิง 80 สตางค์ สร้างเสร็จปี 2484 ดังที่เห็นเค้าโครงถนนปัจจุบัน

@@@@@@

“ขุนศรีป๊ง” หรือ “โป๊ง” ในนามพระราชทาน “ขุนศรีอุทัยเขตต์” ก็ถึงแก่กรรมด้วยวัย 62 ปี... อาจารย์วีณากรบอกว่าลูก หลาน เหลน ลื่อ ทุกคนในตระกูล “สัตย์อุดม” ต่างยึดมั่นกับคำสอนให้ “ซื่อสัตย์จะเจริญสูงสุด”...ทายาททุกรุ่นต่างตอบรับผลคือ “เหลน รุ่น 3” คนหนึ่งสำเร็จเป็นมหา บัณฑิตสิ่งแวดล้อมประกอบอาชีพร้านอาหารชายคลองริมแม่น้ำระยอง อีกคนเป็นมหาบัณฑิตสาขาบริหารการศึกษา

ปัจจุบันเป็นครูโรงเรียนชุมชนวัดกลางกร่ำ อ.แกลง บ้านเกิด



ส่วนรุ่น 3 “นางสาววริฐา” หรือ “กุ้ง” วัย 62 ปี ลูกสาวอาจารย์วีณากร อักษรศาสตรบัณฑิต เจ้าของร้านอาหารที่ไม่ประสงค์เผยตัวตน คนนี้เชื่อว่า “ก๋งทวดป๊ง” ที่จากโลกนี้ไปนานแล้ว...แต่วิญญาณนั้นมั่นใจว่ายังลอยล่องในมิติเร้นลับ คอยคุ้มครองคนในตระกูล “สัตย์อุดม”

“เราจะรวมญาติทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทุกวันเช็งเม้งประจำปี เพื่อกราบขอพรจากผู้ที่ล่วงลับแล้วทุกท่าน ให้พวกเราได้อยู่เย็นเป็นสุขแคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง”

ทุกครั้งที่ออกจากบ้านเดินทางไกลเราจะไม่ลืมจุดธูปบอก “ก๋งทวดป๊ง” หรืออธิษฐานขอสิ่งใดก็มักจะสมหวังอย่างตั้งใจ กุ้งบอกอีกว่าทุกครั้งที่ต้องเดินทาง ก่อนออกจากบ้านจะบอกกล่าวให้พ่อขุนศรีป๊งรับรู้คอยคุ้มครองลูกหลาน หรือหากจะบนบานขออะไรก็สุดแล้วแต่



เรื่องราวสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องบันทึกไว้ “เมื่อกุ้งอายุได้ 56 ปี มีเหตุต้องไปให้หมอตรวจสุขภาพ” เธอครุ่นคิดอย่างทบทวน

“หมอพูดสั้นๆให้ทำใจ” กุ้งใจหายขึ้นมาทันที...มันหมายถึงอะไร?

“จากการตรวจหมอพบมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองลุกลามระยะสุดท้าย 98 เปอร์เซ็นต์ โอกาสรอดมีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”

กุ้งรู้แต่ว่า...นัยน์ตาตอนนั้นพร่ามัวด้วยมีน้ำขังบ่อน้ำตา สติเหมือนกำลังถูกสะกดจนคิดอะไรไม่ออก เหงื่อไหลท่วมร่างอย่างไม่รู้ตัวและนิ่งไม่ขยับอยู่พักใหญ่ อยากจะถามตัวเองว่า...เราทำบุญมาแค่นี้เองหรือ?

วันนั้น...กลับถึงบ้านทางสุดท้ายที่กุ้งทำได้คือจุดธูปบูชาดวงวิญญาณ “ก๋งทวดป๊ง” ขอได้โปรดช่วยกุ้งด้วย...ทุกคืนก่อนนอนกุ้งจะจุดธูปอธิษฐานถึงท่านผู้นี้ เป็นผลให้กำลังใจที่หายไปกลับฟื้นคืนมา แต่ต้องงดบริโภคอาหารทุกชนิดที่เป็นพิษมะเร็ง และหมั่นออกกำลังกายประจำ



กุ้งเชื่อ “ปาฏิหาริย์” เกิดขึ้นแล้วกับตัวเอง เมื่อโรคร้ายหายโดยปราศจากคีโม...6 ปีผ่านมาสุขภาพร่างกายปกติทุกอย่าง...ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นบารมีที่แผ่มาจาก “ก๋งทวดป๊ง” บรรพบุรุษ “สัตย์อุดม” แน่นอน

“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ “ลบหลู่”.






Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2496605
คอลัมน์ รัก-ยม , 11 ก.ย. 2565 , 06:33 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ