ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระรับเงิน เป็นอาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ หรือไม่?  (อ่าน 10739 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
เทศนาหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แก่ภิกษุสามเณร
เรื่องวินัยสงฆ์เกี่ยวกับการรับเงินของพระ
เมื่อ 17 ก.ย. 2518


ทีนี้มาถึงสิกขาบทข้อที่ ๘. พระวินัยกล่าวว่า
“อนึ่งภิกษุใดรับก็ดีให้รับก็ดีซึ่งทองเงินหรือยินดีทองเงินอันเขาเก็บไว้ให้เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์”

“สำหรับสิกขาบทนี้ขอท่านทั้งหลายจงใคร่ครวญให้ดี ทั้งนี้ในที่บางแห่ง หรือในเขตบางเขต เขาไม่มีโยมรับเงินรับทองกัน และชาวบ้านเขาก็เห็นกันว่าพระที่ไม่รับเงินรับทอง เป็นพระที่เคร่งครัดมัธยัสถ์ ถึงกับมีการรังเกียจพระที่รับเงินรับทอง แต่ตามความเข้าใจของผมหรือว่าพระมหาเถรานุเถระฝ่ายวิปัสสนาธุระ มีความเข้าใจกันดี อันนี้เพราะอะไรเพราะว่า

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า รับเองก็ดี ใช้ให้คนอื่นรับก็ดี หรือมีความรู้สึกอยู่ว่าเขาเก็บไว้เพื่อเรา และเราก็ถือว่าทรัพย์สินส่วนนั้นมันเป็นของเรา ท่านจะพิจารณาเห็นว่าต้องอาบัติเสมอกันคือ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ทีนี้พระบางท่านเวลาเขามาถวายไม่รับ ไม่รับเอง

แต่ว่าให้ลูกศิษย์รับ ให้มอบไว้กับลูกศิษย์ แต่ว่าใส่ย่ามเถอะไม่ยอมรับ มือไม่รับ อันนี้ท่านทั้งหลายที่ฟังแล้วเห็นว่ามันพ้นไหม เห็นว่ามันพ้นหรือไม่พ้น มันพ้นตรงไหนกัน รับเองก็ดี ให้คนอื่นรับก็ดี หรือว่าคนอื่นที่เขาเก็บไว้ให้เราที่เรียกว่า ไวยาวัจกร แต่เรามีความรู้สึกว่าทรัพย์สินทั้งหลายเหล่านั้นมันเป็นทรัพย์ของเราก็อาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์

นี่ที่ผมย้ำมากๆ ก็เพราะความเข้าใจผิดของปวงชนและพระมีมาก ถ้าตนเองไม่รับเงิน แล้วต่อหน้าคนไม่รับ ลับหลังคนรับ หยิบ หรือต่อหน้าคนไม่รับ ลับหลังคนไม่รับ คนอื่นเก็บเอาไว้ให้ ก็รู้ว่านั่นเงินของเรา มีจำนวนเท่านั้นเท่านี้ จิตใจยังผูกพันอยู่ ไม่ได้พ้นโทษไปเลย ถ้ามันยังไม่พ้นโทษอยู่ นี่ตามความรู้สึกของผม หรือว่าครูบาอาจารย์หลายท่านด้วยกัน ในสมัยโบราณ ผมเรียกว่าโบราณเพราะว่าเวลากาลผ่านมาประมาณ 40 ปีเศษ

ในสมัยที่ผมบวชใหม่ๆ ที่พูดนี้เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2518 ผมบวชผ่านเวลากาลผ่านมาได้ 40 ปีเศษ ถอยหลังไป 40 ปี ผมเรียกว่าโบราณ คือมันเก่าแล้ว คนสมัยนั้นหัวยังเก่าอยู่ ท่านบอกว่า การที่เราไม่รับต่อหน้าคน แต่ว่าให้คนอื่นรับ หรือว่าคนอื่นรับเงินแล้วเขาเก็บไว้เพื่อตนยินดีอยู่

แต่เราไม่ยอมรับ จิตคิดว่าเรามีความดีที่ไม่รับเงิน ท่านบอกว่าคนที่มี อารมณ์อย่างนั้นมีกิเลสหนาแน่นที่สุด เพราะว่าเป็นการหลอกลวงชาวบ้านเขา ทำตนเป็นคนดี แต่ความจริงไม่ได้ดีตามนั้นแต่จิตใจกับเลวทราม

กับ ท่านผู้รับเองให้ชาวบ้านเขารู้ ไหนๆ เราจะรับแล้ว เราก็ยอมรับเสียต่อหน้าชาวบ้าน เพื่อว่าชาวบ้านเขาจะได้ทราบว่าพระองค์นี้รับเงิน ในเมื่อเขารู้ว่าแล้วเรารับเงิน เขาจะนิยมเราหรือไม่นิยม เป็นเรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว เราเปิดเผยให้เขารับรู้เลยดีกว่า ว่าเรารับเงินรับทอง

ถ้าหากว่าเราไม่รับต่อหน้าชาวบ้านแต่ว่าภายหลังเราเก็บเอง หรือบุคคลอื่นเก็บ แล้วก็ทราบว่าเงินของเรา เรามีอยู่ เงินและทองของเรามีอยู่ เราถือสิทธิ์อยู่ ยินดีอยู่ ถ้าชาวบ้านเขาทราบทีหลัง เราจะเสียสองชั้น คือเสียในเรื่องหลอกลวงชาวบ้าน และก็ต้องโทษที่พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้

ดังนั้นในการรับเงินและทองเอง แต่ทว่าจงอย่ายินดีในเงินและทองนั้นว่าเป็นทรัพย์สินของเราโดยเฉพาะ พึงทำใจของเราให้มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเวลานี้เราเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นลูกของพระพุทธเจ้า เงินและทองที่เขาจะถวายเรา เขาก็ถวายเราในฐานะที่เป็นพระ ดังนั้นเวลาที่เขาจะถวายเขาก็บอกว่า ใช้ตามสมควรแก่สมณบริโภค คือเราต้องคิดไว้เสมอว่าเงินทองทั้งหลายเหล่านี้เราจะใช้บำรุงตัวเราเองตามความจำเป็น

ถ้าเหลือนอกจากนั้นเราจะเอาเงินจำนวนนี้ไปสร้างบุญสร้างกุศล ให้เป็นประโยชน์แก่บรรดาสาธารณชน เป็นส่วนสาธารณะ นี่เรียกว่า แม้จะก่อสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา หรือสร้างสิ่งตามความจำเป็นเพื่อความสะดวกของบรรดานักบวชทั้งหลายหรือว่านัก บุญทั้งหลาย อย่างนี้จิตใจของเราไม่ยึดถือว่าเงินนี้มันเป็นของเราโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นเงินของพระพุทธศาสนา เป็นเงินของพระ เขาถวายพระ


ถ้าเราไม่บวชไม่มีใครเขาให้ จะไปเอาเงินจากเขา บางทีต้องมีโฉนดที่ดินไปให้เขารับรอง ดีไม่ดีเขาก็ไม่ยอมให้ นี่ทำใจของเราให้สบายแบบนี้ จงอย่าติดในลาภ อย่าติดในเงินและทอง อย่างนี้ผมถือว่า เราทนหน้าด้านแต่ว่าใจของเราไม่ด้าน ยอมรับต่อหน้าชาวบ้าน เพื่อเป็นการประกาศความจริงว่าเรามีความจำเป็นจะต้องใช้

สิกขาบท นี้แหล่ะท่านบรรดาสหธรรมิกทั้งหลาย ตามความเข้าใจของผม ผมคิดว่าท่านสมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่าต่อไปในภาย ภาคหน้าคนที่จะพะเน้าพะนอพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เหมือนในสมัยที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ไม่มี องค์สมเด็จพระชินสีห์จึงได้ทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสในสมัยก่อนหน้าพระปรินิพพาน ว่า

“อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว สิกขาบทบางสิกขาบทซึ่งไม่ใหญ่โตนัก ถ้าหากว่าไม่เหมาะกับกาลสมัย ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะเห็นว่าไม่สมควร จะเพิกถอนเสียก็ได้"
 

นี่เป็นพระพุทธประสงค์ขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา แต่ด้วยว่าในเมื่อเป็นคำดำรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครที่ไหนจะยอมเพิกถอน ก็มีความเคารพในพระองค์ เราสู้เอาหน้าด้านแต่ใจสะอาดดีกว่า ดีกว่าต่อหน้าคนไม่รับ

แต่ลับหลังรู้ค่าของเงิน รู้ค่าของทอง รู้จักใช้เงินและทองให้เป็นประโยชน์ส่วนตนและเป็นประโยชน์ส่วนรวม อย่างนี้เขาเรียกว่าหน้าดี แต่ใจด้าน ขอให้ท่านทั้งหลายเลือกเอาอย่างหนึ่ง จะยอมหน้าด้านแต่ว่าใจดี หรือว่าจะเอาหน้าดีแต่ใจด้านกัน

ท่านทั้งหลายจงอย่าลืมว่า ถ้าเราตายไปแล้ว ร่างกายหรือหน้าก็ดี ตัวก็ดี มันไม่ได้ไปกับเราด้วย ส่วนที่จะไปจริงๆ มันก็คือใจ แต่จะไปเสวยความสุขหรือความทุกข์มันก็อยู่ที่ใจ หน้าด้านแต่ใจดี แสดงว่าใจสะอาด หน้าดีแต่ใจด้านแสดงว่าหน้าสะอาดแต่ว่าใจเสีย ใจสกปรก

ทีนี้ถ้าใจของเราสกปรกเวลาตายเราก็เอาความสกปรกไป ส่วนที่สกปรกชาวสวรรค์เขาไม่ชอบ ชาวสวรรค์เขาต้องการความสะอาด เราอยู่ไม่ได้ คนสกปรกต้องไปอยู่ในอบายภูมิทั้ง 4 คือ ในนรก หรือไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน

นี่ขอบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลายพากันวินิจฉัยตามนี้ แล้วก็เลือกปฏิบัติเอา แต่สำหรับผมน่ะขอยอมรับว่าผมหน้าด้านแน่ ในเรื่องการรับเงินรับทอง แต่ใจของผมผมไม่ยอมด้านในเรื่องนี้

เพราะว่าผมไม่ยอมเอาเงินที่เขาเอามาถวายเป็นประโยชน์ส่วนตน ซื้อไร่ซื้อนาซื้อบ้านให้เขาเช่า อะไรพวกนี้ผมไม่มี ออกเงินให้กู้ผมไม่มี ได้มาเท่าไรเหลือกินเหลือใช้ สร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา และให้ความสะดวกกับบรรดานักบุญทั้งหลาย อย่างนี้ผมยอมหน้าเสียเพื่อรักษากำลังใจของ
ตัวเอง

ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ยกยอตัวเอง พูดตามความเป็นจริง ครูบาอาจารย์ท่านก็ปฏิบัติมาแบบนี้ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ แล้วทำไมเราจะมาทำหน้าดีใจเสียใจเพื่อประโยชน์อะไร พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา “ธรรมทั้งหลาย มีใจถึงก่อนมีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ”

ถ้าใจของเราเลวแต่ว่าหน้าดีมันจะมีประโยชน์อะไร สู้ทำหน้าของเราให้เป็นหน้าด้านแต่ใจสะอาด ดีกว่าหน้าสะอาดใจด้าน เลือกกันเอานะ ผมไม่ได้บังคับ ยังไงๆ ก็บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาเราเป็นปูชนียบุคคล อย่าหลอกลวงชาวบ้านเขาเลยบรรดาเพื่อนทั้งหลาย

ที่มา  http://board.palungjit.com/f2/พระรับเงินได้หรือไม่ได้-204367.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 21, 2011, 12:13:13 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนทำบุญ สมัยนี้รู้สึกจะคิดมากไป นะคะ

  คิดว่าเราทำบุญ แล้ว ก็เป็นเรื่องของพระท่านไปบริหารกันต่อไป

  ที่ว่าคิดมาก เหมือนเราจะทำบุญช่วยใครคนหนึ่ง เราคิดเผื่อไปว่า ช่วยเขาแล้ว เขาจะทำไม่ดี อย่างนั้น อย่างนี้

พอคิดอย่างนี้ เราก็เลยไม่ได้ทำสักที

  ควรอ่าน เขมาเขมะสะระณะคาถา ให้ขึ้นใจ


    สิ่งเป็นอดีต ก็ละไปแล้ว สิ่งเป็นอนาคต ก็ยังไม่ เราไม่พึงพะวง ถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง


  ได้รับเอกสารเป็นใบปลิว จากคณะวัดป่าสามแยกชี้แจงเรื่องพวกนี้แล้ว สำหรับครูอย่างดิฉัน เข้าใจในเหตุและผลว่าอะไรสมควร หรืออะไรไม่สมควรอยู่ ไม่เห็นคล้อยตามนั้นนะคะ เพราะยุคนี้เป็นโลกาภิวัฒน์ ประยุกต์ธรรม
ให้เข้ากับชีวิตผลแห่งทานสำเร็จแล้ว ด้วยความบริสุทธิ์ 3 ประการแม้ บริสุทธิ์เพียงประการเดียว ก็ชื่อว่าผลแห่งทานก็เกิดแล้วเช่นกัน

   มีด ถ้าเอาไปปลอกผลไ้ม้ ใช้ก็เป็นประโยชน์

   มีด ถ้าเอาไปฆ่าปลิดปลงชีวิต ก็เป็นบาป

   ดังนั้น ดี หรือ ชั่ว อยู่ที่ไหน คะ......

 :s_good:


บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

Neza Ars

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนทำบุญ สมัยนี้รู้สึกจะคิดมากไป นะคะ

  คิดว่าเราทำบุญ แล้ว ก็เป็นเรื่องของพระท่านไปบริหารกันต่อไป

  ที่ว่าคิดมาก เหมือนเราจะทำบุญช่วยใครคนหนึ่ง เราคิดเผื่อไปว่า ช่วยเขาแล้ว เขาจะทำไม่ดี อย่างนั้น อย่างนี้

พอคิดอย่างนี้ เราก็เลยไม่ได้ทำสักที

  ควรอ่าน เขมาเขมะสะระณะคาถา ให้ขึ้นใจ


    สิ่งเป็นอดีต ก็ละไปแล้ว สิ่งเป็นอนาคต ก็ยังไม่ เราไม่พึงพะวง ถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง


  ได้รับเอกสารเป็นใบปลิว จากคณะวัดป่าสามแยกชี้แจงเรื่องพวกนี้แล้ว สำหรับครูอย่างดิฉัน เข้าใจในเหตุและผลว่าอะไรสมควร หรืออะไรไม่สมควรอยู่ ไม่เห็นคล้อยตามนั้นนะคะ เพราะยุคนี้เป็นโลกาภิวัฒน์ ประยุกต์ธรรม
ให้เข้ากับชีวิตผลแห่งทานสำเร็จแล้ว ด้วยความบริสุทธิ์ 3 ประการแม้ บริสุทธิ์เพียงประการเดียว ก็ชื่อว่าผลแห่งทานก็เกิดแล้วเช่นกัน

   มีด ถ้าเอาไปปลอกผลไ้ม้ ใช้ก็เป็นประโยชน์

   มีด ถ้าเอาไปฆ่าปลิดปลงชีวิต ก็เป็นบาป

   ดังนั้น ดี หรือ ชั่ว อยู่ที่ไหน คะ......

 :s_good:

น่าจะอยู่ที่จิตมากกว่านะครับว่าจิตตอนนั้นเราคิดอะไร จะฆ่าปลิงเพื่ออะไร ฆ่าเล่นๆ หรือป้องกันตัว ครับ

วินัยมุขนี่ละเอียดมากๆครับ
บันทึกการเข้า

Neza Ars

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นครับ แต่เดี๋ยวนี้มีนิกายแบ่งออกมาหลายนิกายครับ อย่างในไทย เป็นมหานิกาย กับ ธรรมยุต ซะเยอะครับ อย่างผมจะเป็นสายมหานิกายที่สามรถจับต้องได้ แต่ต้องน้ำมาใช้อย่างเหมาะสมครับ เพราะแรงอธิฐานจากญาติโยมแรงครับ ใช่ให้ใช้เท่าที่จำเป็นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 08, 2013, 04:43:20 pm โดย Neza Ars »
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อันตราย ของ พระอีกเรื่องหนึ่ง ที่อ่านวันนี้ ก็อย่างนี้

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


อีกไม่กี่วันก็จะล่วงเข้าสู่วันสำคัญอีกวันแล้วคงได้เห็นห่อเครื่องไทยทานเหน็บธนบัตรถวายพระกัน ครับช่วงนี้ในละแวกบ้านผมมีการแจกใบปลิวชักชวนเข้าร่วมงานบุญตักบาตรดอกไม้,อาหารแห้ง พระภิกษุ 3,000 รูป ณ วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี แต่มีข้อแม้ให้ต้องลงทะเบียนใครบริจาคเป็นตัวเงินถึง 3,000 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษ VIP ทางวัดจะจัดเตรียมเครื่องไทยทานให้เป็นการเฉพาะครับ ก็เป็นที่รู้รู้กันแล้วว่า พระธรรมปิฏก (พระชวลิต อภิวฑฺฒโน) เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เป็นเครือสายธรรมกายชัด จากกิจกรรมที่ผ่านๆมา งานประเพณีตักบาตรดอกไม้ปีนี้มีการเชิญชวนลงทะเบียนตักบาตรปัจจัย อาหารแห้ง ทำเอาเรางง เกรงว่าจะมีการแอบแฝงแสร้งรายชื่อเข้าช่วยพระธัมมะชโยหลุดข้อกล่าวหาปาราชิกตามลิขิตสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน จากความตั้งใจที่จะไปตักบาตรดอกไม้ล้มเลิกไม่กล้าที่จะไป ใครหลายท่านที่อยากจะไปพินิจพิจารณาเอาแล้วกัน เมื่อกระทู้นี้พูดกันเรื่องปัจจัยเงินทองพระไม่ควรรับ แต่ก็เลี่ยงยากมาก เพราะปัจจัยมันจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนใช้ง่ายก็คงต้องให้มีการเหน็บถวายพระกันไป โดยเฉพาะธรรมยุติกไม่รับเงินแต่ก็มีเงินกันนะครับ เห็นมากับตา ขรัวครูอาจารย์สายป่าจะสร้าง,ต่อเติม,หาทุนในกิจพระศาสนา ก็ต้องใช้ ทั้งโยม ทั้งพระ ถวายเงินกันเห็นๆ ดังนั้นมหานิกายหรือธรรมยุติกมีเงินกันทั้งนั้น จะอ้างไว้ใช้เรียนหนังสือก็เงินเก็บมีไว้เพื่อตนทั้งนั้น ครูอาจารย์ข้าพเจ้าไม่มีวัด ไม่มีเงิน ปลีกวิเวก ศิษย์อุปัฏฐากขวนขวายจัดหาเงินกองทุนไว้เป็นการเฉพาะเพื่อกิจการสร้างสื่อเผยแผร่ธรรมะบนโลกโซเชียลออนไลน์อย่างจำกัด ไม่มีแต่ก็ยังทำค้ำคูณพระศาสนาอย่างไม่ย่อท้อคนก็ไม่เห็นค่าปรามาสสร้างกรรมลงอบายก็มาก พระแท้นั้นเร้น พระเด่นพระดังเขลาทำมีให้ มีไม่พอ น่าเศร้า ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2015, 04:37:34 pm โดย ธุลีธวัช (chai173) »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 st11 st12
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

DANAPOL

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 332
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระดี มักจะอัตคัต ขัดสน ใช่หรือไม่ครับ
เพราะว่า เราหาพระดีไม่ได้ จึงต้องทำกับ พระที่คิดว่าดี ใช่หรือไม่ครับ

  อย่าบอกนะว่าไม่ใช่
  ถ้าไม่คิดว่าท่านดี เราก็คงไม่ทำใช่หรือไม่ .

 st11 st12 st12
บันทึกการเข้า
รหัสธรรม ต้องใช้ปัญญาคือความรู้ ผู้ถือกุญแจคือใครหนอ...