ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมผมรู้สึกว่า คนมีประเภทมีธรรมะ ไม่ประสพความสำเร็จ  (อ่าน 7545 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

จตุพร

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมดูจากญาตของผม ที่มีกันหลายคนในจำนวน 10 คนมีอาชีพ ต่าง ๆ กันไป
แต่ญาต 3 คน ของผมเป็นคนประเภทธรรมะ ธรรโม ครับ หนังสือธรรมะ มีเป็นตู้ เทป ซีดี ธรรมะ
มีเวลาว่างก็ชอบไปวัด นั่งกรรมฐาน ทำสมาธิ รักษาศีล นุ่งขาว งดบริโภคเนื้อสัตว์มาตั้งแต่สาว และ หนุ่ม

เวลาผ่านไป 30 ปี มากกว่าอายุผมอีก ปรากฏว่า ทั้ง 3 คนไม่สามารถสร้างฐานะ ครอบครัวได้ ยังต้องเช่าบ้านอยู่
ยังทำการค้าขาย เล็ก ๆ น้อย พอกิน แต่ไม่มีหนี้สิน ฐานะค่อนข้างจะยากจน ( แต่ไม่เคยยืมเงินพวกญาตด้วยกัน )

ส่วนพี่น้องอีก 7 คนนั้นสร้างฐานะ มีบ้าน มีตึก มีหน้า มีตา คนรู้จักกันมากมายในอาชีพ ซึ่งพี่น้องทั้ง 7 คนจะคอยกล่าวว่า 3 คนนั้นเป็นพวกบ้า พวกเพี้ยน พวกโง่ และ งมงาย มักจะสอนให้ผมอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

สรุปแล้ว ในสายตาผมนั้นเมื่อก่อนผมก็มองว่าเพี้ยน เหมือนกัน แต่ 1 ปีมานี้ผมได้อ่านศึกษาธรรมะ ในเว็บนี้จึงมองเห็นว่า ทั้ง 3 คนเป็นพวกที่น่านับถือ แต่ก็อีกในความรู้สึกผมว่า คนมีธรรมะ ธรรโม นั้นทำอะไรไม่ประสพความสำเร็จ เพราะความใจอ่อน ( ที่เรียกว่า เมตตา กรุณา ) อย่างที่ผมทราบมา ว่าญาติ ทั้ง 7 นั้นเคยมายืมเงินทั้ง 3 คนเป็นหลักหมื่น แต่ไม่ใช้คืน ผมเคยไปสอบถามว่าทำไมไม่ใช้คืน ทุกคนให้ความเห็นว่า มันมีเงินให้วัดเป็นหมื่น ให้พี่น้องเป็นหมื่น บ้างไม่ได้หรือไง

เพื่อน ๆ สมาชิก มีความเห็นอย่างไรกับคนมีธรรมะ ทำอะไรไม่ประสพความสำเร็จบ้างครับ

 :s_hi:
บันทึกการเข้า

หมิว

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 398
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนมีธรรมะ เจริญภาวนา เป็นเรื่องกล่าวลำบาก
บางคนมีหน้าที่การงานดี ๆ เงินเดือนก็มาก โบนัสก็เยอะ ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง แต่ก็หนีไปบวช ซะก็มี

อย่างนี้บ้าสุด ๆ เลย คะ

เราอาจจะเข้าใจบุคคลพวกนี้ยากนะคะ

 :34:
บันทึกการเข้า
ใจดี น่ารัก และ ไม่ชอบคนที่กวน...ใจ
แสงพระธรรม นำทาง นำสู่ใจ ได้รับแสงสว่าง
แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี

GodSider

  • ผู้อุปถัมภ์
  • กำลังแหวกกระแส
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 121
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เอ..สงสัยว่าจะจริงแฮะ... เราก็ฝักใฝ่ในพุทธศาสนามากๆเลย และก็ดูว่าจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิต และก็ดูว่าจะเพี้ยนๆ ต๊องๆ..เสียด้วยซิ..

เขาสุขกัน เราก็เฉยๆ  เขาทุกข์กัน เราก็เฉยๆ 
เขาอยากนั่นโน่นนี่กัน  แต่เรามันไม่อยากได้ ไม่อยากเป็น ไม่อยากมีซะอย่างงั้น อะไรยังไงก็ได้ ก็ใจมันอิ่มซะแล้ว..

ไอ้ ที่เคยโกรธ เคยแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ตะเกียกตะกายเอาชนะกัน  พอปฏิบัติธรรมไป คู่แข่งหายหมด วันๆ ได้แต่แข่งกับกิเลส ว่าวันนี้ใครจะชนะ..  สวนกันกับคู่แข่งที่เป็นคน ก็หลีกทางให้เขาอย่างไม่มีเชิงเอาเสียเลย.. เขาก็ทำหน้างงๆ

คนที่เคยเหม็นหน้ากัน เราก็ดันเห็นใจเขา  เจอกันก็ยิ้มให้เขา เขาก็คงงงๆ ว่าเรามาไม้ไหน..

เขา ก็คงคิดว่าเราคงจะผิดหวังหรือผิดพลาดอะไรสักอย่างในชีวิต เลยเข้าวัด พอเข้าวัดแล้วก็เลยหลงวัด คงจะปฏิบัติธรรมจนเพี้ยนไปเลย.. ช่างน่าสงสารจริงจริ๊ง..

แต่เราโคตรมีความสุขเลย ทำงานก็มีความสุข ก้าวหน้าก็ดี ไม่ก้าวหน้าก็ไม่เป็นไร (อย่าให้ก้าวหลังก็แล้วกัน) สุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตก็ดี ครอบครัวก็ดี งานก็มีมาเรื่อยๆ เงินก็มีใช้สบายๆ แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะ 

เห็นเขาทำหน้าท่าทีสงสารเรา เราก็อดขำไม่ได้ ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า.. "กรูก็สงสารเมิงเหมือนกันแหละพวก.."


พระ อาจารย์บอกว่า กระแสธรรมน่ะมันสวนกระแสโลก..  คนที่ต่างจากโลก โลกเขาก็คงมองดูว่าเพี้ยนๆ หรือผิดปกติอะไรสักอย่างน่ะ..  เป็นธรรมดา..

ถ้า เป็นคนปกติเขาคงไม่มาอดข้าวเย็น อดนอน นั่งสามสี่ชั่วโมงให้ปวดขากันอย่างผู้ปฏิบัติธรรมหรอก..แสดงว่าพวกเรานี่มัน ต้องบ้าแหละ.. 5555



ที่คุณเห็นคนอื่นเป็นอย่างนั้นน่ะจริง  แต่สิ่งที่คุณเห็นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ ถ้าห้ามคิดไม่ได้ก็อย่าพูดออกมา มันจะครบองค์กรรม 

โดยทั่วไปความคิดอย่างนี้น่ะ จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีปู่ชื่ออวิชา มีย่าชื่อกิเลส มีแม่ชื่อตัณหามีพ่อชื่ออุปาทาน

ลองไปพิจารณาดูละกัน..

จากคุณ    : chaosy
บันทึกการเข้า
สุดเขต เสลดเป็ด ไกลสุดกู่ ใกล้แค่ ปลายจมูก

เจมส์บอนด์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 186
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าคุณคิดว่า  การประสบความสำเร็จในชีวิตคือการมีทรัพย์สิน  ต่อไปคุณจะเข้าใจเองว่า  ทรัพย์สินที่คุณคิดว่า คือความสุขแท้นั้น  มันเป็นภาระของชีวิต ทำให้เกิดความทุกข์  ความยึดถือ คุณกำลังประมาทเพราะคิดว่า ชีวิตคุณดีแล้ว  แต่คุณป้าสองคนที่พูดนั้น  กำลังสะสมเสบียงชีวิต  เพื่อการไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก  หรือเกิดให้น้อยชาติที่สุด

เมื่อตายแล้ว  เราเอาอะไรไปไม่ได้  แม้แต่ร่างกาย 
การ มีชื่อเสียง ทรัพย์สินเงินทอง  ถ้าเป็นสุขแท้แล้ว  ไฉนพระพุทธเจ้า จึงได้ออกบวช  เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า หรือแม่ชีเรณู โอสถานุเคราะห์ (คุณคงรู้จักนามสกุลนี้นะ)  ไปบวชเป็นชี  ในห้องมีแค่โต๊ะไม้เล็กๆที่ต่อเอง  เสื่อและเครื่องนอน  แต่แม่ชี พอใจกับชีวิตนี้มากกว่า  และไม่ปรารถนาจะกลับไปอยู่ในชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่างอีก

คุณกำลัง เข็นก้อนหินอันหนักของคุณ  คือลูกเมีย ทรัพย์สิน  ขึ้นบนยอดเขา  และคิดว่าบนยอดเขานั้นจะมีอะไร  แต่ถ้าคุณเข็นถึงยอดเขาแล้ว  คุณจะรู้สีกว่า  เหนื่อยแรงเปล่า ชีวิตไม่มีอะไรเหมือนที่คุณคิด  ธรรมะและการไม่ต้องรับผิดชอบอะไร  เป็นสุขแท้  เพราะความทุกข์นั้น  ล้วนเกิดจากการพลัดพลากจากสิ่งที่รัก  ที่ชอบใจ  เกิดจากการเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไปของสรรพสิ่ง  เกิดจากการไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้  เกิดจากการได้ในสิ่งที่ไม่อยากได้  เกิดจากการแก่ เจ็บ แล้วตายไป 

ตอน นี้คุณจะเถียงเรา  แต่เมื่อคุณต้องประสบทุกข์อันใหญ่หลวง  คุณจะเข้าใจในสิ่งที่เราพูดเอง  เพราะความทุกข์  จะทำให้เราเห็นความจริงแท้ของชีวิต
บันทึกการเข้า
ps2 psx nds n64 rom nes play1 play2 gamepc xbox wii castlevania finalfantasy nds ps1 sega
ผมชอบเล่นเกมส์ แต่ ก็แบ่งเวลานั่ง กรรมฐาน ครับ คนรุ่นใหม่ไม่กลัวกรรมฐาน

บุญสม

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนสมัยนี้ หนักมาก เรื่องวัดกันที่ วัตถุ  แต่จิตใจ มันต่ำทรามมาก  อยากจะสุข เสพสุข
แต่ไม่ สนใจเรื่องวิธีการ  โรค ภัยธรรมชาติ จึงรุกราน รุนแรง

ก็ ไม่เห็นคนขับรถ มีแฟนสวยๆ จะสุขจริงแท้ แค่ไหน  สักวัน รถ ก็ต้องพัง  มีค่าใช้จ่ายสูง ยางเส้นนึง ปาเข้าไป  2 พันอัพ เปลี่ยนหมด สี่ล้อ กี่ เงิน  ต้องจ่ายค่าน้ำมัน ที่ก็ไม่ถูก  คนเราก็มองแต่ ด้าน ที่ สนองความต้องการไว้ก่อน พอเวลาได้มา มันจะแถมด้วยทุกข์ เสมอ  บอกรวย มี แฟนสวยๆ ได้ง่าย ขับรถ มาให้เห็น เดี๋ยวก็ จีบติด  ใช่ จีบง่าย แต่ จริงใจ หรือ ปล่าว?  เราเป็นคนที่มีคุณธรรม ระดับไหน มันก็ดึงดูด คนแบบเดียวกันมาหา

ส่วนใหญ่ คนที่ ยินดี ชื่นใจ ในทางโลก ต้องรวยไม่สิ้นสุด ต้องมีกำไร มากขึ้นๆ จนเริ่มหลงในวัตถุ ก็เริ่ม ทำมาหากิน แบบ ผิดศีลธรรม  แล้วก็หลงเข้าใจว่า พอรวย ก็ไม่เสียหาย เราทำบุญเยอะๆ ติดชื่อไว้ ยังงัยก็ได้บุญมาก แน่ๆ  ทำบุญทีเป็น หลักหมื่นขึ้น เขียนชื่อไว้ สร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างกุฏิ  แต่ที่ไหนได้ วัตถุทาน ที่ บริจาค คือ เงิน  ดันหามาด้วยความไม่สุจริต วัตถุทานจึงไม่บริสุทธิ์  อานิสงฆ์จึงได้น้อย  หลายๆคน อาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

ยิ่งรวยไม่ได้แสดงว่า มีความสุข และ เป็นคนสมถะไม่สร้างวัตถุ ใช้แต่สมควร ก็ไม่ใช่ว่า เขามีความทุกข์

ทรัพย์สินเงิน ทอง มันไม่ถาวร คงทน ตลอดไป  คนที่เห็นสัจจะธรรมะแล้ว เขาจึง
แสวงหา บุญ กุศล  ส่วนคนที่มองไม่เห็นก็ยัง แสวงหาแต่ สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ อะไร
ต่อชีวิต  เพราะเมื่อสุดท้ายได้ตายลงไป

มันก็ต้องคืนเขาไปหมด  เคยได้ยินไหมครับ คำว่า สมบัติผลัดกันชม

หวงแสนหวงแค่ไหน พอตายแล้ว เอาอะไรไปได้บ้าง
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ญาติของผม 3 คน เป็นคนประเภทธรรมะ ธรรโม ครับ ชอบไปวัด นั่งกรรมฐาน รักษาศีล นุ่งขาว งดบริโภคเนื้อ

สัตว์มาตั้งแต่สาว และ หนุ่ม เวลาผ่านไป 30 ปี ปรากฏว่า ทั้ง 3 คน ไม่สามารถสร้างฐานะ ครอบครัว ยังเช่า

บ้านอยู่ ทำการค้าขายเล็กๆ พอกิน ฐานะค่อนข้างยากจน ( แต่ไม่เคยยืมเงินพวกญาติด้วยกัน )

สรุปแล้ว ผมนั้นเมื่อก่อนผมก็มองว่าเพี้ยน แต่ 1 ปีมานี้ ผมได้อ่านศึกษาธรรมะ ในเว็บนี้จึงมองเห็นว่า ทั้ง 3 คน

เป็นพวกที่น่านับถือ แต่ก็อีกในความรู้สึกนั้นทำอะไรไม่ประสพความสำเร็จ เพราะความใจอ่อน ( ที่เรียกว่า

เมตตา กรุณา )

เพื่อน ๆ สมาชิก มีความเห็นอย่างไรกับคนมีธรรมะ ทำอะไรไม่ประสพความสำเร็จบ้างครับ

 :s_hi:


คนศึกษาปฏิบัติธรรมมักไม่แข่งกับใคร หลีกหนีความขัดแย้ง อยู่เร้น สมถะสันโดษ จึงเสมือนประหนึ่งว่าเป็นคนขี้

ขลาด พ่ายแพ้ ไม่ขวนขวายกระตือรือร้น หรือประสพความสำเร็จใดใดเหมือนคนอื่นเขา ผม (ธรรมธวัช.!)

ก็อยู่เยื้องอย่างนั้น จะรัก, ชอบ, โกรธ, เกลียด, วิวาทะ เป็นหนี เพราะศัตรูหาอื่นใดใช่ไม่ มันอยู่ที่ใจ ใจมันจะ

ตอบสนองกับทุกอารมณ์สัมผัส ที่สุดไม่จบ ไม่สิ้นเวรภัย ไม่แพ้ไม่ชนะ ทุกข์อยู่ที่การกระทำร่ำไป ทุกวันที่ก้าว

ย่างออกนอกเรือนชาน ใจเรากระทบแต่งเติมอารมณ์ตลอด อย่าไร้สาระกับมัน เพื่อน มีแต่เพื่อนร่วมทุกข์ ร่วม

ชะตากรรม ผัสสะอย่าผูกเวร เป็นดีที่สุด วุ่นมาแต่ละวันนั่งภาวนาผละวางไม่ต้องคิด ชีวิตคิดวันต่อวัน อย่าดึงอดีต

กลับมา อย่าเอาอนาคตที่ไม่แน่นอนมาวิตกใส่ใจ สิ่งใดจะได้มาก็บุญ ไม่ได้มาก็เป็นเวรกรรมชั่งหัวมัน ใส่ใจ

ทำไม โลกไม่มีวันอิ่ม สุข ถูกต้องใดใด  “โคลนถ้าย่ำก็เปรอะ แล้วเลอะทำไม”  สวัสดีครับ.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2011, 02:29:05 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

jittree

  • บุคคลทั่วไป
0
คุณ Godsider คุณประสพความสำเร็จในชีวิตแล้ว  ในทางโลกไงล่ะ คุณมีบุญแท้จริง :s_good:
บันทึกการเข้า

Jojo

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 237
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ก็น่าแปลกใจ อยู่เหมือนกัน ว่าทำไมคนมีธรรมะ ถึงต้องเหมือนคนหลบหนี
ดูไปเหมือนคนที่ยอมแพ้ ตลอดกาล บางเรื่องที่ควรจะต้องสู้ กับเห็นว่าไม่ควรยุ่ง

ส่วนตัวยังเชื่อว่าคนมีธรรมะ มักจะไม่ค่อยอยากยุ่งกับโลก คะ คือ ยุ่งเท่าที่จำเป็น
 :41:
บันทึกการเข้า
ฉันมาเพราะเธอนะ ยายกบ มาศึกษาธรรมะบ้าง ยินดีที่รู้จักทุกท่านคะ
ช่วยเมตตา แนะนำด้วยมิตรภาพ นะคะ

vijitchai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 100
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมว่าคนมีธรรมะ นั้นส่วนใหญ่จะเป็นผู้วางภาระครับ ไม่ใช่เป็นผู้ชอบรับแบกภาระครับ
ตามพระพุทธพจน์ นะครับ

  ภารา หะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ทั้ง 5 เป็นของหนักเน้อ....


 ดังนั้นคนมีธรรมะ จึงไม่ค่อยจะชอบยุ่งเรื่องแบบชาวโลก และกระทำตนเหมือนหนีปัญหา
อันที่จริง เพราะคนมีธรรมะนั้นจะเข้าใจว่าปัญหาทุกเรื่องในโลกไม่ได้หมดไปจริง เพราะเราต้องเวียนว่าย ตาย เกิด อยู่ จึงกระทำตนเป็นผู้วางอุเบกขา ครับ

 :bedtime2:
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อม ครูบาอาจารย์ ผู้สอนกรรมฐาน ทุก ๆ รูป ครับ ข้าพเจ้าขอกล่าวถึง พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตลอดชีวิต พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ploy

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 6
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 :67:  อะไรเป็นเครื่องวัดความสำเร็จของบุคคลคะ  ถ้าเราเข้าใจ คำตอบง่ายๆก็อยู่ที่เจ้าของกระทู้ เขียนไว้แล้ว

ถ้าทางโลก วัตถุและความสุข อาจจะวัดความสำเร็จได้

แต่ทางธรรม  พระพุทธพจน์ว่า   ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จแล้วแต่ใจ                         

คุณก็ลองเทียบดูว่าญาติที่รำรวย เขามีใจเป็สุขกว่าหรือไม่  เท่านั้นก็รู้คำตอบในใจคุณแล้วคะ
บันทึกการเข้า

พรทิพย์

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 76
  • มีธรรมนำจิต ชีวิตสุขสบาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนวิ่งแสวงหา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ คือ ความสำเร็จ

คนเที่ยววิ่งหนี เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ทุกข์ นินทา คือ ความไม่สำเร็จ

ถ้านิยามอย่างนี้ สำหรับชาวธรรม แล้วไม่ใช่เลย

  เพราะโลกธรรม เป็นสิ่งไม่เที่ยง มีขึ้น มีลง มีได้ มีเสีย มีพอใจ และ ความไม่พอใจ ได้ อันนี้ไม่ใช่ความสำเร็จ

 ชีวิตคนเราเกิดมาศึกษาธรรม เรียนธรรม มุ่งศึกษาพระธรรม เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ ก็เพราะไม่ให้ใจยินดี หรือ ยินร้าย เพราะ ยินดีก็โง่ ยินร้ายก็บ้า นะคะ

  คนบางคนไม่รวย แต่ มีนิพพาน เป็นที่หมาย น่าสรรเสริญ

  เหล่าพุทธบุตร ที่ออกอุปสมบถ ศึกษาทิ้งความเป็นอยู่อย่างชาวโลก มุ่งปฏิบัติ ภาวนากันอยู่นี่สิ น่าสรรเสริญ เพราะเป็นเนื้อนาบุญโดยแท้

   หันมาดูสภาวะใจ กันบ้าง ว่าต้องการอะไร สุขจริง หรือ สุขปลอม

    :67:
บันทึกการเข้า

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนมีธรรมะ ส่วนใหญ่แล้วจะรักสันโดษ คะ

เมื่อประกอบสัมมาชีพ ก็มีความรู้จักพอด้วยคะ

ที่สำคัญมักจะพยายาม กระทำทุกอย่างที่เป็นกุศล เพื่อเข้ากระแสพระนิพพาน

พระนิพพาน ไม่ใช่เรื่องที่ชนทั่วไป จะมาสนใจนะคะ

ดังนั้น ก็อนุโมทนา ด้วยคะ สำหรับคนที่มุ่งตามธรรม

ถึงไม่รวย ไม่ใหญ่ ไม่โต ไม่มีศักดิ์ศรี แต่ขอให้มีจิตที่เปี่ยมด้วยกุศล ก็เพียงพอแล้วคะ

คนเหล่านี้อาจจะได้คำตอบ ในการมีชีวิต เหมือนที่ รักหนอ ก็เคยถามตัวเองว่า เกิดมาทำไม

ทำงานปีหนึ่ง ก็หวังขึ้นเงินเดือนให้มาก ค้าขาย ก็อยากได้เงินมาก ๆ
แต่ครั้นพอได้แล้ว ความอิ่ม ความพอใจ ก็หาได้หยุดไม่

พอได้มาศึกษาหลักธรรม บางวัน ค้าขายแทบจะไม่ได้ บางปีเจ้านายขึ้นเงินเดือนให้น้อย
จิตกลับไม่ตก เพราะเรื่องเหล่านี้อย่างเมื่อก่อน

ดังนั้นอยากจะบอกว่า เราต้องมีความฉลาดในการดำรงชีวิต ด้วยธรรมะ คะ อย่าหนีธรรมะ เพียงเพราะ
ชื่อเสียง เงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ เลยคะ

 :s_hi:
บันทึกการเข้า

Husapol

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 17
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรื่องแบบนี้ยิ่งผ่านไปหลายปียิ่งมีให้เห็นเยอะเพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ศึกษาธรรมะกัน และยังไม่เข้าใจธรรมะกันเลย ก็เป็นซะแบบนี้นะจะให้เห็นผลกันแบบวันต่อวันอย่างนี้ไม่ได้หรอก เหมือนเวลาเราปลูกต้นไม้ถามว่าภายในวันเดียวมันสามารถโตออกดอกออกผลได้เลยมั๊ย แม้กระทั่งตัวมนุษย์และสัตว์ก็ตาม ตั้งแต่เกิดมาตัวเล็กแล้วพอพรุ่งนี้ก็ตัวโตแล้วหรือ ไอ้ที่คนทำชั่วแล้วยังได้ดีอยู่นั้นก็ขอบอกให้รู้เลยว่ายังกินบุญเก่ากันอยู่ แต่ถ้าหมดหรือเหลือน้อยเมื่อใด เมื่อนั้นแหละเตรียมตัวเจอวิบากกรรมได้เลย ถ้ายังไม่ตายก็จะได้เห็นผลในชาตินี้แหละ และอย่าคิดว่าคนที่มีธรรมะจะโง่ เพราะคนที่พูดแบบนี้แสดงให้เห็นว่ายังไม่รู้จักธรรมะดีพอ แค่คิดผิดนี้ก็เป็นบาปซะแล้วนะจ๊ะ แล้วยังจะไปแนะนำสิ่งที่ผิดให้คนอื่นอีกแบบนี้ คูณหลายเท่าเลย คนพวกนี้น่าสงสารนะ เขาทำเหมือนกับว่าชีวิตนี้มีแค่ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น ตายไปก็จบไม่ต้องมีเกิดอีก ระวังถ้าใครยังคิดแบบนี้อีกก็เตรียมตัวไปลงนรกได้เลย ไม่ได้พูดเล่นนะจ๊ะ ถ้าคุณเป็นชาวพุทธแล้วไม่ศึกษาหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าให้เข้าใจในพระสัทธรรมแล้ว คุณก็เป็นได้แค่ชาวพุทธตามในทะเบียนบ้านเท่านั้น ไม่มีศาสนาพุทธอยู่ในใจเลย
 :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า