ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การที่เราบอกกับตัวเองว่า เป็นพระอริยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็ได้  (อ่าน 2151 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

แพนด้า

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การที่เราบอกกับตัวเองว่า เป็นพระอริยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็ได้ นั่นหมายถึงความเชื่อว่า เราสามารถปฏิบัติธรรมเป็นพระอริยะบุคคลได้ในเพสฆราวาส ซึ่งผมเองมีความเชื่อว่าเป็นไปได้ยากนะครับ ...

  เพระาอะไรครับ .....
    ขนาดพระสงฆ์ ยังหา พระอรหันต์ได้ยาก หรือ พระโสดาบัน ขึ้นไปยังหายากเลยครับ แล้วไฉน ฆราวาส จะมีพระอริยะบุคคลมากกว่า พระสงฆ์ ที่ผมเชื่ออย่างนี้เพราะว่า ยุคนี้ เป็นยุคศิวิไลซ์ คือ ยุคแห่งตัณหาเป็นเครื่องนำ ถ้าเทียบไปในสมัยครั้งพุทธกาลแล้ว ผู้คนและชาวบ้าน อยู่กับความสงบมากกว่า แต่ปัจจุบันนี้ ผมว่าไม่ใช่นะครับ เพราะส่ิงสื่อล่อจิตให้ปรุงแต่งตัณหา มีมากกว่า เอาง่าย ๆ แค่ ทีวี นี่ก็นำตัณหาให้เกิดมากกว่าแล้ว

   ดังนั้นผมว่า คนที่คิดว่า ปฏิบัติในเพศฆราวาสแล้วจะเป้นพระอริยะบุคคลได้ง่าย ๆ นั้นผมว่า อาจจะทำได้ยากนะครับ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่พระอริยะบุคคลจะใช้ชีวิตอยู่กับคนปุถุชน ได้ง่าย ๆ นะครับ


   การที่เราบอกกับตัวเองว่า เป็นพระอริยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็ได้ อย่างนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่ปรามาสพระรัตนตรัยได้นะครับ

    ใครเห็นด้วย หรือ เห็นแย้งแสดงความเห็นได้เต็มที่นะครับ เพื่อชำระสิ่งที่ผมคิดไว้อาจจะผิดก็ได้นะครับ

 :s_hi: :smiley_confused1: :67: :13:
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การจะเป็นได้ไม่ได้ มันอยู่ที่บุคคลครับ ว่าบุคคลนั้นสั่งสมบารมีมาพอหรือยัง ปฏิบัติอย่างดีไหม พระอริยะเจ้า คือ ตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป พระโสดาบันที่เป็นเพศคฤหัสนี่มีศีล 5 เป็นหลักครับ ดูหนัง ดูทีวีปกติได้ แต่ไม่เอามาตั้งเป็นอารมณ์เสพย์อัตตา (อันนี้ผมเดาเอานะครับ) ผมคงอธิบายสภาพ ความรู้สึก นึกคิด การปฏิบัติจริงๆของพระอริยะเจ้าไม่ได้ เพราะผมยังไม่ถึง ที่พูด ก็พูดได้แค่ตามความนึกคิดของคนที่ยังเป็นแค่คนธรรมทั่วไป

เรามาเว้นความติดข้องใจตรงนี้แล้วหันมาพิจารณาให้เห็นทุกข์ เห็นทางพ้นทุกข์ดีกว่าครับ มันเป็นประโยชน์กว่าเรื่องไร้สาระที่เราไม่สามารถเข้าถึงพวกนี้กว่ามาก
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ