ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากปฏิบัติกรรมฐาน แต่ไม่อยากผูกพัน กับครูอาจารย์ด้วยการขึ้นกรรมฐาน  (อ่าน 8566 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นินนินนิน

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อยากปฏิบัติกรรมฐาน แต่ไม่อยากผูกพัน กับครูอาจารย์ด้วยการขึ้นกรรมฐาน

ช่วยแนะนำให้หน่อยครับ ถ้าผมจะปฏบัติกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับโดยไม่ต้องขึ้นกรรมฐาน คือไม่อยากผูกพันกับครูอาจารย์กรรมฐาน ครับ แต่อยากปฏิบัติครับ เพราะที่ผ่านมานั้น ผมเสียเวลากับการไปรับใช้ครูอาจารย์เป็นเวลาหลายปี หลายรูป หลายองค์แล้ว คือ อยากได้ปฏิบัติ มากกว่าที่ต้องไปทำงานเกีย่วกับวัดครับ


   ขอบคุณที่เข้าใจผมนะครับ
   สาธุ
บันทึกการเข้า

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ที่นี้ จักให้คุณปฏิบัติให้ได้มากที่สุด ไม่มีการ บังคับ มีแต่ถามว่า วันนี้ คุณปฏิบัติแล้วหรือยัง  ไม่มีการไปดูคนอื่น  เรื่องการดูแลพระอาจารย์ไม่ต้องคิด มีคนใกล้ชิดทำหน้าที่อยู่ประจำแล้ว และก็ลูกศิษย์ของพระอาจารย์มีอยู่ทั้งทัวประเทศ (ก็ไม่สามารถมารับใช้ได้ ไม่สามารถมาใกล้ชิดได้ แม้นอยากจะทำ) แถมก็มีน้อยคนที่จะได้มีโอกาศพบเจอพระอาจารย์ จะเห็นได้จากกระทู้นี้ : "เป็นที่ทราบกันแล้วว่า พระอาจารย์ปลีกวิเวกไม่ยุ่งกับสังคมวัดในช่วงนี้" http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2991.0

      จึงสามารถตัดเรื่องวิตกกังวนของ ผู้ใหม่ในการปฏิบัติไปได้เลย เรามีแต่การปฏิบัติล้วนๆ ไม่มีข้อแม้นใดๆทั้งสิ้น จะมีก็ ถ้าจะฝากตัวเป็นศิษย์เรียนพระกรรมฐาน ก็แค่มาฝากตัวเป็นศิษย์ เป็นอาจารย์กัน หมายความว่า อนุญาติให้พระอาจารย์ ดุดา ว่ากล่าว ตักเตือน สั่งสอน ชี้แนะ กันได้ ตามประเพณีวัฒณธรรม ที่มีมานาน

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2681.0

   จะพูดไป แม้นเรื่องนี้ยังเป็นการยากเลย เพราะการจะพบเจอตัวพระอาจารย์นั้นเแป็นการยาก เพราะพระอาจารย์เองจาริกบ่อย ไม่ใคร่ได้เจอง่าย ส่วนนึ่ง จึงเป็นบุญของผู้ที่ได้ขึ้นกรรมฐานกับพระอาจารย์แล้ว

  ถ้าจะมีอุปสรรค ก็เห็นจะมีอย่างน้อย ก็มีอยู่เรื่องนึ่งคือ จะดื้อ ไม่ทำตามที่สอน จึงปฏิบัติไม่ได้ ถ้าไม่ดื้อ แต่ทำตามก็ไม่เป็นอะไร ก็จะทำได้ เป็นมักจะไม่เป็นอย่างนั้น
 
   เพราะฉนั้น เห็นควรให้ขึ้นกรรมฐาน ก่อน เพื่อลดความดื้อดึง ตามนิสัยเดิม เพื่อไม่ให้เป็นการปิดกั้นการปฏิบัติ  แสดงความเคารพ อ่อนน้อมถอมตน เตรียมตัว เตรียมใจ  แสดงออกถึง  ความต้องการ  รับการสั่งสอน อย่างแท้จริง

    แต่ปัจจุบัน ก็มีมากหลายคนในเว็ปนี้ ที่ยังมิได้มีการขึ้นกรรมฐานอย่างถูกต้อง(หลายคนยังไม่เคยพบเห็นพระอาจารย์ด้วยซ้ำไป) แต่พระอาจารย์ก็ไม่ได้ปิดกั้น ก็ให้ปฏิบัติกันไป มีเพียงแต่บอกให้หาโอกาศ มาขึ้นกรรมฐานซะ ถ้าอยู่ที่กรุงเทพ หรืออยู่ใกล้ ก็ให้ไปที่วัดพลับ วัดราชสิทธาราม อิสระภาพ 23 ที่คณะ 5

    บอกว่าไม่อยากจะพูกพันกับอาจารย์   
  ของเราไม่เป็นอย่างนั้นหรอก  เพราะพระอาจารย์มีแต่ให้ บรรดาลูกศิษย์ ไม่ต้องมาคอยทำอะไรให้ ไม่มีการเรียกร้อง  ศิษย์หลายคนถวายที่ดิน  เป็นจำนวนมาก  พระอาจารย์ยังไม่ขอรับไว้ก่อนเลย  เว็ปนี้ ก็จัดทำขึ้นมาแล้ว ก็ไม่มีได้รายได้อะไรเลย ผลประโยชน์(เงิน)อะไรก็ไม่มี จัดเจนที่สกุล ที่เป็น .org ไม่ใช่ .com จึงหาผลประโยชน์ไม่ได้ ได้แต่เผยแผ่ความรู้เพื่อการศึกษาเท่านั้น  เวลาจะต่ออายุพระอาจารย์ก็จะบอกบุญกันที่ ขนาดตั้งใจจะร่วมทำบุญต่ออายุเว็ป หลายครั้งยังทำไม่ทันเลย  ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้ว พอพระอาจารย์บอกปุป  ก็มีคนทำปัป ได้ก็แค่เท่าที่ต้องการ พอได้ครบแล้วก็ปิดการรับทำบุญเลย เลยทำไม่ทัน หรือ แม้นแต่บอกจอง จะทำในครั้งต่อไป พระอาจารย็ก็ยังไม่รับก่อนเลย   บอกว่า ให้คอยฟัง คอนติดตามเอา

ก็มีคำตอบ เก่าที่พระอาจารย์เคยตอบไว้

       ว่า " การขึ้นกรรมฐาน เป็นเพียงธรรมเนียมแสดงความจริงใจ ให้ความเคารพต่อพระรัตนตรัย พระกรรมฐานและพระอาจารย์ผู้สอนกรรมฐาน แต่ความเป็นจริง พระธรรม ( พระกรรมฐาน ) อันพระสุคตทรงตรัสแสดงไว้นั้นไม่ได้มอบสิทธิ์ไว้ให้กับผู้ใด ย่อมหมายความว่า ทุกผู้คนไม่ว่าจะเป็นใครจะดี หรือ ชั่ว ต่างเผ่าพันธ์ หรือศาสนานั้นถ้าต้องการปฏิบัติ ตามพระธรรม ก็สามารถเรียน อ่าน และภาวนาด้วยตนเองได้ทั้งนั้น เพราะ พระธรรม เป็นสากลแก่ทุกชีวิตที่มีความทุกข์ และ ต้องการพ้นจากความทุกข์นั้น
   ถ้าไม่อยากขึ้นกรรมฐาน ด้วยเหตุผลส่วนตัวประการต่าง ๆ ก็สามารถปฏิบัติภาวนา ตามพระธรรม ( พระกรรมฐาน ) ส่วนอื่น ๆ ได้อีกหลายกองกรรมฐานด้วยกัน ไม่ว่าจะเจริญ พรมหวิหาร 4 มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มี มหาสติปัฏฐาน 4  พระอานาปานสติ กสิณต่าง ๆ ฯ ล ฯ อีกมาก ก็เพียงพอนำไปปฏิบัติภาวนาได้นะจ๊ะ"
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3825.0

ถาม : ถ้าได้ขึ้นกรรมฐาน ที่วัดราชสิทธาราม แล้ว ถ้าไปพบพระอาจารย์ต้องขึ้นกรรมฐาน อีกหรือไม่
ตอบ : ได้ขึนกรรมฐาน ที่วัดพลับแล้ว ก็ถือว่าได้ขึ้นแล้ว กับครูอาจารย์ ที่วัดพลับ ก็เรียนกรรมฐานกับ              .        กัลยาณมิตร ในสายธรรมได้

           ส่วนการที่ขึ้นกรรมฐาน นั้นก็มีความหมายในการเคารพ พระรัตนตรัย และ เคารพ วิชชา
       คือ พระกรรมฐาน   ที่สุดของการขึ้นกรรมฐาน ก็คือ ได้ทำบุญ ถวายอามิสบูชา แด่ พระพุทธ พระธรรม    .      พระสงฆ์ และ เชิดชู ครูอาจารย์ พระกรรมฐาน ในยุคนี้ ก็เห็นจะเป็นการกล่าวเชิดชู พระอริยะวงษญาณ .      พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ี่ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ( หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน )
       และ ครูอาจารย์สายกรรมฐาน ที่เผยแผ่  อยู่ในปัจจุบัน ก็คือ พระครูสิทธิสังวร เจ้าคณะ 5
       วัดราชสิทธิราม ( วัดพลับ )   ก็มีนัย สำคัญตามนี้
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5265.0

มีกระทู้เก่าจากพระอาจารย์ที่เคยตอบไว้ นำย้อยกลับมาให้ได้อ่านกัน(อ่านแล้วก็ปีติ)

ถ้าไม่ขึ้น กรรมฐาน ก็ปฏิบัติกรรมฐาน ได้ สำหรับ ผู้ที่ศึกษาและจะปฏิบัติด้วยตนเอง นะจ๊ะ
ซึ่งอนุโมทนาด้วยนะจ๊ะ ก็มีตำรา สนับสนุน รวมทั้งพระไตรปิฏก ซึ่งทางเว็บ สมเด็จสุก และ เว็บมัชฌิมา มิได้ปกปิด วิชา ส่วนนี้ไว้ มีเนื้อหาสามารถดาวน์โหลด ไปอ่านได้เลย ซึ่งผู้ที่ต้องการศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเอง ก็สามารถปฏิบัติกรรมฐาน ตามที่ท่านคิดไว้ได้ นะจ๊ะ ก็ขอ อนุโมทนา ด้วยนะจ๊ะ ขอให้ถึงธรรม คือ การก้าวล่วงพ้นจากสังสารวัฏ นี้โดยไว

 ถ้าไม่ขึ้น กรรมฐาน อาจารย์สอนกรรมฐาน จะสอนกรรมฐานให้หรือไม่ ?

 ก็ตอบ ว่า สอน นะจ๊ะ แต่ต้องดูสภาวะของผู้นั้นด้วย ว่าจะรับได้แค่ไหน เพราะส่วนใหญ่ คนที่ไม่ขึ้นกรรมฐาน ก็คือผู้ที่ไม่ให้ความเคารพต่อผู้สอน นะจ๊ะ ก็คือ ไม่รู้จะเชื่อฟังกันหรือไม่ ดังนั้น ก็ต้องดูสภาวะธรรมของผู้ที่ไม่ขึ้นกรรมฐาน ด้วย ว่าจะเรียนกรรมฐาน กับผู้สอนกรรมฐานนั้นอย่างไร

 คำตอบโดยรวม ที่ท่านทั้งหลายมักจะคิดกันก็เป็นอย่างนี้นะจ๊ะ


 ส่วนนี้จะตอบ สำหรับผู้ที่ไม่ขึ้นกรรมฐาน จากใจ

  1. ศึกษาด้วยตนเอง ต้องมีบารมีธรรม มาสูง มีความเป็นไปได้ 10 เปอร์เซ็นที่จะปฏิบัติได้

  2. จะไม่ได้รับคำแนะนำ ที่เป็นปัจจัยที่ เอื้อต่อการปฏิบัติโดยตรง เพราะผู้สอนจะกล่าวเพียงพื้นฐาน และรับฟัง ธรรมสภาวะ ของผู้ที่ไม่ขึ้นกรรมฐาน แนะนำอย่างสั้น ๆ ก็คือสอนพื้นฐานให้ ซึ่งพอได้ฟังแล้วจึงไม่มีความต่างจากที่อื่น ๆ ที่สอนกัน

  3. ส่วนตัว จะไม่พูด เรื่องกรรมฐาน กับผู้นั้นเลย นะจ๊ะ ดังนั้น ผู้ที่พบอาตมาถ้าไม่มีความศรัทธาในกรรมฐานจะไม่ได้ยิน คำสอนในเรื่องกรรมฐาน จากอาตมาเลย ซึ่งบางท่านมานั่งคุยกันเป็นวัน ในเรื่องธรรมะ ก็คุยกันไปในเรื่องนั้น แต่ไม่มีคำแนะนำในเรื่องการภาวนา เพราะกรรมฐานมัชฌิมา ไม่ใช่กรรมฐาน ปริยัตินะจ๊ะ ต้องผ่านการภาวนาถึงจะไปลำดับต่อไป นะจีะ

  4. การเรียนกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับต้องมีบารมี ต่อครูอาจารย์กันด้วยความผูกพันระหว่างศิษย์กับอาจารย์ ในสายกรรมฐานนั้นจึงมีความจำเป็นต่อกันและกัน ไม่ใช่ว่าอาตมารู้กรรมฐานแล้วจะเที่ยวเดินพูด เดินบอกให้คนนั้น คนนี้ปฏิบัติ หากแต่ไม่มีบารมีร่วมกัน ก็ไม่พูด ไม่สอนกันนะจ๊ะ 

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=165.0


ก็ขอเชิญ ขอต้อนรับ ศิษย์ที่มาใหม่ทุกคนจ้า   :welcome:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2012, 04:06:08 pm โดย Mr. งังจัง »
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

sunee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 301
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คิดว่า คุณ นินนินนิน ก็อ่านเอาในบอร์ดเลยก็ได้นะคะ หากไม่ต้องการกัลยาณมิตร บุคคลเพราะดูจากหัวข้อธรรมสื่อ เสียง วีดีโอ รายการวิทยุ ที่นี่ไม่เห็นมีห้ามเลยว่า คุณไม่ใช่ศิษย์ฟังไม่ได้ อ่านไม่ได้ ภาวนาไม่ได้ แม้คนที่ถามปัญหากันมากมาย จะมีการถามแบบเกรงใจ และไม่เกรงใจ เท่าที่สังเกต ก็ไม่ใช่ศิษย์ รวมทั้งเราด้วย แวะมาหาความรู้ทางกรรมฐาน และทางธรรม เพื่อทำใจให้ผ่องใส เป็นกุศล คิดว่า

  ที่นี่ ครูอาจารย์ จะไม่ผูกพันลูกศิษย์เท่าใด นะคะ ปล่อยให้ศิษย์ปฏิบัติไปตามอัธยาศัยกัน นับว่าเป็นข้อดีคะอยู่นะคะอย่างน้อยก็ปราศจากเงื่อนไขการมาเป็นศิษย์ ยกเว้นแต่ศิษย์ที่ขึ้นกรรมฐานด้วย ซึ่งอันนี้เราก็ไม่รู้ว่าศิษย์ปฏิบัติดูแลครูอาจารย์กันอย่างไร

  คิดว่า สื่อธรรมที่นี่มีเพียงพอให้คุณ นินนินนิน ปฏิบัติภาวนาได้คะ

   :coffee2: :coffee2: :coffee2:
บันทึกการเข้า

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
นานาจิตตัง นะครับ

  ผมอยากทาน พิชซ่า มาก จู่ ร้านก็เปิดให้กินฟรี เราเข้าไปกิน แล้วก็พูดว่า อยากกินฟรี แต่ไม่อยากจ่ายตังค์ เจ้าของร้านได้ยิน ก็ให้เรากินฟรี ๆ เสร็จแล้ว ก็ลุกจากไป พร้อมกับทิ้งภาชนะ ให้เก็บ ให้ล้างด้วย เจ้าของร้านก็ทำให้ประดุจเราเป็น ลูกค้าที่สำคัญ อันนี้มองให้เห็นว่า เจ้าของร้านนั้นเหมือนใจดีใจกว้าง นะครับ แต่ผมก็คิดว่า เป็นโปรโมชั่น เท่านั้น ที่จะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาที่ร้านให้มากขึ้น

     แต่ทว่า ก็มีร้านค้าอีกประเภทหนึ่ง ที่ทำอาหารออกมาแจก อย่างเดียว ด้วยทุนทรัพย์ของตนเอง โดยเพื่อต้องการให้คนที่ไม่มีโอกาสได้มีโอกาส ลิ้มรสชาดอาหารที่พิเศษ และ ได้อิ่มสักมื้อ อันนี้นับว่าเป็นร้านค้าที่พิเศษ ที่หาไม่ได้อีกง่าย ซึ่งมักจะมีอยู่ในกลุุ่มชาวพุทธที่ชอบทำโรงทาน แจกให้ทุกคนมีความสุขกันเป็นประจำ

    เราจะเป็นแค่ลูกค้า ที่มากิน มาทาน อย่างเดียวก็ไม่มีใครว่า
    เราจะเป็นแค่คนหิวโหย ที่เข้ามาทานแล้ว สำนึกในคุณของทาน ก็เยี่ยม
    เราจะเป็นคนที่กินอิ่ม แล้ว อยากช่วยแบ่งปัน ตอบแทน ก็เยี่ยมที่สุด

    กตัญญู กตเวทิตา เป็นคุณธรรมของมนุษย์ ครับ และเป็นอุดมมงคล

     :s_hi: :s_hi: :s_hi:
บันทึกการเข้า

nonestop

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 87
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สมกับเป็น นินจา จริงๆ เลยนะครับสำหรับ คำถามของท่าน นินนินนิน นี่
อยากเรียนฟรี ก็ไม่อยากครับ ตำราที่นี่ไม่ต้องขโมย มีแบบเปิดเผย เชิญเืลือกอ่านได้เต็มที่ครับ และติดขัดประการใด ก็โพสต์ถามทาง email และ หรือโพสต์ถามในบอร์ด รับรองว่าคุณได้รับคำตอบแน่ ๆ

    :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :25:
บันทึกการเข้า
nonestop  หยุดทำ้ร้าย หยุดเบียดเบียน หยุดการกลับมาเกิด กันเถิดครับ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
มีอีกสองกระทู้ที่พระอาจารย์เคยตอบไว้หามาฝาก

อันหนึ่ง
 ความว่า "ชนทั้งหลาย ส่วนใหญ่ มักจะเห็นว่า

 พิธีการ และ วัฒนธรรม ของพระอริยะ นั้นเหมือน วัฒนธรรม ของปุถุชน

วงศ์แห่ง พุทธะ ย่อมไม่ทิ้ง วัฒนธรรม ของพระอริยะ"

ธัมมคารวาทิคาถา

(หันทะ มะยัง ธัมมะคาระวาทิคาถาโย ภะณามะ เส)

เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงกล่าวคาถาแสดงความเคารพพระธรรมเถิด

เย จะ อะตีตา สัมพุทธา เย จะ พุทธา อะนาคะตา,
โย เจตะระหิ สัมพุทโธ พะหุนนัง โสกะนาสะโน

พระพุทธเจ้าบรรดาที่ล่วงไปแล้วด้วย, ที่ยังไม่มาตรัสรู้ด้วย,
และพระพุทธเจ้าผู้ขจัดโศกของมหาชนในกาลบัดนี้ด้วย

สัพเพ สัทธัมมะคะรุโน วิหะริงสุ วิหาติ จะ
อะถาปิ วิหะริสสันติ เอสา พุทธานะ ธัมมะตา

พระพุทธเจ้าทั้งปวงนั้นทุกพระองค์เคารพพระธรรม,
ได้เป็นมาแล้วด้วย
กำลังเป็นอยู่ด้วย,
 และจักเป็นด้วย,
เพราะธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นเช่นนั้นเอง

ตัส๎มา หิ อัตตะกาเมนะ มะหัตตะมะภิกังขะตา
สัทธัมโม คะรุกาตัพโพ สะรัง พุทธานะ สาสะนัง

เพราะฉะนั้น, บุคคลผู้รักตน, หวังอยู่เฉพาะคุณเบื้องสูง,
เมื่อระลึกได้ถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่, จงทำความเคารพพระธรรม

นะ หิ ธัมโม อะธัมโม จะ อุโภ สะมะวิปากิโน

ธรรมและอธรรมจะมีผลเหมือนกันทั้งสองอย่างหามิได้

อะธัมโม นิระยัง เนติ ธัมโม ปาเปติ สุคะติง

อธรรมย่อมนำไปนรก, ธรรมย่อมนำให้ถึงสุคติ

ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง

ธรรมแหละย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเป็นนิตย์

ธัมโม สุจิณโณ สุขะมาวะหาติ

ธรรมที่ประพฤติดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ตน

เอสานิสังโส ธัมเม สุจิณเณ

นี่เป็นอานิสงส์ในธรรมที่ตนประพฤติดีแล้ว

สามารถดูได้ที่

ทำไม คำขึ้นพระกรรมฐาน แต่ละที่ จึงไม่เหมือนกัน
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1099.0


และ อันที่สอง
   
      ความว่า"ก็สามารถ เรียนได้ นะจ๊ะ เพราะวิชาของพระพุทธเจ้า นั้นเป็นวิชาที่ให้กับผู้มีจิต เปี่ยมบารมี

มิได้เป็นของแจกฟรี นะจ๊ะ เพราะการแจกฟรี พระพุทธเจ้าพระองค์ไม่ทำ แต่พระองค์จะให้แล้ว

ผู้นั้นต้องมีบารมีธรรม ที่สะสมมาแล้ว เพราะแก่นแห่งธรรม ไม่ใช่เป็นเรื่องของคนที่เขลาปัญญา

จะเข้าใจ ต้องเป็นผู้มีปัญญา จึงจักเข้าใจในแก่นแห่งธรรม นะจ๊ะ ดังนั้นการเรียนพระกรรมฐาน โดย

ไม่ขึ้นพระกรรมฐาน ก็สามารถ เรียนได้นะจ๊ะ เพราะวิชาที่เผยแผ่กันอยู่นี้ มีทั้งตำราและ ไฟล์เสียง

ภาพ สื่อต่าง ๆ สามารถ หาไปอ่านและศึกษาได้ตามวาสนา ส่วนผู้ใดนำไปฝึกแล้วไม่ก้าวหน้า ค่อย

กลับมาขึ้นกรรมฐาน แล้วเรียนจากครูอาจารย์ กันต่อ ที่สำคัญเมื่อเราไปเรียนศึกษาด้วยตนเองแล้ว

ปฏิบัติไม่ได้ ก็อย่าพึ่งไปพูดว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นเป็นกรรมฐาน ที่ฝึกยาก ไม่ใช่ง่าย

ด้วยการสรุปจากเพียงศึกษาด้วยตนเอง ซึ่งการกระทำอย่างนี้ ถือว่าเป็นโทษมากกว่านะจ๊ะเพราะเรา

ยังไม่ได้เข้ามาขึ้นกรรมฐาน และ เรียนปฏิบัีติจากพระอาจารย์กรรมฐาน แล้วไปกล่าวว่ายากเสียแล้ว

ดังนั้นแนะนำ การฝึกกรรมฐาน ที่ให้ได้ผลจริงๆ ก็คือ การขึ้นกรรมฐาน และ เรียนกรรรมฐาน โดยตรง

จึงจะมีความก้าวหน้า มิฉะนั้น ตอนที่เราฝึกก็ไม่สามารถระงับ อารมณ์อุปาทานไปได้ อันนี้สำคัญมาก

เพราะการแจ้งกรรมฐาน จักทำให้ปิดช่องว่างที่ปฏิบัติผิดได้ นะจ๊ะ


   สรุป แล้วสามารถเรียน ภาวนาได้ นะจ๊ะั หากมีวาสนา บารมี ที่ทำมาแต่อดีตไว้ดีแล้ว ก็ย่อมสามารถ

 ภาวนาปฏิบัติได้โดยไม่ต้องมีครู ตามสอน

        แต่หากปฏิบัติ ภาวนาไม่ได้ ก็ขอให้มาขึ้นกรรมฐาน ก่อนนะจ๊ะ ก่อนที่จะสรุป ว่าปฏิบัติยาก หรือว่า

ทำไม่ได้"

อันนี้ดูได้ที่: อยากเรียนกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ โดยไม่ขึ้นกรรมฐาน ได้หรือป่าวคะ http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2322.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2012, 06:52:39 pm โดย Mr. งังจัง »
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

Sitti

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 97
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา กับท่าน Mr.งังจัง ครับ
 :25: :c017:
บันทึกการเข้า
สิทธิ มาแว๊ว มาตามคำเชิญ แก๊งค์  อ๊บ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ต้องขึ้นกรรมฐาน ครูอาจารย์ จึงจะตั้งองค์ธรรม องค์ที่หนึ่งให้
  ถ้าไม่ขึ้นกรรมฐาน ก็ไม่สอน เพราะถือว่าไม่ได้เคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสถาบันต้นแบบ คือไม่เคารพ ในธรรมเนียมพระกรรมฐานที่มีมาแต่โบราณ
      ถ้าจะเรียน กรรมฐานนี้ ให้ไปขึ้นกรรมฐานที่ วัดราชสิทธาราม ที่คณะห้า ฝั่งธนบุรี
       จะได้กราบ ไม้เท้าไผ่ยอดตาลเป็นของพระพุทธเจ้า ที่พระพุทธเจ้า ประทาน ให้แด่พระราหุล พุทธชิโนรส ไม้เท้านี้ตามประวัติ ท้าวสักกะเทวราช(พระอินทร์)นํามาถวายพระพุทธเจ้า
        และยังได้กราบ สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน ปรมาจารย์แห่งยุครัตนโกสินทร์
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อันที่จริง เราอาจจะตีความ ความหมายของคำว่า ขึ้นกรรมฐาน ในภาษาเกินจินตนาการเกินไป หรือไม่ ?
 

    การขึ้นกรรมฐาน นั้น เท่ากับการไปลงทะเบียนการศึกษา  ถ้าพูดอย่างนี้จะเข้าใจง่ายกว่าหรือไม่ ? ดังนั้นท่านจะไปลงทะเบียนเรียน  ที่ไหนก็ต้องดูคุณสมบัติของท่าน ความชอบใจของท่าน บางท่านชอบเรียนกฏหมาย  ธุรกิจ พาณิชย์ การศึกษา อะไรเหล่านี้เป็นต้น  ถ้าให้คำจำกัดความอย่างนี้ท่านก็จะเข้าใจได้ง่าย

    ดังนั้นการขึ้นกรรมฐาน ก็หมายถึง การไปลงทะเบียน สมัครเรียน หรือขอเข้าศึกษาใน โรงเรียน สำนักนั้น ๆ

     เมื่อท่านจะขึ้นกรรมฐาน ก็ต้องดู สถานะเดิมก่อนสมัครด้วย ใช่หรือไม่ ?  ถ้าจะเรียน ม. ต้น ก็ต้องจบ ป6 ถ้าจะเรียน อนุบาลก็ต้องมีอายุ ครบ 7  ขวบขึ้นไปใช่หรือไม่ ?

    ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อเราจะไปขึ้นกรรมฐาน  ก็ต้องตรวจสอบสถานะของเราด้วย คือความพร้อมที่จะเรียนหรือไม่่ ในกรรมฐาน  มัชฌิมา แบบลำดับดูความพร้อม คือ คุณสมบัติพื้นฐาน ศีล ทาน ภาวนา  อันนี้พื้นฐาน ท่านมีบ้างหรือไม่ ?

    เมื่อไปศีกษาเล่าเรียน ก็ต้องมี คลาส มี ครูอาจารย์ มี สถานะ เป็นนักเรียน หรือ ศิษย์

     ดังนั้นเมื่อเราขอขึ้นกรรมฐาน ก็จะได้เรียนกรรมฐาน สำหรับ กรรมฐาน  มัชฌิมา แบบลำดับ สอนตั้งแต่พื้นฐาน ปรับพื้นฐาน คือตั้งแต่ระดับอนุบาล  ถ้าผู้ใดผ่านขั้นประถม มัธยม มาแล้ว ก็จะผ่านคลาสที่ต่ำโดยไว  แต่ถ้าไม่ผ่านก็หมายความว่า ที่ผ่านมานั้นใช้ไม่ได้ จิตยังเป็น สมาธิ


     ผลสำเร็จในกรรมฐาน มี อุปจาระฌานพุทธ เป็นขั้นต่ำ ต้องเน้นว่า พุทธ  เพราะใช้พุทธานนุสสติ เป็นกรรมฐานแรก เพื่อปรับปรุง ศรัทธา 4  ประการให้สมบูรณ์ กล่าวว่า พุทธานุสสติ นั้นเหมาะกับจริตที่เป็นศรัทธาจริต  แต่แท้ที่จริง ทุกจริตก็ต้องมี พุทธ ศรัทธาจริต คือ  ต้องเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า หากไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า  ก็ไม่ชื่อว่า พุทธบริษัท นะจีะ

     ถ้าหากต้องการเรียนกรรมฐาน โดยที่ไม่ต้องมีครูอาจารย์ก็ทำได้นะจีะ คือ ถือเอาพระพุทธ พระธรรม เป็นที่พึ่งที่ระลึกก่อนในเบื้องต้น เมื่อกรรมฐานก้าวหน้า ก็คงจะมาขึ้นกันเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างนั้น เพราะความละเอียดของกรรมฐาน ต้องได้ครูอาจารย์เป็นผู้ชี้นำ

    อายครู บ่  รู้วิชา นะจ๊ะ
    อายทำกิน ก็ ไม่อิ่มนะจ๊ะ

 
เจริญพร / เจริญธรรม

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

นินนินนิน

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณครับ ด้วยความเคารพครับ ผมขอลองปฏิบัติก่อนนะครับ ถ้าได้ผลดีแล้ว จริตผมไปในกรรมฐานสายนี้แล้ว ผมจะยอมไปึ้นครูกรรมฐาน ครับ มิใช่ว่าปรามาสครูอาจารย์ผู้สอนกรรมฐาน นะครับ แต่ผมป้องกันตัวผมเอง ว่าขึ้นกรรมฐานแล้วทำไม่ได้ ไม่ขอบใจ ไม่ถูกจริต แล้วเปลี่ยนกรรรมฐาน อันนี้ผมคิดว่า น่าจะหนักกว่าไม่ขึ้นกรรมฐาน นะครับ

  สาธุ ที่ทุกท่านช่วยตอบปํญหา คาใจ ผมครับ ผมจะได้ขออนุญาต ศึกษาวิชากรรมฐาน ที่นี้ได้อย่างสบายใจครับ

   :c017: :25:
บันทึกการเข้า

เจมส์บอนด์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 186
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าเข้าใจความหมายที่พระอาจารย์ ให้ความหมาย ของคำฃึ้นกรรมฐานนั้น หมายถึงการยื่นใบสมัครลงทะเบียนการศึกษา ดังนั้นต้องย้อนถามไปว่า ในเมื่อเราต้องการเข้าไปศึกษาที่สถาบันนั้น ๆ เราเองก็ต้องมีความภูมิใจในสถาบันนั้น จึงยอมเข้าไปศึกษา วิชาการ ใช่หรือไม่ครับ

   ยังไงเสีย ถ้าไปเป็นอัจจฉริยะ ( มีบุญมามากแต่ปางก่อน ) ก็ควรจะต้องเรียนธรรมเพิ่มครับ นอกจากเรามั่นใจว่าเราสามารถ รู้แจ้งแทงตลอดด้วยสามารถของเราได้นั่นแหละครับ ครูอาจารย์จึงไม่ต้องมี

   สาธ สาธุ ครับขอให้ปรากฏความสำเร็จครับ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ps2 psx nds n64 rom nes play1 play2 gamepc xbox wii castlevania finalfantasy nds ps1 sega
ผมชอบเล่นเกมส์ แต่ ก็แบ่งเวลานั่ง กรรมฐาน ครับ คนรุ่นใหม่ไม่กลัวกรรมฐาน

นินนินนิน

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณ ยินดีรับคำแนะนำจากทุกุท่าน ผมเองก็สนใจในวิชากรรมฐาน มัชฌิมา อยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นครับ ขออนุญาตศึกษา และทดสอบการภาวนาก่อนนะครับว่าถูกกับจริตของตนเองหรือไม่ครับ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
แนะนำเพิ่มเติมนะจ๊ะ

        สิ่งที่ท่านผู้ปฏิบัติใหม่ต้องมี
             ๑. ศรัทธา
             ๒. มีกัลยานมิตร (ผู้บอกกรรมฐาน จะได้รู้ว่าจะต้องทำอะไร  ทำแล้วทำถูกหรือเปล่า)
                 ตอนนี้ยังไม่ได้ขึ้นกรรมฐาน ก็อาจจะศึกษาเองก่อน  แต่จะแน่ใจได้อย่างไร
                 ว่าเราเข้าใจถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยน เบื้องตน  ตนเองก็คงต้องลองเอาเองก่อน
             ๓. ตลอดการปฏิบัติ ตามพระไตรปิฏกแล้ว นิมิตทั้งสามห้ามหาย
             ๔. ตลอดการปฏิบัติ ตามพระไตรปิฏกแล้ว ต้องครองใจเรา ไม่ให้ถูก นิวรณ์เข้าครอบงำ

        สิ่งที่จะเป็นการพิสูทธ์  ว่าคุณปฏิบัติได้หรือไม่  คือ  ข้อ ๓ และ ๔ ถ้าไม่มีสองข้อนี้ก็แสดงว่าคุณปฏิบัติไม่ได้  ที่นี้ก็เป็นหน้าที่ของนักปฏิบัติที่จะต้องไปศึกษาเพิ่ม ว่า นิมิตทั้งสาม คืออะไีร?  นิวรณ์ คืออะไร?

บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อย่ากลัว ว่าจะผูกพัน เพราะครูอาจารย์ อันที่จริงก็ไม่ผูกพันกับศิษย์

  การเป็นศิษย์ขึ้นกรรมฐาน มีอยู่ 2 แบบ
 
  1.ขึ้นกรรมฐาน เพื่อเรียนศึกษา กรรมฐาน

  2.ขึนกรรมฐาน เพื่อเรียนศึกษา กรรมฐาน และปวารณา รับใช้ครูอาจารย์ด้วย

  หากท่านทั้งหลาย ไม่ได้ปวารณาไว้ ครูอาจารย์ไม่เรียกท่านใช้หรอกนะจ๊ะ ก็เพียงสอนกรรมฐาน แนะนำกรรมฐาน และชี้ทางที่ควรให้เท่านั้น

   สำหรับผู่้ที่ปวารณา อันที่จริงส่วนตัวก็ไม่เรียกใช้ เพราะตระหนักถึงความลำบากของศิษย์แต่ละท่านดี ส่วนตัวจึงไม่ได้เรียกใครมาใช้เป็นกรณีพิเศษ ถึงแม้จะมีผู้ที่ปวารณากันหลายท่าน

    ดังนั้นท่านทั้งหลายอย่าลำบากใจเลย บุญกุศล ต้องเกิดด้วยความเต็มใจจึงจักได้บุญมาก....

  เจริญพร / เจริญธรรม

   ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ