ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผลกรรมของการหลอกลวง ผู้เดือดร้อน ที่มีอย่างไร ครับ  (อ่าน 4481 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เห็นชาวนา หลายท่านมาบ่น ว่าตอนนี้ถูกหลอกให้ซื้อ ปุ๋ยปลอม ทำให้ผลิตผลไม่ได้ผลผลิตอย่างที่หวัง ซ้ำร้ายแย่ยิ่งกว่านั้นเพราะปุ๋ยปลอมนั้น ยังทำให้พันธ์ไม้ได้ผลน้อยลงอีก

       ผลกรรม ที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่หลอกลวงนี้ จะเป็นอย่างไรบ้างครับ ในพระสูตรมีการกล่าวไว้หรือไม่ครับ

  ขอบคุณครับ

  :c017: :25:
บันทึกการเข้า

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
นรกทั้งเป็น และตาย
 :49:
บันทึกการเข้า

mildkoid

  • บุคคลทั่วไป
0
โพสต์ข้อความผิดกฏ ครั้งที่ 2
ครั้งที่ 3 จะลบ User ที่โพสต์แบบนี้ทั้งหมดแล้วนะครับ


อ่านระเบียบ ว่าประกาศการใช้งานบอร์ด ซึ่งเป็นข้อตกลงก่อนสมัครใช้งาน ด้วยนะครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6628.0



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 31, 2012, 11:28:02 am โดย patra »
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เวลานั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   ได้ทรงแสดงธรรมกล่าวถึงโทษของการละเมิดศีล 5  กล่าวถึงคุณการปฏิบัติในศีล 5 เป็นต้น  โดยองค์สมเด็จพระทศพลเทศน์มีใจความว่า  บุคคลที่จะมีความสุขได้  ก็ต้องเป็นบุคคลที่ไม่มีใจร้าย  นั่นก็คือ

ประการที่ 1  ไม่ทำลายชีวิตสัตว์และไม่ทำลายชีวิตคน  เพราะสัตว์ก็ดี  คนก็ดี  ย่อมมีการรักชีวิตรักร่างกายของตน  มีสภาวะเสมอกัน  เหตุฉะนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์จึงทรงแนะนำให้ทุกคนมีเมตตาความรักซึ่งกันและกัน  มีกรุณาความสงสารซึ่งกันและกัน  ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน

ประการที่ 2  ไม่ยื้อแย่งทรัพย์ของบุคคลอื่นมาเป็นของตนโดยไม่ชอบธรรม

ประการที่ 3  ไม่ยื้อแย่งคนรักของบุคคลอื่นมาครอบครอง  โดยที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต

ประการที่ 4  องค์สมเด็จพระโลกนาถตรัสว่า  ควรจะพูดแต่ความจริง  เพราะคนทุกคนรักความจริง

ประการที่ 5  สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสว่า  ไม่ควรดื่มสุราและเมรัย  เพราะเป็นฐานะที่ตั้งแห่งความประมาท


แล้วองค์สมเด็จพระโลกนาถก็ทรงกล่าวแสดงถึงโทษของการละเมิดศีล 5 ว่า

1. โทษของบุคคลใดทำปาณาติบาต  ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  ประทุษร้างร่างกายเขา ตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดเป็นสัตว์นรก  แล้วก็มาเป็นเปรต  เป็นอสุรกาย  เป็นสัตว์เดรัจฉาน  เกิดมาภายหลังก็มาเป็นคน  กรรมที่เป็นอกุศลให้ผลยังไม่ถึงที่สุด ก็ตามมาให้ผลในสมัยที่เป็นมนุษย์  นั่นก็คือมีร่างกายมีการป่วยไข้ไม่สบายบ้าง  มีร่างกายทุพลภาพบ้าง   มีชีวิตสั้นพลันตายบ้าง  เป็นต้น

2. โทษของบุคคลใดทำอทินนาทานว่า  คนที่ทำอทินนาทาน  คนประเภทนี้เกิดมาเป็นคนก็จะพบกับการถูกล้างผลาญทรัพย์สมบัติ  คือไฟไหม้ทรัพย์สมบัติบ้าง  น้ำท่วมบ้าง  ลมพัดให้สมบัติสลายตัวบ้าง  ถูกโจรลักบ้าง

3. โทษของบุคคลใดทำกาเมสุมิจฉาจาร ก็เป็นปัจจัยให้คนทั้งหลายเหล่านั้นมีชีวิตไม่เป็นสุข  คือคนในครอบครัวหรือในบังคับบัญชาว่ายากสอนยาก  เป็นการขื่นขมระทมใจ

4. โทษของบุคคลใดทำมุสาวาท  เป็นปัจจัยให้ไม่มีใครเชื่อฟัง  ถึงแม้จะพูดวาจาจริง

5.  องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงตรัสว่า  ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว  คือผ่านนรก  เปรต  อสุรกาย มาแล้วอย่างนี้  องค์สมเด็จพระประทีปแก้วกล่าวว่า  โทษการดื่มสุราและเมรัย  จะต้องกลายเป็นคนเป็นโรคเส้นประสาทบ้าง  เป็นคนบ้าบ้าง

สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวถึงโทษการละเมิดศีล 5  คือ ปัญจเวร

 


แล้วต่อไปสมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาก็กล่าวถึง  คุณการปฏิบัติในศีล 5 ประการครบถ้วนว่า


ศีลข้อที่ 1  คนรักษาได้ด้วยเมตตา  ถ้าเกิดมาภายหลังจะมีโรคภัยไข้เจ็บเล็กน้อย  มีชีวิตมีอายุขัย  ร่างกายสะสวยงดงาม  ร่างกายดีเป็นปกติ 

ศีลข้อที่ 2  ถ้ารักษาได้   ทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่จะไม่สลายตัว  เพราะไฟไหม้ 1  น้ำท่วม 1  ลมพัด 1  โจรผู้ร้ายไม่รบกวน 1

ศีลข้อที่ 3  พระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า  ถ้าทรงไว้ได้  คนใต้บังคับบัญชาจะว่านอนสอนง่าย  อยู่ในโอวาท

ศีลข้อที่ 4  องค์สมเด็จพระโลกนาถกล่าวว่า  สัจวาจาที่กล่าวไว้ในชาติก่อน ๆ นั้นไซร้  จะเป็นปัจจัยให้เกิดมาในชาติหลัง  มีวาจาเป็นที่รักของบุคคลผู้รับฟัง

ศีลข้อที่ 5  องค์สมเด็จพระศาสดากล่าวว่า  ถ้ารักษาได้  เกิดมาภายหลังจะเป็นคนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์  มีปัญญาดี

เมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้  ก็ลงท้ายศีลว่า  สีเลน  สุคติง  ยันติ  บุคคลใดมีศีลบริสุทธิ์ เกิดในสมัยที่เป็นมนุษย์ก็มีความสุข  ตายไปแล้วก็มีความสุข  มีสวรรค์เป็นที่ไป

ข้อที่ 2 องค์สมเด็จพระจอมไตรกล่าวว่า  สีเลน  โภคสัมปทา  บุคคลใดปฏิบัติในศีลได้นี้  ในขณะที่มีชีวิตอยู่นี้  สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า  มีทรัพย์สมบูรณ์แบบ  คือการจับจ่ายใช้สอยทรัพย์จะมีตามปกติ  ทรัพย์ไม่สิ้นเปลือง  จะมีความสุขเพราะการปกครองทรัพย์  ตายไปเป็นเทวดาก็มีทิพยสมบัติ  มาเป็นคนก็จะเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี เพราะความดีในข้อนี้

ข้อสุดท้ายองค์สมเด็จพระชินสีห์กล่วว่า   สีเลน  นิพพุติง  ยันติ  บุคคลใดมีศีลครบถ้วนบริบูรณ์  จะเป็นปัจจัยให้เข้าถึงพระนิพพานได้โดยง่าย



แต่ถ้าหากคุณโยนคำถามมาเองเพื่อทดลองแล้วก็ตอบเอง ก็ขออภัยที่มาตอบกระทู้โดยไม่รู้ เพราะความรู้น้อยแค่เศษฝุ่น จึงไม่ได้ไตร่ตรองดูก่อนครับ

ข้อมูลอ้างอิงมาจาก http://www.kaskaew.com/index.asp?catid=6&contentID=10000004&getarticle=160&title=%B7%E8%D2%B9%CA%D8%BB%BE%D8%B7%B8%A1%D8%AF%B0%D4
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 04, 2012, 02:11:00 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

malee

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 52
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เชื่อว่าบาป ย่อมมีอย่างแน่นอน คะ คนที่คดโกง คนอื่น ๆ ไม่มีทางเจริญ คะ

 :s_hi: :88:
บันทึกการเข้า