ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อนๆ สมาชิก มีความเห็นอย่างไรกับการภาวนาที่ โสด กับ ไม่โสด  (อ่าน 3164 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เพื่อนๆ สมาชิก มีความเห็นอย่างไรกับการภาวนาที่ โสด กับ ไม่โสด

  คือผมไปร่วมปฏิบัติธรรม มาหลายที่ แล้วก็เลยเกิดความสงสัยว่า การมีครอบครัวก่อนแล้วภาวนา จะทำให้เห็นธรรมได้ดีกว่า เร็วกว่า อย่างนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ครับ ถ้าพิจารณา พระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง คือ พระองค์มีครอบครัวก่อนแล้วจึงแสวงโมกขธรรม

   ดังนั้นอยากเรียนถามเพื่อน สมาชิก ทุกท่านว่า การภาวนาธรรม ตอนที่โสด กับ ตอนที่ไม่โสดอันไหน จะทำให้เราเข้าถึงธรรม ได้ดีกว่าครับ

  :smiley_confused1: :17: :c017: :25:
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
โดยความเห็นส่วนตัวผมนะครับ อาจจะไม่ถูกต้องหรือตรงประเด็นทั้งหมด ต้องใช้แนวคิดของผมประกอบกับคำตอบของท่านผู้รู้อะครับ นี่เป็นแค่แนวคิดของผมเท่านั้นนะครับ

ความแตกต่างระหว่าง มีครอบครัว กับ โสด

   1.1 มีครอบครัวแล้ว
        ข้อเสีย
              - การที่มีครอบครัวแล้วจะเป็นเรื่องยากในการเข้าถึงพรหมจรรย์ เพราะเมื่อบุคคลใดได้ลิ้มรสในกามราคะนั้นแล้ว เกิดความพอใจยินดี และ สำคัญมั่นหมายเอาไว้ในใจ ก็จะเกิดเป็นความทะยานอยากใคร่ได้ที่จะเสพย์ในสิ่งนั้นๆเป็น กามตัณหา ก่อเกิดเป็น อุปาทาน เป็นต้น
              - เมื่อมีครอบครัวแล้ว หากอยู่ในฐานะที่ไม่สู้ดี หรือ ปานกลาง ก็จะเกิดบ่วงขึ้นเช่นเรื่องลูกเป็นต้น จะเกิดเป็นห่วงในใจเสมอๆ เว้นแต่หากบุตรนั้นได้มีผู้เลี้ยงดูอย่างดีแล้ว หรือ มีฐานะดีให้เขาอยู่สุขสบาย จิตที่เป็นบ่วงนั้นก็จะมีน้อย เหมือนตถาคต ดูสิ บ่วงอ่อนๆที่แก้ได้ยากนี่คือบุตรนั้นเอง
              - ส่วนเรื่องภรรยา เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง(หากยังหนุ่มสาวอยู่) ก็มักจะคิดว่าป่านนี้เมียเราคงไปนอแนกับใคร ไปอยู่กับใครที่ไหนแล้วกระมัง นี่เกิดเป็นความขุ่นมัวใจทันที เป็นข้าศึกของกุศลแล้วครับ
        ข้อดี   
              - คนที่มีครอบครัวแล้ว เมื่อเห็นว่าการมีครอบครัวต้องแบกรับต้องขวานขวายดิ้นรน กับ ยศ ศักดิ์ ฐานะ เงิน ไม่ให้ใครเขาดูถูกดูหมิ่นให้ลูกเมียอยู่อย่างไม่ขัดสนจนเกินความพอเพียงพอดีนี่ มองว่าเป็นทุกข์(แต่ไม่ใช่เบื่อเพราะอยากจะหนีภาระนะครับ ต้องเห็นจริงว่านี่ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ เป็นทางให้ดิ้นเขาสู่กิเลส ตัณหา อุปาทาน ผู้เข้าสู่กองทุกข์ ปราศจากความขุึ่นมัวใจใดๆทั้งสิ้น)
              - มองเห็นว่าการเสพย์กามใดๆนี้มีแต่ก่อให้เกิดตัณหา เพียงแค่พอใจยินดีในความรู้สึกอุ่นๆ เคลื่อนที่ๆ การรับรู้ทางกายที่ได้กระทบสัมผัสนั้นๆเป็นที่ตั้งแห่งอารมณ์(ไม่ได้พูดหยาบนะครับ แต่หากผู้ใดไม่ได้อยู่ในพรหมจรรย์แล้วศึกษษอสุภะและมหาสติปัฏฐาน จะเห็นสภาพจริงๆเช่นนี้เป็นเบื้องต้น ไม่ใช่เรื่องลามกนะครับ แต่ขอพูดสภาพนั้นแค่นี้เพราะมีทั้งเด็กและผู้หญิงที่อ่่านกระทู้ครับ)
              - มองเห็นในอริยะสัจ๔ ได้เร็ว เพราะผู้ที่มีหน้าที่ใดๆ หรือ การแบกรับใดๆอยู่ มักจะเห็นทุกข์เป็นที่สุด ซึ่งง่ายในการเข้าถึงอริยะสัจ๔
              - ส่วนเรื่องสมาธินั้น เมื่อบุคคลที่มีครอบครัวแล้ว ดิ้นรนใดๆอยู่ เมื่อเจอความสงบ ผ่องใส ขาดจากการปรุงแต่งนึกคิดใดๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์แล้ว เขาจะมองเห็นว่า นี่เป็นทางที่ถูกและพ้นจากความทุกข์ ทุกข์จากความพอใจยินดีทะยานอยากที่เราเรียกว่าสุขก็ดี ทุกข์จากความขุ่นมัวคับแค้นทะยานอยากจะผลักหนีให้ไกลตนที่เรียกว่า ทุกข์ ก็ดี


   1.2 คนโสด
        ข้อเสีย
              - หากรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้ตลอด ก็จะมีแค่เรื่องความดิ้นรนทะยานอยากที่จะได้ดั่งใจต้องการ เช่น หน้าที่การงาน การเงิน ความรัก เป็นต้น
              - เรื่องกามราคะนั้นมีกันทุกคน เว้นผู้ที่สั่งสมบารมีมาเพียงพอแก่การนี้แล้ว ความอยากความพอใจย่อมมีกันทุกคน แต่คนโสดนั้นไม่ได้ลิ้มรสในกามตามจริง ก็ไม่ได้รู้ว่ามัีนเป็นยังไงบ้างได้เพียงแต่อนุมานคาดคะเนเอา ติดทุกข์จากกามราคะก็ด้วยทุกข์จากจิตสังขารปรุงแต่งนี้             
        ข้อดี
              - หากผู้เป็นโสดนั้นไม่มีความยินดีในกามนี่ถือเป็นผู้มีพรหมจรรย์ครบพร้อม มีศีล อพรหมจริยา เวระมะนีฯ บริสุทธิ์ ซึ่งศีลข้อนี้ก็คือศีลข้อ กาเมฯ ไม่ผิดลูกเมียใคร ที่เปลี่ยนมาเป็นศีลอุโบสถ คือ รักษาพรหมจรรย์ ไม่กระทำการใดๆเพื่อเป็นการหลุดพ้นพรหมจรรย์
              - ติดในรสกามน้อยกว่าคนที่มีครอบครัว หรือ ไม่มีความคิดเรื่องกามเลย
              - เรื่องทำสมาธิหากเข้าสู่การปฏิบัติใดๆที่ตรงจริตนิดหน่อย ก็สามารถเข้าสู่สมาธิจิตจนเข้าสู่ฌาณจิตได้ง่าย ด้วยมีภาระน้อย มีบ่วงน้อยทำให้ตรึกนึกคิดน้อย แต่หากบางคนมีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูอยู่ก็จะมีติดใจอยู่บ้างเล็กน้อยซึ่งต่างกับคนที่มีลูกเมียที่ยึกดบ่วงนี้มากกว่าเยอะ แต่คนทุกคนต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ บุพการีอย่างดีจนสุดกำลังนะครับ ห้ามทิ้งเด็ดขาด นี่ถึงชื่อว่าคน และ เป็นผู้อยู่ในร่มของพระพุทธศาสนาโดยแท้จริง พระพุทธเจ้าสอนให้กตัญญูนะครับ ดูอย่างแม้พระองค์ปลีกตัวเพื่อเข้าสู้การตรัสรู้ เมื่อตรัสรู้แล้วพระองค์ก็กลับมาโปรดพุทธบิดา และ มารดา เพื่อให้เห็นธรรมและพ้นจากกองทุกข์ หากถามว่าทำไมพระองค์ไม่ห่วงใยพระบรมวงศานุวงศ์หรืออย่างไร คนที่มีเพรียบพร้อมแล้วห่วงตรงนี้จะน้อยเพราะครบทุกอย่างแล้ว

ผมขอหยุดพร่ำแค่นี้ก่อนนะครับ เอาแง่คิดคร่าวๆแค่นี้พอนะครับ เดี๋ยวจะยาวไป อิอิ

- คุณจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าสิ่งใดๆก็มี ข้อดี-ข้อเสีย เหมือนกันทั้งนั้น จะต่างแค่บุคคลใด นิสัยอย่างไร เหมาะกับแนวไหน ไม่ใช่เพียงแค่โสด หรือ คนมีครอบครัวแล้วเท่านั้นยังต้อง แบ่งแยกเข้าสู่ธรรมของ ผู้ที่มีความสุข กับ ผู้ที่มีความทุกข์ด้วย โดยพระธรรมอันดีนั้นพระพุทธเจ้ามีตรัสสอนไว้ครบหมดแล้วครับ อยู่ที่เราจะเลือกเอาธรรมใดมาปฏิบัติ
- ดังนั้นหากจะวัดเอาว่าใครปฏิบัติได้ดีกว่า เราต้องมาดูผลจากการปฏิบัติว่า ใครที่มีความเป็น กุศล สติ ศีล พรหมวิหาร๔ ทาน คิดดี พูดดี ทำดี ได้มากกว่ากันน่ะครับ

สุดท้าย ด้วยคุณแห่งพระพุทธเจ้า ด้วยคุณแห่งพระธรรม ด้วยคุณแห่งพระสงฆ์ โปรดดลบรรดาลให้คุณเสกสรรค์เจริญในธรรมแห่งพระพุทธศาสนานี้ เข้าถึงความพ้นจากกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ด้วยประการทั้งปวงนี้เทอญ

หากกระทู้ผมตอบบิดเบือนพระธรรมในพระพุทธศาสนา ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ประการใด หรือ ส่อแววในเรื่องกามอานาจารรบกวนลบกระทู้ผมด้วยนะครับ และ ขออภัยพระอาจารย์ ผู้ดูแลเวบบอร์ดและผู้มาสนทนาธรรมทุกท่านด้วยครับ
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

Sitti

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 97
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ ท่าน Admax นับว่าเป็นบุคคลที่ใส่ใจกับคำตอบมากครับ ตอบได้ละเอียด ดีครับอนุโมทนา ครับ

  :25: :c017:
บันทึกการเข้า
สิทธิ มาแว๊ว มาตามคำเชิญ แก๊งค์  อ๊บ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การปฏิบัติได้หรือปฏิบัติไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวกับโสดหรือว่า ไม่โสด
    ผู้ที่ครองเรือน ในพระสูตรก็มี สามี ภรรยา ได้มรรคผลทั้งคู่ ได้เป็นเป็นพระอริยสาวกชั้นสูงด้วย
     แสดงว่าไม่เกี่ยว
           เพราะการปฏิบัติเน้น ธรรมสภาวะ ของจิต ตามลําดับ
  การตั้งเป้าหมาย ที่มีศรัทธาเป็นใหญ่ ปณิธานที่ตั้งใจไว้ ไม่ลืม ไม่เขว มีภาวนาเป็นกําลัง
       บ่มอินทรีทั้งห้า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
           พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์(ผู้เป็นกัลญาณมิตร) คือพระอาจารย์กรรมฐานเป็นหลักชัย

        อย่าง กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ก็คือ เน้นธรรมสภาวะของจิตไป ตามขั้น ตามลําดับ
         แบบลําดับก็คือ ตามลําดับ เป็นต้น
     สิ่งที่ลังเลสงสัยคือต่างๆนั้น นิวรณ์ เป็นตัวปิดกั้น กุศลธรรม

         จงเพิกสิ่งต่างทั้งหลายที่เป็นหมอกควัน
          และตั้งใจทํากรรมฐาน ไปตามเวลาที่กําหนด ก็คือ ทําต่อ สร้างความดีกันต่อ

         อย่าไปมองที่ผล เพราะความเป็น อนัตตาไม่มีผล
          ดีชั่วไม่มี ของคู่ไม่มี
           เพราะสุขทุกข์คือ ของคู่
            ถ้าเรายังมีสุขมีทุกข์ แสดงว่ายังไม่อนัตตา
             ก็คงยังเป็น อนิจจัง ทุกขัง ซะโดยส่วนใหญ่
            ดับสุขทุกข์ใน ภาวนามัยยะปัญญา เท่านั้น จึงจะเป็นธรรมสภาวะ
            ที่เป็นของแท้ ไม่เป็นอย่างอื่น
         
       
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา