ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำให้พ่อแม่ เสียชีิวิต ด้วยอุบัติเหตุ เป็น อนันตริยกรรม หรือไม่ครับ  (อ่าน 4588 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

nithi

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 68
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มีเพื่อน คนหนึ่งเขาเป็นทุกข์ มาก เพราะว่า เขาบอกว่า เขาต้องตกนรกเป็นอย่างมาก เพราะฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ตอนแรกผมฟังก็นึกว่า เขาพูดเล่น แต่พอฟังเขาพูดแล้ว รู้สึกขนลุกครับ และนึกในใจว่า คนที่ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ได้ อย่างนี้เราจะคบด้วยดีหรือไม่ ? แต่ก็เพราะยังไม่ค่อยจะเข้าใจ เท่าไหร่ .....

   สรุปตรงที่ ว่า เพื่อน คนนี้ได้ขับรถ พาพ่อแม่ ไปเที่ยว แต่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่ง พ่อแม่ และญาติเสียชีวิต ไปหลายคน มีเพียงเขารอด เพียงคนเดียว คือรอดเพียงคนขับ แต่ก็ได้บาดเจ็บ สาหัสเช่นกัน

   เขาจะมีความคิด และ โทษตัวเอง ที่เป็นสาเหตุให้พ่อแม่เสียชีิวิต ซึ่งทุกวันนี้เขากํยังคิดว่าเขาเป็นผู้นำอนันตริยกรรม คือ ฆ่าพ่อแม่ อยู่ ความเป็นจริง ในกรณีอย่างนี้จัดเป็น อนันตริยกรรม หรือไม่ครับ

   :smiley_confused1: :c017:
บันทึกการเข้า
ขุมทรัพย์แห่ง ความหลุดพ้น ปรากฏอยู่ที่พระไตรปิฏก อ่านพระไตรปิฏก มาก ๆ
 ก็จะเข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้ ของจริงต้องตาม พุทธวัจนะ

ก้านตอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 195
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นเหตุ ให้พ่อแม่ตาย โดยเจตนา หรือ ไม่เจตนา นั้นโดยกฏหมาย ก็ดูที่ สาเหตุ
 แต่กรรม นี้ ไม่ทราบจะวินิจฉัยอย่าง ไร คะ

  :s_hi: :58:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


ปิตุฆาต มาตุฆาต เป็นอนันตริยกรรมก็จริง แต่ให้พิจารณาในเจตนาที่เคืองขุ่นผนวกความขาดสติยั้งคิดพลั้งมือ ขณะนี้ที่สำคัญบาดแผลในใจต้องลบทิ้งให้ได้มิฉะนั้นจะหน่วงดึงสู่อบายตกต่ำทั้งยังมีชีวิตที่สายใจ แท้จริงแล้วคุณคนนี้มีวิบากกรรมร่วมกันมาหนักหนาทั้งบ้านเพียงแต่คุณคนนี้รอดเพราะบุญรั้งไว้ขอให้พินิจในกายเลือดเนื้อที่คงอยู่นี้เป็นของพ่อแม่เราขวนขวายสิ่งใดใดเป็นกุศลพ่อแม่ร่วมในกุศลนั้นด้วยได้ ชีวิตที่เหลือจงพินิจพิจารณาในวิถีธรรมดำเนินสู่ความปลดเปลื้องจากทุกข์ทั้งปวงเถอะครับ



http://www.praphansarn.com/new/forum/forum_posts.asp?TID=13562&get=last
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 21, 2012, 07:41:29 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

keyspirit

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 68
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นปัญหา น่าคิด นะครับ ตอนนี้ ก็ตกนรก ทั้งเป็นอยู่แล้วนะครับ

   สำหรับเรื่อง อนันตริยกรรม นั้นเราคงตัดสินเองไม่ได้ครับ.... คงต้อง หาผู้ัตัดสิน หลังจากเสียชีิวิตไปแล้วนั่นแหละ ที่จะตอบได้จริง ๆ ว่าใช่ หรือ ไม่ใช่
 
    นึกกระทู้หนึ่ง ที่พ่อแม่ ตรอมใจตายเพราะลูก อย่างนี้เป็นอนันตริยกรรมหรือไม่ต้อง ลองค้นดูครับ รู้สึกว่าจะมี วินิจฉัย ไว้แล้วว่า ใช่หรือไม่ใช่ แล้วด้วย

   กรรม เป็น สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรามีชีิวิตอยู่ ก็พึงสร้างกุศลให้มากขึ้นนะครับ รอดตายมาอย่างนี้ ต้องใช้นาทีที่เหลือ ให้ คุ้มสุด ๆ เลยนะครับ เพราะเหมือนทุกคนช่วยรักษาชีิวิตเราไว้นะครับ

   :13: :13: :13:
บันทึกการเข้า

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ตอบคำถามแรก ก่อนว่าเป็น อนันตริยกรรม หรือ ไม่ ?

  ในกรณี อุบัติเหตุ นี้ไม่จัดเป็น อนันตริยกรรม เพราะผู้ขับขี่มิได้มีเจตนา ฆ่าพ่อแม่ พี่น้องและญาติ แต่โดยรวมถือว่าประมาท แต่บางครั้งก็เป็นเหตุสุดวิสัย ที่แน่นอน คือ ผู้เสียชีิวิตทัี้งหมด เคยทำ ปาณาติบาต ร่วมกันมาเมื่อถึงเวลากรรม ก็มาสนองในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้มีอายุสั้น ถูกผู้อื่นฆ่า หรือ เสียชีิวิตก่อนวัยทั้งหมดนี้เป็นผลจากการทำปาณาติบาต จะทั้งอดีตชาต หรือ ปัจจุบันชาติ เป็นที่สอบสวนกันยาก

   ดังนั้น ขอให้ผู้รอดชีิวิต มานี้จงใคร่ครวญและใช้ ชีิวิตที่เหลืออยู่นี้ให้เกิดคุณอนันต์ ด้วยกานสร้างกุศล ภาวนากรรมฐาน ให้มากขึ้น เพราะเฉียดตายมาแล้ว สูญเสียมาแล้ว ชีิวิตจะมีค่าอยู่ที่ มองเห็นธรรมปัจจุบัน คือการที่มีลมหายใจเข้า และออกอยู่ก็ยังมีโอกาสสร้างกุศล ต่อไป เพราะเมื่อหมดลมหายใจเมื่อไร บุญกุศลที่สร้างไว้ดีนั้นจะนำทางจิตให้ไปสู่สคุติ ตามผลของกุศลกรรม

   ดังนั้นขอให้สบายใจ ส่วนนี้ไม่ใช่เป็นอนันตริยกรรม ถ้าตนเองไม่ได้เจตนาตั้งใจ ให้พ่อแม่ตาย นะจ๊ะ

  เจริญธรรม / เจริญพร

   ;)
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พ่อแม่ เป็นพรหมของลูก คือ มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้เลย พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “บิดามารดาเป็นพระอรหันต์ของลูก” ที่ใครทำบุญบูชาท่านแล้วเหมือนทำบุญกับพระอรหันต์ เมื่อใครได้บูชาบิดามารดาแล้วจะมีความเจริญฝ่ายเดียว


     น้ำใจของพระอรหันต์ที่มีต่อมวลสัตว์โลก มีความบริสุทธิ์หมดจดฉันใด น้ำใจของพ่อแม่ก็เมตตาต่อลูกหมดจดเหมือนกัน ในโลกนี้ไม่มีใครจะปรารถนาดีต่อเราอย่างจริงใจเท่ากับ “คุณพ่อ-คุณแม่” ของเราหรอก บางทีตัวหนังสือที่กำลังอ่านอาจช่วยบางคนให้คิดได้บ้าง แต่สำหรับ “คนที่มีทิฐิในใจคงยากมากที่จะเปลี่ยนใจได้” เพราะเขารู้ดี รู้ชั่วแต่ปฏิบัติไม่ได้ เพราะทิฐิมันแรง มันฝังรากลึกเกินที่จะถอนขึ้นได้


     ลูกที่ทำงานอะไรไม่สำเร็จ เคยสังเกตตัวเองไหม..? เพราะมองไม่เห็นความสำคัญและไม่เคยคิดเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อแม่ ตรงนี้เป็นกรรมเวรค้างคาใจลูกอยู่ แต่ลูกมีทิฐิ จึงไม่ยอมแสดงออกมา แต่เชื่อได้ว่า “ในใจคิดถึงกรรมนี้อยู่ เวลาใดรู้สำนึกต้องปวดใจไม่น้อย” แล้วจะยอมปวดใจอยู่ทำไม..? เลิกทำบาปกรรมตรงเสียสิ เราจะมีชีวิตที่เป็นสุขขึ้น


     มันสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน...? ซึ่งมันก็เหมือนเมื่อครั้งที่เราเคยดุว่า เถียงพ่อแม่นั่นเอง เราทำให้พ่อแม่น้ำตาตกใน แม้ท่านจะไม่แสดงออกมาก็ตาม แต่จริงๆ มันทำให้ท่านเสียใจเช่นไร “เมื่อเราโตขึ้นมาได้พบกับคนที่เรารักที่สุด แล้วเราโดนคนๆ นั้นทำลายน้ำใจเรา” ความเจ็บปวดภายในมันจะสะท้อนภาพได้ชัดเจนที่สุด เมื่อบาปกรรม ยังไม่มาถึงก็ใช้ทิฐิปฏิเสธไปได้ แต่พอมันมาถึงเมื่อไรถึงจะได้รู้ความจริงนั้นเอง


     ชีวิตเราก็จะโดนเหมือนอย่างที่เราเคยทำไว้กับพ่อแม่นั่นเอง หรือไม่ เมื่อเรามีลูก... ลูกเราก็จะเป็นคนเกเร จะเถียงเราไม่ยอมเชื่อฟังเรา ทำให้เราเสียใจเช่นกัน ลองพิจารณาสักนิดว่า “หากเหนื่อยนัก ก็พักสิ หากหนักก็วางลงสิ ใจเราจะสะสางใจเราด้วยความเข้าใจ ใจเราขัดล้างเกลาใจเราเอง ถ้าเรารู้จักใจเราเอง” ค่อยๆ มองใจเรา ตัวเราที่ละมุม


     กรรมที่ลูกกระทำกับพ่อแม่นั้น จะเป็นสิ่งที่กำหนดชะตาชีวิต กำหนดอนาคตของเราในวันข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงาน นายจ้าง เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คู่ครองชีวิตของเราจะเจริญรุ่งเรืองหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่เราปฏิบัติต่อพ่อแม่ของเราทั้งสิ้น พยายามสังเกตตัวเองสิว่า ทำไม คนบางคนเขาถึงทำงานได้สำเร็จ แต่เรากลับไม่เคยทำงานสำเร็จด้วยตัวเองเลย

                                                       ว.ปัญญาวชิโร
บันทึกการเข้า